Thursday, 12 June 2025
NewsFeed

เพจ อูดาชี - Удачи - Udachi : Loving by Knowing Russia ได้โพสต์ถึงชีวิตในอนาคตอันใกล้ที่นำมาสู่ความปลอดภัยและมั่นใจด้านสุขภาพ เพราะทางเพจได้เปิดบริการที่จะพาทุกคนไปท่องเที่ยวและได้รับวัคซีนที่ดีที่สุดในรัสเซียว่า...

เชื่อว่าตอนนี้หลายคนคงจะมีคำถามว่า 'วัคซีนดี ๆ จะมาเมื่อไหร่?' และ 'จะต้องกักตัววนไปอีกกี่รอบ?'

อย่างไรก็ตาม ทางเลือกของวัคซีนในวันนี้เริ่มมากขึ้น อยู่ที่เราว่าพร้อมหรือยัง? ที่จะมีชีวิตที่ปลอดภัยและความมั่นใจด้านสุขภาพ เพราะทุกท่านจะได้รับวัคซีนที่ดีที่สุดในโลกไปพร้อม ๆ กับการเดินทางได้อย่างมีอิสระ

จากเพจ อูดาชี - Удачи - Udachi : Loving by Knowing Russia ได้โพสต์ถึงชีวิตในอนาคตอันใกล้ที่นำมาสู่ความปลอดภัยและมั่นใจด้านสุขภาพ เพราะทางเพจได้เปิดบริการที่จะพาทุกคนไปท่องเที่ยวและได้รับวัคซีนที่ดีที่สุดในรัสเซียว่า...

ครั้งแรกของประเทศไทยกับทริปวัคซีนระดับโลกภายใต้การดูแลของบริษัท อูดาชี จำกัด ลักซัวรี่ทัวร์รัสเซียอันดับหนึ่งและสถาบันการแพทย์ชั้นนำรัสเซีย

ในเวลานี้สิ่งที่ประเทศไทยต้องการที่สุดคือความมั่นคงในสุขภาพ และอิสระในการใช้ชีวิต

จะดีกว่าไหม หากคุณคือผู้นำที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองและคนที่คุณรัก

การเดินทางครั้งใหม่ที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณสู่การเป็นผู้นำกระแสโลก ครั้งแรกกับการพลิกโฉมหน้าการเดินทางท่องเที่ยวในแบบเดิม ๆ สู่โลกใหม่แห่งการเดินทางที่อิสระมากกว่า ปลอดภัยมากกว่า และเหนือกว่าใคร

เดินทางสู่รัสเซียเพื่อท่องเที่ยวและรับวัคซีนสปุตนิควี (Sputnik V) วัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันโควิด-19 ได้สูงถึง 91.6% และป้องกันการป่วยที่รุนแรงได้ถึง 100%

มากไปกว่านั้นคุณ คือ ผู้กำหนดวันและเวลาได้เองโดยไม่ต้องรอคิวจนเหนื่อยอีกต่อไป

หากคุณมีเวลา 30 วัน ต่อจากนี้เราสัญญาว่าจะทำหน้าที่กุญแจสู่การเปลี่ยนชีวิตคุณให้มั่นคงทางสุขภาพและกลายเป็นผู้นำกระแสโลกที่แท้จริง

ออกไปเปลี่ยนโลกด้วยตัวคุณเองได้ตั้งแต่พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทัวร์เพิ่มเติม: shorturl.at/ahvKT

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีน Sputnik V: shorturl.at/qEOS8

ข้อมูลวารสารตีพิมพ์เชิงวิชาการทางการแพทย์เกี่ยวกับ Sputnik V: shorturl.at/jALM1

 

บริษัท อูดาชี จำกัด

ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/07277

โทรศัพท์: 0852452458

Line: https://lin.ee/h9afsTM

Email: [email protected]

#วัคซีนโควิด19 #SputnikV #สปุตนิควี #สปุตนิคไฟว์ #เที่ยวรัสเซีย


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3363621620407396&id=305440592892196

