Thursday, 5 June 2025
NewsFeed

รัฐบาลไทย เบรกแผนกองทัพปิดด่าน หลังผู้นำกัมพูชาต่อสายร้องขอ หวั่นกระทบเศรษฐกิจชายแดน

(2 มิ.ย. 68) มีรายงานว่า รัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ขอให้กองทัพใช้ความอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังพบว่ากัมพูชาเพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนักในพื้นที่ช่องบก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ โดยฝ่ายกัมพูชาหันปืนใหญ่เข้าสู่ฝั่งไทย

กองทัพไทยแจ้งต่อรัฐบาลว่า ทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามายังเขตแดนของไทย จึงเสนอปิดด่านชายแดนทั้งหมด เพื่อกดดันให้กัมพูชาถอนกำลังออกไป โดยมองว่าหากนิ่งเฉยจะเป็นการยอมรับการล้ำแดน ซึ่งสร้างความไม่สบายใจต่อฝ่ายทหาร

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีและรองนายกฯ ขอให้ชะลอแผนปิดด่านออกไป เนื่องจากกังวลว่าจะกระทบต่อการค้าชายแดน และซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมระบุว่ากำลังจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นเวทีทางการทูตที่ควรให้โอกาสก่อน

รายงานระบุเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ. เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกัมพูชา ได้โทรศัพท์หานายภูมิธรรม ร้องขอไม่ให้ไทยปิดด่านชายแดน ซึ่งนำไปสู่การพูดคุยภายในรัฐบาล และมีคำสั่งให้กองทัพยับยั้งมาตรการแข็งกร้าวไว้ชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดที่จะลุกลามบานปลาย

สมุทรปราการ-โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

(30 พ.ค.68) ที่ผ่านมา ทางคณะครูโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ได้จัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

โดยคณะครู และนักเรียนโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา ร่วมถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ ห้องประชุมเธียร์เตอร์โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ

ในพิธีฯ ได้รับเกียรติจาก ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 
ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เป็นประธานในพิธี 

พร้อมด้วย ปลัดเทศบาล รองปลัดเทศบาล คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี  ทั้งนี้ คณะผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงและเต็มเปี่ยมด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สมุทรปราการ-สุดยิ่งใหญ่!! มหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น เทศบาลตำบลแพรกษา เจ้าภาพใหญ่ จัดการแข่งขันทักษะวิชาการ ระดับภาคตะวันออก ครั้งที่ 30 

(1 มิ.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เทศบาลตำบลแพรกษา โดยนางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ดำเนินการเตรียมพร้อมจัดการแข่งขันทักษะวิชาการ ระดับภาคตะวันออก ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2568 ซึ่งทางเทศบาลตำบลแพรกษาได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ ภายใต้แนวคิด EDUCATION COME FIRST ท้องถิ่นสร้างคน เยาวชนเก่งดี เวทีพหุปัญญา 

ตามที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ขอความร่วมมือจังหวัดแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมและประสงค์รับเป็นเจ้าภาพระดับประเทศ/ระดับภาคในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เข้าร่วมประชุมพิจารณาคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และประสงค์รับเป็นเจ้าภาพระดับประเทศ/ระดับภาคในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพจัดการศึกษาท้องถิ่น เมื่อวันพุธที่ 10 มกราคม 2567 ผ่านระบบ Cisco Meeting Server นั้น

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อให้การดำเนินกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พศ 2568 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงขอความร่วมมือจังหวัดแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเป็นเจ้าภาพระดับประเทศ/ระดับภาค ในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ 2568 ทราบและจัดทำคำของบประมาณรายการเงินอุดหนุนสำหรับส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาท้องถิ่นพร้อมประมาณการรายละเอียด ค่าใช้จ่าย สถานที่ และห้วงระยะเวลาในการดำเนินกิจกรรมที่ชัดเจน โดยบันทึกคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี ในระบบสารสนเทศเพื่อการจัดทำงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (BBL) ภายในวันที่ 15 มกราคม 2567 เพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายการดังกล่าวต่อไป 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดรายชื่อถนน 94 จุดทั่วประเทศ เข้มงวดบังคับใช้กฎหมายจราจร ตาม “โครงการถนนปลอดภัย” คิกออฟวันนี้พร้อมกันทั่วประเทศ

