Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

กูรูระดับโลกชื่นชมศักยภาพของ ‘เงินบาท’ ‘แข็งแกร่ง-มีเสถียรภาพ’ แม้เผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ

รูชีร์ ชาร์มา (Ruchir Sharma) นักลงทุนผู้มากประสบการณ์ ประธานบริษัทการเงินระดับโลก Rockefeller Capital Management ผู้ติดตามความเคลื่อนไหวของเงินสกุลต่างๆ ทั่วโลกมานานเกือบ 30 ปี ได้กล่าวถึง ‘เงินบาท’ ของไทยด้วยความชื่นชม ผ่านคอลัมน์ของ Financial Times (12 ก.พ. 2566) เนื่องด้วย เดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้ จะครบรอบ 25 ปี ที่เขาเคยอยู่ในกรุงเทพมหานคร ในวันที่ไทยกำลังเผชิญวิกฤติ ‘ต้มยำกุ้ง’ อย่างหนักและลุกลามไปหลายประเทศในเอเชีย

ในช่วงเวลานั้น ค่าเงินบาทของไทยลดค่าลงอย่างรุนแรงกว่า 40% ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่หดตัวลงถึง 20% ในพริบตา ตลาดหุ้นดิ่งเหวกว่า 60% สถาบันการเงินหลายแห่งเข้าสู่ภาวะล้มละลาย หนี้สาธารณะพุ่งสูงจนรัฐบาลไทยต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากกองทุน IMF 

ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2541 มานั้น แทบไม่มีนักลงทุนต่างชาติคนไหนกล้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เงินบาทเป็นสกุลเงินที่มองไม่เห็นอนาคต เป็นหนึ่งในวิกฤติการเงินที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของไทย

แต่สุดท้าย เงินบาทก็สามารถพลิกฟื้นขึ้นมาเป็นหนึ่งในเงินสกุลหลักของภูมิภาคอาเซียน สามารถรักษามูลค่าไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ กลายเป็นสกุลเงินที่แข็งแกร่ง มั่นคง กว่าเงินสกุลอื่นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ และดูดีกว่าเงินสกุลของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วหลายๆ ชาติ หากไม่นับ รวม Swiss Franc ด้วยซ้ำไป นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ

หนึ่งในข้อดีของวิกฤติค่าเงินในครั้งนั้น ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเติบโต เนื่องจากค่าใช้จ่ายถูกลงมาก จึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งไทยยังมีแหล่งท่องเที่ยว และ ภาคบริการรองรับที่ดี ซึ่งช่วยส่งเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันของไทย แม้ว่าค่าเงินบาทจะกลับมาแข็งค่าขึ้นแล้วก็ตาม จากประเทศที่เคยเป็นศูนย์กลางของวิกฤติค่าเงินกลับขึ้นมาเป็นหนึ่งในเสาหลักของอาเซียนและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อีกหลายๆ ประเทศ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง

วันนี้ (14 ก.พ.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) ได้เป็นประธานในพิธีการเปิดโครงการอบรมสัมมนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีนายวุฒิทัต ตันติเวส รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน, นายมงคล สุดโต ผอ.ส่วนควบคุมระบบปฏิบัติการป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต และ นางนันทวดี วีระวัฒน์เดช ผอ.ส่วนมาตรฐานและพัฒนาการจัดเก็บภาษี กรมสรรพสามิต ร่วมการพิธีเปิดดังกล่าว ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ.66

การฝึกอบรมดังกล่าวจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในการสืบสวน ตรวจสอบ และจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมธุรกิจพลังงาน และกรมสรรพสามิต เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการฝึกอบรมครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากทั่วประเทศเข้ารับการอบรมจำนวน 143 นาย

AOT เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia 2023

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia 2023 ซึ่งเป็นงานประชุมเจรจาธุรกิจด้านการบินพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยมี พลอากาศเอก ภานุพงศ์ เสยยงคะ กรรมการ AOT เป็นประธานในพิธีเปิดงานฯ พร้อมด้วยนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT รวมถึงผู้บริหาร AOT ผู้แทนจากหน่วยงานภายใต้พันธมิตรเครือข่ายทางการบิน และการท่องเที่ยวจากทั่วโลกร่วมงานประชุมฯ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 16 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2554 (ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่) จังหวัดเชียงใหม่