มาถึง ณ วันนี้คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า มีการเคลื่อนไหวจากต่างประเทศสนับสนุนชนกลุ่มน้อยในการทำสงครามในเมียนมา และรวมถึงการสร้างกองทัพประชาชนมาป่วนสร้างความวุ่นวายในเมียนมาในขณะนี้

มาถึง ณ วันนี้คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า มีการเคลื่อนไหวจากต่างประเทศสนับสนุนชนกลุ่มน้อยในการทำสงครามในเมียนมา และรวมถึงการสร้างกองทัพประชาชนมาป่วนสร้างความวุ่นวายในเมียนมาในขณะนี้

ล่าสุดมีภาพกองกำลังคะฉิ่น KIA ถือมิสไซล์ต่อต้านอากาศยานที่หน้าตาละม้ายคล้าย QW-18 หรือ Qianwei-18 ของจีนเสียด้วย

งานนี้หากคนเมียนมาคิดสักนิด!! น่าจะได้คำตอบว่า 'จีน' ให้การสนับสนุนกองทัพเมียนมาจริงหรือเปล่า หรือจีนจะเป็นผู้สนับสนุนทุกฝ่ายที่จีนได้ผลประโยชน์?

แต่เรื่องนี้ละไว้ก่อน เพราะประเด็นที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องของขีปนาวุธจีน คือ มีการรายงานเมื่อหลายวันก่อนบนเว็บไซต์ของรอยเตอร์ว่า มีการฝึกวัยรุ่นเพื่อเป็นกองกำลังในการต่อต้านกองทัพเมียนมา จากนั้นไม่นานเท่าไรก็มีข่าวว่าคู่รัก LGBT ชื่อดังในเมียนมาเข้าเป็นกลุ่มกองกำลังต่อต้านกองทัพ ซึ่งมีการโพสคู่กับครูฝึกชาวต่างชาติ และนี่เองเป็นจุดที่เผยให้เห็นว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังงานนี้!!

 

ชาวต่างชาติในภาพนี้คือนาย David Eubank

เขาเป็นใครนะหรือ?

วันนี้เอย่าจะนำเรื่องราวของเขามาให้รู้จักกัน

David Eubank เกิดที่เท็กซัส แต่มาเติบโตมาในครอบครัวของมิชชันนารีที่อาศัยอยู่ประเทศไทย เขาเข้าเรียนที่ Texas A&M University และได้รับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ในกองทัพสหรัฐฯ

เขาเป็นอดีตหน่วยรบพิเศษและเจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนของกองทัพสหรัฐฯ และตอนนี้เป็นผู้ก่อตั้ง Free Burma Rangers (FBR) โดยมีภารกิจในการบรรเทาทุกข์และปลดแอกเหล่าชาติพันธุ์ที่ถูกกดขี่ พร้อมกับการเผยแผ่ศาสนาคริสต์

แต่เท่าที่ดู เหมือนองค์กรนี้จะแค่กล่าวอ้างว่าเป็นภารกิจของพระเจ้ามากกว่า เพราะแท้จริงอาจจะมีเบื้องหลังเบื้องลึกว่านั้น

เพราะเมื่อเอย่าเปิดดูเพจ https://www.freeburmarangers.org/ ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าน่าจะเป็นเพจคริสต์จักรทั่วไป แต่กลับพบว่าประเทศที่เพจนี้ให้ความสนใจกลับเป็นประเทศเมียนมา, ไทย, อิรัค, เคอร์ดิสถาน, ซีเรียและซูดาน ซึ่งจากประเทศที่เขาระบุไว้ในเพจจะเห็นว่าประเทศส่วนใหญ่เหล่านั้นสหรัฐฯ ได้เข้าไปมีบทบาทไม่ว่าจะเป็น อิรัค, ซูดาน หรือซีเรียและสุดท้ายที่ประเทศไทยเองก็เช่นกัน

แม้คำอ้างในเว็บไซต์จะบอกว่า สิ่งที่เขาทำเป็นภารกิจของพระเจ้า แต่สิ่งที่คนทั่วไปเห็นเหมือนพระเจ้าของชายผู้นี้ น่าจะเป็น 'ประเทศสหรัฐอเมริกา' หรือเปล่า?