(1 มิ.ย. 68) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยจัดทำ “โครงการถนนปลอดภัย” ให้ดำเนินการเสริมสร้างวินัยจราจรและสร้างความปลอดภัยทางถนน เพื่อให้การบริหารงานจราจรเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยให้บังคับใช้กฎหมายจราจรทางบกและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรถหรือการใช้ทางบนถนนดังกล่าวอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัยในการสัญจร โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป 

ทั้งนี้ กองบังคับการ/ตำรวจภูธรจังหวัด ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ได้พิจารณาเลือกถนนสายสำคัญในพื้นที่ หรือถนนที่มีการฝ่าฝืนกฎจราจรจำนวนมาก หรือถนนที่มีอุบัติเหตุในเส้นทางบ่อยครั้ง หรือถนนที่มีที่ตั้งของสถานศึกษาอยู่หลายแห่ง เพื่อรณรงค์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจรในทุกมิติ รวมจำนวนถนนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 94 จุด ทั่วประเทศ แบ่งเป็น พื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล จำนวน 11 จุด , ตำรวจภูธรภาค 1 จำนวน 9 จุด , ตำรวจภูธรภาค 2 จำนวน 9 จุด , ตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 10 จุด , ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 13 จุด , ตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 8 จุด , ตำรวจภูธรภาค 6 จำนวน 9 จุด , ตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 9 จุด , ตำรวจภูธรภาค 8 จำนวน 8 จุด และตำรวจภูธรภาค 9 จำนวน 8 จุด 

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า วันนี้ได้เริ่มดำเนิน “โครงการถนนปลอดภัย” พร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งเป็นโครงการที่ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง มุ่งเป้าลดการเกิดอุบัติเหตุจราจร สร้างความปลอดภัยให้แก่ทุกคนที่ใช้รถใช้ถนน พร้อมขอเชิญชวนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ร่วมกันปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่ฝ่าฝืนกฎจราจรในถนนเส้นดังกล่าวในทุกมิติ เพราะหากพบการกระทำผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจะกวดขันดำเนินคดีอย่างเข้มงวดทุกกรณี

หากประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนพบเหตุต้องสงสัย หรือสอบถามข้อมูลเส้นทางเพิ่มเติม  แจ้งอุบัติเหตุจราจร และขอความช่วยเหลือด้านการจราจร สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เชียงใหม่-เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดกิจกรรมทำความดี ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 

(1 มิ.ย. 68) เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดกิจกรรมทำความดี ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี นำเด็กด้อยโอกาสเข้าทำกิจกรรม “ศูนย์การเรียนรู้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (Chiang Mai Night Safari Learning Center)”

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี  จัดพิธีลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 โดยมี นางสาวฐิติรัตน์ ต๊ะวันวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร พร้อมด้วย นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง, คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ ร่วมพิธีลงนามถวายพระพรชัยมงคล ณ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
          
นอกจากนี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้จัดกิจกรรมทำความดี ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยพาเด็กด้อยโอกาสจากโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ และโรงเรียนบ้านตองกาย จำนวนกว่า 50 คน เข้าทำกิจกรรม “ศูนย์การเรียนรู้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (Chiang Mai Night Safari Learning Center)” ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่าผ่านกิจกรรมและสื่อต่าง ๆ เช่น เกมอนุรักษ์ธรรมชาติ สัตว์ 3D animation หนังสือ AR book เป็นต้น และชมกิจกรรมต่างๆ ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี 

