Saturday, 7 June 2025
Mexico

'Café La Habana' แห่งกรุงเม็กซิโกซิตี้ คาเฟ่อายุกว่า 70 ปี ที่คนยังนิยมจนถึงปัจจุบัน

กรุงเม็กซิโกซิตี้ (Ciudad de Mexico หรือชื่อย่อคือ CDMX) คือเมืองหลวงของประเทศเม็กซิโก (Mexico) ซึ่งตั้งอยู่ตอนล่างสุดของทวีปอเมริกาเหนือ (North America) แต่คนมักเข้าใจผิด คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของทวีปอเมริกากลาง (Central America) เพราะมีประวัติศาสตร์ร่วมและมีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับประเทศในอเมริกากลางมากกว่านั่นเอง 

นับตั้งแต่การค้นพบร่องรอยทางโบราณคดีและบันทึกทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะช่วงที่ชาติตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสเปนเข้ายึดครองตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 มาจนถึงปัจจุบันนั้น กรุงเม็กซิโกซิตี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาโดยตลอด ผ่านช่วงขาขึ้นและขาลงนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งจากสงครามที่มนุษย์ด้วยกันก่อขึ้น และจากภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผ่นดินไหวรุนแรงหลายครั้งด้วย 

ปัจจุบันนี้กรุงเม็กซิโกซิตี้นับเป็นเมืองที่สุดแสนจะไฉไลและน่าอยู่เป็นอย่างมาก และยังถือเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยอาณาเขตเมืองกินบริเวณกว้างหลายสิบตารางกิโลเมตร ประชากรในเมืองนี้และเมืองแถบปริมณฑลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถิติในปีค.ศ. 2022 ระบุว่ามีมากกว่า 22 ล้านคน 

นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐยังได้พัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุม และมีราคาค่าโดยสารที่ประชากรในเมืองเอื้อมถึง มีการจัดทำทางจักรยานโดยเฉพาะ สวนหย่อมและสวนสาธารณะมากมาย เป็นพื้นที่ส่วนรวม ผู้คนสามารถออกมาผ่อนคลายได้ ทุกวันอาทิตย์มีการปิดถนนย่านใจกลางเมืองเพื่อให้คนออกมาวิ่ง ปั่นจักรยาน พาสัตว์เลี้ยงมาเดินหรือวิ่งออกกำลังกาย และเนื่องจากตั้งอยู่ที่ความสูงราวสองพันเมตรจากระดับน้ำทะเล ดังนั้นสภาพอากาศจึงเย็นสบายทั้งปี ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไปอีกด้วย

ร้านรวง ร้านกาแฟ ร้านอาหารมากมายดาษดื่นกระจายตัวทุกมุมเมืองตามแบบฉบับเมืองใหญ่ มีหนึ่งร้านในนั้นที่อยู่ยงคงกระพันมา 70 ปี และยังคงได้รับความนิยมจนทุกวันนี้ คือคาเฟ่ลาฮาบานา (Café La Habana) เปิดดำเนินกิจการเมื่อปี 1952 ตั้งอยู่ตรงมุมซึ่งถนนบูคาเรลี (Bucareli Street) ตัดกับถนนโมราเลส (Morales Street) อันขวักไขว่

สถานที่แห่งนี้มีองค์ประกอบร่วมของพลังงานแตกต่าง อาจเรียกว่าคือสองขั้วตรงข้าม แต่ผสมกลมกลืนในที่เดียวกันได้อย่างน่าประหลาด 