เรื่องนี้ดูท่าจะเป็นคำถามที่สหรัฐอเมริกาต้องตอบให้ได้ว่า องค์กรนี้ คือ หนึ่งในกลุ่มองค์กรที่บ่อนทำลายประเทศต่าง ๆ ใช่หรือไม่? แล้วใครจะมาตอบเอย่ากันน้า


ที่มา: AYA IRRAWADEE

ค่อย ๆ ขยับไปทีละประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากเมื่อวันที่ 5 พฤกษาคม เวียดนาม มีจำนวนผู้ติดโควิดเพิ่ม +26 ราย และมีขยายเวลากักตัวจาก 14 วันเป็น 21 วัน

เฟซบุ๊ก Biz Laos ได้โพสต์เผยสถานการณ์ระลอกใหม่ของโควิดในเวียดนามว่า...

จากมาตรการกักตัวที่เข้มงวดและการติดตามผู้สัมผัสอย่างกว้างขวาง ทำให้เวียดนามรักษายอดผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศในระดับต่ำ เพียงกว่า 3,000 คน และ มีผู้เสียชีวิต 35 คน

และแล้ว เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา...

...รายงานข่าวในเวียดนาม เผย พบการระบาดภายในชุมชนเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ และ พบผู้ติดเชื้อแบบกลุ่มในหลายพื้นที่ โดยผู้ติดเชื้อหลายคน...เชื่อมโยงกับผู้ที่มีผลตรวจเชื้อเป็นบวก หลังจากกักตัวในโรงแรมครบ 2 สัปดาห์

กระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม จึงได้ตัดสินใจที่จะขยายระยะเวลาการกักตัว เป็นระยะเวลา 21 วัน สำหรับผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และผู้ที่เดินทางเข้ามาในเวียดนาม

การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากโรงพยาบาลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก ถูกล็อกดาวน์ในวันพุธ (5) หลังจากแพทย์ของโรงพยาบาลตรวจพบติดเชื้อโควิด-19

นอกจากนี้ ยังมีอีก 14 คนที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งชาติในกรุงฮานอยตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 เช่นกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ผู้ป่วย รวมถึงญาติที่เดินทางมาเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาลในช่วงเวลาที่ประกาศล็อกดาวน์ ราว 800 คน ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 2 อาทิตย์

ยิ่งไปกว่านั้นทางเวียดนามยังตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อในชุมชนที่มีการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในอินเดียอีกด้วย

สำหรับการระบาดในชุมชนครั้งล่าสุด ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองหายเซวือง ทางภาคเหนือ สามารถควบคุมการระบาดได้สำเร็จเมื่อเดือนที่ผ่านมา

แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังในระดับสูงท่ามกลางการระบาดที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รวมถึงกัมพูชาและลาว ซึ่งทั้งสองประเทศมีพรมแดนติดกับเวียดนามทั้งสิ้น


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2316625165136059&id=100003657944356

เพจไทยคู่ฟ้า แจ้งข่าวดี!! ไทยได้รับสิทธิผลิตยา 'ฟาวิพิราเวียร์' รักษาโควิดแล้ว พร้อมเผยสั่งซื้อวัตถุดิบ 5 แหล่ง จาก 'จีน-อินเดีย'

ข่าวดี! ไทยได้สิทธิผลิตยาฟาวิพิราเวียร์แล้ว

อันที่จริงประเทศไทยมีเทคโนโลยีและความสามารถในการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์เพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แต่ที่ผ่านมาต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เพราะติดปัญหาเรื่องสิทธิในการผลิต

