Friday, 27 June 2025
NewsFeed

ยาฟาวิพิราเวียร์ ขององค์การเภสัชกรรม ได้รับการขึ้นทะเบียนอย.แล้ว ต้นสิงหาคมนี้เริ่มกระจายเข้าระบบการรักษาผู้ป่วยโควิด-19

วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กล่าวว่า ยาฟาเวียร์ (200 มิลลิกรัมต่อเม็ด) มีชื่อสามัญทางยา คือ ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ที่องค์การเภสัชกรรมได้ดำเนินการ วิจัย พัฒนา และผลิตเอง ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียบร้อยแล้ว

โดยยาฟาเวียร์เป็นผลิตภัณฑ์ยาสามัญรายแรกของประเทศไทยมีคุณภาพมาตรฐานสากล จะเริ่มผลิตและกระจายให้ผู้ป่วยได้ใช้ในต้นเดือนสิงหาคมนี้ โดยในระยะแรกผลิตได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 2 ล้านเม็ด ที่โรงงานขององค์การฯ ที่ถนนพระราม 6 และจะขยายกำลังการผลิตไปยังโรงงานผลิตยาที่ คลอง 10 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การผลิตยาดังกล่าวขององค์การฯ ครั้งนี้ ทำให้ราคายาถูกลงกว่าการนำเข้ายาจากต่างประเทศ ส่งผลให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศ

“ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นรายการยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ ตามแนวทางการรักษาของประเทศไทย ซึ่งเดิมต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 มีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ถึงประมาณวันละ 3 แสนเม็ดหรือเดือนละประมาณ 9 ล้านเม็ด

ซึ่งองค์การฯ ได้มีการจัดหาเข้ามาจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และองค์การฯ จะเริ่มผลิตยาฟาเวียร์คู่ขนานไปด้วย โดยองค์การฯ จะได้มีการบริหารจัดการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ ให้เพียงพอและสอดคล้องกับสถานการณ์ความรุนแรงของการระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศ”

ดร.ภญ.นันทกาญจน์ กล่าวต่อไปว่า องค์การฯ ได้ดำเนินการวิจัยพัฒนาและผลิตยาฟาเวียร์ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยคัดเลือกแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต่างประเทศ มาใช้ในการพัฒนาสูตรตำรับ จนขยายขนาดการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ยาดังกล่าวได้ผ่านการศึกษาความคงตัวและประสิทธิผลทางชีวสมมูล (Bioequivalence study) ซึ่งเป็นการศึกษาระดับยาในเลือดเทียบกับยาต้นแบบแล้ว โดยผลการศึกษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสากลและผลการศึกษาชีวสมมูลเทียบเท่ากับยาต้นแบบ

“องค์การฯ ต้องขอบคุณสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมทรัพย์สินทางปัญญา ภาคประชาสังคม และอีกหลายหน่วยงาน ที่ร่วมกันผลักดันให้การดำเนินการในครั้งนี้สำเร็จ จนส่งผลให้องค์การฯ สามารถที่ผลิตยารักษาโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้”


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พาณิชย์ยังขอรอ สธ. เคาะชุดตรวจโควิด พร้อมหาช่องคุมราคา

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ ขอรอข้อมูลรายละเอียดชุดตรวจโควิด หรือ Rapid test หรือ Rapid Antigen test ทั้งหมดจาก อย.ว่าอนุญาตให้ผู้นำเข้ามาขึ้นทะเบียนกี่ราย ปริมาณเท่าได ราคาต้นทุนเท่าใด เพื่อพิจารณาว่าควรกำหนดราคาขายตามความเห็นของ อย.ในฐานะต้นเรื่องราคาเท่าไร ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถกำหนดเองได้เนื่องจากไม่มีพื้นฐานด้านเครื่องมือแพทย์ ดังนั้นเมื่อกระทรวงสาธารณสุขทำต้นเรื่องมาเสร็จแล้วทางกระทรวงพาณิชย์พร้อมดำเนินการต่อไป

