Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

'จตุพร' สวนไอโอหน้าโง่ งัดรูปร่วมโต๊ะ 'เทพเทือก' ปมยัดเยียดใส่ร้ายรับงานถล่ม ‘ทักษิณ’

(31 ม.ค. 66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน 'ความคับแค้น แปรเปลี่ยนเป็นพลัง' มี อรุโณทัย ศิริบุตร ดำเนินรายการ โดยตอบโต้ขบวนการไอโอปกป้องเพื่อไทย นำรูปถ่ายกับสุเทพ เทือกสุบรรณ มายัดเยียดใส่ร้ายว่า รับงานวิพากษ์วิจารณ์ถล่มทักษิณ ชินวัตร

นายจตุพร ประเมินถึงวิกฤตในอนาคตว่า ว่า จะเกิดขึ้นจาก 2 เรื่องสำคัญคือ กรณีตะวัน-แบม และคำประกาศกลับบ้านของทักษิณ ชินวัตร โดยวิธีพิเศษ ในส่วนการอดอาหารของตะวัน-แบมนั้น เมื่อสถานการณ์เดินมาถึงจุดตรึงเครียดยิ่งขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีส่วนสำคัญในการสร้างปัญหาให้ ม.112 ขยายตัวมากขึ้น จึงต้องเป็นผู้ดึงฟืนออกจากไฟ เนื่องจากปฏิเสธไม่ได้ว่า พระราชประสงค์ของ ร.10 ไม่ต้องการดำเนินคดีกับใคร ด้วยเหตุนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นคนสร้างความเดือดร้อนให้ ร.10

ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประมุขฝ่ายบริหารกับประมุขฝ่ายตุลาการต้องหารือหาทางออกร่วมกัน เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นโดยไม่คาดคิด จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ซึ่งเป็นความรู้สึกและอารมณ์ที่ไม่ต้องการอธิบายด้วยเหตุผลจากฝ่ายใด ๆ สถานการณ์แบบนี้ยากที่ใครจะควบคุมอยู่ได้ 

"ตะวัน-แบม อดอาหารเดิมพันชีวิตอย่างเอาจริง ฝ่ายรัฐจะประเมินด้วยเหตุการณ์อดอาหารแบบเดิม ๆ ไม่ได้ และเรื่องนี้จะอาศัยความสะใจหรืออคติหรือความเป็นการเมืองไม่ได้เลย แต่แก้ไขได้อย่างเดียวคือให้คุณค่าความเป็นมนุษย์ที่จะดึงไฟออกจากฟืนก่อนที่จะเกิดวิกฤตรุนแรง จนลุกลามเป็นไฟลามทุ่งอย่างที่คาดไม่ถึง"

กรณีการประกาศกลับบ้านของทักษิณนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ใครอาจจะคิดว่าไม่มีอะไร เนื่องจากประกาศมาหลายครั้งก็ไม่ได้กลับและไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ครั้งนี้ประกาศในช่วงเวลาที่กำลังจะได้เสียทางการเมือง และยิ่งมาประกาศไม่ใช้กฎหมาย ไม่พึ่งเพื่อไทยหรือรอมชอมกับพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น ในทางกฎหมาย คดีที่มีโทษจำคุกเป็นที่สุดแล้ว ทักษิณต้องเข้าเรือนจำอย่างเดียวเท่านั้น

ดังนั้น ใครจะไปดีลโดยไม่สมควรดีล ซึ่งได้เริ่มต้นดีลแล้วยิ่งจะทำให้กลายเป็นชนวนใหญ่ เท่ากับปลุกผี พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาหลอกหลอนสังคมไทย จนกลายเป็นชนวนเผชิญหน้าของฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์และฝ่ายทักษิณ อีกครั้งหนึ่งอย่างไม่จำเป็นเลย

"เมื่อเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง และทักษิณกลับบ้านจะกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก แล้วนำไปสู่การล้มกระดานทั้งปวง ดังนั้นพวกเราจึงตอกย้ำเตือนให้ยึดประเทศไทยต้องมาก่อน เพราะความแตกแยกรุนแรงท่ามกลางการเลือกตั้ง ยิ่งทำให้ประชาชนไม่ได้ประโยชน์จากการปกครอง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหารหรือนักการเมืองก็ตาม"

นายจตุพร กล่าวถึงการแตกหักกับทักษิณ และถูกขบวนการไอโอระบาดทำลายมากขึ้นว่า ที่ผ่านมาตนเจอปฏิบัติการไอโอจากทั้งฝ่ายเสมอ ขณะนี้ฝ่ายทักษิณได้แพร่รูปตนกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั่งร่วมโต๊ะอาหารในงานเลี้ยงแต่งงานลูกของชาดา ไทยเศรษฐ์ นักการเมืองคนสำคัญขณะสังกัดพรรคชาติไทย โดยมีเจตนาทำให้เข้าใจผิดแล้วหวังทำลายตน

ก่อนจะชี้แจงรูปนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับนายสุเทพ นายจตุพร กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับสุเทพว่า ข้อเท็จจริงแรก สุเทพเป็นเพื่อนทักษิณ ในช่วง 4 ปีแรกที่ทักษิณเป็นนายกฯ แต่สุเทพนั่งเลขา ปชป. เป็นฝ่ายค้าน และไม่เคยอภิปรายทักษิณสักครั้งเดียว สามารถตรวจค้นความจริงกันได้ทั่วไป

สองทักษิณ เคยไปร่วมรับประทานอาหารที่บ้านสุเทพถึง อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และเครือข่ายยังซื้อหุ้นสหกรณ์โคออฟร่วมลงทุนกับสุเทพด้วย นอกจากนี้ลูกน้องมือทำงานคนสำคัญของสุเทพ ปัจจุบันเป็นกรรมการบริหารระดับรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกทั้งถึงการเลือกตั้งปี 2548 สุเทพเริ่มมีปัญหาขัดแย้งกับทักษิณ แล้วนัดเจรจากันที่บ้านพิษณุโลก ตอนนั้นตนอยู่ในทีมโฆษกพรรคได้ แถลงข่าวเสนอให้ทักษิณเลิกคบกับสุเทพ

อีกอย่างในบทบาททางการเมือง ตนกับสุเทพต่างทำหน้าที่อยู่กับคนละฝายกันทั้งในการอภิปรายฟาดฟันในสภา และต่อสู้กันยิบตาบนท้องถนน ไม่มีอะไรลดราวาศอกกันเช่นเดิม กระทั่งได้มาคุยกันตัวต่อตัวในวันเจรจาก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จะยึดอำนาจปี 2557 ซึ่งเป็นการคุยกันครั้งสุดท้ายและไม่ได้คุยกันอีกเลย

ส่วนกรณีรูปภาพถ่ายกับนายสุเทพนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ชาดา เป็นนักการเมืองใจนักเลง มีมิตรอยู่แทบทุกพรรค ซึ่งตนชอบนักเลงการเมืองมากกว่านักธุรกิจการเมือง เพราะพูดคำไหนคำนั้น ไม่ว่าอยู่ซีกไหน ไม่มีอะไรซับซ้อน จึงได้คบค้าสมาคมกัน แต่นักธุรกิจการเมืองพูดวันนี้ พรุ่งนี้เป็นอีกอย่าง

จากนั้น ชาดา ชวนไปงานแต่งงานลูกในเดือนมกราคม ปี 2559 ตนก็ไปและเจอสุเทพ ก็เดินดิ่งเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะ จึงมีภาพถ่ายปรากฎ สิ่งสำคัญ เมื่อเป็นงานแต่งงานก็ต้องมีมารยาทกันตามประเพณีต้องให้เกียรติเจ้าภาพ จะฟาดฟันกันยับเยินได้อย่างไร อีกอย่างถ้าตนหลบหนีสุเทพไปนั่งโต๊ะอื่น ก็จะถูกอีกฝ่ายด่าอยู่ดี พวกไอโอจะให้ตนไปรบกันในงานแต่งงานหรือ?

