Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

รองนายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามโครงการขุดลอกแหล่งน้ำหนองแวง จังหวัดร้อยเอ็ด

เมื่อข่วงหัวค่ำวานนี้ ( 14 ธันวาคม 2565 )เวลา 17.00 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามโครงการขุดลอกแหล่งน้ำหนองแวง ตำบลสะอาดสมบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ,นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ,นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ พร้อมด้วย นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพี่น้องประชาชน ร่วมต้อนรับอย่างอบอุ่น 

ด้วยการปรับปรุงโครงการขุดลอกแหล่งน้ำหนองแวง ได้สั่งการให้ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 และกรมทรัพยากรน้ำ เป็นหน่วยดำเนินการขุดลอก ซึ่งมีงบประมาณ 3,064,100 บาท ซึ่งโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองแวง มีขนาดพื้นที่ประมาณ 76 ไร่ เป็นแหล่งน้ำสำคัญที่ราษฎร ในพื้นที่ใช้ในการอุปโภค - บริโภค และด้านการเกษตร ซึ่งก่อนดำเนินการขุดลอกมีสภาพตื้นเขิน ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งได้ จึงมีความจำเป็นต้องทำการขุดลอก เพื่อฟื้นฟูให้สามารถใช้ประโยชน์ และแก้ปัญหาความเดือดร้อนด้านน้ำของราษฎรในพื้นที่ ซึ่งประชาชนที่ได้รับจากการขุดลอกแหล่งน้ำหนองแวง จะจำนวน 441 ครัวเรือน ประชากร 1,576 คน พื้นที่การเกษตรซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาข้าว ประมาณ 1,000 ไร่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำสำรองในการผลิตน้ำประหมู่บ้านต่อไป

นายกฯ ไทย - ฮังการี พร้อมสานต่อความร่วมมือรอบด้าน ส่งเสริมการค้าการลงทุน พัฒนาธุรกิจด้านการเกษตร การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

เมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 14 ธ.ค.(เวลาท้องถิ่นกรุงบรัสเซลส์ซึ่งช้ากว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 6 ชั่วโมง) ที่อาคาร Europa กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยี่ยม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทวิภาคีกับนายวิคเตอร์ ออร์บาน (H.E. Mr. Viktor Orbán) นายกรัฐมนตรีฮังการี ในโอกาสเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน - สหภาพยุโรป

นายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฮังการีราบรื่นมาโดยตลอด และจะครบรอบ 50 ปี ในปี 2566 โดยขอบคุณรัฐบาลฮังการีที่ให้การสนับสนุนประเทศไทยในกรอบสหภาพยุโรปมาโดยตลอด โดยเฉพาะการเจรจาความตกลง PCA ระหว่างไทยกับ EU จนทำให้สามารถลงนามได้ ซึ่งไทยพร้อมที่จะสนับสนุนฮังการีในเวทีระหว่างประเทศในประเด็นที่ฮังการีให้ความสำคัญ โดยเฉพาะค่านิยมการยึดครอบครัวเป็นศูนย์กลาง พร้อมกันนี้ พร้อมร่วมมือกับฮังการีในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ เช่น ด้านการสาธารณสุข การพัฒนาประเทศในยุคหลังโควิด-19 การค้าการลงทุน การศึกษา

ด้านนายกรัฐมนตรีฮังการี กล่าวยินดีที่ได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีไทย ชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-ฮังการี ที่เป็นไปอย่างแน่นแฟ้น และเชื่อมั่นว่าไทยและฮังการีจะสามารถต่อยอดความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพได้อีกมาก ชื่นชมพัฒนาการของไทย ตลอดจนบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่เป็นไปอย่างกระตือรือร้น และสร้างสรรค์

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญ อาทิ ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความร่วมมือครอบคลุมสาขาที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยมีกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญ ได้แก่ คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำ คณะทำงานร่วมด้านเกษตร คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า กลไกดังกล่าวจะช่วยขับเคลื่อนประเทศสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและการเจริญเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไทยยินดีที่จะเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญกับฮังการีในบริบทดังกล่าว

‘อดีตบิ๊ก ศรภ.’ เผยต่างชาติสนใจไทยจัดการ ‘คดีตู้ห้าว’ พร้อมเตือนสติคนไทย อย่ามัวหลงทางเรื่องค่าแรง 600

‘พล.ท.นันทเดช’ เผยทั่วโลกกำลังจับตาดูไทยในการใช้กฎหมายจัดการทุนจีนสีเทา เตือนอย่าไปหลงทางกับเรื่องเล็ก ๆ อย่างค่าแรง 600 บาท