สำหรับปัจจุบันชุดตรวจโควิด หรือ Rapid test หรือ Rapid Antigen test นั้น ถือเป็นเครื่องมือแพทย์ชนิดหนึ่งที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา( อย.) กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้และเบื้องต้นยังไม่ได้อนุญาตให้มีการขายในตลาดทั่วไปแต่ใช้ในเฉพาะในโรงพยาบาลสถานพยาบาลเท่าหรือคลีนิคเอกชนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ส่วนการขายออนไลน์ ถือว่า ผิดกฎหมายเครื่องมือแพทย์ ทาง อย.จะเป็นผู้ดำเนินการเมื่อตรวจสอบพบ

ส่วนราคายาฟ้าทลายโจร ตอนนี้เป็นไปตามหลักกลไกตลาดพอมีความต้องการเยอะมากขึ้นราคาก็ขึ้น แต่รัฐบาลไม่ได้ละเลย สมุนไพรฟ้าทะลายโจรเป็นสินค้าเกษตรชนิดหนึ่ง เป็นพืชสมุนไพรผู้ปลูกที่ตรวจสอบทั้งหมดเป็นผู้ปลูกรายย่อยไม่ได้มีการขึ้นทะเบียน ส่วนปริมาณของวัตถุดิบการผลิตจึงไม่เสถียรขึ้นอยู่กับภาวะความต้องการของตลาดในแต่ละช่วง ด้านราคาก็เช่นเดียวกัน จะขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดแต่ละช่วง แต่เนื่องจากมีกรณีว่า ยาฟ้าทลายโจรสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับการรักษาโควิดได้

ขณะเดียวกัน อย.ก็ขึ้นเป็นบัญชียาหลัก โรงพยาบาลสามารถจ่ายให้กับผู้ป่วยและเบิกได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่นเดียวกับบัญชียาหลักอื่น ยาฟ้าทลายโจรจึงต้องขึ้นทะเบียนเป็นยาอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติยา ซึ่ง อย.กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้โดยตรง

“บิ๊กตู่”Conference เปิดงาน  Samui Plus Model ยินดีชาวสมัย ที่ยังคงรักษาสถานะจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ประจำวันได้ หวังฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและบริการให้กลับมาโดยเร็วที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดรับนักท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบ Samui Plus Model ผ่านระบบ Video Conference โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นตัวแทนรัฐบาลอยู่ที่ริมชายหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมร่วมชมการแสดง 3D Mapping Performance ชุด Samui+ Top of Mind ซึ่งการเปิดกิจกรรมครั้งนี้จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของหมู่เกาะทะเลใต้ทั้งเกาะสมุย เกาะพงันและเกาะเต่า รวมถึงพื้นที่อื่นๆ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขของนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ

นายพิพัฒน์ กล่าวรายงานว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พยายามขับเคลื่อนแนวทางการพลิกฟื้นเศรษฐกิจเพื่อพยุง ประคับประคอง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ต้องเผชิญผลกระทบอันเลี่ยงไม่ได้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ขณะที่มาตรการความปลอดภัยทางสาธารณสุขก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ละเลยไม่ได้เช่นกัน ครม.เห็นชอบในหลักการแนวทางการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่องในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือ Samui Plus Model เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 โดยรูปแบบของ Samui Model Plus จะเป็นการเปิดพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นหมู่เกาะ สะดวกต่อการจำกัดพื้นที่ท่องเที่ยวและควบคุมการเข้า-ออก รวมทั้งสามารถจัดการเดินทางท่องเที่ยวได้แบบมีเงื่อนไข ในเส้นทางหรือพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น (Sealed route)

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีความมั่นใจในการบริหารจัดการของจังหวัดในแนวปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสาธารณสุข ประกอบกับมาตรการที่เข้มแข็งของภาคธุรกิจ บริการต่างๆ ภายในจังหวัด ที่มีความชัดเจน และสามารถเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี โดยจะนำมาซึ่งการปรับตัวให้เข้ากับการท่องเที่ยววิถีใหม่ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ 

“ยังเชื่อมั่นว่า การผลักดันทั้ง 3 เกาะ คือ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่าโดยจังหวัดสุราษฎร์ธานี และภาคธุรกิจเอกชน จะยกระดับภาพลักษณ์ สร้างการรับรู้ของเกาะและความสอดรับกับทิศทางของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่จะส่งเสริมการตลาดต้นทาง จากตลาดที่ได้รับวัคซีนแล้ว เพื่อความปลอดภัยและอุ่นใจของคนในพื้นที่”

รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สำหรับวันแรกของการเปิด Samui Plus Model มีผู้เดินทางที่เป็นตัวแทนเอเย่นต์และสื่อมวลชนต่างประเทศ จากลอนดอน ปารีส แฟรงค์เฟิร์ต และฮ่องกง ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเชิญมา ในรูปแบบแฟมทริป (Experimental FAM Trip) ซึ่งความสำเร็จนี้ ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ ที่สนับสนุนในการรับผู้โดยสารต่อเครื่องจากต่างประเทศเป็นการเฉพาะ (Dedicated Domestic Flight) เพิ่มโอกาสจากประเทศที่ไม่มีเที่ยวบินตรงเข้าสมุย ให้ได้มาสัมผัสประสบการณ์และมุมมองที่อาจแตกต่างไปจากเดิม แต่ยังคงมีความน่าสนใจในสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและสุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้เกียรติในพิธีเปิด Samui Grand Opening ค่ำคืนนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบ Samui Plus Model ถือเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบแล้วมาท่องเที่ยวในไทย โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวของหมู่เกาะทะเลใต้ ทั้งเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า และพื้นที่อื่นๆที่กำหนด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขของนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก ขอชื่นชมชาว จ.สุราษฎธานีที่รักษาสถานะจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้เป็นอย่างดี สะท้อนถึงการบริหารจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่เป็นไปตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งมาตรการเฝ้าระวังพื้นที่ มาตรการป้องกันควบคุมโรค มาตรการป้องกันส่วนบุคคล มาตรการด้านสังคมและการกำกับติดตาม รวมทั้งระบบการรายงาน การส่งต่อ และการรักษาอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่างไรก็ตามสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สิ่งสำคัญคือการสื่อสารให้นักท่องเที่ยวเข้าใจถึงเงื่อนไขการท่องเที่ยวในเกาะสมุย เนื่องจากมีหลายประเด็นที่แตกต่างจากการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อก เช่น การกำหนดให้นักท่องเที่ยวอยู่ในที่พักช่วง 3 วันแรกภายใต้การดูแลร่วมกับโรงพยาบาลในพื้นที่ การสร้างความเข้าใจเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของบุคลากรที่เป็นพนักงานบริการ ด่านหน้า ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจคลายความกังวลต่อนักท่องเที่ยว ตลอดจนการสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยที่จะมาประเทศไทย ด้วยการส่งเสริมประชาสัมพันธ์เครื่องหมาย SHA Plus เพื่อการันตีความสะอาดปลอดภัยให้ผู้ประกอบการแหล่งท่องเที่ยว ตนเชื่อมั่นว่าประชาชน ผู้ประกอบการชาวเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จะสามารถผ่านสถานการณ์ความท้าทายนี้ไปได้ด้วยกัน ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ทุกท่านทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ที่เป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารสร้างความเข้าใจ เน้นย้ำความพร้อมในพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นและเดินทางมาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น เพื่อจะฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและบริการของไทยให้กลับมาโดยเร็วที่สุด คืนรอยยิ้ม คืนความสุขกลับสู่คนไทยอีกครั้ง

รมว.เฮ้ง รับลูกนายก ลงพื้นที่ซาวด์เสียงเอกชน เดินมาตรการเยียวยาแรงงาน ตอบโจทย์ธุรกิจ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ก.ค.64 ได้ออกมาตรการช่วยเหลือแรงงานในระบบประกันสังคม และนอกระบบประกันสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการและมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด -19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้ง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเวลา 1 เดือนนั้น โดยประเภทกิจการที่ให้ความช่วยเหลือ จากเดิม 4 สาขา เพิ่มเติมเป็น 9 สาขานั้น ในเรื่องนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีความห่วงใยภาคแรงงานทั้งนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จึงได้สั่งการให้ผมลงพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการและภาคเอกชน เพื่อเร่งขับเคลื่อนมาตรการโดยเร็ว ทั้งนี้ ผมได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคมเร่งประชุมหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ความชัดเจนกำหนดรายละเอียด เงื่อนไขหลักเกณฑ์ให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้าให้ความเห็นชอบ เพื่อดำเนินการต่อไปได้ 

