Wednesday, 1 May 2024
NewsFeed

‘บิ๊กต่าย’ เข้าทำเนียบ รายงาน ‘นายกฯ’ เซ็นสั่งให้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ออกจากราชการไว้ก่อน

(18 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รักษาการ ผบ.ตร.) ได้เข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรายงานว่า จะเซ็นคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกดำเนินคดี

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ เศรษฐา ได้หารือกับที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ก่อนจะเห็นชอบให้ รักษาการ ผบ.ตร. เซ็นคำสั่ง ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ต่อมามีรายงานว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 67 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มอบอำนาจให้ทีมทนายความไปเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ในคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ โดยขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 27 เมษายนนี้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้เข้าพบและหารือกับ นายเศรษฐา ที่อาคารรัฐสภา พร้อมระบุว่า มารายงานในเรื่องของขั้นตอนและกระบวนการที่จะพิจารณากรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 

ส่วนจำเป็นต้องให้มีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ทุกอย่างมีกระบวนการและขั้นตอนที่จะพิจารณา เราจะพิจารณาว่าเอาแบบนี้เลยไม่ได้ เพราะมีกฎหมายระเบียบและคำสั่งที่ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติ โดยแยกเป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ก่อน

“ผมยังเป็นผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตามกฎหมาย ดังนั้นการพิจารณาในเรื่องของวินัย เป็นหน้าที่ของผม พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ตามมาตรา 105 ซึ่งในกระบวนการขั้นตอนจะต้องได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ฉบับ โดยขณะนี้ยังไม่มีการรายงานมา 

และฉบับที่ 2 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต้องรายงานตนว่าตนเองต้องคดี ซึ่งทั้ง 2 อย่าง 2 เส้นทางนี้ เป็นไปตามระเบียบตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ซึ่งมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน และเมื่อ 2 รายงานนี้มาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะต้องรายงานมาที่กองคดีอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่ได้ส่งตรงมาที่ผม และเมื่อกองคดีอาญารวบรวมรายงานแล้ว จะรายงานมาที่ผมเพื่อพิจารณาเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด 

ขณะเดียวกันกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะต้องรายงานผลเช่นกัน โดยเอารายงานทั้ง 2 ฉบับประกอบด้วย เหตุผล พฤติการณ์ ความรุนแรงแห่งคดี นำมาประกอบการพิจารณาในฐานะฝ่ายอำนวยการให้รักษาการ ผบ.ตร.ได้พิจารณา ซึ่งการพิจารณาเราจะดูว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่า มีการกระทำผิดวินัยเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นขั้นตอน 

และเมื่อกองวินัยได้ประมวลขึ้นมาว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำผิดวินัยก็เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา คือผมจะต้องพิจารณาตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏและให้โอกาสกับผู้ถูกสืบสวนข้อเท็จจริงได้ชี้แจง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่กำหนดไว้” รักษาการ ผบ.ตร. กล่าว

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ในขั้นตอนกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงจะยังไม่มีการพิจารณาในเรื่องของการพักราชการ ออกจากราชการ หรือ สำรองราชการไว้ก่อน เพราะเป็นการปฏิบัติภายใต้กฎ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่กำหนดไว้ ซึ่งการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จะต้องใช้ระดับไม่ต่ำกว่าที่มียศต่ำกว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งตรงนี้ตนต้องไปพิจารณาว่าจะมอบหมายให้ใคร ขณะนี้ยังไม่ถึงกระบวนการดังกล่าว 

แต่หากการสืบสวนข้อเท็จจริงปรากฏเหตุออกมาว่า มีการกระทำความผิดวินัยร้ายแรงเกิดขึ้น ก็จะไปเข้าอีกบทบัญญัติหนึ่งของมาตรา 119 ใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ว่าจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัยอีกระดับหนึ่ง ซึ่งในขั้นตอนนั้นก็จะมีการใช้การพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขในกฎ ก.ตร. หรือไม่ เข้าองค์ประกอบที่บัญญัติไว้ในกฎหมายตำรวจปี 2565 ในมาตรา 112 หรือไม่ ซึ่งมีการกำหนดไว้อยู่แล้ว 

เมื่อถามว่ากรณีที่ศาลออกหมายจับจะต้องนำคำสั่งศาลที่อนุมัติหมายจับดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วยใช่หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ทุกอย่างกองวินัยจะนำมาประกอบการพิจารณา ซึ่งจะมีกำหนดไว้เป็นข้อ ๆ อยู่แล้วว่าผู้ชี้แจงหรือผู้รายงานตนต้องคดีอาญาจะต้องรายงานอะไรเป็นข้อ ๆ

"หากถามว่า ณ เวลานี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะต้องถูกพักหรือไม่ ขอเรียนว่า ไม่ว่าจะเป็นชั้นยศใดจะต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย ระเบียบและคำสั่ง ซึ่งข้าราชการตำรวจทุกคนต้องปฏิบัติตามนั้น ซึ่งยังถือว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังคงต้องปฏิบัติราชการอยู่ตามปกติ นี่คือสิ่งที่เราต้องให้ความเสมอภาคและเป็นธรรมกับข้าราชการทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน"

