Tuesday, 8 July 2025
NewsFeed

'กลุ่มนักเรียนเลว' นัดหยุดเรียนออนไลน์ 6-10 ก.ย. นี้ พร้อมทั้งประกาศ 5 ข้อเรียกร้อง เร่งรัฐรีบดำเนินการ

แฮชแท็ก #ไม่เรียนออนไลน์แล้วอิสัส กลับมาติดเทรนด์ร้อนแรงในทวิตเตอร์ไทยอีกครั้ง หลังจากที่กลุ่มนักเรียนเลว ออกมาเชิญชวนหยุดเรียนออนไลน์ (Strike) ซึ่งวันนี้เป็นวันแรก โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 6-10 ก.ย. 64 เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการเรียนออนไลน์ที่กดทับพวกเขา

โดยเพจ 'นักเรียนเลว' ระบุว่า เปิดใช้งานแล้ว! ตลอด 5 วัน เว็บไซต์ลงชื่อขาดเรียน นับจำนวนคน Strike แบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มพลังในการกดดันผู้มีอำนาจให้ทำตามข้อเรียกร้องของพวกเรา ใครหยุดเรียนแล้ว มาเช็กขาดกันได้เลย https://badstudent.co

ขณะเดียวกัน สังคมทวิตเตอร์ ก็มีกลุ่มนักเรียนเข้ามาแสดงความเห็นและปัญหาที่พบเจอขณะเรียนออนไลน์ ด้าน https://badstudent.co เริ่มมีนักเรียนเข้ามาเช็กชื่อหยุดเรียนออนไลน์แล้ว 2,430 คน 

ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ก็ได้โพสต์ทวิตเตอร์ @wirojlak ระบุว่า การแก้ไขเบื้องต้น คือ การปรับลดวิชาเรียน ให้เหลือเฉพาะวิชาหลัก ส่วนวิชาอื่น ๆ ให้งดไปก่อน แล้วไปจัดกิจกรรมแบบบูรณาการแทน ตอนที่เปิดเรียนได้ 

สำหรับการนัดหยุดเรียนครั้งนี้ ทางกลุ่มนักเรียนเลวมีข้อเรียกร้องต่อปัญหาการเรียนออนไลน์ ดังนี้... 

1.) กระทรวงศึกษาธิการต้องออกคำสั่งปรับลดตัวชี้วัด ชั่วโมงการเรียน ภาระงานของครูและนักเรียนให้ชัดเจน รวมไปถึงปรับหลักสูตรการศึกษาให้เหมาะสมกับสถานการณ์การเรียนออนไลน์ในปัจจุบันโดยทันที

2.) กระทรวงศึกษาธิการต้องจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญในการช่วยเหลือและเยียวยาสภาพจิตใจนักเรียนจากการเรียนออนไลน์ที่มีความเคร่งเครียดมากกว่าปกติ รวมทั้งจัดให้มีช่องทางการรายงานปัญหาต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบ และหาทางแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและใช้งานได้จริง

3.) ในกรณีที่สถานศึกษายังไม่สามารถเปิดทำการเรียนการสอนได้ เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมาฉีดให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึง กระทรวงศึกษาธิการต้องจัดหาอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และเยียวยาค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริงอย่างเร่งด่วนและทั่วถึง

4.) กระทรวงศึกษาธิการต้องเร่งทำให้การศึกษามีคุณภาพอย่างทั่วถึงโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยอาจมีการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการศึกษา พักชำระหนี้การศึกษา และจัดหาสวัสดิการในเบื้องต้นให้กับนักเรียน เพื่อป้องกันไม่ให้มีนักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษาไปมากกว่านี้

5.) รัฐบาลต้องนำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมาฉีดให้นักเรียน นักศึกษา บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนทั่วไป โดยต้องมีการเปิดเผยข้อมูล สัญญา และรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนอย่างโปร่งใส และดำเนินการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด เพื่อให้ระบบการศึกษา สังคม และเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้

ข้อเรียกร้องเหล่านี้ เป็นสิ่งพื้นฐานที่นักเรียนควรได้รับตั้งแต่แรก แต่เมื่อเขาไม่ให้เราจึงต้องเรียกร้อง การสไตรค์ในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการแสดงความไม่พอใจต่อการเรียนออนไลน์แล้ว ยังมีข้อเรียกร้องที่เราทุกคนต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดขึ้น 6-10 กันยายนนี้ ร่วมทวงคืนชีวิตวัยเด็กของเรากลับมา!