ขณะที่ นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย 
(อีคอนไทย) กล่าวว่า โดยภาพรวมเห็นด้วยกับรูปแบบมาตรการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด เป็นการจ่ายเงินเติมเพิ่มให้ผู้ประกอบการและแรงงานทั้งในและนอกระบบประกันสังคม วงเงิน 30,000 ล้านบาท แม้ยังไม่กำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจน แต่การช่วยเหลือในภาพรวมรอบนี้ถือว่าดี เพราะเป็นการช่วยเหลือทั้งลูกจ้างและนายจ้างในระบบและนอกระบบ 

ด้าน นายเกรียงไกร แก้วเกตุ ประธานสมาพันธ์แรงงานแท็กซี่ไทย ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันสมาพันธ์มีสมาชิกกว่า 2,000 คน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ช่วงโควิดได้รับผลกระทบโดยตรง 
ทำให้รายได้ลดลง ดีใจมากที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือเยียวยา เห็นความสำคัญของพี่น้องแรงงาน โดยเฉพาะคนขับแท็กซี่ที่ต้องหาเช้ากินค่ำ เงินเยียวยาส่วนนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ สิ่งที่อยากให้ช่วยเหลือตอนนี้ ทำอย่างไรให้คนขับแท็กซี่มีสิทธิประโยชน์และความคุ้มครองมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่อายุประมาณ 65 ปี จึงต้องการหลักประกันความมั่นคงในชีวิตให้การเข้าถึงสวัสดิการจากรัฐในด้านสวัสดิการต่าง ๆ 

ส่วน นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ช่วงโควิดระบาดทำให้ผู้ได้รับผลกระทบไม่มีรายได้ แต่กระทรวงแรงงานทำให้ภาคธุรกิจมีกำลังใจขึ้น มีรายได้ ทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ลูกจ้างนายจ้างกลับมามีความสุข เห็นคุณค่าของการมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างร่วมไม้ร่วมมือกันสนับสนุนความช่วยเหลือในทุก ๆ ด้าน ในช่วงสถานการณ์โควิดเช่นนี้ โดยเฉพาะกรณีการปิดแคมป์คนงานเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้คนงานได้มีอาหารดี ๆ รับประทาน เราก็ได้เห็นมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่ออกมาอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงนี้ จึงต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเป็นกำลังใจให้ข้าราชการ และคนทำงานทุกๆ คนที่ออกมาช่วยกัน เพื่อให้ทุกคนก้าวข้ามสถานการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกัน

“โฆษกศบศ.” แจง “บิ๊กตู่” สั่งเร่งช่วยลูกหนี้ 10 จังหวัดล็อกดาวน์ เผยคลังถกแบงค์ชาติเตรียมพักชำระหนี้ 2 เดือน ช่วยผู้ประกอบการ-แรงงาน ที่ปิดกิจการจากมาตรการของรัฐ ส่วนลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการแต่ได้รับผลกระทบ เตรียมพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็น

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการในที่ประชุม ครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (13 ก.ค. 64) ให้รีบหารือกันโดยเร่งด่วน เพื่อหามาตรการผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย หรือการเลื่อนงวดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้า ทั้งที่เป็นประชาชนและผู้ประกอบการอย่างจริงจัง รวมถึงช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ จึงร่วมกันออกออกมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือน ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั่วประเทศ ซึ่งได้แก่ ลูกหนี้ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 10 จังหวัด และนอกพื้นที่ควบคุมแต่ต้องปิดกิจการจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 หรือเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป แล้วแต่กรณี

นายธนกร กล่าวต่อว่า สำหรับลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการได้แต่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อหมดระยะเวลาพักชำระหนี้แล้ว สถาบันการเงินจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักกับลูกหนี้ อย่างไรก็ตาม การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้มาตรการนี้ เป็นเพียงการเลื่อนการชำระออกไป ลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพและสามารถชำระหนี้ได้ ควรชำระหนี้ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนี้ในอนาคตเพิ่มขึ้นสูงเกินจำเป็น 

