Friday, 23 May 2025
NewsFeed

‘รัฐบาล’ ยัน มีกฎหมายควบคุมอาหารผสมกัญชา ย้ำ!! ร้านต้องขึ้นป้ายแจ้งชัดเจน ฝ่าฝืนปรับ 5 หมื่นบาท

(4 มี.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่มีรายงานข่าวระบุถึง กรณีทางการของต่างประเทศ ได้มีคำเตือนประชาชนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย ให้ระมัดระวังการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา ที่อาจพบได้โดยทั่วไปนั้น ขอชี้แจงว่ารัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินดูแลและควบคุมในเรื่องนี้อย่างรัดกุม มีกฎหมายกำหนดให้ร้านอาหารทุกแห่งที่จำหน่ายเมนู ซึ่งมีส่วนผสมของกัญชา กัญชง ต้องดำเนินการปิดป้ายแสดงให้ลูกค้าทราบอย่างจัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภครวมถึงนักท่องเที่ยวทราบ และตัดสินใจเลือกได้ ว่าจะรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมนั้นหรือไม่ โดยหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษปรับ 50,000 บาท ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 โดยรายละเอียดแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารจะอยู่ใน ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ การควบคุมคุณภาพและการจัดการ สุขลักษณะของการจำหน่ายอาหารประเภทปรุงสำเร็จในสถานที่จำหน่ายอาหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. 2565 เป็นต้นมา

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตามประกาศฯ ได้กำหนดให้ร้านอาหารที่มีการนำกัญชาหรือกัญชง มาเป็นส่วนประกอบต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้

1.) แสดงข้อความหรือป้ายสัญลักษณ์ว่าเป็นสถานที่จำหน่ายอาหาร ที่มีการใช้กัญชา หรือกัญชง เป็นส่วนประกอบ

2.) แสดงรายการอาหารที่มีการใช้กัญชา หรือกัญชง เป็นส่วนประกอบ

3.) แสดงข้อแนะนำความปลอดภัยในการบริโภค อาทิ บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ควรงดเว้นรับประทาน, ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรหยุดรับประทานทันที รีบพบแพทย์หากมีอาการรุนแรง, รับประทานแล้วเกิดอาการง่วง ซึม ให้หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล เป็นต้น (อ่านประกาศฉบับเต็ม : bit.ly/3ENUOti)

‘แรงงานกัมพูชา’ วอนคนที่บ้านเกิด หยุดดรามา ‘กุน ขแมร์’ คนปั่นกระแสที่เขมรไม่ทุกข์ แต่คนทำงานที่ไทยอยู่ลำบาก

เมื่อวานนี้ (3 มี.ค. 66) ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง ที่เป็นหนุ่มกัมพูชา ซึ่งมาทำงานหากินอยู่ในเมืองไทย ได้โพสต์คลิปถึงเรื่องดรามา ‘กุน ขแมร์’ ที่เป็นกระแสร้อนอยู่ในตอนนี้

โดยในคลิปจะเห็นหนุ่มคนดังกล่าว เปิดเผยว่า…

“ความจริงเรื่องนี้ไม่อยากออกมาพูดเพราะมันบอบบางมาก แต่ในความคิดของผม จบได้แล้วครับ ขอร้องคนฝั่งบ้านผม เลิกพูด หยุดได้แล้ว แล้วคนพูดได้อะไร สงสารคนที่มาทำงานที่เมืองไทยด้วยนะครับ ทำงานเหนื่อยแล้ว ยังมาเจอแบบนี้อีก

พวกคุณอยู่ที่กัมพูชาก็ไม่เป็นไร คุณก็รอด ไม่มีปัญหาอะไร แต่คนที่ทำมาหากินอยู่ที่ประเทศไทยนี้โดนกดดันนะ สงสารคนทำมาหากินด้วย หยุดได้แล้ว อย่าอ้างอิงประวัติศาสตร์อะไรก็แล้วแต่ มวยไทยก็คือมวยไทย กุนขแมร์ก็คือกุนขแมร์ อย่ามาหาต้นตำรับ อย่ามาบอกว่า ต้นตำรับยกมาจากไหน คนที่เผยแพร่นั้นอาจจะเป็นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จากที่ใดที่หนึ่งก่อน แล้วก็เผยแพร่มาเรื่อย ๆ มันอยู่ที่คนไม่ปกป้องรักษาเอง วัฒนธรรมที่เขาเผยแพร่มันคือของที่รวมกัน คนที่เขาเผยแพร่วัฒนธรรมนี้เขาก็ตั้งใจอยู่แล้ว ให้วัฒนธรรมของเขามีอิทธิพลไปทุกที่ ทุกทวีป อย่ามาอ้างอิง อย่าเอาประวัติศาสตร์มากล่าว ให้คนอื่นมาฟังพวกคุณ โทษกันไม่ได้ วัฒนธรรมร่วมกันนี้เขาก็ปกป้องรักษา เขาลงทุนมากมาย เขารักศิลปะของเขา เขาก็ปกป้อง เขาก็ดูแลมาดี คุณต้องเข้าใจ