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้จํานวนผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ลดลงจาก 142 ล้านคนในปี 2561 เหลือเพียง 72 ล้านคนในปี 2562 ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วระหว่างปี 2563 - 2565 ปริมาณผู้โดยสารลดลงในอัตราร้อยละ 59 เมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารรวมในปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 การเดินทางของผู้โดยสารมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากการที่หลายๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยมีนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ รวมถึงปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตลอดจนสายการบินกลับมาทำการบินในเส้นทางบินเดิม และเพิ่มเส้นทางบินใหม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจการบินและธุรกิจท่องเที่ยวให้สามารถฟื้นตัวและดำเนินกิจการได้ดีขึ้น ดังนั้น การจัดงานประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia 2023 ซึ่งเป็นงานประชุมเจรจาธุรกิจด้านการบินพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จะเป็นเวทีเจรจาธุรกิจระหว่างท่าอากาศยาน สายการบิน หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในธุรกิจการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จำนวนกว่า 800 ราย ได้มีโอกาสพบปะ เจรจา แลกเปลี่ยนมุมมอง และแลกเปลี่ยนวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practice) อันจะนำไปสู่การปรับปรุงเครือข่ายทางการบินและการดำเนินธุรกิจ ทำให้เกิดการพัฒนาการบริการในอนาคตที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ งานประชุมฯ ยังเป็นการสนับสนุนการสร้างเครือข่ายทางการบิน (Route Networks) และการท่องเที่ยวของภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ซึ่งจะส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น การจ้างงาน การแสดงความเชื่อมโยงของระบบขนส่ง การแสดงความพร้อมในการรองรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

นายนิตินัย กล่าวเพิ่มเติมว่า AOT ในฐานะผู้บริหารสนามบินหลัก 6 แห่งของประเทศไทย ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นประตูสู่ประเทศไทย มีความยินดีที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเจรจาธุรกิจ The Route Development Forum for Asia 2023 ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำเสนอศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทยสู่ระดับสากลให้แก่นานาประเทศ โดยมุ่งหวังสร้างเครือข่ายทางการบิน และการท่องเที่ยว ตลอดจนการทำการตลาดเชิงรุกด้วยการเจรจาธุรกิจให้สายการบินสนใจเปิดเส้นทางการบินใหม่ หรือ
 
เพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางที่ทำการบินอยู่เดิม ณ สนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT รวมทั้งเจรจาธุรกิจร่วมกับสนามบินเป้าหมาย (City Pair) โดยมุ่งเน้นสนามบินที่มีศักยภาพในการรองรับสายการบินใหม่ และเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน เพื่อส่งเสริมตลาดด้านการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งสร้างและกระตุ้นรายได้ให้ AOT ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19

‘สธ.’ แจ้งดำเนินคดี ‘เพจชมรมแพทย์ชนบท’ หลังให้ข้อมูลเท็จ-ปลุกปั่น เป็นภัยต่อ สธ. ไทย

(14 ก.พ. 66) นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังจากเพจชมรมแพทย์ชนบท ปลุกระดม สร้างความเข้าใจผิดกับสังคม ว่า กระทรวงสาธารณสุข ติดตามเพจชมรมแพทย์ชนบทมาอย่างต่อเนื่อง พบว่า ที่ผ่านมา เพจชมรมแพทย์ชนบท ไม่ได้ทำหน้าที่ให้ข้อมูลความรู้ ที่เป็นประโยชน์แก่สังคม เป็นเพียงเพจปลุกปั่นสังคม สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน แอบอิงการเมือง เน้นการโจมตีแบบโกหก ทำเพื่อประโยชน์พวกพ้อง ส่งผลกระทบกับการให้บริการด้านสาธารณสุขไทยอย่างมาก ไม่สอดคล้องกับการก่อตั้งชมรมเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่เน้นสิ่งดี ๆ เพื่อชาวชนบท เพื่อระบบสาธารณสุข

ปัจจุบัน เพจชมรมแพทย์ชนบท ถือเป็นภัยต่อระบบสาธารณสุขไทย ด้วยการให้ข้อมูลเท็จ เสริมความ ยุยงปลุกปั่น มุ่งประโยชน์พวกพ้อง