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/115755
https://www.naewna.com/likesara/600155
https://www.facebook.com/104541321337821/posts/369599871498630/

อว. จับมือ บีโอไอ ป้อนแรงงานคุณภาพสูงตามความต้องการอุตสาหกรรมไฮเทคจากไต้หวัน ได้ฝึกทักษะควบคู่ทำงานจริง รูปแบบ “โรงเรียนในโรงงาน” รับค่าจ้างไม่ต่ำกว่า 15,000/เดือน

ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยหลังการประชุมหารือร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) เรื่องการสนับสนุนกำลังคนทักษะสูงตามความต้องการของอุตสาหกรรมระดับสูงจากต่างประเทศ โดยกล่าวว่า

อว. พร้อมสนับสนุนบีโอไอ ในการสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งนักลงทุนเก่าและนักลงทุนใหม่ ที่จะลงทุนด้านเทคโนโลยีระดับสูงในประเทศไทย ซึ่งต้องการแรงงานคุณภาพสูง มีทักษะที่จำเป็นในการทำงานในโรงงานที่มีเทคโนโลยีระดับสูง โดย สอวช. และ สวทช. มีประสบการณ์ในการจัดหา ดูแล ประสานงาน และฝึกอบรมแรงงาน ภายใต้โครงการบูรณาการการเรียนรู้กับการทำงาน (Work-integrated Learning: WiL) ในรูปแบบ โรงเรียนในโรงงาน โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยและบริษัทเอกชน

รมว.อว.กล่าวต่อว่า ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมในวันนี้ คือบริษัทแคล-คอมพ์จากไต้หวัน เป็นผู้ผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ ลงทุนตั้งโรงงานในประเทศไทยมากว่า 30 ปี มีความต้องการขยายฐานการผลิตร่วมกับบริษัทที่ย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีน เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา โดยต้องการแรงงานทักษะสูงประมาณ 400 ตำแหน่งภายในปีนี้

แรงงานดังกล่าวจะได้รับการฝึกฝนทักษะไปพร้อม ๆ กับการทำงานจริง ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 15,000 บาท โดยมีนักศึกษาระดับปริญญาโทเป็นพี่เลี้ยง ทั้งนี้ บริษัทมีแผนขยายโรงงานและรับแรงงานเพิ่มไม่ต่ำกว่า 2,000 ตำแหน่งในอนาคต

“นี่เป็นเพียงตัวอย่างของหนึ่งบริษัทจากต่างประเทศที่เลือกลงทุนด้านเทคโนโลยีระดับสูงในประเทศไทย เมื่อมีการประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมของประเทศไทยโดยบีโอไอ ประกอบกับการดำเนินการจัดตั้งศูนย์พัฒนากำลังคนเพื่อสนับสนุนการลงทุน โดย อว. จะทำให้มั่นใจได้ว่า ประเทศไทยจะมีแรงงานทักษะสูงที่พร้อมป้อนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมไฮเทค สร้างงานและรายได้ให้แก่คนไทย เพิ่มจีดีพีให้แก่ประเทศ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวหรือ Resiliency ของประเทศไทย ที่จะผ่านพ้นวิกฤตและมุ่งสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในอนาคต” ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าว


ที่มา: https://www.facebook.com/184257161601372/posts/4950589134968127/

ศรีสะเกษ!แถลงข่าวผลการจับกุม ‘เครือข่ายยาเสพติด’ พบยาบ้า 243,045 เม็ด ยึดทรัพย์มูลค่าประมาณ 19,928,070 บาท