นายธนกร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือทั้งประชาชนและผู้ประกอบการหลายๆ มาตรการ โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เช่น สินเชื่อฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย ให้ผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจท่องเที่ยวและ Supply Chain สามารถกู้เงินกับธนาคารออมสิน วงเงินต่อรายอยู่ที่ 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ซึ่งตอนนี้ อนุมัติเงินกู้ไปแล้ว จำนวน 2,885 ราย วงเงินรวม 1,218 ล้านบาท
สินเชื่ออิ่มใจ ธนาคารออมสินให้กู้กับผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม วงเงินต่อราย อยู่ที่ 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ระยะเวลากู้ ไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก และสินเชื่อสำหรับ SMEs ขนาดย่อมและขนาดกลาง  ได้แก่ สินเชื่อ Extra cash โดย SME Bank ให้กู้กับ SMEs ขนาดย่อมในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น วงเงินรายละ 3 ล้านบาท ปัจจุบันอนุมัติแล้ว 4,283 ราย วงเงินรวม 7,335 ล้านบาท และสินเชื่อมีที่มีเงิน นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการทั่วไป ได้แก่ มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ และมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูอีกด้วย 

นายกฯ สั่ง เร่งช่วยลูกหนี้พื้นที่ล็อกดาวน์ ให้ คลัง ถก แบงค์ชาติ หามาตรการผ่อนปรนด่วน

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการในที่ประชุม ครม. เมื่อ 13 ก.ค. 64 ให้รีบหารือกันโดยเร่งด่วน เพื่อหามาตรการผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย หรือการเลื่อนงวดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้า ทั้งที่เป็นประชาชนและผู้ประกอบการอย่างจริงจัง รวมถึงช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ 

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ จึงร่วมกันออกออกมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือน ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั่วประเทศ ซึ่งได้แก่ ลูกหนี้ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 10 จังหวัด และนอกพื้นที่ควบคุมแต่ต้องปิดกิจการจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 หรือเดือนสิงหาคมเป็นต้นไปแล้วแต่กรณี

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการได้แต่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อหมดระยะเวลาพักชำระหนี้แล้ว สถาบันการเงินจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักกับลูกหนี้ โดยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้มาตรการนี้ เป็นเพียงการเลื่อนการชำระออกไป ลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพและสามารถชำระหนี้ได้ ควรชำระหนี้ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนี้ในอนาคตเพิ่มขึ้นสูงเกินจำเป็น 

นายธนกร กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือทั้งประชาชนและผู้ประกอบการหลายๆ มาตรการ โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เช่น สินเชื่อฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย ให้ผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจท่องเที่ยวและ Supply Chain สามารถกู้เงินกับธนาคารออมสิน วงเงินต่อรายอยู่ที่ 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ซึ่งตอนนี้ อนุมัติเงินกู้ไปแล้ว จำนวน 2,885 ราย วงเงินรวม 1,218 ล้านบาท

นายธนกร กล่าวว่า สินเชื่ออิ่มใจ ธนาคารออมสินให้กู้กับผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม วงเงินต่อราย อยู่ที่ 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ระยะเวลากู้ ไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก และสินเชื่อสำหรับ SMEs ขนาดย่อมและขนาดกลาง  ได้แก่ สินเชื่อ Extra cash โดย SME Bank ให้กู้กับ SMEs ขนาดย่อมในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น วงเงินรายละ 3 ล้านบาท ปัจจุบันอนุมัติแล้ว 4,283 ราย วงเงินรวม 7,335 ล้านบาท และสินเชื่อมีที่มีเงิน นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการทั่วไป ได้แก่ มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ และมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู

จีนแผ่นดินใหญ่ เผยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วมากกว่า 1.4 พันล้านโดส

Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ระบุว่า วันที่ 13 กรกฎาคม จีนแผ่นดินใหญ่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปแล้วทั้งหมด 1,402,019,000 โดส ซึ่งครอบคลุมครึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศ โดยมีวัคซีนซิโนแวคและซิโนฟาร์มเป็นวัคซีนหลักในการฉีดให้แก่ประชาชนชาวจีน

ประสบการณ์ในการต่อสู้กับโควิด-19 ของจีนแสดงให้เห็นว่า วัคซีนจีนรวมถึงซิโนแวคมีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่เมืองกว่างโจวและพื้นที่อื่น ๆ