ล่าสุดกรมทรัพย์สินทางปัญญามีคำสั่งปฏิเสธคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์ ด้วยเหตุผลที่ว่าคำยื่นขอสิทธิบัตรของบริษัทที่ยื่นขอเข้ามานั้น "ไม่มีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น"

ทำให้ปัจจุบันไม่มีผู้ใดมีสิทธิผูกขาดในยาชนิดนี้ ทั้งในโครงสร้างสารออกฤทธิ์หลัก ซึ่งไม่เคยมีการขอรับสิทธิบัตรในประเทศไทย และรูปแบบยาเม็ด

ดังนั้น หากองค์การเภสัชกรรมหรือบริษัทยาสามัญไทยรายอื่นต้องการจะผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ เพื่อใช้ในประเทศก็สามารถทำได้

ขณะนี้องค์การเภสัชกรรมได้ประสานสั่งซื้อวัตถุดิบสำหรับผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ไว้แล้ว 5 แหล่ง จากประเทศจีน 1 แหล่ง อินเดีย 4 แหล่ง ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีมาตรฐานและผู้ผลิตยาทั่วโลกใช้วัตถุดิบจากแหล่งต่าง ๆ เหล่านี้

#ไทยคู่ฟ้า #รวมไทยสร้างชาติ #ร่วมต้านโควิด19


ที่มา: https://www.facebook.com/154553218343826/posts/1169222280210243/

"ณัฐชา" จี้ "ตรีนุช" เร่งเบิกจ่ายงบครุภัณฑ์ 2.7 พันล้าน ให้ทันก่อนเปิดภาคเรียนปี 64

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคก้าวไกล​ กล่าวถึงความคืบหน้าหลังได้รับการร้องเรียนจากโรงเรียนหลายแห่งในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัดที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอนจำนวนมาก ซึ่งกำลังรอให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จัดสรรงบประมาณดังกล่าวให้กับโรงเรียนเพื่อให้ทันต่อการเปิดภาคเรียนประจำปี 2564 ว่า สพฐ. ได้รับการจัดสรรงบครุภัณฑ์การศึกษาประจำปี ตาม พรบ.งบประมาณ 2564 ที่จำเป็นต่อการเรียนการสอนของนักเรียนให้กับโรงเรียนนั้น ตนได้ตรวจสอบงบประมาณที่ สพฐ. ได้รับเฉพาะครุภัณฑ์ จึงอยากถามไปยัง น.ส.ตรีนุช  เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ว่าเหตุใดจึงไม่เร่งรัดจัดสรรงบประมาณจำนวน 2,700 กว่าล้านบาทให้โรงเรียนที่รอคอยอุปกรณ์การสอน โดยขณะนี้เวลาล่วงเลยมากว่า 8 เดือนแล้ว อีก 4 เดือนก็สิ้นปีงบประมาณ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็ได้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตโควิด-19

“ในฐานะผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน จะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดและก็จะทำหนังสือทวงถามถึงน.ส.ตรีนุช และพล.อ.ประยุทธ์ ให้เร่งรัดจัดสรรงบประมาณที่เป็นภาษีอากรของพี่น้องประชาชนเพื่อมาดูแลบุตรหลานของพวกเขาให้มีอุปกรณ์การเรียนการสอน เด็กนักเรียนรออุปกรณ์การเรียนเหล่านี้อยู่” นายณัฐชา กล่าว

รมต.ประจำสำนัก ชวน ปชช. สวดมนต์อยู่บ้าน พร้อมกัน 11 พ.ค. นี้ - สร้างขวัญกำลังใจ สู้โควิด-19 

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตหลายราย สร้างความวิตกกังวลแก่ประชาชน ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ตนจึงมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์พร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งมหาเถรสมาคมมีมติเห็นชอบกำหนดจัดพิธีดังกล่าว ขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส 