พังงา-ทัพเรือภาค 3 ช่วยเรือขนส่งเมียนมา เกยตื้นจมทั้งเรือและพัสดุ ใกล้อุทยานเเห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์

(2 มิ.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือขนส่งสินค้าสัญชาติเมียนมาร์  MV.AYAR LINN เกยตื้น บริเวณอ่าวจาก ทิศเหนือของอุทยานเเห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อ.คุระบุรี จ.พังงา จากการตรวจสอบพบว่า เรือ MV.AYAR LINN ขนาด 100.05 ตันกรอส มีคนจำนวน 8 คน ทั้งหมดเป็นสัญชาติเมียนมาร์ คน มี Mr. AUNG NGWE SOE  อายุ 50 ปี เป็นผู้ควบคุมเรือ โดยมี Mr.Ko Soe Thin B เป็นเจ้าของเรือ(ภูมิลำเนากรุงย่างกุ้ง) เรือลำดังกล่าวได้เเจ้งเข้ามาจอดเพื่อขนส่งสินค้า ประเภทเครื่องอุปโภค บริโภค ณ ท่าเรือโกม๊ก จ.ระนอง ในวันที่ 23 พ.ค.68 และเเจ้งออกเรือ ในวันที่ 29 พ.ค.68 อย่างถูกต้อง โดยได้เดินทางไปขนส่งสินค้ายังที่หมายแรกคือเกาะสอง ประเทศเมียนมาและได้ไปส่งลูกเรือ ชื่อ Mr.Zar ขึ้นที่เกาะสอง จากนั้นได้ออกเรือเดินทางต่อไปยังเมืองมะริด ในระหว่างออกเรือเดินทางตามเส้นทางเดินเรือ ทางเรือได้ตรวจพบรอยรั่ว บริเวณท้องเรือ ทางผู้ควบคุมเรือจึงได้นำเรือมุ่งหน้าไปยังที่หมายฝั่งที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อคนประจำเรือ จนเป็นเหตุให้เรือไปเกยตื้นบริเวณอ่าวจาก ทิศเหนือของอุทยานเเห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ และ ศปก.ทรภ.3 ได้สั่งการให้ ร.ล.มัตโพน เเละ นรภ.ทร.ก.สุรินทร์ เข้าดำเนินการตรวจสอบ เเละให้การช่วยเหลือเรือ และลูกเรือลำดังกล่าว 
   ช่วงบ่ายวันเดียวกัน (1 มิ.ย.68) สถานการณ์น้ำยังคงเข้าเรืออย่างต่อเนื่อง  ในขณะที่ ร.ล.มัตโพน ไม่สามารถเข้าไปถึงเรือ MV.RAYAR LINN เพื่อให้การช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเป็นพื้นที่น้ำตื้น, เรือ MV.ค่อย ๆ จมลงอย่างช้าๆ ทำให้สินค้าจำนวนหนึ่งลอยกระจายไปกับกระแสน้ำ อีกส่วนหนึ่งจมลงไปพร้อมกับเรือ ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดพังงา (ศคท.จว.พง.ฯ) จึงได้ดำเนินการประสาน เรือหลวงมัตโพน เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยทหารเรือเกาะสุรินทร์ เจ้าหน้าที่อุทยานเเห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เเละ ตำรวจน้ำจาก ส.รน.2 กก.8 บก.รน. พร้อมเรือยาง ให้การช่วยเหลือ ตามตำบลที่เรือเกยตื้น เเละช่วยคนประจำเรือทั้ง 7 คน ขึ้นสู่เรือหลวงมัตโพน ด้วยความปลอดภัย โดยได้รับเเจ้งจากทาง ร.ล.มัตโพน หลังจากนี้จะนำลูกเรือขึ้นสู่ฝั่ง ณ ท่าเทียบเรือ ฐานทัพเรือพังงา ทหารเรือภาค 3 