โอบอุ้ม 'วาเลนไทน์' สไตล์ 'Y2K' หรือแท้จริง ‘คนรุ่นใหม่’ เริ่มเห็นคุณค่าแห่งอดีต

วันนี้คำว่า 'Y2K' ดูจะกำลังแพร่สู่ทุกหย่อมหญ้า ถูกพูดถึงทุกตรอกซอกซอย ตั้งแต่ในศูนย์กลางการค้าของเมืองหลวง จนถึงซอกตลาดอันลึกลับที่สุดของหัวเมืองต่างจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มคน 'Gen Z' (เกิดระหว่างปี 1997 - 2010) ที่เหมือนกำลังหลงใหลได้ปลื้มกับคำบอกเหตุการณ์แห่งยุคคำนี้เป็นพิเศษ

อันที่จริงคำว่า 'Y2K' คือ 'วิกฤตการณ์ทางเทคโนโลยี' ซึ่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ในปี ค.ศ. 1999 คาดการณ์ไว้ล่วงหน้านับสิบปี ว่าอาจเกิดปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ 'เลข 2 หลัก' ขึ้น ด้วยวิศวกรสมัยก่อนเขียนโปรแกรมระบบคอมพ์ฯ แสดงปฏิทินรายปีด้วยเลขเพียงสองหลัก เพราะฉะนั้นรอยต่อระหว่าง ค.ศ. 1999 ซึ่งเครื่องทั่วโลกอ่านค่าเป็น 99 พอรุ่งขึ้นสู่ปีใหม่ ค.ศ. 2000 คอมพ์ฯ ทุกเครื่องก็จะเซ็ตระบบเป็น 00

นั่นหมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาทั้งศตวรรษจะหายไปในเวลาแค่เข็มนาฬิกาข้ามวันใหม่ แต่สุดท้ายมนุษย์เรายังโชคดี เพราะไม่มีสิ่งใดที่ว่า เกิดขึ้นจริงกับโลก 

อย่างไรซะ ความสนใจของวันนี้คงไม่ได้วนอยู่กับเหตุการณ์ Y2K (จริง) แต่อย่างใด เพราะวายทูเคของคนรุ่นใหม่เขากำลังหมายถึง Pop Culture

พวกเขากำลังมอง 'Y2K' เป็นแฟชัน เป็นความหอมหวานอันเชื่องช้าต่างจากยุคเทคโนโลยีทันสมัยเช่นวันนี้ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องบอกรักด้วยจดหมาย หรือคอลหาหวานใจผ่านตู้โทรศัพท์ (สาธารณะ) เพราะเรื่องนั้นมัน ‘เอ๊าท์’ แล้ว (ปี 2000) รวมถึงการฝากข้อความผ่านเพจเจอร์ หรือแม้แต่นัดเจอกัน ณ ร้านไอศครีมโฟร์โมสต์

‘อลงกรณ์’ ผนึกเครือข่าย ชู ‘ตลาดท้ายเกาะโมเดล’ ขับเคลื่อน ‘ตลาดกลางเกษตรอินทรีย์’ ทั่วประเทศ

(14 ก.พ. 66) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืนเป็นประธานเปิดเวทีขับเคลื่อนตลาดเกษตรอินทรีย์ท้ายเกาะ อำเภอสามโคก ปทุมธานี ภายใต้โครงการออกานิค เวิล์ดไทยแลนด์ (Organic World Thailand) พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง ‘ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนระบบเกษตรกรรมยั่งยืนของประเทศไทย ภายใต้ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนและ BCG โมเดล’ ในวันนี้ว่า การพัฒนาและขับเคลื่อน ‘ตลาดกลางเกษตรอินทรีย์ท้ายเกาะ’ หรือ โครงการ Organic World Thailand สามโคก-ปทุมธานี ในวันนี้ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืน (Sustainable Agriculture) โดยมีคณะกรรมการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน (แห่งชาติ) มี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรเป็นประธาน และมีคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืนซึ่งมีตนเป็นประธาน มีคณะทำงาน ขับเคลื่อนหลายคณะ ได้แก่ คณะทำงานขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ คณะทำงานขับเคลื่อนเกษตร ผสมผสานและเกษตรทฤษฎีใหม่ คณะทำงานขับเคลื่อนเกษตรธรรมชาติและวนเกษตร และคณะทำงานขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง (Sustainable Urban Agriculture) ใน 76 และกรุงเทพมหานคร 