(15 ธ.ค. 65) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ในหัวข้อ ‘ตู้ห้าว’ กำลังเป็น ‘ตู้ว่างเปล่า’ มีเนื้อหาว่า ปรากฏการณ์ของ ‘มาเฟียทุนจีนสีเทา’ กำลังส่งผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างรุนแรงตลอดระยะเวลาเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ขอย้ำว่าเวลาผ่านมาแล้วถึง 2 เดือน แต่คดีคืบหน้าไปอย่างแผ่ว ๆ ถ้าไม่มีคุณชูวิทย์ ป่านนี้คงจะเงียบไปแล้ว

น่าเศร้าที่สังคมไทยกำลังตกเป็นเหยื่อของคนต่างชาติกลุ่มหนึ่ง องค์กรที่ดูแลสังคม รวมทั้งพรรคการเมืองต่าง ๆ ก็พลอยเงียบไปด้วย ที่มันแปลก คือ เงียบไปทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล

เช็กชื่อ 31 ส.ส. แห่ยื่นใบลาออก พปชร. คาดเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทย 16 ธ.ค.นี้

หลังจากที่มีกระแสข่าวจะมีส.ส.ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งจำนวนมากในวันที่ 13-14 ธ.ค.เพื่อเตรียมไปเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทยในการประชุมพรรควันที่ 16 ธ.ค.นั้น เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้มี ส.ส.จำนวน 31 คน ยื่นหนังสือลาออกต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยให้มีผลในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ 11 คน ได้แก่ 

1.นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. 
2.นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.กทม. 
3.น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.
4.นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท 
5.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ 
6.นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม 
7.นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี 
8.นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก 
9.นายประทวน สุทธิอํานวยเดช ส.ส.ลพบุรี กาญจนบุรี 
10.นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี 
11.นายอัฎฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี

พรรคเพื่อไทย จำนวน 7 คน ได้แก่ 
1.นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ 
2.นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. 
3.นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก 
4.นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี 
5.นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก 
6.นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา 
7.นายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา

พรรคก้าวไกล 5 คน ได้แก่ 
1.นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี 
2.นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย 
3.นายพีรเดช คําสมุทร ส.ส.เชียงราย 
4.นายเกษมสันต์ มีทิพย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 
5.นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 

‘ทิพานัน’ เผย ‘ภูเก็ต’ โกยรายได้ท่องเที่ยวสูงสุด ชี้!! ผลจากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของ ‘บิ๊กตู่’

‘ทิพานัน’ โชว์ผลสำเร็จ ‘พล.อ.ประยุทธ์’ เปิด 10 อันดับจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด ภูเก็ตคว้าแชมป์ 127,927 ล้านบาท สะท้อนมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวได้ผล กระจายรายได้ทั่วประเทศในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ผลักดันให้เริ่มใช้โครงการ ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ เป็นจุดเริ่มต้นตามนโยบายเปิดประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ขยายออกไปยังพื้นที่อื่น ๆ และนำมาสู่การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในปัจจุบัน ผนวกกับมาตรการสาธารณสุขและความร่วมมือของคนไทยและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนส่งผลให้มีการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวแบบกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็วแบบ ‘V-Shape’ โดยเฉพาะผลสำเร็จที่เกินความคาดหมาย จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ในปี 2565 ครบ 10 ล้านคนเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทยใน 10 เดือนแรกของปี 2565 ตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ดึงดูดเม็ดเงินเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก โดยมีข้อมูลรายได้จากจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ 

1.ภูเก็ต 127,927 ล้านบาท 
2.ชลบุรี 13,283 ล้านบาท 
3.สุราษฎร์ธานี 7,586 ล้านบาท 
4.เชียงใหม่ 4,246 ล้านบาท 
5.สงขลา 3,602 ล้านบาท  
6.พังงา 2,582 ล้านบาท  
7.เชียงราย 1,585 ล้านบาท
8.กระบี่ 1,408 ล้านบาท  
9.ประจวบคีรีขันธ์ 854 ล้านบาท  
10.หนองคาย 526 ล้านบาท

จังหวัดที่มีชาวต่างชาติเยือนมากที่สุด 10 อันดับ
1.ภูเก็ต 2,329,894 คน 
2.ชลบุรี 975,026 คน 
3.สุราษฎร์ธานี 606,812 คน 
4.สงขลา 581,808 คน 
5.เชียงใหม่ 496,111 คน
6.สมุทรปราการ 321,390 คน 
7.พังงา 317,353 คน 
8.หนองคาย 231,243 คน 
9.กระบี่ 217,526 คน 
10.หนองคาย 148,683 คน