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  นายสำรวย เกษกุล  รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พล.ต.ต. สันติ เหล่าประทาย   ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ  พันเอก ณัฐพงศ์ จินดาเวช  รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดศรีสะเกษ  และคณะ   ได้ร่วมก้นแถลงข่าวผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ภายใต้ยุทธการ พิฆาตทรชน คนค้ายา อีสานใต้ และ ยุทธการ 238 พิทักษ์นครลำดวน  ในห้วงระหว่างวันที่  19 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 4 กันยายน 3564    

โดยมีนายนพ พงศ์ผลาดิสัย  ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ  / นายทนงค์ วีระแสงพงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีษะเกษ / นายวิชัย เลิศภัทรนันท์ แรงงานจังหวัดศรีสะเกษ / ว่าที่ รต.สิทบบัดถ์ สิทธิบัวครี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองจังหวัดศรีสะเกษ และสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษ เข้าร่วมรับฟังการแถลงผลการจับกุม

โดยมีผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น 885 คดี ได้ผู้ต้องหา 913 คน ของกลาง ยาบ้า 243,045 เม็ด /กัญชาสด 57 ต้น 2,069 กรัม  ไอซ์ 481.56 กรัม กระท่อม 3,754 กรัม และอาวุธปืน 51 กระบอก  ตรวจยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯจำนวน 23 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 19,928,070 บาท  ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการปราบปราม จับกุม ทำลายเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเพื่อลดปัญหายาเสพติดให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติดและปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดศรีละเกษ ต่อไป

นายวัฒนา พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  กล่าวว่า   ตามนโยบายรัฐบาลโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังทั้งระบบ โดยเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปรามแหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ทั้งพื้นที่แนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน โดยให้เป็นการแก้ไขปัญหาภายในของประเทศด้วยกฎหมายไทยและหลักสากล ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษได้กำหนดให้วาระที่ 2 ของ 10 วาระเร่งด่วนในการพัฒนาจังหวัด เป็นเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด  

พล.ต.ต. สันติ เหล่าประทาย   ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า  ตร.ภาค 3 จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน ให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งผู้เสพ ผู้ค้า โดยแจ้งข้อมูลผ่าน สายด่วนยาเสพติด 1594 , สายด่วน 191, Application Police I lert U และ เบอร์สายด่วน 1386 ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม (https://www.oncb.go.th/) ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ สายด่วน 1567 ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการปราบปราม จับกุม ทำลายเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อลดปัญหายาเสพติดให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด และปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป


ภาพ/ข่าว  บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ

บันทึกความร่วมมือ โครงการนำร่องการเชื่อมโยงข้อมูลและส่งต่อข้อมูลผู้เสียหายเพื่อให้คำปรึกษาแนะนำช่วยเหลือผู้เสียหายและครอบครัว ระหว่าง ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กับสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ

(6​ ก.ย.​ 64) นางอโนชา ชีวิตโสภณ อธิบดีผู้พิพากษา ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และพันตำรวจเอกกฤษฎางค์ จิตตรีพล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) โครงการนำร่อง การเชื่อมโยงข้อมูลคดีและส่งต่อข้อมูลผู้เสียหายเพื่อให้คำปรึกษาเพื่อแนะนำช่วยเหลือผู้เสียหายและครอบครัวกลาง ระหว่าง ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางและสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ

โดยมีเจตจำนงที่จะร่วมมือและสนับสนุนการให้คำปรึกษา​ เพื่อแนะนำช่วยเหลือผู้เสียหายและครอบครัว ให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพตามกฎหมาย อำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงข้อมูลคดีเยาวชนและครอบครัวระหว่างหน่วยงานในการให้คำปรึกษา​ เพื่อแนะนำช่วยเหลือผู้เสียหาย และครอบครัวในโอกาสแรกที่มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจ ในรูปแบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่น และแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน เกิดความสะดวก รวดเร็ว ผู้เสียหายและครอบครัวได้รับการคำปรึกษา แนะนำและช่วยเหลือเยียวยาในทันทีสอดคล้องกับนโยบายประธานศาลฎีกา ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 5 อาคารศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เขตจตุจักรกรุงเทพมหานคร 