นอกจากนี้ ในงานแต่งบางงานของอดีต ส.ส.เพื่อไทย สุเทพก็ไปเช่นกัน เพราะเขามีเพื่อนมากทุกพรรค เมื่อครั้งงานแต่งของณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งจัดทั้งที่บ้านเจ้าบ่าวและเจ้าสาว กรณีงานจัดที่บ้านเจ้าสาวนั้น สุเทพเป็นประธานจัดงาน เพราะสนิทกับพ่อเจ้าสาว ช่วงนั้นเสื้อแดงสู้กันเต็มบ้านเมือง ตนจึงไม่ได้ไป แต่เมื่อจัดบ้านณัฐวุฒิ มีจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นประธาน ตนก็ไป เมื่อสุเทพไปงานแต่งงานณัฐวุฒิได้ ก็ไม่เห็นขบวนการไอโอทั้งสองฝ่ายรุมถล่มว่าอะไร

นายจตุพร กล่าวว่า แต่อยู่ดีๆ ตนไปนั่งร่วมโต๊ะกินช้าวกับสุเทพในงานแต่งเมื่อปี 59 ผ่านมา 7 ปีแล้ว ขบวนการไอโอก็เอามาปั่นกระแส โยงถึงการถล่มทักษิณก็ว่ากันไป แต่ตนถล่มทักษิณเพราะมาดูถูกกันเมื่อเร็วๆ นี้เอง จะให้รอจนกว่าเลือกตั้งเสร็จแล้วจะตอบโต้หรืออย่างไรกัน

‘สื่อจีน’ ตีข่าว ประเด็นไฟเซอร์ทดลองกลายพันธุ์โควิด หวังกอบโกยเงิน จากการขายวัคซีนต้านไวรัส

สื่อมวลชนจีนออกมาชี้ว่าไฟเซอร์เสี่ยงเผชิญหายนะด้านประชาสัมพันธ์ ด้วยผู้ชมจำนวนมากอาจเชื่อว่าไฟเซอร์กำลังสร้างโควิดตัวกลายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาเพื่อโกยเงินจากการขายยาและวัคซีน หลังกลุ่มเคลื่อนไหวไม่แสวงหาผลกำไร Project Veritas เผยแพร่วิดีโออื้อฉาว เป็นภาพที่อ้างว่าผู้บริหารของไฟเซอร์ ยอมรับกำลังทำเช่นนั้นจริง แม้ผู้ผลิตยาสัญชาติสหรัฐฯ แห่งนี้ออกมาชี้แจงในวันศุกร์ (27 ม.ค.) ไม่ได้ทำการวิจัยแบบ gain-of-function หรือ directed evolution สำหรับกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตามคำกล่าวหาดังกล่าว

รายงานข่าวของสำนักข่าว CGTN สื่อมวลชนจีน ระบุว่าในวิดีโอความยาวเกือบ 10 นาที ส่วนใหญ่เป็นภาพบุคคลรายหนึ่งกำลังพูดเกี่ยวกับปฏิบัติการภายในของไฟเซอร์ ซึ่งในนั้นรวมถึงการวิจัยไวรัสนี้ผ่านเทคนิค directed evolution เช่นเดียวกับเรื่องอื่น ๆ

บุคคลรายนี้บอกด้วยว่าโควิด-19 คือตัวทำเงินของทางบริษัท พร้อมเปิดเผยว่าทางไฟเซอร์ กำลังพยายามกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยเป็นการจงใจทำให้เชื้อกลายพันธุ์ด้วยฝีมือนักวิจัย ไม่ใช่การกลายพันธุ์เองโดยธรรมชาติเหมือนที่ผ่าน ๆ มา

เขายังบอกกับคนที่คุยด้วยอีกว่า "คุณต้องสัญญาว่าคุณจะไม่บอกคนอื่น ๆ" วิดีโอนี้ดึงดูดผู้ชมบนทวิตเตอร์แล้วมากกว่า 23 ล้านวิว