‘ตำรวจ’ รวบ 31 ผู้ต้องหาเครือข่ายเว็บพนัน พบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 1,200 ล้านบาท

สืบเนื่องจากช่วงมหกรรมฟุตบอลโลก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ส่งทีม ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ทลายเว็บพนันในเครือ ‘MESSI’ เมสซี่ ซึ่งเป็นเว็บพนันรายใหญ่ที่มีสโลแกนว่า แตกง่าย แทงบอล อันดับ 1 ตรวจสอบแล้วมีประชาชนรวมไปถึงเด็กและเยาวชนถูกมอมเมาเป็นจำนวนมาก ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีความห่วงใยปัญหาดังกล่าวโดยบางรายมีอายุเพียง 13 ปี และเครือเว็บพนันรายนี้ยังมีการลักลอบใช้ช่องทางเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการในการเผยแพร่เว็บไซต์การพนัน โดยนำช่องทางการเข้าลิงก์เว็บไซต์ของตนไปแปะทับเว็บไซต์ของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมและเว็บไซต์ของศูนย์สารสนเทศยุทธศาสตร์ภาครัฐ สำนักงานสถิติแห่งชาติ 

ซึ่งต่อมาชุด PCT5 ได้มีการตรวจสอบขยายผลทางเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในระบบกว่าพันล้านบาท โดยพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บก.น. /หน.ชุดปฏิบัติการ PCT 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT5 เข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย 8 แห่งในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ จำนวน 2 จุดและ จ.จันทบุรี จำนวน 5 จุดซึ่งเป็นสถานที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันกว่า 18 URL คือ Messi1688, Messibet168, Messinow เป็นต้น และสามารถรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับจำนวน 20 หมายจับ จากการตรวจสอบเงินหมุนเวียนในบัญชีรวม 1,200 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศปอส.ตร. (PCT), พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. / รอง ผอ.ศปอส.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล, พ.ต.ท.นรามินทร์ เทพจักรินทร์, พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว, พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ, พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี, พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี, พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) และ กก.สส.จว.ระยอง จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 31 คน ดังนี้

1. นายณัชพล ปากน้ำเขียว อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ม.1 ต.คมบาง อ.เมือง จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 2743/2565 ลงวันที่ 6 ธ.ค. 65 จับกุมตัวได้ที่จุดที่ 3 บ้านเลขที่ 59/36 หมู่บ้านยลดาวิลล์ ถ.พระยาตรัง อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี

2. นายสหรัฐ เจนช่าง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/10 ม.3 ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 2740/2565 ลงวันที่ 6 ธ.ค. 65 จับกุมตัวได้ที่จุดที่ 3 บ้านเลขที่ 59/36 หมู่บ้านยลดาวิลล์ ถ.พระยาตรัง อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี

3. นายศิรสิทธิ์ พรหมเกิด อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/1 ถ.ชวนะอุทิศ ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 2742/2565 ลงวันที่ 6 ธ.ค. 65 จับกุมตัวได้ที่จุดที่ 6 ร้าน 24wash&day บ้านเลขที่ 2/2026 ม.9 ซ.รักศักดิ์ชมูล 9 ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี

4. น.ส.วฒิภา เรณู ณ อยุธยา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/678 ซ.พหลโยธิน 52 แยก 43 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 2738/2565 ลงวันที่ 6 ธ.ค. 65 จับกุมตัวได้ที่ สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสายไหม แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ

ผู้ต้องหาที่ 1-4 ถูกจับตามหมายจับข้อหา ‘ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานและร่วมกันฟอกเงิน’ ถูกนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ดำเนินคดีตามกฎหมาย