หนึ่ง คือความเคลื่อนไหวว่องไวกระฉับกระเฉงของพนักงานหลายวัย ลุงผู้จัดการรับรายชื่อลูกค้าที่รออยู่หน้าร้าน แล้วประสานกับข้างในว่ามีตรงไหนว่างแล้วบ้าง บาริสต้ามือเป็นระวิงชงกาแฟตามออร์เดอร์แทบไม่ทัน คนครัวเร่งมือทำอาหารจากเตาลงจานชาม คนทำหน้าที่เสิร์ฟเทินถาดเดินกันคล่องแคล่ว ประหนึ่งพลังงานล้นหลามของวัยรุ่นไฮเปอร์คนหนึ่ง ซึ่งชีวิตกำลังเหมือนดอกไม้บานสะพรั่งและพร้อมพุ่งทะยานสู่อนาคต และแม้งานจะพัวพันยุ่งเหยิง แต่ก็สังเกตเห็นได้ว่าพนักงานทั้งหลายยังยิ้มแย้มแจ่มใส (ใต้หนากากสีดำแห่งยุคโควิดที่ใส่อยู่ก็ยังเห็นรอยยิ้มเหล่านั้นได้) พร้อมถามไถ่ลูกค้า “Todo bien?” (หมายถึงทุกอย่างโอเคไหม)

ทรัมป์เดินหน้าเก็บภาษีจีน 10% ชาติเพื่อนบ้านก็ไม่เว้น เม็กซิโก-แคนาดา เจอเก็บ 25% ในวันแรกที่รับตำแหน่ง

(26 พ.ย. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจากจีน 10% ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง โดยให้เหตุผลเรื่องการอพยพผิดกฎหมายและการค้ายาเสพติดผ่านพรมแดน ทรัมป์โพสต์บน *Truth Social* ว่า “ในวันที่ 20 มกราคม ผมจะลงนามคำสั่งเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และ 10% สำหรับสินค้าจีน เพื่อแก้ปัญหานโยบายพรมแดนเปิดและการค้ายาเสพติด”  

มาตรการนี้ขัดต่อข้อตกลง *USMCA* ซึ่งทรัมป์เองเคยผลักดันในปี 2020 โดยเม็กซิโกและแคนาดาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ  

นักวิเคราะห์ชี้ว่าภาษีจีนที่ 10% อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยขู่เก็บภาษีสูงถึง 60%  

ด้านจีนออกแถลงการณ์เตือนว่า “ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า” และย้ำความร่วมมือกับสหรัฐในการปราบปรามการค้ายาเสพติด

ผู้นำเม็กซิโกสวนทรัมป์ เสนอเปลี่ยนชื่อ 'อเมริกาเหนือ' เป็น ‘เม็กซิกัน อเมริกา’ ยกประวัติศาสตร์บางรัฐในสหรัฐฯ เคยเป็นของเม็กซิโก

(9 ม.ค.68) ประธานาธิบดีคลอเดีย ไชน์บาว์มแห่งเม็กซิโกออกแถลงการณ์ตอบโต้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเสนอว่าภูมิภาคอเมริกาเหนือควรกลับไปใช้ชื่อดั้งเดิมว่า 'เม็กซิกัน อเมริกา' หลังทรัมป์แสดงความเห็นอยากเปลี่ยนชื่อ 'อ่าวเม็กซิโก' เป็น 'อ่าวอเมริกา'

การแถลงข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม โดยไชน์บาว์มย้ำว่า รัฐบาลเม็กซิโกคาดหวังความสัมพันธ์เชิงบวกกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมนี้ อย่างไรก็ตาม ไชน์บาว์มใช้โอกาสนี้วิจารณ์แนวคิดของทรัมป์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนชื่อ พร้อมชูแผนที่โบราณจากศตวรรษที่ 17 เพื่อสนับสนุนข้อเสนอของเธอ

ไชน์บาว์มกล่าวว่า 'อ่าวเม็กซิโก' ได้รับการยอมรับในระดับสากลโดยองค์การสหประชาชาติ (UN) และการเปลี่ยนชื่อดังกล่าวอาจก่อให้เกิดข้อโต้แย้งในวงกว้าง นอกจากนี้ เธอยังระบุว่าภูมิภาคอเมริกาเหนือ รวมถึงบางส่วนของอเมริกากลาง มีชื่อดั้งเดิมว่า 'เม็กซิกัน อเมริกา' ดังนั้น เธอจึงเสนอให้ทุกประเทศในบริเวณนี้กลับมาใช้ชื่อนี้ร่วมกัน เพื่อสะท้อนประวัติศาสตร์และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม

แถลงการณ์ของไชน์บาว์มมีขึ้นเพื่อตอบโต้คำพูดของทรัมป์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งทรัมป์กล่าวว่าจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น 'อ่าวอเมริกา' พร้อมทั้งวิจารณ์เม็กซิโกว่าเป็นประเทศที่ถูกครอบงำโดยขบวนการค้ายาเสพติด ไชน์บาว์มตอบกลับว่า “เม็กซิโกคือประเทศประชาธิปไตยที่ประชาชนมีอำนาจสูงสุด” และปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว

ทรัมป์ยังขู่ว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกถึง 25% และขึ้นบัญชีดำแก๊งค้ายาเสพติดในเม็กซิโกให้เป็น 'กลุ่มก่อการร้าย' ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ไชน์บาว์มมองว่าเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย

ผู้นำเม็กซิโกตอกกลับทรัมป์ ร้อง Google เปลี่ยนชื่อสหรัฐอเมริกาเป็น 'อเมริกาเม็กซิกัน'

(31 ม.ค.68) นางคลอเดีย เชนบาม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ร่อนจดหมายถึงบริษัท  Google เปิดเผยความไม่พอใจอย่างรุนแรง หลังบริษัทยอมปฏิบัติตามคำสั่งของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเปลี่ยนชื่อ 'อ่าวเม็กซิโก' เป็น 'อ่าวอเมริกา' พร้อมกับเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อประเทศสหรัฐอเมริกาเป็น 'อเมริกาเม็กซิกัน'

นางเชนบาม ได้แสดงท่าทีคัดค้านอย่างหนักต่อการกระทำของ Google ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของทรัมป์ โดยเธอเห็นว่าการเปลี่ยนชื่อดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยและประวัติศาสตร์ของเม็กซิโก เธอยังเรียกร้องให้ Google คืนชื่อเดิมของอ่าวเม็กซิโกและหยุดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชื่อทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศของเธอ

ความไม่พอใจของประธานาธิบดีเม็กซิโกเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สั่งให้เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา โดย Google ได้ปรับปรุงชื่อดังกล่าวใน Google Maps ทันทีตามคำสั่ง

ก่อนหน้านี้ Google ได้ออกแถลงการณ์ผ่านแพลตฟอร์ม X ระบุว่า "การเปลี่ยนแปลงชื่อนี้เป็นไปตามนโยบายของเราในการอัปเดตข้อมูลตามเอกสารราชการของรัฐบาลสหรัฐฯ" โดยบริษัทอ้างว่าการเปลี่ยนแปลงชื่อจะเกิดขึ้นทันทีเมื่อมีการแก้ไขในเอกสารทางการของสหรัฐฯ

นอกจากนี้ Google ยังประกาศว่าจะ 'ดำเนินการทันที' ในการเปลี่ยนชื่อภูเขาเดนาลิในรัฐอะแลสกากลับไปเป็นภูเขาแมคคินลีย์ ตามคำสั่งของทรัมป์ ทันทีที่เอกสารทางการได้รับการอัปเดต แม้ว่าจะมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและชนพื้นเมืองก็ตาม

ทรัมป์ได้อธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งสองรายการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการ 'เชิดชูความยิ่งใหญ่ของอเมริกา' อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนชื่อภูเขาเดนาลิ ซึ่งเป็นชื่อที่ชนพื้นเมืองอะแลสกาให้ความสำคัญ ได้ก่อให้เกิดความไม่พอใจในวงกว้าง

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของทรัมป์และ Google ได้รับการตอบรับอย่างไม่ดีจากทั้งเม็กซิโกและกลุ่มชนพื้นเมืองในสหรัฐฯ ซึ่งมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการลบเลือนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top