การนี้​ ได้รับเกียรติจาก นางอุไรรัตน์ น้อยสุวรรณ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นายภัทรศักดิ์ ศิริสินธว์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นางวิรา ยากะจิ ณ พิกุล รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นางสาวอัมภัสชา ดิษฐอำนาจ เลขานุการศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และผู้แทนหน่วยงานเข้าร่วมในพิธีดังกล่าว

อบจ.พัทลุง​ จัดสรรงบ 1 ล้านบาท ซื้อถุงยังชีพ 2,000 ถุง ช่วยเหลือชาวพัทลุงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

(6 ก.ย.64)​ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ที่โรงยิมเนเซี่ยม 1,000 ที่นั่ง สนามกีฬากลางจังหวัดพัทลุง นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง ร่วมกับ นางสาวสุพัชรี  ธรรมเพชร ผู้ช่วยเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าส่วนราชการมอบถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ชุด ผ่านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในเขตจังหวัดพัทลุง​ นำไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้ง 11 อำเภอ 

นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง  กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง ได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านการดำรงชีพของประชาชนชาวพัทลุงที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ (COVID-19) 

ทาง อบจ. จึงได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อจัดหาถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ชุด ช่วยเหลือประชาชนที่ได้ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว

นายก อบจ.พัทลุง ยังกล่าวด้วยว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดที่ผ่านมา ทาง​ อบจ.​ ได้ร่วมมือกับทาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง โรงพยาบาลพัทลุง  และทางจังหวัดในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดซื้อวัสดุและอุปกรณ์การแพทย์มอบให้กับโรงพยาบาลต่างๆ การจัดซื้อหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ สเปรย์แอลกอฮอล์ ช่วยเหลือประชาชนผ่านทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ฯลฯ 

ส่วนในกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไม  อบจ.พัทลุง​ ไม่พิจารณาจัดซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนนั้น นายวิสุทธิ์ฯ นายก อบจ.ได้ชี้แจงว่า จากการหารือกับทางจังหวัดได้รับการยืนยันว่า ในเดือน ตุลาคม 2564 ที่จะถึงนี้จะมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเกือบ 100  เปอร์เซ็นต์​

ส่วนในเดือน พฤศจิกายน 2564 ก็จะมีการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนด้วย จึงไม่ต้องการทำงานซ้ำซ้อนกัน และที่สำคัญนั้นทาง อบจ.พัทลุงมีงบประมาณที่จำกัด ซึ่งในปีงบประมาณ 2564 นี้ ทางรัฐบาลยังค้างการจัดสรรงบประมาณให้ อบจ.พัทลุงมากกว่า 50 ล้านบาท

​​​​​​

ก.อุตฯ ร่วมกับผู้ประกอบการญี่ปุ่น มอบวัสดุอุปกรณ์ใช้ป้องกันและรักษาโรคโควิด-19 มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ส่งต่อ รพ.สนามพื้นที่ 7 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

ผู้ประกอบการในจังหวัดชิมาเนะ ของประเทศญี่ปุ่น มอบวัสดุอุปกรณ์ใช้ป้องกันและรักษาโรคโควิด-19 มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ให้กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งมอบให้โรงพยาบาลสนามพื้นที่สีแดงเข้ม ผ่านสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.)

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังเป็นประธาน ในกิจกรรมรับมอบวัสดุอุปกรณ์ป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากบริษัท ฮิโรเสะ โปรดักส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากและอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่เพียงพอ