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบได้มีการกำหนดระยะเวลาหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า มีกำหนดไว้ในกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) อยู่แล้วภายใน 60 วันที่จะต้องดำเนินการ และสามารถขอขยายระยะเวลาได้ ถึงเวลานั้นคณะกรรมการเขารู้อยู่แล้ว 

เมื่อถามต่อว่าการตั้งคณะกรรมการจะเป็นการยื้อเวลาหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อย่าใช้คำว่ายื้อ เรียนว่าทุกอย่างมีขั้นตอนกระบวนการที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ไม่มียื้อ เราต้องให้ความเสมอภาคเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สื่อมวลชนก็ได้ยินท่านพูดว่าขณะนี้ท่านคือผู้บริสุทธิ์ ก็มีหน้าที่พิสูจน์ตัวเองไป ส่วนตนเป็นผู้บังคับบัญชาก็เข้าสู่กระบวนการขั้นตอนกฎหมาย ระเบียบคำสั่ง

องค์บุญแห่งล้านนา ครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น ทอดผ้าป่า ยกช่อฟ้า ทำพิธีไม้ค้ำจุน ศิลปิน ดารา นักร้องศิษยานุศิษย์พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศเข้าร่วมพิธี เป็นจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ที่สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมชัยตำบลในเวียงอำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน
องค์บุญแห่งล้านนา ครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมชัย จังหวัดน่านและ สำนักปฏิบัติธรรม ธรรมชัย แผ่นดินทอง อำเภอ หนองเสือ จังหวัดปทุมธานี จัดพิธีทอดผ้าป่า ยกช่อฟ้า พิธีไม้ค้ำจุน ได้รับเมตตาจากพระเดชพระคุณพระราชศาสนาภิบาล เจ้าคณะจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ บารมีธรรม
พิธียกช่อฟ้าถือว่าเป็นพิธีที่สำคัญมากในความเชื่อเนื่อง จากเป็นการยกส่วน บนสุดของอาคารศาสนาสถาน หรือพระราชวัง

โดยมีคติความเชื่อว่าหากใครได้ร่วมบุญยกช่อฟ้าแล้วนับเป็นมหากุศลอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นส่วนสูงสุด และถือว่าเป็นการทำให้อาคารสมบูรณ์ตามความเชื่อถือว่าบุญยกช่อฟ้าเป็นบุญที่ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ ผู้ประกอบด้วยบุญญาธิการสูงส่งเท่านั้นจึงจะยกช่อฟ้าได้ มิฉะนั้นต้องใช้วิธีร่วม รวมกันเป็นหมู่เหล่าเพื่อให้บุญนั้นเกิดมากพอที่จะยกช่อฟ้าได้ ซึ่งอนิสงส์ ของการยกช่อฟ้าจะทำให้ชะตาชีวิตสูงส่งมีจิตใจใฝ่ดี ความก้าวหน้ามีเกียรติมีความสง่างาม วัดแห่งหนึ่งสร้างอุโบสถเสร็จแล้วจะมีพิธียกช่อฟ้าเพียงแค่ครั้งเดียว งานมหาบุญในครั้งนี้ศิษย์ยานุศิษย์ องค์บุญแห่งล้านนา ครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้นจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ หลั่งไหลร่วมพิธีงานบุญเป็นจำนวนมากโดยมีกิจกรรมขบวนแห่ไม้ค้ำสะหลี สืบทอดเจตนาแห่งเมืองล้านนา สร้างความสามัคคีในชุมชนครั่งนี้มีกว่า 17 ชุมชน เข้าร่วมขบวนแห่ อย่างยิ่งใหญ่ ระยะทาง รถติด ยาวกว่า 5 กิโลเมตร เริ่มงาน ขบวนแห่ ตั้งแต่ ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ไปจนถึง 10 โมง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำนันผุ้ใหญ่บ้านชาวบ้านทุกคนพร้อมใจกัน มาร่วมงานบุญ เพื่อถวาย แด่ครูบาธรรมชัย และพิธีแบบล้านนา ถือเป็นงานบุญที่หาชมยาก งานนี้ ศิลปินดารานักแสดง นักร้องดัง นายวสุธร พันธุ์พาณิชย์(ซานต้า) คิม ธิติสรรค์ กู้ดเบิร์น  โปงลางสะออน ลูลู่ลาล่าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง งานครั้งนี้โปงลางสะออน ลูลู่ลาล่า รำถวาย และร้องเพลงถวาย ครูบาธรรมชัย เพลงด้วยพรครูบาธรรมชัย เพลงนี้แต่งขึ้นจากเรื่องจริง ที่เธอ ทั้งสองประสบปัญหาชีวิต แล้วคือพลิกชีวิต ด้วยบารมีครูบาธรรมชัย แนะนำและวิธี จนกระทั่ง ชีวิตของเธอเปลี่ยน จากร้ายกลายเป็นดี เหมือนฝัน  ยังมีนักร้อง ชื่อดัง จากค่าย v6 Music ที่ขนนำรับรอง ซึ่งมียอดวิว กว่า 100 ล้านวิว ไม่ว่าจะเป็นบอส ธีรพงษ์ รวมถึงขวัญ โฆสิตา ที่มาร่วมร้องเพลง ในงานบุญครั้งนี้

