Wednesday, 25 June 2025
NewsFeed

ลุ้นพาณิชย์ชงครม.ดันไทยเข้าร่วมข้อตกลง CPTPP

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบ Video Conference ติดตามกรณีของการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ว่า ทางคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) จะนำเสนอผลการศึกษาข้อสังเกตคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิก CPTPP เสนอให้กับที่ประชุมครม.พิจารณาหรือไม่ หลังจากคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเห็นว่าไทยควรเข้าร่วมเป็นสมาชิก เพราะจะได้รับประโยชน์ และหากไม่เข้าร่วม จะทำให้ไทยสูญเสียโอกาสทางด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

ส่วนวาระอื่น ๆ คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เกี่ยวกับการขออนุมัติกรอบวงเงินตามมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการ วงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือที่ได้รับผลกระทบจากข้อกำหนดควบคุมไวรัสโควิด-19 ฉบับที่ 25 ทั้งแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบประกันสังคม และนอกระบบ ในกิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร กิจกรรมสาขาศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ และกิจกรรมบริการด้านอื่น ๆ ในระยะเวลา 1 เดือน หลังจากมาตรการนี้ได้ผ่านการเห็นชอบในหลักการแล้ว

ขณะที่ กระทรวงการคลัง เสนอยุทธศาสตร์ความเป็นหุ้นส่วนระดับประเทศระหว่างประเทศไทยและธนาคารพัฒนาเอเชีย ฉบับที่ 3 สำหรับปี 2564-2568 ส่วนคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลัง เสนอการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 2 และ กระทรวงกลาโหม เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการนำสายไฟลงใต้ดินเพื่อส่งเสริมสภาพพื้นที่สำหรับเมืองการบินภาคตะวันออก

มติป.ป.ช. ตั้ง 9 กรรมการ เป็นองค์คณะไต่สวน คดี 'บอส อยู่วิทยา' สอบผู้ถูกกล่าวหา 15 คน ทั้ง บิ๊กตร.-อัยการ-พงส.

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกป.ป.ช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบกรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมาได้พิจารณาคดีดังกล่าว โดยเมื่อพิจารณาข้อมูลแล้วเห็นว่าข้อมูลเบื้องต้นนั้นมีมูลที่จะสั่งไต่สวนได้ จึงได้มีมติให้กรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน เป็นองค์คณะไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดจำนวน 15 ราย

ประกอบด้วย พนักงานสอบสวน ข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทั้งที่เกษียณไปแล้วและที่ยังรับราชการอยู่ พนักงานอัยการ รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ตามกรอบ พ.ร.บ.ป.ป.ช. ในมาตรา 48 ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องไต่สวนให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี และขยายเวลาได้ 1 ปี ซึ่งตามขั้นตอนหลังจากตั้งองค์คณะไต่สวนแล้ว องค์คณะไต่สวนจะเริ่มดำเนินการไต่สวน หากมีมูลเพียงพอจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหามีโอกาสชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จากนั้นองค์ไต่สวนจะสรุปสำนวนเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ให้พิจารณาชี้มูลความผิดต่อไป โดยขณะนี้ยังเป็นเพียงการตั้งองค์คณะไต่สวน อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้กำชับให้เร่งรัดการดำเนินการภายใต้กรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาที่รวดเร็วกว่ากำหนดก็เป็นได้ เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ จึงให้ความสำคัญ จึงให้กรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน มาเป็นองค์คณะไต่สวนด้วยตัวเอง

 

นายกฯ ห่วงเหตุไฟไหม้โรงงานผลิตโฟมย่านกิ่งแก้ว สั่งการรมว.เฮ้ง รุดเยี่ยมศูนย์อำนวยการฯ และให้กำลังใจผู้บาดเจ็บจากแรงระเบิดที่ รพ.บางพลี และ รพ.สมุทรปราการ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ท่านนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ห่วงใยลูกจ้างและพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงาน บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ประกอบกิจการเกี่ยวกับเม็ดโฟมและพลาสติกขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่ ซอยกิ่งแก้ว 21 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จึงได้มอบหมายให้ผมลงพื้นที่ แทนท่าน มาเยี่ยมศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเหตุเพลิงไหม้ รวมทั้งเยี่ยมให้กำลังใจคนงานและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดทุกคน ที่โรงพยาบาลบางพลี และโรงพยาบาลสมุทรปราการ โดยมี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายแพทย์พิเชษฐ พัวพันกิจเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย 