‘กระทรวงดิจิทัลฯ - ดีป้า’ จัดงาน SCA on Tour มุ่งกระจายความเจริญ ลดความเหลื่อมล้ำด้วยเทคโนโลยี

(4 มี.ค. 66) ที่จังหวัดปทุมธานี กระทรวงดิจิทัลฯ และ ดีป้า พร้อมเครือข่ายพันธมิตรลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี จัดกิจกรรม SCA on Tour ภาคกลาง ขยายความสำเร็จโครงการนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ รุ่นที่ 2 มุ่งสร้างความตระหนักรู้ด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่เข้มแข็งในระดับพื้นที่ ระหว่างนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ และผู้แทนจากหน่วยงานในโครงการนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ มุ่งเป้ากระจายความเจริญและลดความเหลื่อมล้ำด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ และสอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน
เปิดกิจกรรม SCA on Tour ภาคกลาง ที่จัดโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และ จังหวัดปทุมธานี โดยมี นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี, พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี, ร้อยตำรวจเอก ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต, ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า, ผู้บริหารและผู้แทนจากเครือข่ายพันธมิตรทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ, ภาคเอกชน, ภาคประชาชน รวมถึงน้อง ๆ จากโครงการนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ รุ่นที่ 2 (Smart City Ambassadors: SCA Gen 2) และผู้แทนจากหน่วยงานในโครงการฯ (กัปตันเมือง) ร่วมกิจกรรมโดยพร้อมเพรียง

นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการขยายความสำเร็จโครงการนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ รุ่นที่ 2 กระทรวงดิจิทัลฯ และ ดีป้า จึงจัดกิจกรรม SCA on Tour ภาคกลาง จังหวัดปทุมธานีขึ้น หลังประสบความสำเร็จอย่างมากจาก SCA on Tour ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 มกราคมที่ผ่านมา โดยกิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความตระหนักรู้ด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และเครือข่ายความร่วมมือผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่เข้มแข็งในระดับพื้นที่ระหว่างนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ รุ่นที่ 2 กัปตันเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง

“ที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
ในระดับท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลตามแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 และยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 ที่กำหนดให้ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน ด้วยการผลักดันการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิดระบบบริการที่เป็นรูปธรรม นำไปสู่การบริหารจัดการเมืองที่มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างทั่วถึง เท่าเทียม พร้อมรองรับนักลงทุน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าว

‘เพจลุงตู่ตูน’ เชียร์ ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ ช่วยลดภาระ ปชช. ลั่น!! ขอให้ลุงตู่อยู่ต่อ เพื่อทำโครงการให้สำเร็จ

(4 มี.ค. 66) เพจเฟซบุ๊กลุงตู่ตูน ซึ่งเป็นเพจสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์คลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์นโยบาย ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ได้ประกาศบนเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยได้สัมภาษณ์ความคิดเห็นของประขาชนต่อนโยบายดังกล่าวด้วย

โดย ในคลิปวิดีโอ ประชาชนที่เป็นกลุ่มแฟนคลับ ต่างให้การสนับสนุนนโยบาย ‘บัตรสวัสดิการพลัส’ ว่า ดีใจมากที่มีนโยบายนี้ โดยเฉพาะการขยายสิทธิจาก 300 บาท เป็น 1,000 บาท เพราะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ให้ได้ซื้อผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน น้ำมันพืช ข้าวสารอาหารแห้ง และของใช้ต่าง ๆ ในภาวะที่สินค้าอุปโภคบริโภคขึ้นราคา ค่าครองชีพก็สูงขึ้น

‘พิธา’ ยันคำเดิม ไม่ร่วมส่วนผสมกับพรรคทหารจำแลง ครม.ไหนมี ‘ตู่-ป้อม’ ไม่มี ‘ก้าวไกล’ ร่วมด้วยแน่นอน