สื่อนอกตีข่าว 'ลูกค้าเทสลา' สะพัด!! บริษัทฯ ซุ่มระงับส่งมอบ 'ไซเบอร์ทรัก' คาดพบข้อบกพร่อง-เหตุขัดข้องต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีข่าวแพร่สะพัดว่า เทสลาระงับการส่งมอบ 'ไซเบอร์ทรัก' ทั้งหมดในสหรัฐฯ หลังบรรดาผู้บริโภคส่งเสียงคร่ำครวญพบข้อบกพร่องที่อาจนำมาซึ่งการเสียชีวิต เกี่ยวกับแป้นเหยียบคันเร่งของรถกระบะไฟฟ้ารุ่นนี้

สื่อมวลชนอย่างนิวยอร์กโพสต์ และเดลิเมล เปิดเผยว่า มีข่าวปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์หลายแห่ง ในนั้นรวมถึงตามกระดานสนทนาของบรรดาเจ้าของไซเบอร์ทรัก ระบุว่า พวกลูกค้าของรถกระบะไฟฟ้าของเทสลา ได้รับข้อความจากบรรดาตัวแทนจำหน่าย แจ้งให้พวกเขาทราบว่าขอยกเลิกหมายนัดการส่งมอบไปก่อน

ในรายงานระบุว่า ลูกค้าหลายคนได้รับแจ้งว่า การส่งมอบรถไซเบอร์ทรักจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะผ่านพ้นวันที่ 20 เมษายน สืบเนื่องจากการเคลื่อนที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ตามรายงานของเดลิเมล 

"ผมขอให้พวกเขาให้เหตุผลอย่างเฉพาะเจาะจงเพื่อความกระจ่าง แต่ถูกเพิกเฉย" ผู้ใช้รายหนึ่งในกระดานสนทนาคลับพวกเจ้าของรถไซเบอร์ทรัก เขียนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว

ผู้ใช้คนอื่น ๆ คาดการณ์ว่ามันน่าจะเป็น 'ประเด็นเดียวกับคันเร่ง' หลังพวกเจ้าของไซเบอร์ทรักรายอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์และติ๊กต็อกบ่งชี้ว่ามันมี "ข้อบกพร่องด้านการออกแบบอย่างร้ายแรง ที่พวกเจ้าของทุกคนจำเป็นต้องตรวจสอบเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยมันก่อให้เกิดการเร่งเครื่องโดยไม่เจตนา สืบเนื่องจากแป้นคันเร่งที่ออกแบบมาราคาถูก"

ในติ๊กต็อกผู้ใช้นามว่า el.chepito1985 เจ้าของรถไซเบอร์ทรัก อ้างว่าแผ่นรองคันเร่งเลื่อนหลุดไปข้างหน้า กดให้คันเร่งจมไปกับพื้นและทำให้รถกระบะของเทสลาพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด

จากนั้นในโพสต์ต่อมา ผู้ใช้นามว่า Garage Klub ระบุว่าเหตุการณ์ที่รถไซเบอร์ทรักคันหนึ่งพุ่งเข้าชนป้ายของโรงแรมเบฟเวอร์ลี ฮิลล์ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม น่าเชื่อว่าอุบัติเหตุดังกล่าวมีต้นตอจากปัญหาแป้นคันเร่งเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่สรุปว่าอะไรคือต้นตอของอุบัติเหตุคราวนั้น

กระแสเสียงคร่ำครวญที่บรรดาพวกผู้เป็นเจ้าของไซเบอร์ทรัก บอกเล่าเรื่องราวเหตุขัดข้องต่าง ๆ ที่พวกเขาประสบพบเจอกับรถกระบะไฟฟ้ารุ่นนี้ มีขึ้นไม่นานหลังจากไซเบอร์ทรัก ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ เริ่มวิ่งอวดโฉมบนท้องถนนเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

ตัวแทนของเทสลายังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ หลังนิวยอร์กโพสต์ติดต่อสอบถามขอความคิดเห็น

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เทสลาเพิ่งแถลงปรับลดพนักงานลงมากกว่า 10% จากที่มีอยู่ทั่วโลกราว 140,000 คน โดย อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา บอกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากของบริษัท ในขณะที่พวกเขาต้องเผชิญกับยอดขายที่ตกต่ำ ท่ามกลางสงครามราคาอันหนักหน่วงสำหรับรถอีวี

