Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

สั่งปูพรมตรวจร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่มีมาตรฐาน

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตั้งทีมลงตรวจค้นร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ ป้องกันการลักลิบขายสินค้าไม่มีคุณภาพ โดยต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเลือกซื้อสินค้าอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานผ่านการตรวจสอบรับรองจาก สมอ.แล้ว 

ขณะเดียวกันยังต้องการแจ้งเตือนประชาชนที่สั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ ที่กำลังเป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน ให้ดูเครื่องหมายมาตรฐานที่รับรองคุณภาพสินค้าก่อนซื้อทุกครั้ง เพราะสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ไม่เพียงแต่จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินในวงกว้าง

นายวันชัย กล่าวว่า ล่าสุดได้ตรวจสอบร้านค้าย่านศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 3 คูหา 5 ชั้น โดยชั้น 1 เปิดเป็นร้านจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์ส่องสว่าง ชั้น 2 - 5 เป็นแหล่งพักเก็บสินค้าอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ พบโคมไฟ หลอดไฟ อุปกรณ์แปลงไฟ และสายไฟฟ้าไม่มีเครื่องหมาย มอก. จำนวน 142 รายการ กว่า 60,000 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท

"วิษณุ" ย้ำคำบิ๊กตู่ อย่าให้ พ.ร.บ. ประชามติ พลาดอีก พร้อมปัด! ถกเตรียมขึ้นภาษีVAT ชี้ ต้องดูจังหวะเวลา

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายกรัฐมนตรีกำชับ ให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลให้ความสำคัญต่อ การพิจารณาร่างกฎหมายในสภาว่า นายกรัฐมนตรีหมายถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การออกเสียงประชามติ ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ห่วงแค่จะผ่านหรือไม่ผ่าน เพราะถึงอย่างไรก็ผ่านอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ ถ้าผ่านแล้ว ไม่ได้เป็นไปตามร่างที่รัฐบาลเสนอไว้ ซึ่งได้พิจารณามาโดยรอบคอบ และหากโหวตแพ้เพียง 4-5 คะแนน ก็เท่ากับแสดงให้เห็นว่าก็เท่ากับแสดงให้เห็นว่าสภาไม่พร้อม

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำในที่ประชุม ครม. ถึงกรณี การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยยืนยันว่าเดินหน้าแก้ไขใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี พูดในที่ประชุม ครม. ว่ารัฐบาลเสนอให้เดินหน้าต่อไป ขอให้ไปคิดแนวทางกันให้ตกผลึก และให้นำกลับมาบอก ให้ทราบ เมื่อถามต่อว่า หากตกผลึกแล้ว รัฐบาลไม่ขัดข้องที่จะเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่กล้าแปลเป็นอย่างอื่นเพราะนายกฯพูดเพียงเท่านี้ พวกคุณก็จ้องกันอยู่เรื่อย

นอกจากนี้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าในที่ประชุมครม เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา มีการพิจารณา เรื่องการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ว่าไม่มีการพิจารณาและไม่มีใคร พูดถึงเรื่องดังกล่าว เมื่อถามว่า การจัดเก็บภาษี ของไทยลดลงน้อยมากจริงหรือไม่ และส่งผลกระทบต่องบประมาณหรือไม่นายวิษณุกล่าวว่า ขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ชี้แจงเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ทางด้านภาษีน่าเป็นห่วงหรือไม่ ทางนายวิษณุ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมย้อนถามกลับว่าอยากให้ขึ้นอย่างนั้นหรือ เขาก็ต้องดูจังหวะเวลา เพราะจากเดิม ประกาศให้จัดเก็บภาษีที่ 10% แต่ลดลงมาเหลือ 7% และพอคิดจะขึ้น ในครั้งใดก็มักจะเจอปัญหา เช่นครั้งนี้เจอกับ covid-19 และสภาพเศรษฐกิจ ฟองสบู่แตกบ้าง