5. นายอภิสิทธิ์ มิ่งขวัญ อายุ 29 ปี ที่อยู่ 114 ม.9 ต.คำเตย อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร
6. นายชยากร ประทุมทอง อายุ 23 ปี ที่อยู่ 28 ม.4 ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี
7. นายณัฐนนท์ บำรุงเชาว์เกษม อายุ 25 ปี ที่อยู่ 39/691 ซอยสุขาภิบาล 5 ซอย 71 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพ
8. นายธนพร วัฒนกุล อายุ 28 ปี ที่อยู่ 60 ซอยรังสิต-นครนายก 44 ซอย 1 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
9. นายสุรสิงห์ สงวนนามสกุล อายุ 26 ปี
10. นายณพวัฒน์ รอดสูง อายุ 31 ปี ที่อยู่ 56/152 ม.5 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
11. นายทิวากร จูวงษ์ อายุ 30 ปี ที่อยู่ 8/48 ม.4 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
12. นายอธิษฐ์ภณ คันศรวสิษฐ์ อายุ 28 ปี ที่อยู่ 77/266 ซอยพหลโยธิน 54/1 แยก 4-45 (ม.ชลลดา) แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพ
13. น.ส.ปพิชญา แซ่แต้ อายุ 27 ปี ที่อยู่ 189/87 ถนนเทพรักษ์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพ
14. น.ส.อัญวีณ์ สวาสดิ์โรจน์ อายุ 33 ปี ที่อยู่ 10/394 ซอยหัวหมาก 18 (หวังภาษิต2) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพ
15. น.ส.รมิดา ตั้งวนิชนิกุล อายุ 26 ปี ที่อยู่ 234/463 ถนนเทพรักษ์ แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพ
16. น.ส.สุดารัตน์ จอมสง่า อายุ 29 ปี ที่อยู่ 35 ม.7 ต.บ้านสร้าง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี
17. นายก้องภพ เทียนน้อย อายุ 25 ปี ที่อยู่ 67/11 ม.1 ต.หนองบัว อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์

ผู้ต้องหาที่ 5-17 ถูกจับกุมที่จุดที่ 1 บ้านเลขที่ 44/100 หมู่บ้านอัมรินทร์นิเวศ 1 ซอย 4 ถ.รามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ และถูกแจ้งข้อหาว่า ‘ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน’

18. น.ส.พีรดา เรืองทอง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/700 ถ.วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
19. น.ส.นลัทธมนต์ ลิมปิชัยวิทย์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/190 ซ.วัดเวฬุวนาราม 9 (เกตุวรชัย) แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
20. นายพิศุทธิ์ อนุมานศิริกุล อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 344 ซ.เจริญนคร 46 ถ.เจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพฯ

ผู้ต้องหาที่ 18-20 ถูกจับกุมที่จุดที่ 2 ภายในห้อง PENTOR PRODUTION บนชั้น 4 ภายในบ้านเลขที่ 9 ซอยรามอินทรา 5 แยก 15 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ และถูกแจ้งข้อหาว่า ‘ร่วมกันชักชวนหรือสนับสนุนให้มีการเล่นพนัน ประกาศ โฆษณา หรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต’ ถูกนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.บางเขน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

‘ศุภชัย’ ยัน!! กัญชาไม่ได้กลับไปเป็นยาเสพติด หลังที่ประชุมตัด ม.3 ออก ทำหลายฝ่ายเข้าใจผิด

‘ศุภชัย’ แจง ยันกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด หลังเกิดการเข้าใจผิดในที่ประชุมขอตัดมาตรา 3 บอกตัวเองขอคิดบวก มองจะทันสมัยประชุมนี้ ดักทางเพื่อนสมาชิก เพื่อไม่ให้ย้อนแย้งกับที่สิ่งที่ห่วงไม่มี กม.ดูแลเยาวชน ควรดันให้ผ่านโดยเร็ว

(15 ธ.ค. 65) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง แถลงข่าวกรณีที่มีกระแสข่าวจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดว่า ตนเห็นข่าวที่ออกมาแล้วคิดว่า ไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชงมาตรา 3 ระบุว่า กัญชาไม่ถือเป็นยาเสพติดตามกฏหมายยาเสพติดอื่น ซึ่งเป็นการเขียนขึ้นเพื่อย้ำว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่เมื่อวานในที่ประชุมมีการลงมติกันว่าจะตัดความมาตรา 3 ออก ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากัญชาจะกลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

“การตัดความในมาตรานี้ออกแปลว่าจะไม่ปรากฏความในมาตรานี้ แต่มันไม่ได้ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่ากัญชาจะกลับไปเป็นยาเสพติด มีสื่อบางฉบับออกข่าวว่ากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เพราะตัดความในมาตรา 3 ซึ่งมันไม่ใช่” นายศุภชัยกล่าว

‘ร้านหม่าล่า’ ยอมรับศึกษาเรื่อง VAT ไม่ละเอียด หลังลูกค้าโวย เก็บ VAT ทั้งที่ร้านไม่จดทะเบียนภาษีฯ