จากการตรวจสอบของชุดตรวจค้นและเจ้าหน้าที่ พบว่า ทางเรือมีการสำเเดง เอกสารประจำเรือ บัญชีคนประจำพาหนะ ใบปล่อยเรือ (Clearance outwards) คำเเสดงที่ยื่นพร้อมกับบัญชีสินค้าสำหรับขาออก เเละใบขนถ่ายสินค้าขาออก ที่ผ่านพิธีการทางศุลกากร อย่างถูกต้อง นอกจากสินค้าตามรายการที่แจ้งแล้ว ผู้ควบคุมเรือ ได้เเจ้งว่าในเรือมีน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 7,700 ลิตร ที่ใช้ในการเดินทาง โดยบรรจุในถังใช้การ  จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ไม่พบการรั่วไหลของน้ำมันในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ จะดำเนินการส่ง จนท.ลงพื้นที่ ตรวจสอบตำบลที่เกิดเหตุอีกครั้ง
สำหรับการทำลายความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและเเนวปะการัง ในพื้นที่นั้น ทางอุทยานฯ ได้ดำเนินการควบคุมคนประจำเรือ MV.AYAR LINN จำนวน 7 คน พร้อมของกลาง หลังจาก ร.ล.มัตโพนส่งคนประจำเรือขึ้นสู่ฝั่งเพื่อไปสอบข้อเท็จจริง ณ ที่ทำการอุทยานเเห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา รวมทั้งเตรียมเเจ้งข้อกล่าวหา เเละทำบันทึกการจับกุมพร้อมของกลาง ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.คุระบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป หลังจากนี้ ทางอุทยานฯ เเจ้งว่าจะดำเนินการส่ง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ดำน้ำสำรวจความเสียหายของเเนวปะการังอีกครั้ง รวมทั้ง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยทหารเรือเกาะสุรินทร์ ลงพื้นที่ตรวจสอบสิ่งของต่างๆ ที่ลอยไปตามกระเเสน้ำเพื่อไม่ให้เกิดส่งผลกระทบต่อสภาวะเเวดล้อมทางทะเลเป็นอย่างไร
ภาพข่าว

พงษ์ศักดิ์ ประทีป /โกอู๋@ผู้สื่อข่าวจังหวัดพังงา

‘คาร์โรล นาวร็อคกี’ ผู้นำชาตินิยม ชนะเลือกตั้งโปแลนด์ ชูจุดยืนแข็งกร้าว!!..ต้านยูเครน ใกล้ชิดสหรัฐฯ ชนอียู

(2 มิ.ย. 68) คาร์โรล นาวร็อคกี (Karol Nawrocki) ผู้นำสายอนุรักษ์นิยม คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีโปแลนด์ด้วยคะแนน 50.89% เฉือนชนะราฟาล ทรัสคอฟสกี นายกเทศมนตรีวอร์ซอผู้แทนสายเสรีนิยม ซึ่งได้ 49.11% ท่ามกลางการขับเคี่ยวอย่างสูสีจนถึงโค้งสุดท้าย โดยก่อนหน้าการเลือกตั้ง ทรัสคอฟสกีมีคะแนนนำเล็กน้อยในโพลเกือบทุกสำนัก

นาวร็อคกี เป็นที่รู้จักจากจุดยืนชาตินิยมแข็งกร้าว และได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะช่วยยกระดับความร่วมมือทางทหารระหว่างโปแลนด์กับสหรัฐฯ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจสร้างความตึงเครียดกับสหภาพยุโรปที่ต้องการให้โปแลนด์เดินหน้าไปในทิศทางประชาธิปไตยเสรีนิยม

อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเมืองของนาวร็อคกีอาจไม่ราบรื่นนัก เนื่องจากนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน โดนัลด์ ทัสก์ (Donald Franciszek Tusk) เป็นนักการเมืองสายเสรีนิยมที่มีบทบาทสูงในรัฐบาล ประกอบกับสมาชิกในรัฐสภาโปแลนด์ ยังเป็นพวกฝ่ายซ้ายอีกด้วย ซึ่งอาจทำให้นโยบายของนาวร็อคกีอาจถูกต่อต้านได้