“วิษณุ” แจง ประมวลจริยธรรม ขรก.การเมือง แตกต่างจากลงโทษ ส.ส. เปรียบมาตรฐานชี้วัดความผิดอะไรทำได้หรือไม่ได้ ก่อนส่งไปจัดการตามกม.ที่เกี่ยวข้อง

วันที่ 31 มีนาคม 2564 นายวิษณุ เครืองาม กล่าวถึง สาระสำคัญ ภายหลัง ครม.เห็นชอบร่างประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 ว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา มี พ.ร.บ. มาตรฐานทางจริยธรรมเป็นกฎหมายที่รัฐธรรมนูญ 60 กำหนด ซึ่งกำหนดว่าให้มีคณะกรรมการมาตรฐานจริยธรรมเพื่อกำกับกับสอดส่องให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐแต่ละประเภทไปจัดทำประมวลจริยธรรมของตัวเองขึ้น ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งดูแลข้าราชการประมาณ 3 แสนคน ไปจัดทำประมวลจริยธรรมของข้าราชการพลเรือนซึ่งขณะนี้ยังไม่เสร็จ ยกตัวอย่างครู ก็ต้องไปทำประมวลจริยธรรมครู ซึ่งขณะนี้กำลังทำอยู่ ซึ่งทั้งหมดที่กำลังทำอยู่จะต้องเสร็จในวันที่ 6 เมษายน 2564

นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนข้าราชการการเมือง ครม. จะเป็นผู้จัดทำประมวลจริยธรรม โดย ครม.ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฎีกาเป็นผู้ทำ ซึ่งฉบับเมื่อวันที่ 30 มีนาคม เป็นของข้าราชการการเมือง ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฎีกา ทำแล้วเสร็จ โดยข้าราชการการเมืองคือผู้มีตำแหน่ง ตามที่กฎหมายระเบียบข้าราชการการเมืองกำหนดไว้ ไล่ตั้งแต่ นายกฯ รองนายกฯ จนถึง เลขานุการรัฐมนตรี และ ผู้ช่วยรัฐมนตรี แต่ไม่รวม ส.ส. และ ส.ว. เพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง แต่ส.ส.และ ส.ว. มาตรฐานจริยธรรมต่างหาก ซึ่งรัฐธรรมนูญแยกออกมา โดยการกำหนดให้องค์กรอิสระทั้งหลายรวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้จัดทำเพื่อใช่เป็นประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระทั้งหลาย เช่น กกต. ป.ป.ช. และ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นต้น ซึ่งรวมถึง ครม. ส.ส. และ ส.ว.ด้วย โดยจัดทำเสร็จมาและประกาศใช้แล้วมา 2 ปี

ผู้สื่อข่าวถามว่า โทษของข้าราชการการเมืองเหมือนกับ ส.ส. หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เหมือน เพราะจะไล่ไปตามกฎหมายของตัวเอง ประมวลจริยธรรมจะบอกแค่เรื่องมาตรฐานในความประพฤติ และ ปฏิบัติเท่านั้นว่าพึงกระทำอะไร และ พึงละเว้นอะไร แต่กรณีที่มีการฝ่าฝืนเกิดขึ้นจะไล่ไปใช้กฎหมายต่างๆเช่น ข้าราชการการเมืองจะมีจริยธรรมตามประมวลที่เข้าครม.เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา แต่หากฝ่าฝืนต้องไปดูว่าผู้กระทำฝ่าฝืนมีตำแหน่งอะไร เช่น เลขานุการรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรี กรณีนี้ใช่วิธีปรับครม.เอาออก และ ตั้งคณะกรรมการสอบ เป็นการไล่ไปใช้กฎหมายอื่น ส่วนความผิดอาญาก็ไปที่ ป.ป.ช. หรือไปที่ตำรวจ ดังนั้นอย่ามาดูว่าไม่เห็นบอกว่าผิดอะไรแล้วทำอย่างไร แต่บอกว่าทำอย่างไรเรียกว่าผิด  แค่นี้ก็มีสะพานจะเดินอีกเยอะแล้ว ส่วนข้อห้ามตามร่างประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง ขอให้ไปดูรายละเอียด ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้มีประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า มีตามรัฐธรรมนูญฉบับเก่า ก็เลิกไปแล้ว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสาระสำคัญ ของร่างประมวลจริยธรรมร่างประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ...มีสาระสำคัญดังนี้ 

