Tuesday, 22 April 2025
MAZDA

มาสด้าส่งแคมเปญ ‘MAZDA FIGHT TOGETHER’ คนไทยสู้ไปด้วยกัน!! ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 ฟรีของพรีเมี่ยมสุดพิเศษทุกรุ่น

มาสด้าปลุกพลังให้คนไทยลุกขึ้นสู้โดยไม่โดดเดี่ยวพร้อมประสานมือผู้จำหน่ายเพื่อให้การส่งเสริมธุรกิจของลูกค้าให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ และสู้ไปด้วยกันกับแคมเปญ Mazda Fight Together ดอกเบี้ย 0% พร้อมเผยความสำเร็จของรถอเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า CX-5 เติบโต 222% และมาสด้า CX-8 เพิ่มขึ้น 106% ผลพวงจากการแนะนำ MAZDA FAMILY SUV ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ทั้งสองรุ่น ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้ยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตอกย้ำกระแสความร้อนแรงของรถประเภทนี้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลทำให้ยอดขายสะสม 10 เดือน พุ่งทะลุ 28,327 คัน ลดลงเล็กน้อย 6% ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19

เตรียมเปิดเกมส์รุกกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปีเต็มกำลัง ด้วยการส่งแคมเปญ MAZDA FIGHT TOGETHER ปลุกพลังใจให้คนไทยสู้ไปด้วยกัน ด้วยการขอความร่วมมือให้ผู้จำหน่ายในแต่ละพื้นที่ให้ความช่วยเหลือธุรกิจ SME ของลูกค้าให้กลับมาเริ่มต้นเดินหน้าทำธุรกิจได้อีกครั้งหลังจากต้องเผชิญกับวิกฤตโควิดมาตลอดเกือบ 2 ปี พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษเพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของยนตรกรรมมาสด้าได้ง่ายขึ้น กับดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1 รับของพรีเมี่ยมสุดพิเศษเมื่อจองภายในงาน ระหว่างวันที่ 6 – 14 พฤศจิกายน 2564 ที่โชว์รูมมาสด้า

โดยเฉพาะในส่วนของลูกค้าปิกอัพ ALL NEW MAZDA BT-50 ทุกท่าน มาสด้าพร้อมมอบความคุ้มค่า ด้วยข้อเสนออุปกรณ์ตกแต่งแท้ ราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 999 บาท และเมื่อรถมาสด้าทุกรุ่นมาเข้ารับบริการ รับข้อเสนอพิเศษผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 1,000 บาท เมื่อซื้อโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพรถ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 – 30 พฤศจิกายน 2564 ที่โชว์รูมมาสด้า

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์การตลาดที่ยังคงมีความผันผวน จึงทำให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคยังคงชะลอตัว รวมถึงตลาดรถยนต์ด้วยเช่นกัน ซึ่งยอดขายรถยนต์มาสด้าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมารวมทุกรุ่นอยู่ที่จำนวน 2,513 คัน ลดลงจากเดือนกันยายนประมาณ 16% โดยแบ่งเป็นมาสด้า2 จำนวน 1,367 คัน มาสด้า3 จำนวน 114 และบีที-50 จำนวน 72 คัน แต่ทั้งนี้แล้ว ก็ยังคงมีสัญญาณบวกที่ดี เนื่องจากรถอเนกประสงค์เอสยูวีของมาสด้าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น หลังจากที่มีการปรับโฉมและปรับกลยุทธ์ด้านราคา ส่งผลให้ มาสด้า CX-5 เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 222% ด้วยยอดขาย 148 คัน และ มาสด้า CX-8 ก็มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 106% ด้วยจำนวน 72 คัน ในขณะที่มาสด้า CX-30 มีจำนวน 393 คัน และมาสด้า CX-3 มีจำนวนทั้งสิ้น 347 คัน ซึ่งจากตัวเลขเหล่านี้ ส่งผลให้รถอเนกประสงค์เอสยูวีของมาสด้า มียอดขายรวมอยู่ที่ 960 คัน เพิ่มขึ้น 5% จากเดือนกันยายนที่มีตัวเลขรวม 915 คัน ดังนั้นการเปิดตัวทั้ง 2 รุ่น จึงกลายเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดให้ลูกค้าเดินทางมาที่โชว์รูมมากยิ่งขึ้น