Project Veritas อ้างว่าบุคคลดังกล่าวคือนายจอร์ดอน ทริชตัน วอล์คเกอร์ ผู้อำนวยการของไฟเซอร์ ด้านวิจัยและพัฒนา

ในเรื่องนี้ CGTN ยังไม่สามารถยืนยันตัวตนบุคคลดังกล่าวได้ แต่ระบุว่าในส่วนของไฟเซอร์เองก็ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธว่า วอล์คเกอร์ เป็นพนักงานของบริษัทหรือไม่ และในถ้อยแถลงชี้แจงของทางไฟเซอร์ก็ไม่ได้พาดพิงถึงคลิปวิดีโอดังกล่าวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม เจมส์ โอคีเฟ หัวหน้ากลุ่ม Project Veritas โพสต์วิดีโอและภาพบันทึกหน้าจอในสิ่งที่เขาอ้างว่า "เป็นเอกสารภายในของไฟเซอร์" แสดงให้เห็นถึงตำแหน่งของวอล์คเกอร์ ในบริษัทแห่งนี้ ตามรายงานของ CGTN

สำนักข่าว CGTN รายงานต่อว่า ทาง Project Veritas ได้โพสต์อีกคลิปหนึ่งลงบนยูทูบ เป็นภาพของบุคคลเดียวกันกำลังคว้าแล็ปท็อปไปจาก โอคีเฟ และเขวี้ยงมันลงกับพื้นด้วยความไม่พอใจ หลังจาก โอคีเฟ เปิดคลิปที่ทั้ง 2 พูดคุยกันให้เขาดู

เสียงในวิดีโอได้ยินบุคคลรายดังกล่าวพูดว่า "คุณไม่ควรบันทึกคลิปคนอื่นแบบนี้" และบอกกับ โอคีเฟ ด้วยว่า "เขาพูดโกหก" ในวิดีโอที่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อหวังสร้างความประทับใจแก่อีกฝ่าย

'แกร็บ' ชี้ไทยติดท็อป 3 ประเทศยอดนิยมในภูมิภาค เผยผู้ใช้บริการต่างชาติเรียกรถพุ่ง 45%

แกร็บ ประเทศไทย ชี้ตลาดท่องเที่ยวในประเทศไทยฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 ดันยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้น 45% พร้อมเผยอินไซต์นักท่องเที่ยวจากผลสำรวจของผู้ใช้บริการจาก 6 ประเทศในภูมิภาค โหวตไทยติด 1 ใน 3 ประเทศที่อยากไปมากที่สุด

(31 ม.ค. 66) นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมหลักที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยภายหลังจากการประกาศผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และมีการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบ เราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกของตลาดท่องเที่ยวผ่านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทยอยเดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมตลอดทั้งปีที่ผ่านมาสูงกว่าเป้าหมายที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ตั้งไว้ ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนผู้ใช้บริการเรียกรถของแกร็บในกลุ่มชาวต่างชาติที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 45% (เปรียบเทียบจำนวนผู้ใช้บริการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 กับไตรมาสก่อนหน้า) โดย 5 อันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันของแกร็บมากที่สุดในปีที่ผ่านมา คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม

“ในฐานะแพลตฟอร์มผู้ให้บริการเรียกรถสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก แกร็บมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอบริการการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัยและมีมาตรฐานเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้ 3 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันของแกร็บ คือ 1) ตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบาย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเรียกใช้บริการได้ง่ายและสะดวกผ่านสมาร์ทโฟน เพียงเลือกจุดหมายปลายทางที่ต้องการก็มีพาร์ทเนอร์คนขับมาให้บริการถึงที่ ทั้งยังมีฟีเจอร์แชตและแปลภาษาที่ช่วยในการสื่อสารกับพาร์ทเนอร์คนขับ 2) อุ่นใจในมาตรฐานด้านความปลอดภัย ทั้งเทคโนโลยีและมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่าง ๆ ที่มาพร้อมระบบคัดกรองพาร์ทเนอร์คนขับที่เข้มข้น อาทิ การยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้าก่อนให้บริการทุกครั้ง หรือการตรวจประวัติอาชญากรรมย้อนหลังอย่างน้อย 7 ปี และ 3) มั่นใจในราคาที่โปร่งใส ด้วยระบบแสดงค่าโดยสารล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนเรียกรถ ซึ่งช่วยประกอบการตัดสินใจและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องการพกพาเงินสด ด้วยช่องทางการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย” นายวรฉัตร กล่าวเสริม