1.) กำหนดนิยามคำว่า ข้าราชการการเมือง หมายความว่า ข้าราชการการเมือง ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง และให้หมายความรวมถึงกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีด้วย 

2.) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ อันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหาษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

3.) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสำนึกที่ดีและรับผิดชอบต่อหน้าที่  

4.) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องกล้าตัดสินใจและกระทำในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม 

5.) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม และมีจิตสาธารณะ 

6.) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องปฏิบัติหน้าที่โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน โดยต้องดำรงตน ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ

7.) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ

8.) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ

ซีพี ออลล์ ผุดปั๊มชาร์จไฟฟ้า 100 แห่งในสาขาร้าน 7-ELEVEN เสริมแรงแนวคิด Green Building ตามแนวทางนโยบาย 7 Go Greenในปี 64

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล กรรมการผู้จัดการ (ร่วม) บมจ.ซีพี ออลล์ เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนผลักดันการติดตั้งโครงการสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าข้างร้านสะดวกซื้อ7-ELEVEN ให้ได้ถึง 100 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Green Building ตามแนวทางนโยบาย ‘7 Go Green’

โดยแนวทางดำเนินงานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมภายใต้นโยบาย 7 Go Green ของปี 64 นี้ประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่ Green Building, Green Store, Green Logistic และ Green Living เพื่อลดและชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปีนี้รวม 128,426 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tC02e) หรือเปรียบเทียบการปลูกต้นไม้ยืนต้นจำนวน 347,648 ต้น จากปีก่อนสามารถลดและชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 120,031 ตัน หรือเทียบกับการปลูกต้นไม้ยืนต้นจำนวน 332,681 ต้น

Green Building เป็นการออกแบบและบริหารจัดการร้านอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะมุ่งเน้นการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมการปรับปรุงระบบและอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในร้าน 7-ELEVEN ภายใต้กลยุทธ์ร้านเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น ปรับปรุงประสิทธิภาพคอยล์เย็นสำหรับตู้แช่เย็นขนาดใหญ่, ใช้เครื่องปรับอากาศประเภท Inverter, ใช้หลอดไฟ LED, สำรวจและติดตามสภาพอากาศภายในร้านฯ, ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์, ปรับปรุงระบบทำความเย็นของตู้แสดงสินค้าชนิดไร้บานประตูเป็นแบบรวมศูนย์, Knockdown Store นำวัสดุเปลือกอาคารกลับมาใช้ใหม่ ขยายการติดตั้งปีละ 200 สาขา

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า CPALL ตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานทดแทนได้ 82,987,000 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกได้ 40,248 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tC02e) หรือเปรียบเทียงการปลูกไม่ยืนตันจำนวน 111,554 ต้น

Green Store เป็นโครงการด้านการจัดการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม หวังลดปริมาณขยะพลาสติกผ่านแนวคิด “ลด และ ทดแทน” โดยพิจารณาตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์คำนึงถึงทุกกระบวนการในวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ การหาวัสดุจากแหล่งทรัพยากรที่สามารถทดแทนได้ และสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) หรือนำมาใช้ใหม่ (Recyclable) หรือสามารถย่อยสลายได้ (Compostable)