HUAWEI Pura 70 Ultra ขายหมดเกลี้ยงใน 1 นาที ส่งสัญญาณยอดขาย iPhone ทรุดกว่าเดิมในจีน

เมื่อวานนี้ (18 เม.ย. 67) HUAWEI เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในตระกูล HUAWEI Pura 70 ที่รีแบรนด์มาจาก P-series เดิม รวม 4 รุ่น ประกอบด้วย HUAWEI Pura 70, Pura 70 Pro, Pura 70 Pro+ และตัวท็อป Pura 70 Ultra ซึ่งได้กลายมาเป็นที่จับตามองของสื่อต่างประเทศทันที ด้วยความที่มือถือเหล่านี้เปรียบเสมือนเป็น ‘ตัวแทน’ ของจีน ท่ามกลางสงครามการค้ากับสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่น ความก้าวหน้าในการพัฒนาชิปเซตของจีน และการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในจีนที่เป็นสมรภูมิสำคัญของโลก

โดยปีที่แล้ว HUAWEI ส่งสัญญาณคัมแบ็กระลอกแรก และเป็นระลอกใหญ่ โดยการเปิดตัว HUAWEI Mate 60 Pro+ ในจีน ซึ่งได้รับกระแสตอบรับถล่มทลาย สินค้าขาดตลาดทุกช่องทางทั่วประเทศอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่นาน จนทำให้ยอดขาย iPhone 15 Pro Max ลดลงทันตาเห็น และ Apple ต้องอัดโปรฯ ลดราคาสู้ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว

แต่ HUAWEI Mate 60 Pro+ ก็แฝงไปด้วยปริศนาที่ทำให้ทั้งโลกมึนงง เกี่ยวกับชิป Kirin 9000S ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีการเก็งกันว่าจีนไม่น่าจะผลิตเองได้ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่กีดกันไม่ให้จีนเข้าถึงเครื่องมือที่ทันสมัยได้ จนรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเข้ามาตรวจสอบในช่วงต้นปี พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า SMIC ที่เป็นผู้ผลิตชิป อาจมีการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง และจนถึงตอนนี้สถานการณ์ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ในขณะที่ HUAWEI เองก็รูดซิปปิดปากเงียบ พยายามไม่พูดถึงตัวชิปในทุกวิถีทาง และเลี่ยงการตอบคำถามกับสื่อ

นอกจากนี้ หน่วยงาน Semiconductor Industry Association (SIA) ยังตรวจเจออีกว่า HUAWEI พยายามใช้วิธีซิกแซก โดยการเข้าซื้อหุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์และหน่วยความจำในจีนหลังได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาล โดยการปกปิดความเกี่ยวโยงกับบริษัทแม่ เพื่อหลบเลี่ยงการแซงก์ชันจากสหรัฐฯ โดยทางสหรัฐฯ ก็แก้เกมด้วยการเพิ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าไปในบัญชีดำ Entity List เรียบร้อย แต่ยังไม่ดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม เพราะเกรงว่าจะทำให้สถานการณ์ทางการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจจะตึงเครียดกว่าเดิม

สำหรับ HUAWEI Pura 70 Ultra หนนี้ HUAWEI ยังคงใช้แนวทางเดิมเป๊ะ คือไม่มีการโปรโมตเรื่องชิปอีกเช่นเคย รวมถึงประเด็นเรื่องการรองรับ 5G ก็หลีกเลี่ยงโดยการไม่ระบุข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับภาคการเชื่อมต่อเซลลูลาร์เลย แม้จะมีการนำเสนอถึงจุดขายว่าตัวเครื่องรับสัญญาณมือถือได้ดีมากก็ตาม

เบื้องต้นสื่อต่างประเทศให้ข้อมูลว่า HUAWEI Pura 70 Ultra น่าจะมาพร้อมชิปตัวใหม่ ที่อาจใช้ชื่อว่า Kirin 9010 ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่ทางการสหรัฐฯ จะยื่นมือเข้ามาตรวจสอบเหมือนเดิม

แต่ไม่ว่าชิปข้างในจะเป็นอะไร ก็ดูเหมือนจะไม่ได้กระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าในจีนแม้แต่น้อย เพราะล่าสุดมีรายงานว่า HUAWEI Pura 70 Ultra และ Pura 70 Pro ที่เปิดขายวันนี้เป็นวันแรก ต่างขายหมดเกลี้ยงในเวลาไม่ถึง 1 นาทีตั้งแต่ช่วงสาย (ตามเวลาท้องถิ่น) ส่วน HUAWEI Pura 70 Pro+ และ Pura 70 รุ่นมาตรฐาน จะวางขายตามมาภายหลังในวันที่ 22 เมษายน 2024