นอกจากนี้ได้จัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืนในระดับตำบล 7,255 ตำบลใน 76 จังหวัดแล้วซึ่งเป็นกลไกสำคัญ ในการทำงานเชิงพื้นที่ และในส่วนของเกษตรอินทรีย์ ได้ร่วมมือกับเครือข่ายเกษตรอินทรีย์และเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืนจัดตั้งสภาเกษตรอินทรีย์ พี จี เอส แห่งประเทศไทยสำเร็จเป็นครั้งแรก

“การเปิดเวทีขับเคลื่อนตลาดกลางเกษตรอินทรีย์ท้ายเกาะโดยจะมีการเปิดตลาดอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้บนความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคเกษตร และภาควิชาการเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับตลาดเกษตรอินทรีย์ทุกจังหวัดและยกระดับสู่การเป็นตลาดส่งออกด้วย ทั้งนี้มีนโยบายที่จะส่งเสริมขยายผลให้มีตลาดกลางและตลาดเกษตรอินทรีย์ทั่วประเทศ

ในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และประธานคณะ อนุกรรมการขับเคลื่อนเกษตรกรรมยั่งยืนขอแสดงความชื่นชม คุณวิเชียร สวาทยานนท์ ประธานกรรมการบริหาร ตลาดโรงเกลือท้ายเกาะ ที่มีจิตอาสาในการช่วยเกษตรกรให้มีตลาดจำหน่ายสินค้าเกษตร อินทรีย์ และขอขอบคุณ ดร.อนุรักษ์ เรืองรอบ และเครือข่าย ที่มีความมุ่งมั่นใน การพัฒนาห่วงโซ่มูลค่าเกษตรอินทรีย์ซึ่งนำมาสู่การก่อเกิดตลาดกลาง และการเตรียมความพร้อมในการเปิดตลาดกลางเกษตรอินทรีย์ท้ายเกาะภายในเดือนเมษายนนี้

‘บิ๊กตู่’ สั่งเร่ง ‘บัตรสวัสดิการฯ’ โอนเงินภายใน 1 มี.ค. นี้ ย้ำ!! คุ้มครองข้อมูลผู้มีสิทธิ - ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ

(14 ก.พ.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุมตนได้สั่งการให้เร่งนำโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติจะได้เริ่มโอนเงินให้ประชาชนได้ในวันที่ 1 มี.ค. นี้ และข้อมูลผู้มีสิทธิแต่ละคน จะได้รับการคุ้มครองข้อมูลภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตนได้เข้มงวดไปไม่ให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีสิทธิ

'สุชาติ' รมว.แรงงาน มอบ 'บุญสงค์' เลขาธิการ สปส. ตัดริบบิ้นเปิดงาน Open House & Opening SSO @ BSR โรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ ดูแลสุขภาพคนทำงานและสถานประกอบการ

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ประธานเปิดงาน Open House & Opening SSO @ BSR ณ โรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นางนงค์ลักษณ์ กอวรกุล ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม เข้าร่วมงาน โดยมีนายแพทย์นรินทร์ บุญจงเจริญ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่ม 6 โรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ นายแพทย์ชินวัต สุวรรณทิพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ นายปฐพี จิระวรรณ ประกันสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้บริหาร และผู้แทนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายในการดูแลผู้ประกันตนให้ได้รับการเข้าถึง สิทธิการรักษา โดยสนับสนุนการขับเคลื่อนการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคเชิงรุกให้กับผู้ประกันตน ในสถานประกอบการอย่างครอบคลุมและทั่วถึง โดยในปี 2566 สำนักงานประกันสังคม มีโรงพยาบาลประกันสังคม จำนวนทั้งสิ้น 260 แห่ง แยกเป็นโรงพยาบาลของรัฐ 169 แห่ง และโรงพยาบาลเอกชน 91 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นโรงพยาบาลรัฐที่เข้าใหม่ 3 แห่ง โรงพยาบาลเอกชนเข้าใหม่ 3 แห่ง เพื่อดูแลสุขภาพ พี่น้องผู้ประกันตน ให้ได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ มาตรฐานสากล ทำให้แรงงานในระบบมั่นใจว่า เมื่อยามเจ็บป่วยจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ 