‘พิธา’ ควง ‘ปิยบุตร’ ขึ้นซาเล้งแห่หาเสียง ดัน ‘ทนายป๊อก’ ย้ำแชมป์ขอนแก่นเขต 1 ไม่หวั่นแบ่งเขตเปลี่ยนไปมา มั่นใจรอบนี้คนแห่เลือกตั้งเพื่ออนาคตมากขึ้น ยืนยันคำเดิม ครม. ไหนมี ‘ประวิตร-ประยุทธ์’ ไม่มี ‘ก้าวไกล’ ร่วมด้วยแน่นอน

(4 มี.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล และ นายวีรนันท์ ฮวดศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 พรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมแห่หาเสียง โดยใช้ขบวนรถสามล้อและมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างแห่ไปรอบตัวเมืองขอนแก่น ทักทายประชาชน แนะนำตัวผู้สมัครและนโยบายของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง โดยกิจกรรมตลอดช่วงเช้านี้ได้รับการตอบรับจากประชาชนชาวขอนแก่นตลอดสองข้างทางเป็นอย่างดี

ก่อนเริ่มขบวนแห่ ทั้งสามคนร่วมให้สัมภาษณ์และตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน ซึ่งถามถึงความมั่นใจของพรรคก้าวไกลต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยปิยบุตร ระบุว่าจากการติดตามผลสำรวจคะแนนนิยมอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ว่าคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลยังคงอยู่ เมื่อ 4 ปีที่แล้วทุกคนก็ปรามาสพรรคอนาคตใหม่ว่าจะไม่ได้คะแนนนิยม แต่ก็คว้าชัยชนะมาได้ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วถึง 88 ที่นั่ง รวมทั้งที่ขอนแก่นเขต 1 ด้วย มาครั้งนี้ก็เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะยังคงเก็บชัยชนะได้

ด้านนายพิธา ระบุว่าในการเลือกตั้งรอบนี้ พรรคก้าวไกลตั้งเป้าหมายว่าจะต้องได้จำนวน ส.ส.เขตมากขึ้น ให้มี ส.ส.เขตในทุกภาค และต้องมากกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงจะต้องได้คะแนนนิยมรวม หรือพอปพิวลาร์โหวตมากขึ้นด้วย ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นไปได้ แม้วิธีการคำนวณคะแนนในการเลือกตั้งครั้งนี้อาจต่างกัน แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะในปัจจัยที่เราควบคุมได้ เรามีแผนการหาเสียงยาวไปจนถึงวันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งแล้ว ทั้งการเปิดตัวนโยบาย ลงพื้นที่ เปิดตัว ส.ส.บัญชีรายชื่อ

แต่หากจะมีสิ่งใดที่ยังเป็นข้อกังวลอยู่บ้าง ก็คงจะมีการเขียนเขตที่ไม่แน่นอนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และการไม่มีระบบรายงานผลแบบเรียลไทม์ การใช้เวลาราชการและการใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือในการหาเสียงโดยฝ่ายรัฐบาล แต่เราก็จะทำในสิ่งที่ทำได้ให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ตนขอเรียกร้องไปยัง กกต. ให้จัดการการเลือกตั้งอย่างมีระบบ มีความชัดเจน มีบรรทัดฐานที่ต่อเนื่อง และไม่สร้างความสับสนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

นายพิธายังกล่าวต่อไปว่า สำหรับการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปจากกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตนและพรรคก้าวไกลคาดแล้วว่าจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น จึงได้มีการวางแผนให้ผู้สมัครเดินหาเสียงไปพร้อมกัน 2-3 ทีมในเขตใกล้เคียงกันหลายที่ ให้ประชาชนได้เห็นตัวผู้สมัครครบทุกคน ทำงานเป็นทีมและส่งพลังให้แก่กันด้วย

ทั้งนี้ การแบ่งเขตแบบที่นับรวมฐานประชากรแต่เฉพาะคนสัญชาติไทย อาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเขตไปอย่างมีนัยยะสำคัญในจังหวัดอย่างเชียงใหม่และเชียงราย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พรรคก้าวไกลก็พร้อมสู้ในทุกรูปแบบ และเชื่อว่าจะสามารถรักษาเขตเดิมและเพิ่มเขตใหม่ได้แน่นอน