นายสุชาติ ยังกล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานว่า เบื้องต้นสำนักงานประกันสังคมจะได้ตรวจสอบสถานะความเป็นผู้ประกันตนที่ได้รับบาดเจ็บให้ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลตามสิทธิประโยชน์ในเรื่องของการรักษาพยาบาล และสิทธิอื่นๆ ที่พึงได้ และให้กรมการจัดหางานเตรียมหาตำแหน่งงานรองรับกรณีนายจ้างไม่สามารถจ้างลูกจ้างทำงานต่อไปได้ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้มอบให้ศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 10 และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานงาน จ.สมุทรปราการ เข้าร่วมตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ จะได้ประสานความช่วยเหลือเพื่อจ่ายสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตนที่ได้รับบาดเจ็บทุกคนต่อไป

“วราวุธ” สั่ง กรมควบคุมมลพิษเร่งสำรวจคุณภาพอากาศ-สารปนเปื้อนในท่อระบายน้ำ ในรัศมี 3-5 กม.รอบจุดเกิดเหตุ ป้อง “บิ๊กตู่” ไม่ลงพื้นที่ หวั่นสร้างอุปสรรคการทำงานให้ จนท. วอน สังคมเห็นใจ ระบุ สั่งงานจากศูนย์บัญชาการมีประสิทธิภาพมากกว่า

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุไฟไหม้ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 87 ซ.กิ่งแก้ว 21 หมู่ที่ 15 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ว่า ขณะนี้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำลังดำเนินการตรวจวัดคุณภาพอากาศในรัศมี 3-5 กิโลเมตร โดยได้มีการส่งรถโมบายเคลื่อนที่ลงไปตรวจวัด และยังมีการติดตั้งสถานีย่อยในรัศมีดังกล่าว เบื้องต้นพบว่าคุณภาพอากาศในรัศมี 1 กิโลเมตร เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ไม่ถึงชีวิต ขณะที่ในระยะ 5 กิโลเมตรถือว่ายังเป็นระยะที่ปลอดภัยอยู่ แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าปลอดภัยถึงขั้นให้ประชาชนเดินทางกลับที่พักอาศัย เพราะยังต้องตรวจสอบเรื่องสารเคมีตกค้าง และสารที่ไหลออกมาจากโรงงานซึ่งกับมาน้ำที่เราฉีดเลี้ยงไฟไม่ให้ปะทุที่อาจมีสารเคมีปนเปื้อนออกมาได้ โดยภายในวันนี้ ( 6 ก.ค.) น่าจะได้ข้อสรุป ขอประชาชนอย่าเพิ่งใจร้อน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำงานทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ คพ.กำลังระดมเข้าไปตรวจวัดคุณภาพอากาศและน้ำที่อยู่ตามท่อระบายน้ำเพื่อให้ทราบว่ามีสารเคมีตกค้างมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เร็วปฏิบัติการโดยรอบที่เกิดเหตุ เมื่อข้อสรุปแล้ว จะได้เข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชน

 ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าโรงงานดังกล่าวได้ทำการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า โรงงานดังกล่าวตั้งมา 30 กว่าปีแล้ว ขณะนั้นยังไม่มีกฎหมายอีไอเอ แต่ไม่แน่ใจว่าหลังมีกฎหมายแล้วได้มีการทำอีไอเอเพิ่มเติมหรือไม่ จึงขอไปหาข้อมูล ประกอบกับไปดูกฎหมายผังเมือง โดยประสานกับกระทรวงมหาดไทยก่อน ซึ่งทราบมาว่าพื้นที่ที่ตั้งของโรงงานอยู่ในพื้นที่สีแดงที่มีจุดประสงค์หลักเพื่อการพาณิชย์ หลายคนสงสัยว่าทำไมโรงงานไปตั้งในชุมชน จึงต้องมาตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์หรือโซนที่อยู่อาศัย เพราะการที่มีโรงงานกับบ้านพักติดกันเป็นไปได้ใน 2 กรณี คือ โรงงานตั้งก่อนชุมชน หรือที่ชุมชนกระจายไปจนติดโรงงาน คงต้องดูผังเมือง   