ได้แก่ การจัดการบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยได้เริ่มใช้ฝายกดื่มไม่พึ่งหลอด ตั้งแต่เดือน เม.ย.63 ในร้าน AI Cafe จำนวน 8,492 สาขาทั่วประเทศ และใช้แก้วรักษ์โลก หรือ กระดาษที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ สำหรับเครื่องดื่มร้อน -เย็น ในร้าน7-ELEVEN ทั่วประเทศ เริ่มใช้ตั้งแต่ปี ธ.ค.62 ปัจจุบันใช้แก้วรักษ์โลกในร้านสาขาพื้นที่เกาะ สถานศึกษา และ สำนักงาน รวมกว่า 874 สาขา

โครงการการลดใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง (Single-use Plastic) โดยการลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งและใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติทดแทน ได้แก่ ไม้คนกาแฟ ถุงกระดาษ และ กระดาษหุ้มหลอด เป็นตัน, การขับเคลื่อนโครงการ 7 Go Green ในพื้นที่เกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์พื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รณรงค์ให้ผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมและมีความรับผิดชอบต่อธรรมชาติ นำไปสู่การสร้างพฤติกรรมใหม่ให้เกิดแนวคิดท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์, โครงการเสื้อพนักงานที่ผลิตจากขวดพลาสติกรีไซเคิล โดยการนำขวดพลาสติกมารีไซเคิลเป็นเสื้อ และโครงการใบเสร็จรับเงิน / ใบกำกับภาษีเต็มรูป แบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรณรงค์ในการลดใช้กระดาษ เป็นตัน

อย่างไรก็ตาม ในปี 64 CPALL ตั้งเป้าการลดปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกจำนวน 10,813 ตัน, ลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจก 80,921 ตันคาร์บอนไดออกไชด์เทียบเท่า (tc02e) หรือเปรียบเทียบการปลูกไม้ยืนต้น จำนวน 224,283 ต้น

Green Logistic CPALL ได้ดำเนินงานด้านการขนส่งและการกระจายสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการจัดการพลังงานผ่านโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่งและออกแบบศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศ เพื่อลดการปล่อยก๊ซเรือนกระจก ภายใต้กลยุทธ์ ‘โลจิสติกส์เพื่อสิ่งแวดล้อม’

CPALL ได้นำหลักเกณฑ์สำหรับการประเมินอาคารสีเขียว (Leadership in Energy & Environmental Design: LEED) เป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้การพัฒนาและออกแบบศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศ ปัจจุบันมีทั้งหมด 20 แห่งใน 12 จังหวัดทั่วประเทศ และได้ติดตั้งแผง Solar Cell เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วประเทศ อีกก็อยู่ระหว่างศึกษาพัฒนารถขนส่งไฟฟ้า ร่วมกับพันธมิตรเพื่อนำมาใช้ขนส่งสินค้าให้กับร้าน7-ELEVEN เพื่อลดการใช้พลังงาน และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จากปัจจุบันมีรถขนส่งรวมทั้งสิ้น 7,000 คัน และมีการขนส่ง 2 เที่ยวต่อวัน

โดยในปี 64 CPALL ตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานทดแทนได้ 8,786,280 กิโลวัตต์ ชั่วโมง (kWh), ลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกได้ 4,261 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tc02e) หรือเปรียบเทียบการปลูกไม้ยืนต้นจำนวน 11,810 ต้น

Green Living CPALL ได้สานต่อโครงการ ‘ลดและทดแทน’ ภายใต้แนวคิด ‘ปลูกจิตสำนึกเพื่อสิ่งแวดล้อม’ โดยการรณรงค์และเชิญชวนลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนบนแนวคิดหลัก เศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy โดยล่าสุดจัดให้มีโครงการ ‘ถังคัดแยกขยะ’ เพื่อรณรงค์ให้คนไทยช่วยกันคัดแยกขยะพลาสติก เพื่อนำขยะพลาสติกเข้าสู่กระบวนการ แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy อย่างยั่งยืน