จากผลการวิจัยสถานการณ์โควิด-19 ในเมืองกว่างโจวของนาย จงหนานซาน ผู้เชี่ยวชาญจีน แสดงให้เห็นว่า สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็มแล้ว วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการเจ็บป่วย 60% มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคปอดอักเสบ 80% และไม่มีผู้ป่วยรายใดที่มีอาการรุนแรงหรือป่วยหนัก


ที่มา : https://www.facebook.com/846555798724560/posts/4202923013087805/


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“สิระ” อัด ”โทนี่” แสร้งสงสารคนไทย แต่เศษเนื้อ-เศษสตางค์ไม่เคยกระเด็นมาช่วย ชี้ คนเสื้อแดงควรตาสว่างสักที เผย ยินดีหากกลับมาประตูหน้า จะได้จองเมรุไว้รอเผา

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม ร่วมเสวนาผ่านคลับเฮาส์ โดยระบุให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โทรศัพท์หา เพื่อขอคำปรึกษาและพร้อมกลับประเทศไทย ว่า ตนได้เห็นกระแสของบรรดาลิ่วล้อโทนาฟต้อนรับให้กลับประเทศมาหลายวัน แต่ช่วงที่ผ่านมา ตนมีภารกิจในการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์โควิด-19 เยอะจึงไม่มีเวลาจะออกมาพูดอะไรถึงนายทักษิณ แต่วันนี้เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารบรรดาคนเสื้อแดงและพวกที่พลีชีพให้นายทั้งหลาย เวลานี้นายทักษิณไม่สร้างประโยชน์ใดๆ ให้กับประเทศ แบบที่เคยทำในอดีตเป็นอย่างไรก็ยังคงเหมือนเดิม ดีแต่พูดสร้างค่าให้ตัวเอง และด้อยค่ารัฐบาลและประเทศไทย ตนคิดว่าบรรดาคนรักทักษิณควรที่จะหูตาสว่างได้บ้างแล้ว

“ทุกคนลองไปดูชีวิตประจำวันของมิจฉาชีพหนีคดีคนนี้ดูว่า เขาทำอะไรบ้าง เวลามาออกคลับเห่าก็แสร้งทำว่าสงสารประเทศไทย รักประชาชน แต่ภาพที่เห็นคือการใช้เงินที่โกงกินภาษีประชาชนกินเที่ยวที่ต่างประเทศอย่างสนุกสนาน มีความสุขกับลูกหลาน ถ้านายทักษิณคิดจะช่วยประเทศจริง วันนี้ไม่ต้องรอให้กลับมาเหยียบแผ่นดินไทยก็ทำได้ การบริจาคเงินผ่านบรรดา ส.ส.ในพรรคของคุณให้มาช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ก็สามารถทำได้ แต่วันนี้แค่ดีแต่พูด แต่ไม่เคยลงมือทำ งานถนัดของคนนี้คือสร้างวาทกรรมสวยหรูหลอกคนเสื้อแดงไปวันๆ เศษเนื้อ เศษสตางค์สักแดงเคยกระเด็นมาเผื่อแผ่ คนเสื้อแดงทั้งคนในคุกและนอกคุกหรือไม่ วันนี้บุคลากรทางการแพทย์ และคนไทยทุกคนกำลังร่วมมือกันเพื่อให้ผ่านวิกฤต นายทักษิณช่วยหุบปากบ้าง เอาเวลาไปถลุงเงินที่โกงประเทศ ใช้นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวพาลูกหลานไปท่องเที่ยวสวิตเถอะ”นายสิระ กล่าว 

นายสิระ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยไม่เคยกีดกันให้มิจฉาชีพคนนี้กลับมาที่แผ่นดินไทย อย่าออกมาพร่ำให้ประเทศชาติเสียหายไปมากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมากว่า 10 ปี คนไทยแตกแยกก็เพราะนายทักษิณ ถ้าจะกลับก็กล้าๆ หน่อย มาอย่างเปิดเผย อย่าหนีเหมือนตอนออกไปเป็นสัมภเวสีนอกประเทศ ส่วนตัวตนอยากให้กลับมาด้วยซ้ำ ถ้าหากได้กลับมาทางประตูหน้า ตนจะได้ทำบุญจองเมรุรอไว้พร้อมเผา 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top