เมื่อถามว่า โซเชียลมีเดียวิจารณ์อย่างมากว่านายกรัฐมนตรี รองนายกฯ และคนในรัฐบาล เหตุใดจึงไม่รุดลงพื้นที่ นายวราวุธ กล่าวว่า นายกฯและรองนายกฯให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่ต้องเรียนตรงๆว่า หากนายกฯ หรือรองนายกฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยงานลงไปในพื้นที่แล้ว โดยธรรมชาติคนไทยเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ต้องแห่มาต้อนรับ โดยนายกฯทราบดีว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้น ยิ่งจะทำให้วุ่นวายไปอีก จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงไม่ไป เพราะเราไม่รู้ว่าสถานการณ์ ณ ที่เกิดเหตุเป็นอย่างไร ตนเห็นว่าการที่นายกฯไม่ไปนั้นถูกต้องแล้ว เพราะการบัญชาการที่ศูนย์บัญชาการเพื่อทำหน้าที่สั่งการและประสานจะมีประสิทธิภาพมากกว่า และยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานเต็มที่ เหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ที่นายกฯยังไม่ไปทันที เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายและสร้างอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงขอความเห็นใจจากสังคมด้วย

ธอส. ออก 7 มาตรการช่วยลูกค้าเจอผลกระทบโรงงานระเบิด 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด-เพลิงไหม้ โรงงานย่านกิ่งแก้ว สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านอยู่อาศัยหรือผลกระทบด้านรายได้จากเหตุการณ์ในพื้นที่ดังกล่าว ภายใต้กรอบวงเงินรวมของโครงการ 500 ล้านบาท ผ่าน 7 มาตรการเร่งด่วน โดยผู้ที่ต้องการเข้าร่วมมาตรการสามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถึงภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564

สำหรับ 7 มาตรการเร่งด่วน จะพิจารณาตามระดับความเสียหาย ซึ่งมีรายละเอียดประกอบด้วย

1.) สำหรับลูกค้าเดิมของ ธอส. ที่หลักประกัน หรือรายได้จากการประกอบอาชีพได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ สามารถขอลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี

2.) ให้กู้เพิ่มหรือกู้ใหม่ ดอกเบี้ยปีแรก 1% ต่อปี

3.) ลูกหนี้ที่หลักประกันเสียหาย ให้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ดอกเบี้ย 0% ต่อปี 4 เดือน ไม่ต้องชำระเงินงวด 4 เดือนแรก 

4.) ลูกหนี้ที่มีผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้ไม่เกิน 1 ปี ดอกเบี้ย 1% ต่อปี

5.) กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรให้ผ่อนชำระดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี

6.) ที่อยู่อาศัยเสียหายทั้งหลังซ่อมแซมไม่ได้ให้ปลอดหนี้ในส่วนของอาคาร

และ 7.) ลูกค้าที่หลักประกันได้รับความเสียหาย อาทิ กระจกแตก เกิดรอยร้าวตามตัวอาคาร ให้แจ้งเคลมความเสียหายได้โดยพิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้ตามมูลค่าของความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงแต่ไม่เกินทุนประกันอาคาร

“บิ๊กช้าง” สั่งเร่งระดมกำลัง และลำเลียงโฟมเข้าช่วยดับไฟจากโรงงานสารเคมี พร้อมให้กำลังพลช่วยอพยพปชช.

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ ได้จัดส่งกำลังพล ยานพาหนะ รถดับเพลิงโฟมและสารเคมี ชุดเผชิญเหตุสารเคมี อากาศยานไร้คนขับ รวมทั้งรถพยาบาล พร้อมเจ้าหน้าที่แพทย์สนามและทหารสารวัตร เข้าพื้นที่เสริมการทำงานของ จว.สมุทรปราการแล้วที่ผ่านมา ในการควบคุมเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมี หมิวนี้ เคมีคอล จำกัด และเกิดเหตุระเบิดที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

โดย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ได้กำชับสั่งการทุกเหล่าทัพ ให้เร่งเข้าไปสนับสนุน จ.สมุทรปราการ เคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่กำหนด และให้ระดมขนย้ายโฟมดับเพลิงที่มีอยู่ของทุกเหล่าทัพ เร่งเข้าไปสนับสนุนการดับไฟและการควบคุมมลพิษจากสารเคมีในพื้นที่ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยให้จัดชุดเผชิญเหตุสารเคมีสนับสนุนการทำงานร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ให้เตรียมเครื่องมือกลสายช่างสนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่ต่อเนื่องกันไป เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติโดยเร็ว