นอกจากนี้ แกร็บ ยังได้เผยเทรนด์ด้านการท่องเที่ยวที่น่าสนใจจากผลการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการแกร็บจำนวน 10,046 รายจาก 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย รวมถึงไทย ดังนี้

‘เพื่อไทย’ จี้ กกต.สอบ ‘อนุทิน’ ปมติดป้ายหน้า รพ. หวั่นใช้เงินงบหลวงแฝงหาเสียง - เอาเปรียบพรรคคู่แข่ง

เมื่อเวลา 10.00 น. (31 ม.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคพท.กล่าวกรณีที่ปรากฏป้ายประชาสัมพันธ์โครงการของขวัญปีใหม่ปี 2566 ด้านหน้าโรงพยาบาลและหน่วยงานด้านสาธารณสุขของรัฐทั่วประเทศ โดยมีภาพของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข อยู่ภายในแผ่นประชาสัมพันธ์ดังกล่าวว่า ในการติดตั้งป้ายดังกล่าวมีคำสั่งทางราชการไปยังทุกหน่วยงานให้ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์นั้น อยากให้ กกต.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เอกสารสั่งการจากกระทรวงสาธารณสุข เป็นเอกสารจริงหรือไม่ หากเป็นเอกสารจริงก็ควรตรวจสอบว่าถ้อยคำที่ใช้ในป้ายประชาสัมพันธ์ และการมีรูปของนายอนุทินปรากฏอยู่ในภาพ เป็นการใช้งบประมาณและบุคลากรของรัฐในการหาเสียงหรือไม่ ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เพื่อเป็นคุณแก่พรรคของตนและผู้สมัครของพรรคตน อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ หากเป็นข้อเท็จจริงนอกจากจะเป็นการกระทำผิดในทางกฎหมายแล้ว ยังขัดต่อคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมืองด้วย เพราะถือเป็นการใช้งบหลวงจากภาษีประชาชนมาหาเสียง เป็นการแข่งขันทางการเมืองที่ไม่เป็นธรรม

ผบ.ตร. พร้อมภาคีเครือข่าย มอบรางวัลคลิปกล้องหน้ารถ 'โครงการอาสาตาจราจร' รวม 180,000 บาท / เริ่มใช้ระบบตัดคะแนน 3 สัปดาห์ มีผู้ถูกตัดคะแนนแล้วกว่าหมื่นราย

วันนี้ (31 ม.ค. 66) เวลา 09.30 น.ณ ห้องสารสิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธนา  ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย  ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ รอง จตช. , พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.สยศ.ตร. และ พล.ต.ต.เอกราช  ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. พร้อมด้วย  นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ, คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษา ฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) คุณนิตยา ลีธีระกุล รองผู้จัดการฝ่ายรายการ สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ คุณอัจฉรา บัวสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สถานีวิทยุ จส.100  ร่วมแถลงผลการมอบรางวัล และเกียรติบัตร โครงการอาสาตาจราจร โดยมอบรางวัลให้กับประชาชนเจ้าของคลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกอุบัติเหตุทางถนนหรือการกระทำผิดกฎจราจรที่สำคัญ รวม 28 รางวัล เป็นเงิน 180,000 บาท ประกอบด้วยคลิปอุบัติเหตุ ช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้นเทศกาลปีใหม่ 2566 จำนวน 7 รางวัล และคลิปประจำเดือน พ.ย. และ ธ.ค.2565 โดยมีบริษัท วิริยะฯ สนับสนุนเงินรางวัลในโครงการนี้   