มีเกร็ดน่าสนใจเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย คือ ลูกค้าที่ซื้อ HUAWEI Pura 70 จะต้องทำการแกะกล่อง เปิดเครื่อง เพื่อทำการลงทะเบียนกับทาง HUAWEI ให้เรียบร้อยตั้งแต่หน้าร้าน ทั้งนี้คาดว่า HUAWEI ต้องการป้องกันพ่อค้าที่นำเครื่องไปรีเซลขายโก่งราคาในภายหลัง

กองสารนิเทศเชิญชวนร่วมงาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” สวดชุดไทยชมวังฟังเพลง ณ พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน 21 – 25 เมษายนนี้

พิพิธภัณฑ์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็น 1 ในพิพิธภัณฑ์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ เข้าร่วมกิจกรรมในงาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” เชิญชวนพี่น้องประชาชนเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายนนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. 

พล.ต.ต.หญิง สมพร พูลเกษม ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยคณะกรรมการจัดงานใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ กำหนดจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2567 ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร , โรงละครแห่งชาติ และบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งการจัดงานดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์การจัดงานเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ที่ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ และเพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรี ที่ได้ทรงนำพาและพัฒนาประเทศให้เป็นปึกแผ่นและมีความเจริญรุ่งเรืองมาครบรอบ 242 ปี 

สำหรับในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองสารนิเทศได้เปิดพิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนนพิษณุโลก ตัดกับถนนราชดำเนินนอก แขวงและเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เยี่ยมชมและร่วมกิจกรรม ในระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2567 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 19.00 น. โดยมีการจัดกิจกรรมนำชมตำหนักจิตรลดา และอาคารเรือนกระจก, กิจกรรมเชิงวัฒนธรรม, การแสดงการปฏิบัติหน้าที่ของสุนัขตำรวจและม้าตำรวจ และรับชมดนตรีในสวน พร้อมขอเชิญชวนผู้ร่วมงานสวมใส่ชุดไทย เพื่อร่วมเก็บบันทึกภาพบรรยากาศอันสวยงาม

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2282-5057 หรือทาง http://www.facebook.com/policemuseum.parus

‘ดร.เอ้’ แนะ!! รัฐบาล-กทม. 4 วิธีขนย้าย ‘แคดเมียม’ ให้ปลอดภัย พร้อมย้ำ ขอให้คิดถึง-ห่วงใยประชาชนเหมือนคนในครอบครัว

(19 เม.ย.67) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลกทม. กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการเตรียมขนย้ายกากแคดเมียมกลับไปยังบ่อฝังกลบที่ จ.ตาก ที่รัฐบาลให้ข้อมูล จึงขอแนะนำ กทม. และรัฐบาล รีบทำ 4 ข้อ ด่วน คือ

1. ต้อง ‘บรรจุถุงกากแคดเมียมเข้าตู้คอนเทนเนอร์แล้วปิดมิดชิด’ รอการยกขนย้าย ทำตามหลักมาตรฐานสากล
2. ต้องรีบลำเลียงไปพื้นที่ปลอดภัยโดยด่วน ‘เพราะยิ่งอยู่นาน’ ไม่มีใครการันตีว่า สารพิษจะไม่รั่วไหล ยิ่งมีโอกาสฝนตกได้ทุกวัน รัฐบาลแจ้งผ่านสื่อปลายทาง ไม่พร้อม ชาวบ้านก็เสี่ยงสูง อันตรายมากถ้ายังนิ่งอยู่ที่เดิม และเท่าที่ทราบพื้นที่ของรัฐที่ว่างเปล่า ห่างไกลแหล่งน้ำ ชุมชน หรือเช่าพื้นที่เอกชนก็มีว่างเปล่าปลอดภัย ไกลชุมชนมากมาย

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า 3. ต้อง ‘เตรียมพื้นที่ฝังกลบ’ ควรเคลียร์พื้นที่ให้พื้นผิวเรียบ ก่อนจะใช้ HDPE (High Density Polyethylene) พลาสติกพอลิเอทิลีน พลาสติกที่มีความหนาแน่นสูง ในการรองรับแคดเมียมจำนวนมาก ทนต่อแรงฉีกขาด และควรคำนึงถึงความปลอดภัยต่อชุมชน หากจะกลับไปที่เดิม คงทำแบบเดิมไม่ได้ อันตรายมาก ฝุ่นจากการถมกากแคดเมียมจะเข้มข้น เป็นพิษร้าย กระจายคลุ้ง ชาวบ้านรับเต็ม ๆ

และ 4. ต้อง ‘เตรียมรถบรรทุกที่รับตู้คอนเทนเนอร์แบบปิด’ การขนย้ายไม่ใช่ใส่รถบรรทุกฝาเปิด แคดเมียมระเหยสู่อากาศ หากฝนตกยิ่งอันตราย สารพิษกระจาย และต้องไม่ขนถ่ายไปถ่ายมา อันตรายที่สุด มีความเป็นห่วงคนทำงานเพราะเสี่ยงมะเร็ง ดังนั้นตู้คอนเทนเนอร์ต้องเปิดได้สองครั้ง คือ เปิดตอนบรรจุถุงกากแคดเมียม กับเปิดตอนนำออกมาฝังกลบในที่ปลอดภัยเท่านั้น