ในเวทีระหว่างประเทศ นาวร็อคกีแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการที่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO และวิจารณ์รัฐบาลเซเลนสกีอย่างรุนแรง พร้อมประกาศลดบทบาทโปแลนด์ในความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครน แม้จะยังคงยืนกรานท่าทีต่อต้านรัสเซียก็ตาม โดยเขาจะเข้ารับตำแหน่งต่อจากอันเดรจ ดูดา ในวันที่ 6 สิงหาคม 2025 นี้

ถอดรหัสกองพันพิฆาตของเมียนมา ปรับกระบวนทัพให้เหมาะกับทุกสมรภูมิรบ

(2 มิ.ย. 68) เราจะเห็นข่าวว่ากองกำลังชาติพันธุ์ตีกองทัพเมียนมาแตก ยึดค่ายได้ บลาๆ  แต่ถามว่านับจากรัฐประหารมาตั้งแต่ 4 ปีก่อนจนปัจจุบันดูแล้วทำไมท่าทีของกองทัพเมียนมาไม่ได้ดูเหมือนผู้ปราชัยเลย วันนี้เอย่าจะมาถอดรหัสกองรบเมียนมาให้ได้ทราบกัน

พูดถึงทหารราบในเมียนมาแล้วที่เราเห็นส่วนใหญ่หากใครเคยไปต่างเมืองในประเทศเมียนมาแล้วเจอด่านตรวจหรือด่านเก็บส่วยของกองทัพ  ทหารเหล่านั้นเรียกว่าทหารประจำถิ่น  คำว่าทหารประจำถิ่นไม่ได้หมายความว่าทหารพวกนี้เกิดที่นี่เท่านั้น แต่ทหารกลุ่มนี้เวลากำลังพลย้ายไปประจำที่ไหนก็จะยกพาครอบครัวไปด้วย  ดังนั้นเราจะเห็นทหารพวกนี้บางด่านจะมีผู้หญิง หรือเด็กออกมาขายของเวลารถติดเข้าด่าน คนเหล่านี้คือครอบครัวของพลทหารนั่นเอง  กองทัพเมียนมามีทหารประจำถิ่นเหล่านี้จำนวนมากและใช้กองกำลังกลุ่มนี้ในการเฝ้าค่าย ตั้งด่านตรวจและรบในระยะทางไม่ไกลเป็นครั้งคราว

ทหารประจำถิ่นพวกนี้ไม่ได้มีแค่ระดับพลทหารแต่รวมถึงทหารระดับชั้นที่เป็นหัวหน้าบังคับกองร้อยด้วยเช่นกัน

จุดแข็งของทหารกลุ่มนี้คือชำนาญพื้นที่การศึกแต่ข้อเสียคือหากความเสียหายดังกล่าวเกิดกับครอบครัวมักจะยอมแพ้หรือหนี  ในหลายข่าวที่เราเห็นมีการสังหารผู้หญิงและเด็กส่วนใหญ่คือลูกเมียและครอบครัวของทหารประจำถิ่นทั้งสิ้น

กลศึกของทหารประจำถิ่นไม่ได้มีแค่กองทัพเมียนมาเท่านั้นแต่ยังเป็นลักษณะนี้เช่นกันในกองกำลังชาติพันธุ์ด้วย

กองกำลังที่ 2 ถูกเรียกว่ากองกำลังรบหลักเป็นกองกำลังที่มีประมาณ 10 กองพล  กองทัพนี้จะเดินทางไปยังภูมิภาคต่างๆที่มีการสู้รบเปรียบได้กับกองกำลังทหารพรานหรือกองกำลังรบพิเศษอะไรประมาณนั้น 