ผู้สื่อข่าวยังถามต่อถึงกรณีการขยับของพรรคเพื่อไทย ที่มีการแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจขึ้นมา จะส่งผลต่อการหาเสียงของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธาระบุว่า พรรคก้าวไกลพร้อมเสมอในการแข่งขันเชิงนโยบายเพื่อเสนอทางออกที่ดีที่สุดให้สังคมไทย และเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคก้าวไกลก็พร้อมที่จะร่วมมือกับแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพื่อทำงานด้วยกันอย่างเต็มที่ในอนาคต เพราะวันนี้ทั้งสองพรรคต่างเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน ทุกพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อม ที่เมื่อนำมารวมกันจะเป็น ครม. ที่สมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ ๆ ของประเทศไทยได้

แก้ปัญหาตรงจุด!! ‘กรณ์’ ลุยบางคอแหลม ‘พูดคุย-รับฟัง’ ปัญหาชาวบ้าน ปลื้ม!! ส่วนใหญ่ขานรับนโยบาย ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์’ แก้หนี้ทั้งระบบ

(4 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายปรัชญา อึ้งรังษี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในเขตบางคอแหลม ถนนเจริญกรุง โดยนายกรณ์ แนะนำตัวผู้สมัครและสอบถามความเป็นอยู่ของพี่ประชาชน ซึ่งมีร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อยเป็นจำนวนมาก โดยประชาชนให้ความสนใจนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ของพรรคชาติพัฒนากล้า เพราะหลายคนก็พบเจอปัญหาหนี้นอกระบบ เพราะไม่สามารถกู้เงินในระบบได้

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีนโยบายการหาเสียงที่ชัดเจนว่า มุ่งเน้นไปที่ต้นตอของปัญหา ไม่เน้นประชานิยม เนื่องจากมองว่านโยบายประชานิยม เช่น พักหนี้ ไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่เป็นการผลักปัญหาออกไปโดยที่ไม่ได้ช่วยอะไร เราจึงเลือกที่จะนำเสนอนโยบายที่สร้างโอกาสให้ประชาชนปลดหนี้ ลดหนี้ โดยยกตัวอย่างในช่วงวิกฤตโควิด พรรคได้ทำโครงการกล้าปลดหนี้ มีประชาชนมาขอคำปรึกษาว่าเขามีหนี้นอกระบบอยู่ 50,000 และไม่สามารถกู้เงินในระบบได้ เราจึงช่วยหาสถาบันการเงินมาปล่อยกู้ให้ 100,000 บาท เพื่อปลดหนี้นอกระบบที่มี และอีก 50,000 บาทเขานำไปวางเงินดาวน์เปิดร้านหมูกระทะ จนปัจจุบันกิจการรุ่งเรือง สามารถปลดหนี้ได้ และหารายได้เลี้ยงครอบครัวได้สบาย ๆ เพราะเขาได้โอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญให้เขาเดินต่อได้

นายกรณ์ กล่าวว่า วันก่อนได้มีโอกาสได้คุยกับคนรุ่นใหม่แถวสามย่าน เขาเป็นเอเย่นต์ขายบ้าน เขาบอกว่า บ้านที่คนส่วนใหญ่บ้านคนสนใจราคาอยู่ประมาณ 2 ล้าน และถ้าคนเจตนาจะมีบ้าน 10 คน แบงก์จะสามารถปล่อยกู้ได้เพียง 2 คนเท่านั้น ในขณะที่อีก 8 คน ก็ยังต้องเช่าบ้านที่ราคาแพงกว่าเงินที่ใช้ผ่อนบ้าน แทนที่จะให้เขากู้เงินแล้ว เอาเงินค่าเช่ามาเป็นเงินผ่อน ที่ต้องจ่ายไปโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา โอกาสการในการกู้ยืมเงินเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเมื่อเทียบกับออสเตรเลีย ที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอยู่ที่ 4% ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน 5% ส่วนต่าง 1% เช่นเดียวกับมาเลเซีย ถ้าอัตราส่วนต่างไม่เกิน 2% ในขณะที่ประเทศไทย ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1% และดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน 6% ทำไมส่วนต่างเราสูงกว่ากันมาก แต่บ้านเราไม่มีใครตั้งคำถามแบบนี้ ไม่มีคนคิดเชิงโครงสร้าง ที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