นายกฯ โทรฯ กำชับ ผวจ. สมุทปราการระงับเหตุบึ้ม รง.สารเคมี ช่วยประชาชนเต็มที่ สั่ง ระดม ทุกหน่วยช่วยเร่งด่วน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การระเบิดภายในโรงงานของ บริษัท หมิงตี้ เคมิคอล จำกัด ในซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ที่ยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะการปฎิบัติงานบรรเทาภัยของหน่วยงานต่าง ๆ ในการระงับเหตุอย่างต่อเนื่อง ทั้งการป้องกันการะเบิดซ้ำ การดับไฟ การสะกัดควัน การจัดหาสารเคมีและโฟมดับไฟ เนื่องจากเพลิงที่ลุกไหม้ในที่เกิดเหตุ มีต้นทางเป็นถังบรรจุสารเคมีซึ่งสารดังกล่าวไม่สามารถดับได้ด้วยน้ำ จึงมีความจำเป็นต้องใช้โฟมในการดับไฟ 

นายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ประสานนำเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2 ลำ จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และรถฉีดโฟมขนาดใหญ่ ให้ความช่วยเหลือการดับเพลิงแล้ว รวมทั้งได้สั่งให้ทุกหน่วยงานทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชนช่วยเหลือจัดหาโฟมและสารเคมีดับไฟเพิ่มเติมด้วย รวมถึงการขอทีมที่เชี่ยวชาญการจัดการสารเคมีเข้าร่วมสนับสนุนการระงับเหตุ ซึ่งได้นำเครื่องมือ เช่น Fire Robots และ Gas Detectors ไปยังจุดเกิดเหตุแล้ว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมจัดส่งกำลังพลจากทุกเหล่าทัพ รวมถึงยานพาหนะ รถดับเพลิง โฟมและสารเคมี ชุดเผชิญเหตุสารเคมี อากาศยานไร้คนขับ รวมทั้งรถพยาบาล พร้อมเจ้าหน้าที่แพทย์สนามและทหารสารวัตร เข้าพื้นที่เสริมการทำงานของจังหวัดสมุทรปราการด้วยแล้ว รวมทั้งสั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยบรรเทาฝุ่นควันจากเหตุดังกล่าวด้วยแล้ว โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง หากเข้าเงื่อนไขการทำฝน จะวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการช่วยเหลือทันที

“นายกรัฐมนตรีเสียใจกับการสูญเสียเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เสียชีวิตจากการระงับเหตุในครั้งนี้ ขอให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ พร้อมกับให้ภาครัฐจัดการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกคนจากทุกหน่วยงานที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ทั้งการระงับเหตุและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มความสามารถ และ ย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องที่พักและอาหารในจุดอพยพต่าง ๆ รวมทั้งเร่งสำรวจและหาสาเหตุเพลิงไหม้ให้ชัดเจนเมื่อสถานการณ์สงบลงเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป และการเตรียมการต่างๆเพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว” นายอนุชา กล่าว

ผู้ว่าฯ สมุทรปราการแถลงข่าวความคืบน้าเหตุเพลิงไหม้บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด

นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย พล.ต.ต. ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พล.ต. เพชรพนม โพธิ์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทยส่วนหน้า และนายปภินวิช ละอองแก้ว หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมแถลงข่าว

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการแถลงว่า ทุกหน่วยงานเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยระดมสรรพกำลังและอุปกรณ์เข้าระงับเหตุได้แก่ รถดับเพลิง เฮลิคอปเตอร์ ฯลฯ เนื่องจากโรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก มีสารอันตราย ประกอบด้วย สารสไตรีนโมโนเมอร์ ประมาณ 1,600 ตัน เป็นสารระเหย หากหายใจเข้าไปจะมีอาการระคายจมูกและคอ ปวดศีรษะ มึนงง ถ้าได้รับสารปริมาณสูงอาจชักและเสียชีวิตได้ สารเพนเทน ประมาณ 60 - 70 ตัน เป็นของเหลวไวไฟสูง อาจทำให้ง่วงซึม หรือมึนงง ขณะนี้ยังมีการลุกไหม้อยู่ต่อเนื่อง ขณะนี้ใช้ยานยนต์ดับเพลิงควบคุมระยะไกล (LUF60) และโฟมผสมน้ำเข้าระงับเหตุการณ์ดังกล่าว

ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต

มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ อายุ 18 ปี อาสาสมัครฯ หน่วยสมเด็จเจ้าพระยา) และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 33 ราย

การช่วยเหลือประชาชน จัดตั้งศูนย์อพยพ จำนวน 8 จุด ดังนี้
จุดที่ 1 องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ (อาคารหลังเก่า) มีผู้อพยพ จำนวน 160 คน
จุดที่ 2 วัดบางพลีใหญ่กลาง มีผู้อพยพ จำนวน 250 คน
จุดที่ 3 โรงเรียนบางกระบือ มีผู้อพยพจำนวน 122 คน
จุดที่ 4 โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ มีผู้อพยพจำนวน 345 คน
จุดที่ 5 ศาลพ่อหลวง มีผู้อพยพจำนวน 35 คน
จุดที่ 6 วัดบางโฉลงใน มีผู้อพยพจำนวน 140 คน
จุดที่ 7 วันบางโฉลงนอก มีผู้อพยพจำนวน 340 คน
จุดที่ 8 วัดบางพลีใหญ่ใน มีผู้อพยพจำนวน 500 คน
รวมผู้อพยพ จำนวน 1,892 คน

เรื่องที่พัก อาหาร
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร สถานที่พัก
- การช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ดูแลด้านอาหาร ที่พัก ในเบื้องต้น
- การแยกผู้ป่วยโควิด
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ควบคุมประชาชนเข้าศูนย์อพยพ โดยมีการ
คัดกรองโควิด - 19

การติดตามสถานการณ์ สอบถามข้อมูล สามารถติดตามญาติ ได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่

มท.1 สั่งเร่งช่วยเหลือ ปชช.ในเหตุเพลิงไหม้โรงงานสมุทรปราการ เน้นย้ำดูแลปชช. ความปลอดภัยเจ้าหน้าที่เป็นสำคัญ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกใน ซ.กิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ เพื่อประสานการสนับสนุนร่วมกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.สมุทรปราการ โดยระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ พร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย รวมทั้งส่งเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำ สนับสนุนการดับเพลิงฯ ซึ่งในขณะนี้ยังคงอยู่ในพื้นที่และปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงาน และอาสาสมัครที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ได้เน้นย้ำให้จังหวัดบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจิตอาสา ดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบ พร้อมจัดให้มีสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ที่พักอาศัยประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และให้ความสำคัญมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด 

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า จ.สมุทรปราการได้ตั้งจุดอพยพ 8 จุด ได้แก่

1.) อบต.บางพลีใหญ่

2.) วัดบางพลีใหญ่กลาง

3.) โรงเรียนคลองบางกระบือ

4.โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์

5.) ศาลพ่อหลวง 6.วัดบางโฉลงใน

7.) วัดบางโฉลงนอก

และ 8.) วัดบางพลีใหญ่ใน

นอกจากนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและอาสาสมัครให้ระมัดระวังตนเองในการปฏิบัติงาน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วง ดูแลประชาชนให้กลับสู่ภาวะปกติเร็ว ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

"คมนาคม" ยกระดับการขนส่งทางน้ำ พัฒนามิติการควบคุม กำกับ ดูแล ตามรูปแบบสากล

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยกระดับการพัฒนามิติการควบคุม กำกับ ดูแล การขนส่งทางน้ำของกรมเจ้าท่าให้มีความเป็นสากล รอบคอบ และเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนามิติการควบคุม กำกับดูแล การขนส่งทางน้ำ ให้มีรูปแบบการดำเนินการที่เป็นสากล มีความรอบคอบ และการดำเนินการเป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องเช่นเดียวกับการควบคุมกำกับดูแลการขนส่งทางอากาศ กระทรวงคมนาคมได้มีคำสั่งที่ 301/2564 แต่งตั้งคณะกรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองและดำเนินการภารกิจตามกฎหมาย กฎ คำสั่ง หรือบทบัญญัติอื่นที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไปฯ ของกรมเจ้าท่า ซึ่งจะมีบทบาทและหน้าที่ในการพิจารณาอนุญาต การต่ออายุและการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ท้ายใบอนุญาตประกอบกิจการท่าเรือเดินทะเล และการพิจารณาอนุญาตให้ผู้ประกอบการขนส่งทางทะเลซึ่งถือกรรมสิทธิ์เรือไทยเช่าและใช้เรืออื่นที่มิใช่เรือไทย ในการขนส่งทางทะเล และการพิจารณาอนุญาตให้เรือของบุคคลผู้ไม่ต้องด้วยลักษณะที่จะถือกรรมสิทธิ์เรือไทยได้สามารถทำการค้าในน่านน้ำไทยได้ 