ทางบริษัท ฮิโรเสะฯ ได้ห่วงใยคนไทยจึงให้การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการป้องกันและรักษาโรคฯ จำนวน 5 รายการ ประกอบด้วย เครื่องผลิตออกซิเจน ขนาด 5 ลิตร จำนวน 18 เครื่อง หน้ากากอนามัย N95 จำนวน 8,634 ชิ้น ชุดป้องกันส่วนบุคคล หรือ PPE สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน จำนวน 2,050 ชุด ถุงหุ้มรองเท้า จำนวน 1,800 คู่  หมวกคลุมผม จำนวน 3,600 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมนำไปส่งต่อให้แก่โรงพยาบาลสนามในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม ฉะเชิงเทรา สมุทรสาคร ชลบุรี โดยให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ในพื้นที่นั้น ๆ เป็นผู้ประสานงานและส่งมอบ และได้ปล่อยขบวนรถ เพื่อส่งต่อวัสดุอุปกรณ์ฯ โดยเร็ว โดยเฉพาะเครื่องผลิตออกซิเจนที่มีความจำเป็นต่อผู้ป่วยอาการหนัก และในปัจจุบันเครื่องดังกล่าวมีไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย

“นอกจากนี้ ผมได้อนุมัติงบประมาณ 8 แสนบาท เพื่อให้เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ส่วนภูมิภาคจัดซื้อชุดตรวจโควิด (Antigen Test Kit) และชุด PPE สำหรับใช้ปฏิบัติงานเมื่อลงพื้นที่ตรวจประเมินสถานประกอบการ ในฐานะที่กระทรวงฯ เป็นเจ้าภาพหลักในการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในโรงงาน ซึ่งขณะนี้มีการติดเชื้อลดลง อย่างต่อเนื่อง และจากคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 14/2564 สั่งการ ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2564 ได้มอบหมายให้

ผมเป็น “หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) ในสถานประกอบกิจการและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะครอบคลุมทั้ง ภาคการค้า การบริการ และการท่องเที่ยว ที่ต่างได้รับผลกระทบจากโควิด

ขณะนี้ กระทรวงฯ ได้ยกร่างคำสั่งฯ แล้วเสร็จ และมีแผนที่จะประชุมคณะกรรมการศูนย์ฯ ในวันที่ 8 กันยายน 2564 โดยจะหารือเพื่อนิยามสถานประกอบกิจการที่ภาครัฐเข้าไปดูแล ซึ่งจะสอดคล้องกับมาตรการผ่อนคลาย และเป้าหมายของภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อจากนี้ธุรกิจอุตสาหกรรมในยุคปกติใหม่ (New Normal) จะต้องดำเนินกิจการไปพร้อมกับมาตรการควบคุมโรค และทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือปฏิบัติ ไม่ว่าจะรัฐ เอกชน รวมทั้งประชาชน” นายกอบชัย กล่าว

นายมานาบุ เทะสึโมโตะ (Mr. Manabu Tetsumoto) ประธานบริษัท ฮิโรเสะ โปรดักส์ สำนักงานใหญ่ จังหวัดชิมาเนะ ประเทศญี่ปุ่น จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงผลกระทบจากการระบาดของโรค โควิด-19 ต่อคนไทยจึง ให้การสนับสนุนและคาดหวังที่จะช่วยเหลือผู้คนได้เป็นจำนวนมาก แม้ปัจจุบันบริษัทฯ จะมีเพียงฝ่ายขายในไทยก็ตาม ทั้งนี้ก่อนที่โรคโควิด-19 จะระบาด ตลาดสินค้าที่ทำจากไม้ในไทย มีการขยายตัวสร้างผลประกอบการที่ดี เพราะนอกจากเมืองไทยมีร้านอาหารมากมายแล้ว สินค้าของบริษัทฯ ยังตอบสนองนโยบายลดการใช้พลาสติกของรัฐบาลไทย และกระแสผู้บริโภคที่รักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้น หลังจากสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลายลง บริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนตั้งโรงงานผลิตในไทยในอีก 1- 2 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ บริษัท ฮิโรเสะฯ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในจังหวัดชิมาเนะ ประกอบธุรกิจจำหน่ายและส่งออกสินค้าทุกชนิดซึ่งทำจากไม้หรือไม้ไผ่ เช่น ไม้เสียบอาหาร/ไอศกรีมแท่ง ช้อนส้อม ตะเกียบ โดยมียอดขายเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น และได้มีการขยายการลงทุนในอาเซียน คือ ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย

'หมอวรงค์' ชี้ การใช้ระบบบัตรสองใบเอื้อประโยชน์อำนาจเก่า แค่คิดก็ผิดแล้ว!