ผบ.ตร.กล่าวว่า โครงการนี้ เป็นการสร้างความร่วมมือจากภาคประชาชน  เพื่อร่วมกันเป็นตาจราจร สอดส่องการทำผิดกฎจราจรบนท้องถนน เมื่อประชาชนเกิดการรับรู้ว่า บนถนนอาจมีกล้องหน้ารถบันทึกการฝ่าฝืนกฎจราจรและจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามมาดำเนินคดี จะช่วยยับยั้งการฝ่าฝืนกฎหมายบนท้องถนน โดยคลิปต่าง ๆ จะเป็นพยานหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ตลอดจนเป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลเพื่อพิจารณาลงโทษผู้ทำผิด โดยประชาชนผู้ที่พบเห็นการทำผิดกฎจราจร หรืออุบัติเหตุ สามารถส่งคลิปมาในช่องทางที่กำหนด ได้แก่ เพจตำรวจทางหลวง เพจกองบังคับการตำรวจจราจร รวมถึงเพจเครือข่ายที่ร่วมโครงการ ทั้งเพจมูลนิธิเมาไม่ขับ สวพ.91 และ จส.100 คลิปสำคัญที่ได้รับการคัดเลือก

นอกจากประชาชนจะได้รับเงินรางวัลแล้ว ยังได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะพลเมืองดี ช่วยส่งพยานหลักฐานเพื่อช่วยคนดีชี้คนผิด เป็นส่วนหนึ่งในการลดอุบัติเหตุทางถนน ทางด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ  กล่าวเสริมว่า เพื่อให้เกิดการรณรงค์สร้างจิตสำนึกการขับขี่ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา  โครงการได้มีรางวัลพิเศษ ให้กับเจ้าของคลิปที่บันทึกเหตุการณ์อุบัติเหตุ หรือการทำผิดกฎจราจรช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้นเทศกาลปีใหม่ 2566 (29 ธ.ค.65 – 4 ม.ค.66) รวมจำนวน 7 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท  ซึ่งผลของโครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการสร้างการตระหนักรู้ในการ ขับขี่ปลอดภัย ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย ช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างเป็นรูปธรรม

ก.แรงงาน ร่วมกับ สมาคมแม่บ้านกระทรวงแรงงาน มอบรางวัลใหญ่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อ New Mazda 2 1.3 C แก่ผู้โชคดีจากสลากบำรุงสภากาชาดไทย ประจำปี 2565

(31ม.ค. 66) เวลา 09.30 น. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลใหญ่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ New Mazda 2 1.3 C จำนวน 1 คัน ให้แก่ นางวรรทิพย์ วิทยาคม ผู้โชคดีที่ร่วมทำบุญกุศลอุดหนุนสลากบำรุงสภากาชาดไทย 'บัตรแรงงานเชิญรับโชค' ประจำปี 2565 ซึ่งกระทรวงแรงงาน ร่วมกับ สมาคมแม่บ้านกระทรวงแรงงานจัดขึ้น โดยมี นางสาวบุปผา เรืองสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในฐานะนายกสมาคมแม่บ้านกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยานด้วย ณ บริเวณโถงชั้นล่างอาคารกระทรวงแรงงาน

สำหรับในปี 2565 กระทรวงแรงงานได้ร่วมกับสมาคมแม่บ้านกระทรวงแรงงาน จัดพิมพ์และจำหน่ายสลากบำรุงสภากาชาดไทย “บัตรแรงงานเชิญรับโชค” ประจำปี 2565 ซึ่งรายได้จากการจำหน่ายบัตรส่วนหนึ่งจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อานวยการสภากาชาดไทย โดยเสด็จพระราชกุศล และนำมาใช้จ่ายในกิจกรรมสาธารณกุศล ส่วนหนึ่งจัดเป็นทุนการศึกษาให้กับบุตรของข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานที่มีรายได้น้อย ซึ่งสภากาชาดไทย ได้ทำการหมุนวงล้อออกรางวัลเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2565 ณ เวทีกลาง สวนลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

‘โรม’ ดักคอ ‘กกต.’ อย่าเนียนแบ่งเขตเลือกตั้งพิสดาร ชี้ ควรมีรายงานผลเรียลไทม์ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