“ขอให้คิดถึงและห่วงใยประชาชนเหมือนคนในครอบครัวท่าน เพราะหากสารพิษอยู่ติดรั้วบ้านท่าน ท่านจะรอไหมครับ” นายสุชัชวีร์ กล่าว

'อิหร่าน' ขู่!! ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ของ 'อิสราเอล' ลั่น!! รู้ว่าซ่อนอยู่ตรงไหนบ้าง ปราม!! อย่าแหยมอีก

(19 เม.ย. 67) เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน เตือนเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ว่า เตหะรานทราบดีถึงตำแหน่งที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิสราเอล และมีศักยภาพโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์ของรัฐยิว ในกรณีที่พวกเขาถูกโจมตีก่อน ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น

ความตึงเครียดโหมกระพือหนักหน่วงขึ้นในตะวันออกกลางในเดือนนี้ ตามหลังเหตุโจมตีสถานกงสุลของอิหร่านประจำกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เมษายน ซึ่งว่ากันว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล สังหารสมาชิกกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม 7 นาย เตหะรานแก้แค้นในสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการปล่อยโดรนและยิงขีปนาวุธห่าใหญ่เล่นงานอิสราเอล แต่ส่วนใหญ่ถูกสอยร่วงโดยรัฐยิวและบรรดาชาติตะวันตก ผู้สนับสนุนของอิสราเอล

แม้ขณะนี้อิสราเอลยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะใช้วิธีการใดตอบโต้การโจมตีของอิหร่าน แต่วิธีหนึ่งที่กำลังสร้างความกังวลไปทั่วโลก นั่นคือการโจมตีโครงการนิวเคลียร์ในอิหร่าน ซึ่งความเป็นไปได้ดังกล่าวนี้เองกระตุ้นให้เตหะรานออกมาขู่กลับเช่นกัน

"ทำเลที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิสราเอลถูกพบแล้ว และเรามีข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดเกี่ยวกับเป้าหมายต่าง ๆ ที่เราต้องการกำจัดในปฏิบัติการตอบโต้ของเรา" พันเอกอาห์หมัด ฮักตาลับ แห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านกล่าว ตามรายงานของทาสนิม สื่อมวลชนกึ่งรัฐ "มือของเราอยู่บนไกปืน ที่จะลั่นไกปลดปล่อยขีปนาวุธทรงพลังงานและทำลายเป้าหมายเหล่านั้น"

เตหะราน กล่าวว่า พวกเขากำลังหาทางคลี่คลายสถานการณ์ แต่ทางอิสราเอลประกาศจะโจมตีตอบโต้โดยไม่เปิดเผยว่าจะดำเนินการแบบไหนและเมื่อไหร่ ในเรื่องนี้ พันเอกฮักตาลับ เชื่อว่าอิสราเอลกำลังพิจารณาปฏิบัติการทางทหารเพิ่มเติม เป็นไปได้ว่าจะเล็งเป้าอุตสาหกรรมทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน และหากเป็นเช่นนี้ อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของอิสราเอลจะถูกเล่นงานในการโจมตีแก้แค้นเช่นกัน

ที่ผ่านมา อิสราเอลไม่เคยยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ทางสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) ประเมินว่าอิสราเอลน่าจะมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ราว 80 ลูก ในนั้นเป็น gravity bombs จำนวน 30 ลูก และหัวรบนิวเคลียร์สำหรับขีปนาวุธพิสัยกลาง 50 ลูก ในขณะที่ พันเอกฮักตาลับ ไม่ได้เจาะจงว่าที่ตั้งทางนิวเคลียร์ใดบ้างที่อิหร่านเล็งไว้สำหรับปฏิบัติการโจมตีตอบโต้

อิสราเอล กล่าวหา อิหร่าน ว่าลอบพัฒนาแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ของตนเองแบบลับ ๆ มานานหลายทศวรรษแล้ว และ กิลาด เออร์ดาน ผู้แทนทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ กล่าวอ้างเมื่อวันอาทิตย์ (14 เม.ย.) ว่าเตหะรานเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่สัปดาห์ในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ลูกหนึ่งสำเร็จ เขาเร่งเร้าให้บรรดาสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ พิจารณาว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าอิหร่านเปิดฉากโจมตีประเทศของพวกเขาด้วยระเบิดนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม คำกล่าวอ้างนี้ถูกปฏิเสธโดยทบวงพลังงานปรมาณูสากล