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า...

#บัตรสองใบแค่คิดก็ผิดแล้ว 

ทักษิณเป็นคนสำคัญ ที่ออกมาเรียกร้องว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตย นั่นคือแก้จากบัตรหนึ่งใบเป็นบัตรสองใบ 

ประชาธิปไตยของทักษิณ จึงจบด้วยวิธีการเลือกตั้ง ตามที่เขาต้องการ เพราะวิธีเลือกตั้งนั้น จะเป็นหนทางขึ้นสู่อำนาจของเขา และระบบบัตรสองใบนั้น ทำให้เขาเคยทำสถิติมี ส.ส. 377 คนจากทั้งหมด 500 คน จนนำไปสู่เผด็จการรัฐสภา 

การแยกบัตรสองใบ ให้เลือกคนหนึ่งใบ และแยกเลือกพรรคอีกใบ คนชนะชนะเลย คนแพ้คะแนนถูกตัดทิ้ง คนที่อยู่ปาร์ตี้ลิสต์พรรคใหญ่ได้เป็น ส.ส.แน่ ๆ พรรคใหญ่ทุนหนาจึงได้สองเด้ง 

เด้งแรกเลือกตัว ส.ส. ยิ่งแบ่งเขต 400 เขต เขตจะเล็กลง การซื้อเสียงเพื่อตัว ส.ส.เองจะง่าย เข้าเป้า ใช้เงินมาก พรรคที่มีเงินเยอะจะได้เปรียบมาก 

คนที่มีอิทธิพล โครงข่ายหัวคะแนนและได้เงินจากพรรค ยิ่งได้เปรียบ จึงเกิดภาพ ส.ส.ผูกขาดของตระกูล ประจำจังหวัด (เหมือนในอดีต) ที่สำคัญจะมีการซื้อ ส.ส.เพราะคะแนนจะตามตัว ส.ส. 

เด้งที่สอง นอกจากพรรคใหญ่เงินเยอะ มีโอกาสได้ ส.ส.เขตแล้ว ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็จะเป็นของแถมสมทบเข้าไปอีก ทำให้นายทุนพรรคได้เป็น ส.ส. แน่นอน เขาจึงเรียกร้องอยากได้ระบบนี้ เพราะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้ทั้งสองเด้ง และภาพรวมจะได้ ส.ส.มากขึ้นกว่าความเป็นจริง

ขณะที่ระบบบัตรใบเดียว เลือกพรรค คะแนนทุกคะแนนเอามาคำนวณ ไม่มีคะแนนทิ้งตกน้ำ เพื่อให้ได้ส.ส. ระบบนี้ เป็นระบบกึ่งเลือกนายกโดยตรง เพราะคะแนนนิยมจะมาจาก ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายก 

ในอนาคต ทุกพรรคการเมืองต้องหาคนที่สังคมยอมรับมาเสนอ ก็คือหาคนเก่งคนดีมา ส่วนผู้สมัคร ส.ส. เขตเป็นองค์ประกอบเสริม เนื่องจากเป็นการกาชื่อพรรคทั้งประเทศ ทำให้การซื้อเสียงยากกว่าซื้อให้ตัวบุคคลแบบสองใบ การใช้เงินน้อยกว่ามาก 

ภาพรวมจึงเป็นกระแสความนิยม ในเชิงอุดมการณ์มากกว่าการเลือกบุคคลของบัตรสองใบ การคิดจำนวน ส.ส.สะท้อนความเป็นจริงมากกว่า เพราะกาใบเดียว เอาทุกคะแนนมาหาจำนวน ส.ส. ระบบนี้นายทุนพรรคจะไม่ชอบเลย เพราะปาร์ตี้ลิสต์ก็สอบตกได้ อย่างที่เห็น 