กองทัพนี้จะไม่มีครอบครัวติดตามไปมาเป็นเอกเทศและรบแบบเล็งผลเป้าหมาย  ดังนั้นในหลายปฏิบัติการที่เอาคืนพื้นที่จะมีกองพลกลุ่มนี้เป็นแนวหน้าเข้าประทะ  แต่อย่างที่บอกด้วยกองพลกลุ่มนี้ไม่ได้มีจำนวนมากหากเกิดสงครามก็ต้องวนไปรบในพื้นที่ต่างๆ และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่กองทัพเมียนมาอ่อนแอเพราะไม่สามารถผลิตทหารกลุ่มนี้ให้มากพอกับกองกำลังที่มีอยู่ได้นั่นเอง

โฆษก รทสช. ขอบคุณคนไทยโหวต ‘พีระพันธุ์’ นักการเมืองบทบาทโดดเด่น ย้ำ!! มุ่งเดินหน้าทำงาน สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติและคนไทย

(3 มิ.ย. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีผลสำรวจ “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนพฤษภาคม 2568” ของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่ระบุว่า ประชาชนกว่า 24.06% มองว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นนักการเมืองที่มีบทบาทโดดเด่นมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในเดือนพฤษภาคม 2568

โดยนายอัครเดช กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนนายพีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ มาโดยตลอดต่อเนื่อง จนคะแนนความนิยมของนายพีระพันธุ์ พุ่งขึ้นสู่ท็อป 3 ในรัฐบาลและมีแนวโน้มดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์ปัจจุบันจะมีแรงกดดันจากภายนอกและภายในให้กับนายพีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ 

ทั้งนี้ คะแนนนิยมดังกล่าวจากพ่อแม่พี่น้องถือเป็นขวัญกำลังใจและสิ่งที่มีคุณค่าในการทำงานของนายพีระพันธุ์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติทุกคน ที่จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานต่อเนื่องให้สมกับความไว้วางใจของพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ให้การสนับสนุนพรรค โดยเฉพาะในประเด็นการขับเคลื่อนการปฏิรูปโครงสร้างทางพลังงาน ทั้งค่าไฟและราคาน้ำมัน ที่เป็นนโยบายและเป้าหมายหลักของนายพีระพันธุ์

“สิ่งสำคัญในตอนนี้ คือ การเดินหน้าทำงานเพื่อบ้านเมืองและประเทศชาติ โดยพรรคจะยังคงยึดมั่นหลักในการทำงานที่ยึดถือประโยชน์ของคนไทยเป็นที่ตั้ง ส่วนกระแสข่าวเกี่ยวกับพรรค ขอให้เป็นเรื่องภายในพรรคที่มั่นใจว่าจะสามารถเดินหน้าประสานความเข้าใจ สร้างความร่วมมือและบรรยากาศที่ดีร่วมกันได้ต่อไป เพื่อเดินหน้าทำงานให้ผลประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับพ่อแม่พี่น้องคนไทยทุกคน” นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย

กองทัพอากาศ ร่วมยินดีกับ ‘วศิน อิ่มสมัย’ อย่างภาคภูมิใจ เกียรตินิยมอันดับ 1 จาก โรงเรียนนายเรืออากาศสหรัฐอเมริกา

(3 มิ.ย. 68) ชูธงชาติไทย อย่างสมเกียรติ กองทัพอากาศ ขอร่วมแสดงความยินดีกับนักเรียนนายเรืออากาศ วศิน อิ่มสมัย ที่สำเร็จการศึกษาได้รับ "เกียรตินิยมอันดับ 1" จาก โรงเรียนนายเรืออากาศสหรัฐอเมริกา (United States Air Force Academy) สาขาวิชาเอก วิศวกรรมอากาศยาน

นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของกองทัพอากาศที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ และเป็นตัวอย่างของบุคคลที่มีความมานะพยายามจนประสบความสำเร็จในด้านการศึกษาของกองทัพอากาศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top