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองและดำเนินการภารกิจตามกฎหมาย กฎ คำสั่ง หรือบทบัญญัติอื่นที่ผลบังคับเป็นการทั่วไปฯ ของกรมเจ้าท่า ครั้งที่ 1/2564  และ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นรองประธานกรรมการ คณะกรรมการประกอบด้วย นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม อธิบดีกรมเจ้าท่า รองอธิบดีกรมเจ้าท่าด้านความปลอดภัย และผู้แทนจากหน่วยงานในสังกัดกรมเจ้าท่า ซึ่งการประชุมครั้งนี้ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 เป็นการประชุมผ่านระบบ Zoom Cloud Meeting

ที่ประชุมได้พิจารณากำหนดให้การประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองฯ อย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือน และมีมติเห็นชอบกรอบขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตตามระเบียบกระทรวงคมนาคมว่าด้วยการปฏิบัติราชการสำหรับการขออนุญาตประกอบกิจการท่าเรือเดินทะเล ซึ่งเป็นกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภคอันกระทบกระเทือนถึงความปลอดภัยหรือผาสุกของประชาชน กรอบขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตตามระเบียบกระทรวงคมนาคมว่าด้วยการปฏิบัติราชการสำหรับ  การขออนุญาตเช่าหรือใช้เรืออื่นที่มิใช่เรือไทยในการขนส่งทางทะเล ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2532 และกรอบขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การอนุญาตให้เรือของบุคคลผู้ไม่ต้องด้วยลักษณะ ที่จะถือกรรมสิทธิ์เรือไทยทำการค้าในน่านน้ำไทยตามมาตรา 47 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช 2481 และมอบหมายกรมเจ้าท่าทำการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวให้ผู้รับบริการและประชาชนที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป

ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบอนุญาตให้เรือของบุคคลผู้ไม่ต้องด้วยลักษณะที่จะถือกรรมสิทธิ์เรือไทยทำการค้าในน่านน้ำไทย ตามมาตรา 47 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช 2481 จำนวน 4 ลำ เข้ามาประกอบกิจการเฉพาะเท่าที่มีเอกชนร้องขออนุญาต และเป็นการเฉพาะตราบเท่าที่ได้รับการยืนยันจากสมาคมเจ้าของเรือไทย ว่าไม่มีเรือไทย สนใจเข้ามาประกอบกิจการ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ประกาศ ตาม checklist ที่กฎหมายกำหนดทุกประการ ทั้งนี้ เพื่อให้ การดำเนินการในกิจการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์แห่งสัญญาการว่าจ้างเรือของเอกชน เป็นไปเพื่อประโยชน์สมตามวัตถุประสงค์เท่าที่จำเป็น และคงรักษาประโยชน์ของธุรกิจประกอบกิจการเรือของไทย

นอกจากนั้น ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดเงื่อนไขในการอนุญาตให้ประกอบกิจการท่าเรือซึ่งเป็นกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภคอันกระทบกระเทือนถึงความปลอดภัยหรือผาสุกของประชาชน ตามข้อ 3 (9) แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม   พ.ศ. 2515 (ฉบับที่ 3) ซึ่งได้มีการกำหนดระยะเวลาการอนุญาตประกอบกิจการท่าเรือให้มีความชัดเจนและเพิ่มรายละเอียดเงื่อนไขในการอนุญาตให้ประกอบกิจการท่าเรือซึ่งต้องมีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เน้นย้ำให้คณะกรรมการกลั่นกรองและดำเนินการภารกิจตามกฎหมาย กฎ คำสั่ง หรือบทบัญญัติอื่นที่ผลบังคับเป็นการทั่วไปฯ ของกรมเจ้าท่า ดำเนินการด้วยความ รอบคอบ โปร่งใส เป็นไปตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top