Friday, 20 June 2025
NewsFeed

กัมพูชาเพิกถอนใบอนุญาต 2 เว็บไซต์ข่าวออนไลน์ กล่าวหาละเมิดจรรยาบรรณ-ขัดข้อตกลงกับรัฐซ้ำซาก

เมื่อวันที่ (18 มิ.ย 68) กระทรวงข้อมูลข่าวสารของกัมพูชาได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตสื่อออนไลน์ 2 แห่ง ได้แก่ fourpowers.asia และ sim-news.com โดยระบุว่าทั้งสองเว็บไซต์กระทำผิดร้ายแรง ฝ่าฝืนกฎหมายสื่อมวลชน และละเมิดข้อตกลงทางธุรกิจที่ได้ทำไว้กับรัฐ

คำสั่งดังกล่าวลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงข้อมูลข่าวสาร นายเนตร ภัคตรา โดยให้เหตุผลว่า การเพิกถอนใบอนุญาตเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมกิจการสื่อ เพื่อรักษามาตรฐานและความน่าเชื่อถือของวงการข่าวสารในประเทศ

แม้ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของเนื้อหาที่ละเมิด แต่กระทรวงชี้ว่า ทั้งสองเว็บไซต์มีพฤติกรรมผิดซ้ำซากและไม่ปฏิบัติตามคำตักเตือนก่อนหน้า จึงจำเป็นต้องยุติการดำเนินงานอย่างถาวร

ทั้งนี้ สถานการณ์เสรีภาพสื่อในกัมพูชายังคงน่าเป็นห่วง โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ปิดหรือควบคุมสื่ออิสระหลายแห่ง พร้อมจำกัดการเข้าถึงสื่อจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังมีการใช้กฎหมายในลักษณะคุกคามสื่อและนักข่าว ซึ่งนำไปสู่การจัดอันดับเสรีภาพสื่อของกัมพูชาในระดับต่ำจากหลายองค์กรระหว่างประเทศ เช่น Human Rights Watch, RSF และ Freedom House

‘วินทร์ เลียววาริณ’ ยก ‘พล.อ.เปรม’ ต้นแบบผู้นำชาติ ไร้คำหวาน - ไม่ต้องพูดมาก - แต่ไม่มีทางก้มหัวให้ผู้รุกราน

(19 มิ.ย.68) วินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ และนักเขียนเจ้าของรางวัลซีไรต์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ไม่ทุกคน ไม่ทุกฝ่ายรัก พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้นำไทยทุกยุคหลังจากนั้นสามารถเรียนรู้จากท่านคือ การรู้จักเงียบ

ทว่าไม่มีใครเรียนรู้

นี่เป็นคุณลักษณะเฉพาะตัวของ พล.อ. เปรม ชาว Minimalist ทางการเมืองตัวจริง พูดน้อยที่สุด พูดเท่าที่จำเป็น เมื่อจำเป็นก็ลงมือเชือดนิ่ม ๆ จนท่านได้รับฉายาว่า นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา

สิ่งหนึ่งที่ผมถามตัวเองเสมอก็คือ ทำไมผู้นำไทยยุคหลัง พล.อ. เปรมไม่รู้จักเรียนรู้คุณสมบัติข้อนี้ เพราะส่วนมากยิ่งพูดยิ่งโชว์โง่

ปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ฝ่ายไทยพบว่าเวียดนามเคลื่อนกำลังทหารผิดปกติ เสนาธิการไทยรวมทั้ง พล.อ. เปรมอ่านออกว่าเวียดนามกำลังจะตีเขมร

ตอนนั้น เฮง สัมริน และฮุนเซน แกนนำเขมรแดงที่ถูกการเมืองภายในเล่นงาน ถูกคำสั่งฆ่าของพลพต หนีไปเวียดนาม แล้วตกลงกับเวียดนามให้ยกทัพมาโค่นล้มพลพต

ถ้าเวียดนามเข้าไปกำจัดเขมรแดง ชาวโลกก็ไม่ว่าอะไร เพราะพลพตโหด ฆ่าคนเป็นล้าน ปัญหาคือประเทศไทยมีเส้นพรมแดนติดเขมรถึงแปดร้อยกิโลเมตร ถ้าเวียดนามบุก ชาวเขมรหลายแสนคนจะอพยพเข้ามาที่ชายแดนไทย หรือเข้าเขตไทย เวียดนามอาจฉวยโอกาสนี้เข้ามาเปลี่ยนไทยเป็นคอมมิวนิสต์