(31 ม.ค.66) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้มีความชัดเจนต่อการแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างสมเหตุสมผล และไม่บ่ายเบี่ยงในการสร้างระบบรายงานผลการเลือกตั้งแบบเรียลไทม์ หลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ว่าเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นหนึ่งในบทเรียนสำคัญที่สุดจากการเลือกตั้งปี 2562 เป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบพิสดารที่ไม่ส่งผลดีทั้งต่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และนำไปสู่ข้อครหาเรื่องความไม่โปร่งใส

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ทำให้เกิดคำถามว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งสะท้อนพื้นที่ประชากรอย่างถูกต้องหรือไม่ และเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งเพียงเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่ ดังจะเห็นได้ว่าในหลายเขตเลือกตั้งที่มีการแบ่งออกมาครอบคลุมพื้นที่ห่างกันมาก จากสุดเขตฝั่งหนึ่งไปถึงอีกสุดเขตฝั่งหนึ่ง บางแห่งห่างกันถึง 200 กิโลเมตรก็มี คำถามคือการแบ่งเขตแบบนี้สมเหตุสมผลหรือไม่ โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของผู้แทนที่จะต้องเดินทางไปพบปะประชาชนตามการแบ่งเขตเช่นนี้จะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ กกต.ทำการแบ่งเขตในการเลือกตั้งปี 2566 ที่จะถึงนี้อย่างเป็นธรรม สอดคล้องกับธรรมชาติของพื้นที่ ไม่ใช่ตัดแบ่ง หรือรวมตำบลต่าง ๆ ออกเป็นเขตเลือกตั้งตามฐานเสียงของพรรคการเมืองบางพรรคเป็นสำคัญ

“ผมไม่อยากให้ประเทศมีข้อครหาว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงกลายเป็นการเลือกตั้งที่สกปรกอีกครั้งเหมือนปี 2562 สังคมไทยผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง มีแบบอย่างการแบ่งเขตที่สอดคล้องกับพื้นที่มากมายให้นำมาเป็นบทเรียนได้ สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ที่มีอยู่ 400 เขต ประเทศไทยก็เคยผ่านมาแล้ว หากแบ่งเขตได้อย่างเป็นธรรมก็จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ได้รับการยอมรับมากขึ้น” นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์กล่าวถึงกรณีการรายงานผลคะแนนแบบเรียลไทม์ ซึ่ง กกต.อ้างว่าไม่อาจทำได้ เพราะใช้งบประมาณมากเกินไป โดยรังสิมันต์กล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีก็ได้อนุมัติงบประมาณให้ กกต.ถึงเกือบ 6 พันล้านบาท เป้าหมายหนึ่งก็เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใสที่สุด หากการประกาศผลการเลือกตั้งสามารถเป็นไปแบบเรียลไทม์ได้ การทุจริตด้วยวิธีการต่าง ๆ แบบที่เคยทำกันมา ไม่ว่าจะเป็นไฟดับระหว่างนับคะแนน การแอบสลับหีบ ย้ายหีบ หรือการทุจริตในรูปแบบอื่น ๆ ก็จะทำได้ยากขึ้น เพราะประชาชนจำนวนมากจะเห็นผลการเลือกตั้งไปพร้อม ๆ กัน

‘คณะราษฎร’ บุกเพื่อไทย ทวงจุดยืนยกเลิก ม.112 จี้ พาผู้ลี้ภัยกลับไทย ไม่ใช่แค่ ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’

แลนด์สไลด์เพื่อไทยสะดุด เจอกดดันจากคณะราษฎร์ยกเลิกม.112 ให้พิจารณาแก้ไขมาตรา 112 และนำผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่มีกว่าร้อยคน กลับประเทศ ไม่ใช่แค่นายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ให้นึกถึงคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้กันมา กลุ่มเตรียมเดินหน้าไปทุกพรรคให้แก้ไข มาตรา112