นอกจากนี้แล้ว สำนักงานประกันสังคมได้ทำความตกลงกับสถานพยาบาล จำนวน 61 แห่ง ให้บริการตรวจค้นหาความเสี่ยง 5 โรค ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านม ก้อนเนื้อ ที่มดลูก โรคนิ่วในไตหรือถุงน้ำดี โรคหลอดเลือดในสมอง โรคหัวใจและหลอดเลือด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการทางการแพทย์ให้แก่ผู้ประกันตนอีกด้วย ผมในฐานะเลขาธิการสำนักงานประกันสังคมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่โรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ เข้าร่วมเป็นสถานพยาบาลเครือข่ายประกันสังคมในปี 2566 พร้อมขยายพื้นที่รองรับการให้บริการผู้ป่วยนอก อีกทั้ง มีคลินิกเครือข่ายเพิ่มเติมให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการสุขภาพ และระบบส่งต่อการรักษากับโรงพยาบาลในเครือข่ายคู่สัญญา ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาล ยังได้มอบสิทธิส่วนลดการรักษาพยาบาลสำหรับครอบครัวผู้ประกันตนอีกด้วย

‘บิ๊กตู่’ เปิดทำเนียบต้อนรับ ‘นางงามจักรวาล’ โยน ‘ก.วัฒนธรรม’ พิจารณางบหนุนจัดการประกวด

(14 ก.พ. 66) ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้พบกับคณะนางงามจักรวาลที่มาขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลในการเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดนางงามจักรวาลในปีหน้า

โดยเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะนางงามลงมาบริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 นายกรัฐมนตรีได้พูดแซวผู้สื่อข่าวว่า “ถ้าใครคิดว่าสวยกว่าให้ลุกขึ้นมายืนคู่เลย” ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่า “สู้ไม่ได้” นายกรัฐมนตรี จึงเอามือทาบอก พร้อมบอกว่า “คนงาม งามน้ำใจ ใช่ใบหน้า” ก่อนที่นายกรัฐมนตรี มอบดอกพุดซ้อนที่เด็ดมาจากข้างตึกไทยคู่ฟ้ามามอบให้นางงาม ก่อนถ่ายร่วมกันเป็นที่ระลึก

'วิรัช' ซัด ไอ้โม่งปลอมหนังสือ สั่งปลดป้ายผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ ยืนยันส่งคนเดิมลง เชื่อ ไม่ใช่ฝีมือคนในพรรคแน่นอน

(14 ก.พ. 66) ที่วัดมังกรกมาลาวาส (เล่งเน่ยยี่) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการเผยแพร่หนังสือลงนามโดย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร.ให้ปลดป้ายหาเสียง 2 ผู้สมัคร จังหวัดชัยภูมิ ออก ว่า...

"วันนี้ได้ให้ผู้ที่มีผลกระทบไปดำเนินคดีแจ้งความกับกรณีที่มีหนังสือปลอมออกมา จนทำให้ผู้สมัคร ส.ส.ได้รับความเสียหายที่ไปให้เขาปลดป้ายลง และเราเชื่อว่าหนังสือฉบับนี้ พล.อ.วิชญ์ ไม่ได้เซ็น ซึ่งมีการตรวจสอบหมดแล้ว ในความเป็นจริงไม่มีหรอกหนังสือแบบนี้ หนังสือที่ออกจากพรรคในระบบแบบนี้ไม่มี อีกทั้ง ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคไม่มีอำนาจเซ็นหนังสืออยู่แล้ว หนังสือฉบับนี้ออกมาโดยที่พรรคไม่รู้เรื่อง

ทั้งนี้ สำหรับผู้สมัครเป็นไปตามเดิม นาทีนี้จะไปเปลี่ยนเขาได้อย่างไร เขามีความผิดตรงไหน และเขายังเป็นประธานจังหวัด รวมถึงประธานสาขาด้วย อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร.ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ยังไม่ได้คุย แต่เชื่อว่าจะไม่กลายเป็นความขัดแย้งในพรรค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top