แล้วก็จริงตามนั้น วันคริสต์มาสปี พ.ศ. ๒๕๒๑ เวียดนามยกทัพเต็มอัตราศึกด้วยกำลังทหาร  ๑๕๐,๐๐๐ คน โค่นรัฐบาลเขมรแดงสำเร็จในสองอาทิตย์

เวียดนามใช้ เฮง สัมริน และฮุนเซนเป็นหมากรุกรานกัมพูชา โค่นรัฐบาลพลพต ตั้งรัฐบาลหุ่น People’s Republic of Kampuchea (PRK) เฮง สัมริน ขึ้นเป็นประธานคณะกรรมการปฏิวัติประชาชนและผู้นำ ส่วนฮุนเซนดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และในเวลาต่อมาก็เขี่ย เฮง สัมริน แล้วก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

เขมรพลันแตกแยกเป็นสี่ก๊ก ก๊กที่หนึ่งคือรัฐบาลกัมพูชาของ เฮง สัมริน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเวียดนาม ฐานอยู่ที่พนมกระวันและตะวันตกของพระตะบอง กำลังคนราวสี่หมื่นคน

ก๊กที่สองคือกลุ่มเขมรแดงของ พลพต และเขียว สัมพันธ์ มีกำลังราวสี่หมื่นคน ก๊กที่สามคือกลุ่มซอนซาน มีกำลังราวสี่พันคน ก๊กที่สี่คือกลุ่มสมเด็จนโรดม สีหนุ 

สามก๊กหลังรวมกันเรียกว่า Three United Resistance ต่อต้าน เฮง สัมริน และเป็นเป้าหมายการปราบปรามของเวียดนามกับ เฮง สัมริน 

ทัพเวียดนามและเขมร เฮง สัมริน กวาดล้างกลุ่มต่อต้าน ไล่ล่าเขมรแดงมาถึงชายแดนไทย-กัมพูชา แล้วรุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทย

ข่าวกรองบอกว่าเวียดนามเสนอความคิดแก่ พคท. ให้ยืมทหารเข้ายึด ๑๗ จังหวัดภาคอีสานของไทย แล้วประกาศเป็นรัฐใหม่

ค่ำวันที่ ๒๒ เดือนมิถุนายน ๒๕๒๓ กำลังเวียดนามและ เฮง สัมริน ยกกำลังสองกองร้อย โจมตีค่ายอพยพที่ชายแดนอรัญประเทศพร้อมกัน ตีค่ายอพยพบ้านหนองจาน บ้านโนนหมากมุ่น อำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี และอีกหลายหมู่บ้าน

ฝ่ายไทยทราบเรื่อง กำลังฝ่ายไทยที่คุ้มครองหมู่บ้านโนนหมากมุ่นบุกไปชิงพื้นที่คืน แต่ถูกฝ่ายเวียดนามถล่ม เสียชีวิตหลายคน

ทัพไทยยึดบ้านโนนหมากมุ่นคืนได้ในเวลา ๑๕.๔๕ น. ข้าศึกตายหลายสิบคน ทหารไทยตาย ๑๒ นาย แต่สามารถผลักดันกำลังเวียดนามออกไปในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๓

ห้าวันต่อมาคือ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๒๓ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ พาคณะทูตานุทูตไปดูบริเวณชายแดนปราจีนบุรีและวัฒนานคร เห็นหมวกกะโล่และดาวแดง บอกว่าเป็นพวกเวียดนาม

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศถาม พล.อ. เปรมว่า “ทำไมทหารไทยรุกเข้าไปในเขตแดนเขมรถึงหกกิโลเมตร?”