(31 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 11.20 น. ที่พรรคเพื่อไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มคณะราษฎรยกเลิก ม.112 เดินทางมาที่พรรคเพื่อไทยเพื่อสอบถามความชัดเจนในแนวทางการแก้ไขมาตรา 112 และมาตรา 116 ว่าพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไร โดยเรียกร้องมายังนางสาวแพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมไปถึง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตกเป็นเหยื่อในคดีทางศาล จะดำเนินการอย่างไรในเรื่องดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ทางกลุ่มได้มีการเคลื่อนไหวลงชื่อจำนวน 3 แสนรายชื่อ เพื่อสนับสนุน 3 ข้อเรียกร้องคือให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ศาลต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพในการแสดงออกต้องเป็นอิสระปราศจากอำนาจ นำปกครอง สิทธิเสรีภาพของประชาชน และผู้บริหารศาลต้องไม่แทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดี ปล่อยนักโทษการเมืองทุกคนที่ถูกคุมขัง ผลักดันต่อศาลอาญาให้มีการปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองโดยไม่มีเงื่อนไขให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560  

รวมทั้งให้พรรคการเมืองทุกพรรคเสนอแนวนโยบายเพื่อประกันสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนโดยยกเลิกมาตรา 112 และมาตรา 116 และกฎหมายที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพการรวมกลุ่มการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมหรือการแสดงออกทางการเมืองเพื่อคืนความยุติธรรมนำผู้ลี้ภัยการเมืองกลับมาประเทศไทย

‘เสี่ยเฮ้ง’ เผย ครม.เคาะค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ หนุนแรงงานรับค่าจ้างเหมาะสม - เป็นธรรม

(31 ม.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (31 มกราคม 2566) เห็นชอบประกาศอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ สำหรับแรงงาน 3 กลุ่มอาชีพ 17 สาขา เพื่อส่งเสริมให้แรงงานที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ในแต่ละสาขาอาชีพและแต่ละระดับได้รับค่าจ้างที่เหมาะสม เป็นธรรม สอดคล้องกับทักษะฝีมือ ความรู้ ความสามารถ และการจ้างงานในตลาดแรงงาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับแรงงาน 3 กลุ่มอาชีพ 17 สาขา ได้แก่ 

>>กลุ่มช่างอุตสาหการ ประกอบด้วย 
-ช่างระบบส่งถ่ายกำลัง ระดับ 1 อัตราค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 495 บาท 
-ช่างระบบปั๊มและวาล์ว ระดับ 1 อัตราค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 515 
-ช่างประกอบโครงสร้างเหล็ก ระดับ 1 อัตราค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 500 
-ช่างปรับ ระดับ 1 อัตราค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 500 บาท 
-ผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก - แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ ระดับ 1 อัตราค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 520 บาท 
-ช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระดับ 1 อัตราค่าจ้างวันละไม่ต่ำกว่า 545 บาท ระดับ 2 ไม่ต่ำกว่าวันละ 635 บาท และระดับ 3 ไม่ต่ำกว่าวันละ 715 บาท

‘ชูวิทย์’ เผย DSI สั่งปิดกองสลากพลัส ชี้ ‘ซีอีโอนอท’ โดนแล้ว 2 ข้อหาหนัก

‘ชูวิทย์’ ชี้ถึงเวลา ‘นอท กองสลากพลัส’ ต้องวิ่งอย่างเดียวแล้ว หลัง DSI เตรียมสั่งปิดเว็บไซต์ แถมอายัดอีก 2 บัญชี

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ด่วน! โดนแล้ว ข้อหาหนัก สั่งปิดกองสลากพลัส

วันนี้ DSI ออกหมายเรียก นอท กองสลากพลัส เข้ารับทราบข้อกล่าวหา 2 คดี

1. คดี 288/2565 โดนข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน

จากกรณีที่ นอท ร่วมกันฟอกเงินกับ นายอรรถกานต์ หรือเฟย เพราะอ้างว่ามอบอำนาจไปให้เฟยขึ้นเงินรางวัลให้

แต่กลายเป็นว่าเงินที่รับมาจากเฟย เป็นเงินที่มาจากพนันออนไลน์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top