ระบบบัตรใบเดียวจึงยากมาก ที่จะเกิดรัฐบาลพรรคเดียว ช่วยแก้ปัญหาเผด็จการรัฐสภา ที่เคยเกิดจากบัตรสองใบในอดีต แม้จะเป็นรัฐบาลผสม แต่จะมีเสถียรภาพ พรรคการเมืองไม่กล้าออกนอกลู่นอกทางมาก เพราะจะมีผลต่อกระแสนิยมของพรรค ซึ่งถ้าประชาชนไม่เอา พรรคนั้นสามารถสูญพันธุ์ได้ง่าย ๆ 

>> ระบบบัตรใบเดียว จึงตอบโจทย์ต่อปัญหาการเมืองของชาติ เพราะยากที่จะเกิด ส.ส. ผูกขาดและเผด็จการรัฐสภา ยกเว้นทั้งพรรคและตัว ส.ส. ต้องช่วยกันทำความดีให้ประชาชน ในระยะยาว พรรคการเมืองจึงต้องทำเพื่อประชาชน เพื่อให้เกิดความนิยมในการเลือก ส.ส. 

ในระบบบัตรใบเดียว นักการเมืองไม่อยากให้ยุบสภา เพราะไม่แน่ใจว่าตนเองจะได้เข้ามาอีกหรือไม่ ต่างจากบัตรสองใบ เลือกกี่ครั้งก็หน้าเดิม เพราะทุกอย่างหัวคะแนนคุมได้ บัตรใบเดียวประชาชนจึงมีพลังมาก สามารถลงโทษพรรคการเมืองได้อย่างมีอานุภาพ จึงไม่แปลกที่นักการเมืองอย่างทักษิณไม่ชอบ 

หลายคนกังวล ส.ส.ปัดเศษ การเลือกตั้งรอบใหม่ จะไม่ใช้บทเฉพาะกาล ทุกเขตเลือกตั้ง 350 เขต ผู้สมัครทุกคนต้องผ่านไพรมารีโหวต ซึ่งพรรคปัดเศษจะไม่สามารถส่ง ส.ส.ได้ เพราะพรรคที่จะส่งได้ทุกเขต ต้องมีศักยภาพทั้งประเทศ ดังนั้นในครั้งต่อไปจะไม่มี ส.ส.ปัดเศษแน่นอน 

ความกังวลคุณภาพ ส.ส.แบบที่เห็นในสภา ประสบการณ์ผม ระบบบัตรสองใบ ก็สร้างปัญหาคุณภาพ ส.ส. เพราะพวกเลว ๆ เขาจะเอามาอยู่ปาร์ตี้ลิสต์ และผู้สมัครเขตจะเป็นเจ้าพ่อ นักเลง ขายหวย เจ้าของบ่อนที่มีโครงข่าย ซึ่งแย่กว่าพวกมาจากบัตรใบเดียวมาก 

ในระยะยาวเพื่อประโยชน์ประเทศ ระบบบัตรใบเดียวจะดีกว่าบัตรสองใบ ยิ่งเป็นสิ่งที่ทักษิณเรียกร้องให้แก้ ถ้าคิดจะเดินตามที่ทักษิณต้องการ เท่ากับว่า กำลังจะยกประเทศให้ทักษิณอีกรอบหนึ่ง แบบนี้แค่คิดก็ผิดแล้ว


ที่มา : https://www.facebook.com/1635406246730420/posts/2995579487379749/

เปิดวาระครม. ลุ้นต่ออายุลดค่าน้ำ-ไฟ เยียวยามาตรา 33 เพิ่ม

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน เตรียมพิจารณามาตรการเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยคาดว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะของประธานคณะกรรมการการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ จะเสนอมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน ผ่านการลดค่าไฟฟ้าและน้ำประปา ให้กับที่ประชุมพิจารณาอนุมัติ หลังจากมาตรการเดิมได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ยังคงทำงานที่บ้านตานโยบายของรัฐบาลอยู่ จึงจำเป็นต้องออกมาตรการมาช่วยเหลือ

ขณะที่การเยียวยาผลกระทบให้กับแรงงาน คาดว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ในรอบที่ 2 อีกคนละ 2,500 บาท เมื่อรวมกับเงินที่จ่ายงวดแรกไปเมื่อเดือนส.ค. คนละ 2,500 บาท ผู้ประกันตน มาตรา 33 จะได้เงินเยียวยารวมเป็นเงิน 5,000 บาท โดยน.ส.ลัดดา แซ่ลี้ โฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า หากครม.อนุมัติแล้วจะได้รับเงินเยียวยาภายในเดือนก.ย.นี้ 