พล.อ. เปรมตอบเรียบ ๆ ว่า “ไทยไม่เคยรุกล้ำใคร นอกจากเวียดนามจะรุกล้ำแผ่นดินไทย ก็เห็น ๆ อยู่แล้ว จะให้ทำอย่างไรถ้าไม่ต่อต้าน”

หน้าที่ทหารไทยคือปกป้องดินแดนไทย ใครแรงมา เราก็แรงไป ไม่ต้องพูดคำหวาน

วันหนึ่งในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๘ ผู้นำไทยได้รับรายงานว่า เวียดนามบุกเนิน ๕๐๐ - ช่องบก หลังจากนั้นยุทธการช่องบกก็ดำเนินไปข้ามปี

เดือนมีนาคม ๒๕๓๐ การรบทวีความรุนแรงขึ้น จนเมื่อทหารไทยบุกประชิด มันก็กลายเป็นการรบแบบตะลุมบอน ใช้ดาบปลายปืน เลือดอาบแผ่นดินไทย

ไทยรบกับข้าศึกมาตลอด จนถึงจุดหนึ่ง ไทยก็ใช้กลยุทธ์ทำสงครามจรยุทธ์ ใช้กำลังทหารพรานกลุ่มเล็กออกล่าพวกเวียดนามในตอนกลางคืน ลอบเข้าไปในเขตฐานของเวียดนาม ฆ่าดักกงเงียบ ๆ ด้วยมีด แล้วหวนกลับมาฐานตอนสาง

ทหารพรานขุดคูเข้าหาฐานศัตรู เหมือนตัวตุ่นดำดินไปหาศัตรูเงียบ ๆ แทรกซึมเข้าไปในแนวข้าศึก ซุ่มโจมตี ตอดเล็กตอดน้อยให้พวกเวียดนามอ่อนกำลังลง ไม่สู้โดยไม่จำเป็น ขนอาวุธตามมา จนเข้าไปใกล้แทบลมหายใจรดต้นคอ สองฝ่ายเห็นหน้ากัน การรบแบบประชิดทำให้ฝ่ายข้าศึกไม่อาจใช้ปืนใหญ่ ขณะเดียวกันก็ชี้เป้าหมายให้แนวหลังกระหน่ำด้วยปืนใหญ่และเครื่องบินขับไล่จากกองบิน ๔ ตาคลี

การรบที่ช่องบกกินเวลานานตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๒๘ - ธันวาคม ๒๕๓๐ กองทัพไทยสูญเสียกำลังพล ๑๐๙ นาย บาดเจ็บ ๖๖๔ นาย

พ.ศ. ๒๕๓๒ เวียดนามถอนทหารออกจากกัมพูชาอย่างถาวร ปิดฉากการรบระหว่างไทยและเวียดนาม หลังจากเวียดนามคุกคามไทยมานานเกือบสิบปี

ประเทศไทยในยุคนั้นเป็นอีกห้วงเวลาหนึ่งที่หวุดหวิดเสียเมืองให้แก่ลัทธิคอมมิวนิสต์ เพราะกองทัพดำเนินนโยบายถูกจุด แผนการยุทธ์ถูกต้อง และทหารหาญพลีชีพเพื่อแผ่นดิน

ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นต้นมา บทบาทของทหารบ่อยครั้งออกนอกลู่นอกทาง จนเกิดประโยคคำถาม “ทหารมีไว้ทำไม?” แต่เมื่อเกิดวิกฤติร้ายแรงระดับสิ้นชาติ ทหารก็มีไว้เป็นรั้วแรกที่ต้านทานอริราชศัตรูด้วยเลือด

ช่วงเวลานั้นถ้าไม่มีนายทหารเสนาธิการระดับมันสมอง เช่น พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ และนายทหารเสนาธิการอีกหลายคนที่มองการณ์ไกล วางแผนการยุทธ์อย่างรอบคอบ เดินหมากการเมืองระหว่างประเทศอย่างชาญฉลาด รักษาสมดุลระหว่างอำนาจจีนและสหรัฐฯอย่างลงตัว วันนี้ประเทศไทยอาจจะอยู่ใต้ฟ้าดาวแดง

หลายคนร้องเพลงชาติไทยได้ แต่ไม่รู้ความหมายของประโยค "เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่"

และไม่เคยรู้จักคำพูดนี้ของ พล.อ. เปรม “ไทยไม่เคยรุกล้ำใคร... ก็เห็น ๆ อยู่แล้ว จะให้ทำอย่างไรถ้าไม่ต่อต้าน”