จากกรณีมีชาวเน็ตรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์เตือนภัย ร้านหม่าล่าแห่งหนึ่งย่านอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ที่เพิ่งเปิดใหม่ ได้มีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากยอดค่าอาหาร แต่เมื่อลูกค้าขอใบกำกับภาษีด้วยเพื่อที่จะได้นำไปเป็นค่าใช้จ่าย แต่ทางร้านแจ้งว่ายังไม่ได้จด VAT จึงออกใบกำกับภาษีให้ไม่ได้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. เพจ ‘หม่าล่าหม้อไฟฉ่งชิง 重庆麻辣火锅’ ซึ่งเป็นร้านอาหารดังกล่าวได้ออกมาโพสต์ชี้แจง ระบุว่า "เนื่องจากทางร้านไม่ได้ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการเก็บ vat 7% อย่างละเอียดและดีพอ ทางร้านขอน้อมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทางร้านต้องกราบขอโทษและขออภัยลูกค้าทุกๆ ท่าน

สำหรับลูกค้าท่านใดที่เคยจ่ายเงิน 7% ไป สามารถเข้ามาแสดงหลักฐานการโอน หรือใบเสร็จ เพื่อขอคืนเงิน 7% ที่ร้านได้เลยนะคะ เพื่อเป็นการขอไถ่โทษ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2566 ทางร้านจึงลดราคาให้ลูกค้าทุกๆ ท่าน 10% และสำหรับลูกค้าที่เคยจ่ายเงิน 7% ไป ถ้าจะเข้ามารับประทานที่ร้านแล้วเอามาเป็นส่วนลดรวมเป็น 17% ก็จักเป็นพระคุณอย่างสูง

ราชภัฏฉะเชิงเทรา ทำพิธีลงนาม MOU ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายโครงการ 'การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล' อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

เวลา 09.00 น. วันที่ 15 ธันวาคม 2565 ที่ห้องโชคอนันต์ อาคารเรียนรวมและอำนวยการ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ ได้จัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ กับ ภาคีเครือข่ายโครงการ "การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤติด้านเศรษฐกิจ" โดยมีนายณัฐพงษ์ สงวนจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานในพิธีลงนาม ร่วมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร. ดวงพร ภู่ผะกา รักษาราชการอธิการบดี ม.ราชภัฏราชนครินทร์ /ภาคีเครือข่ายโครงการ / ผู้บริหาร หัวหน้าส่วน และสื่อมวลชน เข้าร่วมในพิธี

สำหรับพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ กับ ภาคีเครือข่าย โครงการ "การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤติด้านเศรษฐกิจ" ในวันนี้เกิดขึ้น เนื่องจากมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ ได้รับทุนการดำเนินโครงการวิจัย จากสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) โดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ ภายใต้แผนงานการพัฒนาพื้นที่ด้วยองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัย โปรแกรมที่ 17 การแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ แพลตฟอร์ม 4 การวิจัยและสร้างนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ โครงการวิจัย "การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤตด้านเศรษฐกิจ" มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทราโดยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย / เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและรายได้จากการเพาะเลี้ยงปูทะเลในพื้นที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา / เพื่อบูรณาการการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล และเพื่อส่งเสริมปูทะเลให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดฉะเชิงเทราสนับสนุนการสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยมหน่วยกองปราบ มอบรางวัลชุดหนุมานเป็นขวัญกำลังใจ

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 65 เวลา 15.00 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เพื่อชมบรรยายสรุปภารกิจและผลการปฏิบัติของหน่วย และเข้าชมการสาธิตหลักยุทธวิธีชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน พร้อมมอบรางวัลตามโครงการ 'ทำดี มีรางวัล' แก่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานทั้ง 34 นายโดยมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และผู้บังคับบัญชาให้การต้อนรับ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า วันนี้ตนได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยและมอบรางวัลเป็นขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลจากการปฏิบัติหน้าที่ในหลายภารกิจที่ผ่านมาและสืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหารายหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลมีหมายจับเกี่ยวข้องกับยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน แต่ผู้ต้องหาทำการขัดขืนและได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เพื่อเปิดทางหลบหนีถึง 2 ครั้ง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 นาย และทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนและถอดบทเรียน แผนประทุษกรรมการก่อเหตุอย่างละเอียด และวางแผนการเข้าจับกุมอย่างรัดกุมจนกระทั่ง เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 65 ชุดปฏิบัติการและชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ได้เข้าปฏิบัติการในพื้นที่อำเภอเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น โดยได้วางกำลังเข้าปิดล้อมแต่ผู้ต้องหาได้ทำการยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการหลบหนี ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานจึงได้ปฏิบัติการตามหลักยุทธวิธีสากลจนสามารถบรรลุภารกิจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top