“ชีวิตผมเอง 20 ปี ผมทำธุรกิจมา เหมือนกับคุณปรัชญา ก็ทำธุรกิจ และไม่ว่าอาชีพอะไรก็ตามในทุกประสบการณ์ก็เป็นประโยชน์ที่จะเข้ามาทำงานการเมือง แต่ความเข้าใจในระบบเศรษฐกิจ มีความสำคัญ ที่จะเป็นเส้นแบ่งสำคัญของนักธุรกิจกับนักการเมืองคือ จิตสาธารณะ ความเสียสละ ที่เราต้องปรับตัว เพราะเรามีหน้าที่สร้างประโยชน์ให้กับทุกคน ไม่ใช่กลุ่มลูกค้า หรือคนที่เลือกเรา ความเข้าใจตรงนี้ นักธุรกิจมองข้ามไม่ได้ และต้องปรับตัวให้ได้” นายกรณ์ กล่าว

กาฬสินธุ์เริ่มแล้วประเพณีมาฆปูรณมีบูชาทะเลธุงอีสานอลังการขบวนแห่เมืองโบราณ

เริ่มแล้วประเพณี“มาฆปูรณมีบูชา” ทะเลธุงอีสานยิ่งใหญ่อลังการหนึ่งเดียวในโลก ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นำหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน 18 อำเภอ จัดขบวนแห่เมืองโบราณถวายเครื่องสักการะพระธาตุยาคู ผ่านแนวทะเลธุงที่พัดโบกปลิวไสวสวยงามตระการตา ในงาน "มาฆปูรณมีบูชา” ทะเลธุงอีสาน เชิญชวนแต่งชุดพื้นเมืองมาเซลฟี่และถ่ายภาพกับทะเลธุง จุดเช็คอินที่สวยงาม และร่วมกันแชร์โลกโซเชียลประกาศกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดร่ำรวยวัฒนธรรม ร่ำรวยสุขภาพ และร่ำรวยน้ำใจ

ที่บริเวณโบราณสถานพระธาตุยาคู ต.หนองแปน อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายธวัชชัย รอดงาม รองผวจ.กาฬสินธุ์ นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร รองผวจ.กาฬสินธุ์ นายสำเริง ม่วงสังข์ รองผวจ.กาฬสินธุ์ ผช.จุรีรัตน์ กอเจริญยศ นายกเหล่ากาชาดจ.กาฬสินธุ์ นายเตชิต บุญทรงศาสตร์ นายอำเภอกมลาไสย และนายอำเภอทั้ง 18 อำเภอใน จ.กาฬสินธุ์ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ จัดขบวนแห่ถวายเครื่องสักการะพระธาตุยาคู ผ่านแนวทะเลธุงที่พัดโบกปลิวไสวสวยงามตระการตา ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมงานประเพณีมาฆบูชา "มาฆปูรณมีบูชา” ทะเลธุงอีสาน เป็นสัญญาณการเริ่มงาน โดยมีประชาชน นักท่องเที่ยวกว่า 10,000 คน ร่วมงาน

ทั้งนี้ ขบวนแห่ถวายเครื่องสักการะพระธาตุยาคูดังกล่าว  ประกอบด้วยขบวนจากเมืองต่างๆ ที่รวมชนเผ่าพื้นเมืองและหลายชาติพันธุ์ ซึ่งเคยมีการสร้างบ้านแปงเมืองและเจริญรุ่งเรืองในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ในยุคโบราณกาลถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ประกอบด้วยเมืองฟ้าแดดสงยาง เมืองภูแล่นช้าง เมืองแซงบาดาล เมืองกุดสิมนารายณ์ ซึ่งแต่ละเมืองมีการตกแต่ง ประดับประดาขบวนแห่ด้วยเครื่องสักการบูชา และเครื่องแต่งกายหลากหลายสีสัน แสดงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมการแต่งกายที่โดดเด่นประจำเมืองของตน ซึ่งถือเป็นการหลอมรวมชนเผ่าพื้นเพชาวเมืองน้ำดำ ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงยุคปัจจุบันในสถานที่เดียวกัน  ณ มณฑลพิธีอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ คือพระธาตุยาคู ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ มีคุณค่าทางโบราณคดี เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ในยุคทวาราวดี อายุประมาณ 1,400 ปี

ผบ.ตร.สั่ง น.1 เร่งตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้อาคารที่ทำการ บก.น.5 และความเสียหายทรัพย์สินทุกชนิดโดยละเอียด พร้อมจัดหาปรับปรุงที่ทำการชั่วคราว ดูแลตำรวจที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้น พฐ.รายงานไฟไหม้จาก กระแสไฟในคอมเพรสเซอร์แอร์ลัดวงจร