สำหรับในส่วนของการขยายปั๊มชาร์จรถไฟฟ้าในสาขา 7-ELEVENนั้น หากพิจารณาจากจำนวนสาขาในไทยที่มีอยู่มากกว่า 12,000 สาขา ดูเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากหากซีพี ออลล์ คิดทำให้สถานีชาร์จรถไฟฟ้าเข้าไปอยู่ในสาขาอื่นๆ ที่มีพื้นที่รองรับได้พอสัก 10-20% รวมถึงหากใช้โมเดลธุรกิจค้าปลีกของเครือซีพี ก็ยังมี ‘แม็คโคร’ และ ‘โลตัส’ เสริมอีกทาง ก็น่าจะทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเมืองไทยเติบโตได้อีกไม่น้อย

ที่มา: https://www.infoquest.co.th/2021/74406


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

เรื่องราวสุดน่ารัก เมื่อครูจัดทำ ‘เกียรติบัตรทำดี’ มอบให้แก่นักเรียนชั้น ป.2 แม้ว่าจะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น การแบ่งปัน การจับปูนา รักครอบครัว กระทั่งเป็นดีเจน้อยให้โรงเรียน

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวสุดน่ารักที่ถูกแชร์กันไปมากมายในโลกออนไลน์ สำหรับอาจารย์ท่านหนึ่งของโรงเรียน บ้านค้อปัญญานุสรณ์ ที่ได้ทำการมอบเกียรติบัตรทำดีให้แก่นักเรียนชั้นป.2 จำนวน 20 คน

โดยทางคุณครูโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ‘มอบเกียรติบัตรทำดีให้กับนักเรียน ชีวิตคนๆ หนึ่ง ไม่ได้ดีทั้ง 100% แต่จงเลือกเอาสิ่งที่ดีเขามีอยู่ เป็นประโยชน์ต่อโลกบ้างยังน่าดู‘ พร้อมทั้งโพสต์ภาพนักเรียนและเกียรติบัตรต่าง ๆ มากมาย

บอกเลยว่าแต่ละเรื่องที่ทางโรงเรียนมอบให้เด็ก ๆ นั้นสุดปัง แถมยังสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็ก ๆ อีกด้วย เช่น ขุดปูนาเก่ง แบ่งปันผลไม้ให้เพื่อน ๆ และครู ให้เพื่อนยืมดินสอ รักครอบครัว รวมไปถึงเป็นดีเจน้อยให้แก่โรงเรียน

งานนี้ชาวเน็ตต่างพากันออกมาชื่นชมทั้งคุณครูและนักเรียน ว่าเป็นความคิดที่ดีมาก ทำให้นักเรียนภาคภูมิใจ และเห็นคุณค่าของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่เรียกรอยยิ้มได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก ราชวัตร ป้องนางไชย
ที่มา: https://www.brighttv.co.th/social-news/school-cute
 

จักษุแพทย์ชี้!! ฝังตะกรุดทองในเปลือกตา ช่วยเสริมเสน่ห์ เมตตามหานิยม เสี่ยงอันตรายถึงขั้นตาบอดได้ ด้านหลวงพี่ ‘เบรกแล้ว’ พร้อมอ้างแค่วางไว้ที่เปลือกตาล่าง ไม่ได้ฝังในดวงตาหรือเนื้อตา

จากกรณีโซเชียลมีการแชร์เรื่องการลงสาริกาตาหวานจากวัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น และกลายเป็นกระแสของความอันตรายในการนำตะกรุดทองแท้ไปฝัง

ล่าสุดพระพิพัฒน์กิจจาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนายกวรรังสรรค์ (เขาดิน) อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าคณะอำเภอบางปะหัน เผยว่า ได้ทราบเรื่องจากลูกศิษย์ และได้มีการโทรไปพูดคุยกับ พระจิรพงษ์ กาญจนวิมาน หรือ ‘หลวงพี่เลี้ยง ธีรวโร’ แล้ว ถึงกรณีที่บนโลกโซเชียลได้มีการแชร์คลิปการฝัง ‘ตะกรุดทองแท้’ ไว้บริเวณเปลือกตาล่าง เรียกว่า ‘สาริกาตาหวาน' ซึ่งเชื่อว่าสามารถเรียกโชค เรียกทรัพย์ และเพิ่มเสน่ห์ได้นั้น