พันเอกฮักตาลับ เปิดเผยด้วยว่า พวกผู้นำอิหร่านเน้นย้ำพวกเขามองอาวุธทำลายล้างสูงทุกชนิดเป็นสิ่งที่เข้ากันไม่ได้กับโลกอิสลาม แต่มีความเป็นไปได้ที่เตหะรานจะพิจารณาทบทวน ‘ยุทธศาสตร์และนโยบายทางนิวเคลียร์’ หากว่าอิสราเอลยังคงคุกคามที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของพวกเขา

ทั้งนี้ พันเอกฮักตาลับ บอกว่าปกติแล้วที่ตั้งทางนิวเคลียร์มักถูกพิจารณาอยู่นอกเหนือปฏิบัติการทางทหาร แต่การที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุล สำนักงานทางการทูตที่ได้รับการคุ้มครองในระดับนานาชาติ เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า อิสราเอลไม่ได้สนใจเล่นตามกฎใด ๆ

'สนง.สลากฯ-มูลนิธิสถาบันพระปกเกล้าฯ' เปิดตัว 'SEED PROJECT ปี 4' มุ่งสร้างจิตสำนึกเยาวชนรักบ้านเกิด พัฒนาท้องถิ่น 5 ภาคทั่วไทย

เมื่อวานนี้ (18 เม.ย. 67) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม และเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ SEED Project ปี 4 สร้างผู้นำเยาวชน พาท้องถิ่นสู่สากล ณ โรงภาพยนตร์ ลิโด้ กรุงเทพมหานครฯ 

โดยงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันหลักของชาติ ผ่านการสัมมนาอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเปิดพื้นที่แกนนำเยาวชนให้รู้จักปรับการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสม และมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรม สร้างเครือข่ายเยาวชนให้มีจิตใจสำนึกรักบ้านเกิด ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น และสร้างพื้นที่ให้เยาวชนได้นำเสนอความคิดเกี่ยวการทำโครงการ กิจกรรมในการพัฒนาชุมชนในบ้านเกิด พร้อมปฏิบัติโครงการนำร่องในภูมิภาคต่าง ๆ จำนวน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคใต้ตอนบน ภาคใต้ตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง 

โดยภายในงานแถลงข่าว ได้มีช่วงเสวนาโดยตัวแทนเยาวชน SEED Thailand ที่ได้ทำโครงการเพื่อสังคม และชุมชน ดำเนินรายการโดย นางสาวธนธร ศิระพัฒน์ ต่อจากนั้นช่วงต่อได้มีการดำเนินการแถลงข่าว เปิดตัวโครงการ SEED Project ปี 4 My Future Hometown สร้างผู้นำเยาวชน พาท้องถิ่นสู่สากล โดยผู้ร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม และ ดร.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ กรรมการและเลขานุการ มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม 

ช่วงสุดท้ายได้มีการเสวนา เรื่อง พลเมืองยุคนี้ต้อง Ready to be Citizen New Gen ประกอบด้วยผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย นางสาวชนนิกานต์ สุพิทยาพร นางสาวไทยประจำปี 2566 นายชลวิศว์ วงศ์ศรีวอ พิธีกร ผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน และนายเวหา ตั้งสมบูรณ์ ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มระบบ SEED ID ร่วมเสวนาในประเด็นการเป็นคนรุ่นใหม่ที่สามารถเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมท่ามกลางเทคโนโลยีและสื่อที่สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ เสร็จการเสวนาจากนั้นจึงมีการร่วมถ่ายภาพหมู่ และเสร็จสิ้นการแถลงข่าว

โครงการ SEED Project ปี 4 ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยมีภารกิจและเป้าหมาย จะมีการดำเนินโครงการนำร่องในภูมิภาคต่าง ๆ จำนวน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคใต้ตอนบน ภาคใต้ตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง และจะมีโครงการนำร่องจากเยาวชนในแต่ละภูมิภาคเพื่อพัฒนาชุมชน ทั้งหมด 25 โครงการ  

เครือข่ายเยาวชน SEED Thailand มีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการพัฒนาและส่งเสริมเยาวชนในระดับท้องถิ่นทั่วประเทศให้กลายเป็นเยาวชนพลังบวกที่มีจิตสำนึกรักบ้านเกิดและมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันหลักของชาติ โดยสร้างเครือข่ายเยาวชนรุ่นใหม่ภายใต้สังคมยุคดิจิทัล ผ่านการเปิดพื้นที่สาธารณะในการนำเสนอความคิดและวิธีการในการพัฒนาชุมชนบ้านเกิดและประเทศชาติให้เจริญยิ่งขึ้น 

โดยหยิบยกอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาต่อยอดให้เกิดเป็นวิสาหกิจชุมชนรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้และความมั่นคงในชีวิตให้กับท้องถิ่นและประเทศชาติ รวมถึงมุ่งหวังที่จะสร้างเครือข่ายเด็กและเยาวชนให้มีความเข้าใจต่อสถาบันหลักของชาติ อย่างถูกต้อง และเติบโตเป็นเมล็ดพันธุ์อันดีงามที่พร้อมจะเติบโตและส่งต่อพลังบวกให้เยาวชน โดยภารกิจของ SEED Thailand มีดังนี้ 