สำหรับการจัดพิธีในพื้นที่ส่วนกลาง จะจัดขึ้นที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร วัดไตรมิตรวิทยาราม เขตสัมพันธวงศ์ และ วัดพระเชตุพนวิมลมังคราราม เขตพระนคร ส่วนภูมิภาค กำหนดให้วัดในนามเขตปกครองหนต่างๆ ดังนี้ เขตปกครองหนกลาง ณ วัดพนัญเชิงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขตปกครองหนเหนือ ณ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ เขตปกครองหนตะวันออก ณ วัดพระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร และ เขตปกครองหนใต้ ณ วัดกระพังสุรินทร์ จังหวัดตรัง ในส่วนของวัดอื่นทั่วไปและวัดไทยในต่างประเทศให้พิจารณาจัดพิธีตามความเหมาะสม

นายอนุชา กล่าวว่า การจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ครั้งนี้ เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชน รวมถึงเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ประเทศชาติ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนเผชิญอยู่ อาจทำให้เกิดความเครียด การสวดมนต์ ทำสมาธิจะช่วยทำให้จิตใจสงบมากขึ้น โดยขอให้ทุกคนมีสติ ใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มอลให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ร่วมมือกันเพื่อก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ โดยประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมพิธี ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่วัด ขอให้ติดตามการถ่ายทอดสดทางช่อง NBT และร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ไปพร้อมกันผ่านทางหน้าจอทีวีอยู่ที่บ้าน ลดการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19

โฆษกรัฐบาล “ย้ำ” รัฐบาลไม่ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 โดยภาคเอกชน เสนอให้จัดหาวัคซีนโควิด-19 ที่แตกต่างจากวัคซีนที่ภาครัฐนำเข้ามา และสามารถจัดส่งวัคซีนได้ทันภายในปี 2564 เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน พร้อมกำหนดค่าบริการฉีดวัคซีนฯใน รพ. เอกชน ต้องสมเหตุสม

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มี น.พ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานคณะทำงาน ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงแนวทางในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 สำหรับใช้ในสถานพยาบาลของรัฐ และวัคซีนทางเลือกเพื่อนำมาให้บริการในสถานพยาบาลเอกชน โดยควรกำหนดให้วัคซีนโควิด-19 เป็นสินค้าควบคุม ซึ่งสถานพยาบาลภาคเอกชนควรคัดเลือกวัคซีนโควิด-19 ทางเลือก ที่มีคุณลักษณะหรือยี่ห้อที่แตกต่างจากวัคซีนที่ภาครัฐนำเข้ามา และสามารถจัดส่งวัคซีนได้ทันภายในปี 2564  รวมทั้งในอนาคตกรณีที่มีการวิจัยและผลิตวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม ก็สามารถนำเสนอวัคซีนทางเลือกรายการอื่นเพิ่มเติมต่อไปได้ 


นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะทำงานฯยังได้สรุปการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติมสำหรับภาครัฐ ประกอบด้วย Pfizer, Sputnik V และ Johnson & Johnson และในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของสถานพยาบาลเอกชนนั้น ที่ประชุมคณะทำงานฯมีความเห็นว่า ควรเป็นวัคซีนโควิด-19 ในรายการอื่น ๆ ที่ไม่ได้ให้บริการโดยภาครัฐและสถานพยาบาลของรัฐ เพื่อให้เป็นวัคซีนทางเลือกอย่างแท้จริง และไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับภาครัฐ เช่น Moderna, Sinopharm หรือวัคซีนอื่นที่มีการขึ้นทะเบียนต่อไปในอนาคต โดยขอให้มีการควบคุมราคาการให้บริการในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกให้กับประชาชนในสถานพยาบาลเอกชนให้สมเหตุสมผล และมีราคาที่เหมาะสม ซึ่งที่ประชุมคณะทำงานฯได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ช่วยผลักดันให้มีบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายวัคซีนเข้ามาขึ้นทะเบียนในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการจัดหาวัคซีนในสถานพยาบาลเอกชน นั้น องค์การเภสัชกรรมจะเป็นผู้บริหารจัดการและประสานกับบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีน โดยจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าไม่ปลอดภัย (Product Liability) และสถานพยาบาลเอกชน/ภาคเอกชนที่ประสงค์จะนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ทางเลือก จะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องชำระเงินจองวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกล่วงหน้าให้แก่องค์การเภสัชกรรมเต็มจำนวนมูลค่าการสั่งซื้อ (100%) รวมทั้ง จัดทำประกันสำหรับกรณีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน โดยภาคเอกชนที่มีความประสงค์จะขอนำเข้าวัคซีนทางเลือก สามารถดำเนินการแต่งตั้งตัวแทนจากบริษัทวัคซีนต้นทางและยื่นหนังสือต่อองค์การเภสัชกรรม โดยที่ประชุมคณะทำงานฯเห็นควรมอบหมายให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent : LOI) เพื่อดำเนินการร่วมกับภาคเอกชนในการจัดหาวัคซีน ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดหาวัคซีนที่มีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน

นฤมล ชี้ ! ดิจิทัล ทักษะรับอนาคต

วันที่ 7 พฤษภาคม 2564  ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมอภิปรายในงาน Microsoft APAC Public Sector Digital Summit-Empowering nations for a digital society ในประเด็น “สังคมและอนาคตของการทำงาน (Society and the Future of Work)” ผ่านระบบ Microsoft Teams Live งานนี้ได้รวบรวมผู้บริหารภาครัฐและผู้นำทางความคิดในอุตสาหกรรมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เพื่อหารือเกี่ยวกับการฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และจินตนาการใหม่ในการใช้ดิจิทัลเพื่อการทำงานในอนาคต 

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวอภิปรายว่า ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือกำลังแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หลายมาตรการ โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ได้เน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะอาชีพไปพร้อมกับการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่แรงงานในยุค New Normal รวมถึงได้ร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และสถาบันการเงินต่าง ๆ  เพื่อช่วยให้แรงงานที่ผ่านการฝึกอบรมได้รับโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพ ด้วยความตั้งใจที่จะยกระดับกระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาแรงงานดิจิทัล รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่ประชากรซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง ผู้ว่างงาน และผู้ประกอบอาชีพอิสระ โดยดำเนินการภายใต้หลักการ “สร้าง-ยก-ให้ รวมไทยสร้างชาติ”

รมช.แรงงาน กล่าวอีกว่า ทักษะด้านดิจิทัลถือเป็นทักษะแรงงานที่สำคัญสำหรับอนาคต เนื่องจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีดิจิทัลและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อให้เกิดธุรกิจและอาชีพใหม่ ๆ ที่ต้องการการใช้ทักษะด้านดิจิทัลอย่างเร่งด่วน โดย กพร. ได้มีการจัดตั้งสถาบันพัฒนาบุคลากรดิจิทัล (DISDA) ขึ้นมา เพื่อดูแลการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้แก่กำลังแรงงานและพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อจัดทำหลักสูตรในการพัฒนาทักษะอาชีพและทักษะด้านดิจิทัลให้แก่กำลังแรงงานทั้งระบบ 
โดยล่าสุดได้รับความร่วมมือจากบริษัท ไมโครซอฟท์ สนับสนุนองค์ความรู้ด้านทักษะเชิงดิจิทัล เพื่อช่วยยกระดับทักษะฝีมือให้แก่แรงงานไทยทั่วประเทศ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จะช่วยเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน และเป็นหนึ่งกำลังสำคัญในการสร้างพลเมืองดิจิทัลเพื่อสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจให้ยั่งยืน 

“การ Upskill Reskill และ Newskill เพื่อพัฒนากำลังคนให้มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างชาญฉลาดในการประกอบอาชีพ จะทำให้เกิดการจ้างงานที่มีคุณค่าและรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกำลังคนในอุตสาหกรรมการผลิตและบริการที่จะถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

กสร. สร้างการตระหนักรู้และปลุกจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการทำงาน 