วันที่ 4 มี.ค. 66 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า “จากกรณีเพลิงไหม้กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5)  เขตสาทร ซึ่งเป็นอาคารสูง 3 ชั้น มีรถยนต์ของตำรวจได้รับความเสียหายจำนวน 7 คัน แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น  เร่งหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ รวมทั้งสภาพโครงสร้างอาคารที่มีความเสียหายจะเกิดอันตรายหรือไม่ โดยเบื้องต้นได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่ลงตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า สาเหตุไฟไหม้เกิดจากกระแสไฟในคอมเพรสเซอร์แอร์ลัดวงจร 

รอง โฆษก ตร. เตือนพระภิกษุสงฆ์และนักบวชให้ความระมัดระวังการโจรกรรมทรัพย์สินวัดและศาสนสถานในวันสำคัญทางศาสนา

วันนี้ (4 มี.ค.66) เวลา 13.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.ท. ธ เทพ ไชยชาญบุตร รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้คำแนะนำกรรมการวัดและผู้ดูแลศาสนสถานต่างๆ รวมตลอดถึงพระภิกษุ สามเณร นักพรตนักบวช ให้ช่วยกันสอดส่องป้องกันพระพุทธรูป โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและกล่องรับบริจาคต่างๆ ภายในวัด

พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดย พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีความห่วงใยในวัดวาอาราม เทวสถาน ศาสนสถานต่างๆ ในทุกศาสนา จึงได้กำชับให้ข้าราชการตำรวจทุกพื้นที่ให้สอดส่องดูแลวัดวาอาราม เทวสถาน ศาสนสถานต่างๆ  โดย พ.ต.ท. ธ เทพฯ  กล่าวว่า เมื่อถึงวันสำคัญทางศาสนาต่างๆ เช่นวันมาฆบูชาจะมีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา มีการทำบุญบริจาคทานเป็นจำนวนมาก ซึ่งมักจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาสำรวจลู่ทางเพื่อหาโอกาสในการลักขโมยทรัพย์สินต่างๆ ทั้งของวัด เช่นเงินสดในกล่องรับบริจาคของวัด พระพุทธรูป เทวรูป ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ และทั้งทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุหรือนักบวชด้วย

ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดงานวันสถาปนาไทยอาสาป้องกันชาติ ประจำปี 2566 ทัพเรือภาคที่ 2 พร้อมชมพิธีสวนสนามทางบกและทางเรือ กว่า 50 ลำ

วันนี้ (4 มี.ค. 66) ที่บริเวณลานพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แหลมสนอ่อน บริเวณสวนสองทะเล อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีสวนสนาม ทางบกและสวนสนามทางเรือของเหล่าสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล เนื่องในวันสถาปนาไทยอาสาป้องกันชาติหรือ ทสปช. ประจำปี 2566 โดยมีสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติในทะเลเขตทัพเรือภาคที่ 2 จาก 5 จังหวัด ประกอบด้วย จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.สงขลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส จำนวน 200 คนเข้าร่วมในพิธี

โดยงานสถาปนาไทยอาสาป้องกันชาติได้จัดขึ้นเพื่อรำลึกและสดุดีวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของบรรพชนที่ได้สละชีวิต เลือดเนื้อและหยาดเหงื่อเข้าป้องกันเอกราช อธิปไตยของแผ่นดินไว้เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2369 ซึ่งก็คือท้าวสุรนารีที่ได้รวบรวมกำลังประชาชนทั้งหญิงและชายออกรบขับไล่ศัตรูจนแตกพ่ายและได้รับชัยชนะทางราชการจึงได้ประกาศให้วันที่ 4 มีนาคมของทุกปีเป็นวันไทยอาสาป้องกันชาติ รวมทั้งยังเป็นการแสดงการรวมพลัง การเสริมสร้างขวัญ และกำลังใจให้แก่เหล่าสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ตระหนักถึงความรัก ความสามัคคี พร้อมที่จะเสียสละและร่วมมือกับทางราชการในการป้องกันประเทศ ตลอดจนประกอบกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนต่อไปในอนาคต

ภายในงานมีกิจกรรมพิธีมอบเข็มเชิดชูเกียรติสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติฯดีเด่น จำนวน 5 คน จาก 5 จังหวัด และวิทยากรดีเด่น 1 คน จากนั้นสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติกล่าวคำปฏิญาณตน โดยหัวหน้าชุดครูฝึก เป็นผู้กล่าวนำสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติทางทะเลฯ ในการปฏิญาณตน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top