เบื้องต้นได้รับทราบว่า เป็นเพียงการวางไว้บริเวณเปลือกตาล่าง และให้นำออกได้ตามสะดวก แล้วนำไปเลี่ยมใส่กรอบบูชา โดยวัสดุที่ทำคือทองแท้ 100% ยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร ไม่มีการฝังไว้กับดวงตาหรือเนื้อตาแต่อย่างใด

หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่วัดจอมเกษ ต.ขยาย อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อพบกับพระครูปราโมทย์ปิยธรรม เจ้าอาวาสวัดจอมเกษ ซึ่งเผยว่า ขณะนี้พระอาจารย์เลี้ยง ไม่อยู่ ไปกิจนิมนต์ที่ต่างจังหวัด ส่วนที่สำนักสักยันต์ได้มีการสั่งให้หยุดพิธีกรรมต่างๆ แล้ว

นอกจากนี้ ยังมีการชี้แจงอีกว่า จากกระแสข่าวที่เด็กนำไปไว้ในดวงตาแล้วนำไปลงโชเชียลนั้น มีการผิดเพี้ยน เนื่องจากวิธีขั้นตอนการประกอบพิธีกรรมนั้น พระอาจารย์เลี้ยง ได้แค่ใส่ไว้ที่เปลือกตา และให้นำออกมาใส่กรอบบูชา โดยก่อนทำก็จะมีการต้มและแช่แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อก่อนทุกครั้ง ส่วนเรื่องของพุทธคุณนั้น เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของแต่ละคน

ด้านนายธนภาค ทับทิมทอง อายุ 43 ปี กำนันตำบลขยาย กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่เคารพ และศรัทธา พระอาจารย์เลี้ยง ตั้งแต่พระอาจารย์เลี้ยง มาอยู่ที่วัดจอมเกษ 20 ปี ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย มีแต่พัฒนาวัดให้เจริญ ช่วยเหลือชุมชน และชาวบ้านมาตลอด ช่วยเหลือโรงเรียน จนกระทั่งมีเป็นข่าว ชาวบ้านรู้สึกไม่สบายใจ และอยากให้คนที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลหยุดคอมเมนต์ในสิ่งที่รู้ไม่จริง เพราะทำให้วัดเสื่อมเสีย

ที่มา: https://mgronline.com/local/detail/9640000030483


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

‘รมว.คมนาคม’ แบ่งงาน รมช.คนใหม่ คุม 4 หน่วยงาน ขบ. - ทย. - สบพ. - โรงแรมสุวรรณภูมิ

วันที่ 31 มีนาคม 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2546 ได้ลงนามออกคำสั่งกระทรวงคมนาคม ที่ 183/2564 เรื่อง มอบอำนาจให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมกำกับดูแลและปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทุ้งนี้ ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมนั้น

ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารราชการของกระทรวงคมนาคม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 และมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอำนาจ พ.ศ.2550 จึงให้ยกเลิกคำสั่งที่ 429/2563 ที่ได้สั่ง ณวันที่ 9 มิถุนายน 2563 เรื่อง มอบอำนาจให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กำกับดูแลและปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และให้ใช้ดำสั่งนี้แทน

ทั้งนี้ มอบอำนาจให้นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้มีอำนาจในกำกับดูแล และปฏิบัติราชการแทนโดยทั่วไป ยกเว้นการบริหารงานบุคคล การอนุมัติงบประมาณ การอนุมัติ การอนุญาต การออกใบอนุญาตใดๆ ที่เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งใด หรือมติของ ครม. สำหรับงานของส่วนราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย

1.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.)
2.) กรมท่าอากาศยาน (ทย.)
3.) สถาบันการบินพลเรือน (สบพ.)
4.)บริษัท โรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด
5.)งานตอบกระทู้ถามในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและที่ประชุมวุฒิสภา

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ในการกำกับดูแล และปฏิบัติราชการแทน ที่ได้รับมอบอำนาจนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อาจมอบอำนาจการอนุมัติ อนุญาต การออกใบอนุญาตใดๆ หรือการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินการอื่น ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือคำสั่งใด หรือมติของ ครม. อันอยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้แก่รัฐมนตรีช่วยการการกระทรวงคมนาคมได้ โดยทำเป็นหนังสือ ขณะที่บรรดาเอกสารใด ๆ ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้สั่งหรือลงนามในฐานะผู้ปฏิบัติราชการแทน ให้นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อทราบในโอกาสแรก

นอกจากนี้ ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นว่า เรื่องใดเป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาลหรือมีผลกระทบต่อนโยบายของรัฐบาล หรือผลประโยชน์ของประเทศชาติ หรือเรื่องที่อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนและความไม่ยุติธรรมแก่ประชาชน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสามารถสั่งการในเรื่องนั้นได้โดยตรง อีกทั้งในกรณีที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ อำนาจในการกำกับดูแลและปฏิบัติราชการแทนให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรวมถึงในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งที่ได้รับมอบอำนาจนี้ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยึดมั่นในระเบียบกฎหมาย และหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2556 นอกจากนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอำนาจ พ.ศ. 2550 รวมทั้งหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด

“บิ๊กป้อม” ห่วงใยนักกีฬาคนพิการ เปิดอาคารศูนย์วิทยาศาสตร์/ศูนย์ฝึกกีฬาบอคเชีย ชื่นชมผลงานที่ผ่านมา เรียกประชุม คกก.กกท. หนุนไทยเป็นเจ้าภาพ ซีเกมส์ครั้งที่ 33 สร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริมเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวภายใต้ New Normal กำชับสมาคมฯ เร่งฝึกซ้อม

เมื่อ 31 มีนาคม 2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานพิธีเปิดอาคารศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา และอาคารศูนย์ฝึกกีฬาบอคเชียแห่งชาติ พร้อมทั้งเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กก. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา  การกีฬาแห่งประเทศไทย

พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางถึงบริเวณพิธี ณ อาคารศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬารับฟังคำกล่าวรายงาน การดำเนินการจากผู้ว่าฯกกท. (นาย ก้องศักด ยอดมณี) รับชมวีดีทัศน์ความเป็นมาของการปรับปรุงศูนย์ฯ และการดำเนินงาน พร้อมเยี่ยมชมการบริการ และเครื่องมืออุปกรณ์ จากนั้น ได้เป็นประธานการประชุม คกก.กกท. โดยรับทราบความคืบหน้า เรื่อง ที่ กกท.ได้ขอความอนุเคราะห์ การขอรับวัคซีนป้องกัน covid-19 จากกระทรวงสาธารณสุข สำหรับ นักกีฬาทีมชาติ เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการกีฬา ที่จะเดินทางเข้าร่วมแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่32 พาราลิมปิกเกมส์ และกีฬารายการนานาชาติอื่น ๆ 

โดยในขณะนี้ มีนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ จำนวน 11 คน ได้รับการฉีดวัคซีน ชุดแรกแล้ว ได้แก่ สมาคมแข่งเรือใบ จำนวน 9 คน และสมาคมวินเซิร์ฟ จำนวน 2 คน โดยทั้ง 2 สมาคมจะเดินทางไปร่วมแข่งขันรายการ มุสสานาห์ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ 2021 ที่ประเทศโอมาน ซึ่งเป็นการแข่งขัน Qualify Olympic 2020 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จากนั้น ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเห็นชอบ การขอรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน กีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 (พ.ศ.2568) โดยนำเสนอ ครม.ให้ประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขัน พร้อมเห็นชอบ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณา จังหวัด เจ้าภาพเพื่อใช้จัดการแข่งขัน ด้วย