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน พร้อมสร้างการตระหนักรู้ และปลุกจิตสำนึกให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของความปลอดภัยในการทำงาน จัดงานวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 ระลึกโศกนาฏกรรมเคเดอร์สูญเสีย 188 ชีวิต   

นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 พฤษภาคม เป็นวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ โดยได้มีการจัดงานเป็นประจำทุกปีเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมไฟไหม้รุนแรงที่โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ พุทธมณฑลสาย 4 จังหวัดนครปฐม ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 188 คน และบาดเจ็บกว่า 400 คน กระทรวงแรงงานนำโดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญในการดูแลด้านความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของพี่น้องแรงงานมาโดยตลอด จึงมอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ส่งเสริม สร้างการตระหนักรู้และปลุกจิตสำนึกให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของความปลอดภัยในการทำงาน กสร.จึงได้จัดงานวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 ขึ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นของภาครัฐในการดูแลแรงงานให้มีความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี รวมทั้งพัฒนาภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของประเทศไทย หรือ Safety Thailand เพื่อช่วยกันผลักดันงานความปลอดภัยในการทำงานให้เกิดเป็นวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงานขึ้นในสังคมไทย จนนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงานขององค์กรอย่างยั่งยืน ให้แก่ นายจ้าง ลูกจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ได้เร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัยในการทำงานอย่างเข้มงวด ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ความปลอดภัยในการทำงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 60 พรรษา ณ อาคาร Smart Job Center กระทรวงแรงงาน เป็นศูนย์การเรียนรู้และสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการทำงานให้แก่ทุกภาคส่วน

อธิบดีกสร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการจัดงานที่ผ่านมาจะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ด้านความปลอดภัยในส่วนกลาง แต่เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดกิจกรรมวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 ซึ่งได้นำระบบสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนการดำเนินการเพื่อเว้นระยะห่างและลดการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก ผ่านระบบ Facebook Live กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (ส่วนแยกตลิ่งชัน) ภายในงานมีกิจกรรม อาทิ การบรรยาย เรื่อง กฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนและการอนุญาตให้บริการเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2564  การอภิปรายถอดบทเรียนกรณีเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานในที่อับอากาศ โดยวิทยากร นาวาเอก เสฏฐศิริ แสงสุวรรณ กรมแพทย์ทหารเรือ และ พ.จ.อ. สุนันท์ ประสมรัตน์ บริษัท พิทยา อินเตอร์เนชั่นแนลเซฟตี้ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด เป็นต้น

รัฐเตรียมเก็บค่าเหยียบแผ่นดินต่างชาติ 1 ม.ค.นี้ 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ว่า จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเริ่มการจัดเก็บและการบริหารจัดการค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวที่เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 300 บาท ในวันที่ 1 ม.ค.65 เป็นต้นไป เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว 

รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุต่างๆ และสามารถนำมาเยียวยาผู้ที่เดือดร้อนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ในช่วงเกิดวิกฤตเหมือนที่เกิดไวรัสโควิดระบาดในตอนนี้

สำหรับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมครั้งนี้ ถือว่าเป็นไปตาม พ.ร.บ. นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2562 ซึ่งกำหนดให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยนำมาสมทบในกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมถึงการซื้อประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศไทย 

พร้อมกันนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังจะหารือถึงการเพิ่มพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มอีก 4 พื้นที่ คือ กรุงเทพฯ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และบุรีรัมย์ ซึ่งเพิ่มเข้ามาล่าสุด เพื่อรองรับการจัดโมโตจีพีช่วงประมาณเดือนต.ค.นี้ โดยทุกพื้นที่จะเปิดให้ดำเนินการได้ใน 1 ต.ค.นี้ แบบไม่มีการกักตัวนักท่องเที่ยว เพื่อให้ทั้งปีสามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ 3-4 ล้านคน ตามเป้าหมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top