ส่วนวาระอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง เสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศพัฒนาน้อยที่สุด พร้อมกับเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ... ขณะที่ กระทรวงศึกษาธิการเสนอการปรับอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครูสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชน ประเภทอาชีวศึกษา

ด้านกระทรวงคมนาคม เสนอร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ... รวมทั้งเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และ ตำบลคลองกระบือ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทาง ยกระดับบางขุนเทียน – เอกชัย พ.ศ... ส่วนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอการเพิ่มเงินอุดหนุนเงินสมทบเพื่อดำเนินงานของคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับสำรวจทรัพยากรธรณีใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้

วราวุธ ยัน ส่วนตัว พร้อมโหวตวาระ3แก้รธน. หนุน บัตร 2 ใบ สานต่อ บรรหาร-รธน.40 ส่วนส.ส. ถือเป็นเอกสิทธิ์

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ  ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของพรรคชาติไทยพัฒนาในการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ย. จะมีการประชุมส.ส.พรรคเพื่อเตรียมความพร้อม แต่อย่างไรก็ตามการโหวตนั้นถือเป็นเอกสิทธิ์ของสส.และสว. ส่วนตัวการโหวตที่จะเปลี่ยนระบบมาเป็นบัตร 2 ใบนั้น จะสอดคล้องกับแนวทางที่รัฐธรรมนูญปี 40 ได้เริ่มมา ถือเป็นสิ่งที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ริเริ่มไว้ ส่วนตัวตนจะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดและสานต่องานที่บิดาของตนได้ริเริ่ม 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของสว.ที่ไม่เห็นด้วยกับบัตร 2 ใบ เราจะมีการพูดคุย ประเมินเรื่องดังกล่าวอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า ทั้งใบเดียวและ 2 ใบ ต่างก็มีข้อดีต่างกันไป เชื่อว่าทางสว.จะมองเห็นต่างมุมกันไป และในที่ประชุมของวิปก็คงมีการประชุมแลกเปลี่ยนกันไปทั้งข้อดีข้อด้อย และคิดว่าแบบใดจะเหมาะกับสถานการณ์ในระบบของประเทศมากกว่ากัน เชื่อว่าสว.น่าจะเห็นพ้องต้องกัน แต่อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภา

เมื่อถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนาซึ่งเป็นพรรคขนาดกลางคิดว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากระบบนี้ นายวราวุธ กล่าวว่า ถ้าเป็นประโยชน์คือเราไม่ต้องส่งผู้สมัครลงทุกเขต เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงที่ต่างจากระบบบัตรใบเดียว แต่ขอย้ำอีกครั้งว่าจะใบเดียวหรือ 2 ใบก็มีทั้งข้อดีและข้อด้อย แต่ถ้าตามรัฐธรรมนูญปี 60 ขณะนี้ คะแนนทุกคะแนนสามารถนำมาใช้เป็นคะแนนของพรรคได้หมด ไม่มีคะแนนใดที่ตัดได้เลย ซึ่งถ้าใช้บัตร 2 ใบ การทำงานหาคะแนนในพื้นที่ก็คงมีความเข้มข้นมากขึ้น ก็จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้สมัครและพรรคการเมืองกันไป

"อนุทิน " โยน เป็นเอกสิทธิ์ส.ส.โหวตแก้รธน.วาระสาม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระสามของพรรคภูมิใจไทย ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ว่า เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. จุดยืนของพรรคภูมิใจไทย หากจะแก้รัฐธรรมนูญ ต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ใช่ประโยชน์ของพรรคการเมืองหรือนักการเมือง หลักมีอยู่แค่นี้ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยมีวุฒิภาวะที่จะตัดสินใจได้ว่าจะโหวตแบบไหน เพราะเรื่องรัฐธรรมนูญไปบังคับกันไม่ได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top