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กกท.ให้เร่งขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาการกีฬาให้บรรลุเป้าหมาย อย่างเร่งด่วน และการบริหารงบประมาณ จะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน กีฬาซีเกมส์นั้น จะต้องมีการวางแผนเตรียมการ อย่างเหมาะสม ภายใต้ New Normal และต้องสามารถสะท้อนศักยภาพ ความเชื่อมั่นของประเทศ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร  ยังได้มอบนโยบายให้สมาคมกีฬาต่าง ๆ เร่งวางแผนฝึกซ้อมนักกีฬา พร้อมเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬา ทุกประเภท ให้สามารถก้าวสู่ความเป็นเลิศ และเป็นเจ้าเหรียญทองซีเกมส์สมัยหน้าให้ได้ ต่อไป

ภายหลังการประชุม คกก.กกท. พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไปทำพิธีเปิดอาคารศูนย์ฝึกกีฬาบอคเชียแห่งชาติ ณ อาคารศูนย์ฝึกฯ สมาคมกีฬาคนพิการทางสมองแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ประโยชน์ สำหรับนักกีฬาคนพิการ โดยตรง พร้อมได้กล่าวย้ำว่า นักกีฬาคนพิการถือเป็นผู้ที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะที่ผ่านมาได้สร้างชื่อเสียงให้กับวงการกีฬา ของประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง

ทหารชายแดนร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่สามแลบ ช่วยหญิงเจ็บท้องคลอด 7 เดือน ก่อนทนไม่ไหวคลอดระหว่างทาง ทารกเพศชายปลอดภัย

กำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 3606 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ฐานปฏิบัติการบ้านแม่สามแลบ จัดกำลังพลปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจบ้านแม่สามแลบ ร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านแม่สามแลบ เร่งให้ความช่วยเหลือ นางสาว ทัชฌา ทวีแสงชัย อายุ 24 ปี ราษฎรบ้านปู่คำน้อย หมู่ที่ 5 ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 

เนื่องจากตั้งครรภ์ 7 เดือน มีอาการปวดท้องใกล้คลอดอย่างรุนแรง โดยได้ทำการคลอดระหว่างทาง ซึ่งเป็นการคลอดก่อนกำหนดและสามารถคลอดบุตรได้อย่างปลอดภัยเป็นทารกเพศชาย น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม แม่และเด็กปลอดภัยทั้งคู่ โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่สามแลบได้ประสาน โรงพยาบาลสบเมย เพื่อเดินทางมารับไปดูแลและพักฟื้นต่อไป

ทบ. แจ้งเคลื่อนอาวุธยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ใน 1-9 เมษายน 2564 เพื่อทำการฝึก

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพบก โดย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล 1 รอ.) แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ของกองพันทหารสื่อสารที่ 1 เพื่อทำการฝึกและตรวจสอบการฝึกเป็นหน่วยประจำปี 2564 ที่พื้นที่ฝึกฯ บ.หลุมหิน อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ในวันที่ 1 เมษายน 2564 เวลา 06.00 น.

เคลื่อนย้ายทางรถยนต์จาก กองพันทหารสื่อสารที่ 1 – ถ.นางลิ้นจี่ – ซ.สวนพลู – ถ.สาทรใต้ – ถ.ตากสินเพชรเกษมวงแหวนรอบนอก – ถ.ปิ่นเกล้านครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลขที่ 323, 324) ปลายทาง พื้นที่ฝึกฯ จ.กาญจนบุรี และเคลื่อนย้ายกลับ กองพันทหารสื่อสารที่ 1 ตามเส้นทางเดิม ในวันที่ 9 เม.ย. 64 เวลา 13.00 น. จึงขอแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ และขออภัยในความไม่สะดวก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top