หน้าที่คนไทยทุกคนคือปกป้องดินแดนไทย ใครแรงมา เราก็แรงไป ไม่ต้องพูดคำหวาน ไม่ต้องพูดมาก ไม่มีทางก้มหัวให้ผู้รุกราน

นี่ก็คือบทเรียนที่ผู้นำรุ่นหลังไม่เคยเรียนรู้จากนักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา

‘เพชรโกศล’ ทุบกำปั้นปินส์ ซิวแชมป์โลก IBF กลายเป็นแชมป์โลกคนที่ 50 ในประวัติศาสตร์มวยไทย

(19 มิ.ย. 68) การแข่งขันชิงแชมป์โลกมวยสากล IBF รุ่นจูเนียร์ฟลายเวท (108 ปอนด์) ที่ว่างลง จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ณ สังเวียนโอตะ เยเนอรัล ยิมเนเซียม กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นการพบกันระหว่าง คริสเตียน อาราเนตา รองแชมป์โลกอันดับ 1 จากฟิลิปปินส์ กับ เพชรโกศล กรีนซึดะ นักชกไทยวัย 25 ปี ดีกรีแชมป์ OPBF

แม้เพชรโกศลจะโดนนับในยกที่ 3 จากหมัดสวนของอาราเนตา แต่จากยก 4 เป็นต้นไป นักชกไทยกลับมาเร่งเกม ใช้ความเร็วและการเข้าวงในอย่างชาญฉลาด ดักต่อยเข้าเป้าอย่างต่อเนื่อง ตลอด 12 ยก จนกรรมการให้คะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ 2-1 (115-112, 113-114, 116-111) คว้าเข็มขัดแชมป์โลกมาครองอย่างยิ่งใหญ่

ชัยชนะครั้งนี้ทำให้เพชรโกศล กลายเป็นแชมป์โลกคนที่ 50 ของไทย ในประวัติศาสตร์วงการมวยสากลอาชีพ และถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญในการปลุกกระแสศรัทธามวยไทยบนเวทีโลก หลังจากช่วงที่ผ่านมาไทยห่างหายจากการได้แชมป์โลกไปช่วงหนึ่ง

หลังชก เพชรโกศลเปิดใจว่า “ผมขอขอบคุณแฟนมวยชาวไทยทุกคนที่ส่งแรงใจมาถึงโตเกียว นี่คือความฝันที่เป็นจริง” พร้อมย้ำว่า จะตั้งใจป้องกันแชมป์และพัฒนาฝีมือต่อไป เพื่อเป็นตัวแทนของคนไทยในเวทีระดับโลกอย่างภาคภูมิใจ

กบน. ตรึงราคาหน้าปั๊ม - ลดเก็บเงินดีเซล 70 สต./ลิตร ลดผลกระทบประชาชนจากความขัดแย้งตะวันออกกลาง

(19 มิ.ย.68) นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพิลง (กบน.) ในการประชุมวันนี้ มีมติปรับลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันดีเซลลงอีก 70 สตางค์/ลิตร เพื่อช่วยพยุงราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการไม่ให้ปรับขึ้นราคา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

มติดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 75.52 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 93.98 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 87.49 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับเพิ่มขึ้นตาม 

การลดอัตราเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบสัปดาห์ ส่งผลให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันดีเซล ลดลงประมาณวันละ 43.50 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายรับประมาณวันละ 62.97 ล้านบาท เหลือรายรับประมาณวันละ 19.47 ล้านบาท ขณะที่รายรับจากกลุ่มน้ำมันเบนซินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และอยู่ที่ประมาณวันละ 72.88 ล้านบาทเท่าเดิม (รายละเอียดในตาราง)

นายพรชัย กล่าวว่า “การดำเนินมาตรการในครั้งนี้สะท้อนถึงความพร้อมของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการบริหารจัดการและดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับประชาชน โดยใช้กลไกการจัดเก็บของอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาช่วยพยุงราคาน้ำมันให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 โดย กบน.จะติดตามสถานการณ์พลังงานอย่างใกล้ชิด และพร้อมปรับเปลี่ยนมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อดูแลภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนอย่างรอบด้าน และมีประสิทธิภาพ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top