1.เรื่องเล่าบ้านเรา 
2.ของดีบ้านเรา 
และ 3.พัฒนาบ้านเรา 

โดยในปี 2024 SEED Thailand เครือข่ายได้มีภารกิจใหม่ก็คือ Local to Global เยาวชนไทยพาท้องถิ่นสู่สากล โครงการ SEED Thailand เราได้มีการเริ่มทำมาตลอดระยะเวลา 4 ปีโดยที่ผ่านมาเรามีเครือข่ายเยาวชนผู้นำอยู่ทั่วประเทศทั้งในระดับอุดมศึกษาและมัธยมศึกษา ในปัจจุบันเครือข่ายเยาวชนได้มีเยาวชนกว่า 8,000 คนทั่วประเทศไทย 

'กบน.' ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ อุ้มราคาดีเซลต่อ แม้สถานะกองทุนติดลบหนักเกินแสนล้านแล้ว

เมื่อวานนี้ (18 เม.ย.67) สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งราคาน้ำมันยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง และยังมีปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบกับราคาน้ำมันได้ โดยเฉพาะความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลางกรณีอิหร่าน-อิสราเอลที่อาจปะทุขึ้นอีก ประกอบกับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาท/ลิตร กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 19 เมษายน 2567 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล สกนช. เห็นว่า เพื่อไม่ให้มาตรการลดภาษีที่สิ้นสุดลงกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลมากนัก จึงจะเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วยดูแลเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนมากจนเกินไปและไม่ให้ราคามีความผันผวนมากจนเกินไปด้วย โดย กบน. จะพิจารณาอัตราการอุดหนุนหรือลดการชดเชยให้เป็นไปตามช่วงเวลาและจังหวะที่เหมาะสม จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงสามารถรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศไม่ให้ผันผวนมากจนเกินไปได้

สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ ณ วันที่ 14 เมษายน 2567 ติดลบ 103,620 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 56,407 ล้านบาท ส่วนบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 47,213 ล้านบาท

'พลโทนันทเดช' หยัน!! ซื้อบ้านเก่าของปรีดีที่ฝรั่งเศส แค่ละครฉากหนึ่ง ชี้!! เป็นการลงทุนแค่สลึงเดียว แต่คิดจะเอากลับคืนมาเป็นล้าน

(19 เม.ย. 67) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า...

บ้านเก่าของอาจารย์ปรีดี ที่ฝรั่งเศส หรือจะเป็นร้านกาแฟอีกร้านหนึ่งแค่นั้น

การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เท่ากับเป็นการมองย้อนหลังไปหารากเหง้าของตัวเอง เพราะประวัติศาสตร์ คือ ต้นธารของสังคม และชีวิตผู้คนไม่ว่าจะเป็นไพร่ ผู้ดี หรือชนชั้นปกครอง โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการปฎิวัติ 24 มิถุนา 2475 ซึ่งในปัจจุบันมีผู้เขียนถึงกันมากมายหลายแง่มุม หลายทัศนะ แล้วแต่ความใกล้ชิดกับผู้คนในประวัติศาสตร์ หรือความเชื่อที่ได้รับมา หรือผลประโยชน์ที่ผูกพันกับตัวเอง จนกล่าวได้ว่า ไม่มีใครเป็นกลางได้จริงในเหตุการณ์ 24 มิถุนา 2475 แค่ดูหนังสือที่ขายในท้องตลาดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า มีแต่ผู้เขียนที่แข่งขันกันชื่นชมต่อคณะราษฎรเกือบ 80%

ดังนั้นเหตุการณ์ 24 มิถุนา 2475 จึงถูกนำมาผลิตเป็นหนังสือ ขายแล้วขายเล่า ไม่รู้จักจบสิ้น โดยไม่มีใครสนใจว่าข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์จะเป็นอย่างไร แค่ขอให้ตัวเองเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากชื่อ คณะราษฎร เท่านั้นก็พอ 

การซื้อบ้านเก่าของอาจารย์ ปรีดี ที่ฝรั่งเศส ก็คล้ายคลึงกัน มันเป็นแค่ละครฉากหนึ่งของพรรคการเมือง พรรคหนึ่ง ที่พิมพ์หนังสือออกมาขายเด็ก แล้วไม่มีคนอ่าน จึงลงทุนซื้อบ้านของ อาจารย์ปรีดี ซึ่งอุปมาเหมือนเป็นการลงทุนแค่สลึงเดียว แต่จะเอากลับคืนมาเป็นล้าน ยิ่งกว่าซื้อทองเก็งกำไร เห็นแล้วก็น่าสงสาร คณะราษฎร ที่วันเวลาผ่านมากว่า 90 ปีแล้ว ก็ยังถูกนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลเพียงบางกลุ่ม ..ก็แค่นั้นเอง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top