สำหรับยอดขายสะสมรถยนต์มาสด้า 10 เดือน ระหว่างเดือนมกราคม – ตุลาคม 2564 มีจำนวน 28,327 คัน ลดลงเล็กน้อยประมาณ 6% ซึ่งปัจจัยหลักยังคงมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้กำลังซื้อชะลอตัวลง โดยรถยนต์นั่งมาสด้ามียอดขายรวมอยู่ที่ 16,636 คัน ลดลง 11% แบ่งเป็น มาสด้า2 จำนวน 14,901 คัน มาสด้า3 จำนวน 1,732 คัน และมาสด้า MX-5 จำนวน 3 คัน ในขณะที่รถอเนกประสงค์เอสยูวีกลับเติบโตเพิ่มขึ้นสวนทางตลาด ด้วยจำนวนรวม 10,659 คัน เพิ่มขึ้น 19% (ปี 2563 มีจำนวน 8,929 คัน) แบ่งเป็นมาสด้า CX-30 จำนวน 5,757 คัน เพิ่มขึ้น 36% มาสด้า CX-3 จำนวน 3,493 คัน เพิ่มขึ้น 104% และอีก 2 รุ่นที่เพิ่งแนะนำสู่ตลาด คือ มาสด้า CX-8 จำนวน 717 คัน และมาสด้า CX-5 จำนวน 692 คัน ส่วนรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 มียอดขายรวมอยู่ที่ 1,032 คัน

ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าใหม่สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ง่ายขึ้น และเพื่อช่วยเหลือลูกค้าในช่วงวิกฤต มาสด้าขอมอบข้อเสนอพิเศษ กับแคมเปญ MAZDA FIGHT TOGETHER คนไทย สู้ไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

 

'Mazda' โชว์!! 9 เดือนแรกยอดขายโต 8% โกย 30,000 คัน พร้อมอวดโฉม 'บริการใหม่' มัดใจลูกค้าให้อยู่กันไปยาวๆ

(8 ต.ค. 65) ท่ามกลางความผันผวนและปัจจัยรอบด้านที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศไทย แต่วันนี้สถานการณ์ต่างๆ เริ่มมีทิศทางที่สดใสมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ยอดขายสะสมของตลาดรถยนต์ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน 2565 ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 18% 

ด้านมาสด้า ก็เป็นอีกค่ายที่กลับมาได้อย่างงดงาม โดยมียอดขายเติบโต 8% พร้อมยอดจำหน่ายรวมช่วง 9 เดือนแรกของปีที่ 27,995 คัน และในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ก็ได้ประกาศเตรียมส่งรถยนต์รุ่นพิเศษบุกตลาด พร้อมทั้งเตรียมมัดใจลูกค้าด้วยบริการหลังการขายใหม่ Mazda Ultimate Service อุ่นใจกว่า...ทุกการดูแลรถคุณ เพิ่มความมั่นใจด้านการบริการหลังการขาย พร้อมดูแลลูกค้าแบบพรีเมี่ยม สร้างคุณค่าแบรนด์และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าในระยะยาว และตอบรับกับสถานการณ์การแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 9 เดือน นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2565 เป็นต้นมา ตลาดรถยนต์ต้องเผชิญกับปัจจัยลบรอบด้านที่ส่งผลลบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไทย แต่ทั้งนี้แล้ว ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ จากภาครัฐ การเปิดตัวรถรุ่นใหม่จากหลากหลายค่ายรถ รวมถึงแคมเปญและงานจัดแสดงรถยนต์ต่างๆ จึงทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มกลับฟื้นตัวดีขึ้น และเดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในช่วงท้ายของไตรมาสที่สาม ที่สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในประเทศไทยได้ปรับตัวไปในทิศทางบวก อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การส่งออกที่เติบโต และปัจจัยทางด้านการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ที่ปรับตัวดีขึ้น จึงทำให้เริ่มเห็นทิศทางการเติบโตของยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยตามมา

แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางปัจจัยบวกและปัจจัยลบหลายๆ ด้านเหล่านี้ ยอดขายสะสมรถยนต์มาสด้าในช่วง 9 เดือน แรกของปี ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2565 ก็ยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างเหนียวแน่นสูงถึง 8% โดยมียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้น 27,995 คัน แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า 2 จำนวน 15,340 คัน (เพิ่มขึ้น 13%) และ มาสด้า 3 จำนวน 1,287 คัน (ลดลง 20%) ในขณะที่ มาสด้า CX-30 ทำยอดขายได้สูงสุดของรถประเภทอเนกประสงค์เอสยูวี ด้วยจำนวน 5,180 คัน (ลดลง 3%) ตามมาด้วย มาสด้า CX-3 จำนวน 3,725 คัน (เพิ่มขึ้น 19%) มาสด้า CX-8 จำนวน 745 คัน (เพิ่มขึ้น 16%) และ มาสด้า CX-5 จำนวน 610 คัน (เพิ่มขึ้น 12%) ส่วนรถปิกอัพ มาสด้า บีที-50 มียอดขายสะสม 1,103 คัน (เพิ่มขึ้น 15%) และรถสปอร์ตเปิดประทุน มาสด้า MX-5 อีกจำนวน 5 คัน (เพิ่มขึ้น 67%) ตามลำดับ

เฉพาะเดือนกันยายนที่ผ่านมา มาสด้ามียอดขายรวมทั้งหมด 2,752 คัน แบ่งออกเป็นรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 จำนวน 269 คัน (เพิ่มขึ้น 87%) รถอเนกประสงค์เอสยูวี จำนวน 1,220 คัน (เพิ่มขึ้น 33%) ได้แก่ มาสด้า CX-30 จำนวน 653 คัน มาสด้า CX-3 จำนวน 391 คัน มาสด้า CX-8 จำนวน 115 คัน มาสด้า CX-5 จำนวน 51 คัน และมียอดขายรถยนต์นั่ง จำนวน 1,263 คัน (ลดลง 24%) ได้แก่ มาสด้า2 จำนวน 1,144 คัน และมาสด้า3 จำนวน 119 คัน ตามลำดับ

ศาลชั้นต้นสั่งเรียกคืน มาสด้า 2 ดีเซล ปี 2014-2018 ทุกคัน หลังพบปัญหาการใช้งาน ซึ่งอาจเกิดอันตรายกับผู้ขับขี่

ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้บริษัทมาสด้า เรียกคืนรถยนต์มาสด้า 2 เครื่องยนต์เชื้อเพลิงดีเซล (Mazda 2 Skyactiv D 1.5) ที่ผลิตในปี 2014-2018 ทุกคัน พร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้บริโภค หลังผู้บริโภค 9 คน รวมตัวฟ้องบริษัทเป็นคดีแบบกลุ่ม เนื่องจากพบปัญหาการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสั่น หรือเครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ซึ่งอาจเกิดอันตรายกับผู้ขับขี่ได้

(29 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (28 มี.ค.) นางสาวจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความผู้ดูแลคดีการฟ้องร้อง มาสด้า 2 เปิดเผยว่า ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เรียกคืนรถยนต์มาสด้า 2 เครื่องยนต์เชื้อเพลิงดีเซล (Mazda 2 Skyactiv D 1.5) ทุกคันที่ผลิตในปี 2014-2018 (ปี พ.ศ. 2557-2561) เข้ามาซ่อมแซม

เนื่องจากเป็นสินค้าที่ชำรุดบกพร่องและเป็นสินค้าไม่ปลอดภัยที่อาจทำให้เกิดอันตรายกับผู้ขับขี่ได้ นอกจากนั้นยังได้กำหนดให้บริษัทต้องชดใช้ราคาค่าซ่อมตามจริง ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถวันละ 1,800 บาท รวมถึงค่าเสียหายทางจิตใจรายละ 30,000 บาท

อีกทั้งบริษัทต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง หลังจากที่ผ่านมาผู้บริโภคจำนวน 9 คน ได้ยื่นฟ้องบริษัทมาสด้าเป็นคดีแบบกลุ่ม ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เนื่องจากพบปัญหาเรื่องการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเครื่องสั่น หรือปัญหาเครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์จากคำพิพากษาของศาลที่ออกมานั้นเป็นเรื่องที่ดีและเป็นบรรทัดฐานให้กับผู้ประกอบการรายอื่นที่จะต้องรับผิดชอบกับผู้บริโภคหรือลูกค้าของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเมื่อไม่มีสภาพบังคับที่ชัดเจน ผู้ประกอบการจะพยายามหลีกเลี่ยงและหลบหลีกความรับผิดชอบ

“ในหลาย ๆ คดี เมื่อเกิดสภาพบังคับโดยคำพิพากษาของศาลขึ้นและหากผู้ประกอบการหรือบริษัทไม่น้อมรับหรือไม่ปฏิบัติตาม อาจส่งผลให้ศาลชั้นสูงมองว่าเอาเปรียบผู้บริโภคและอาจมีคำสั่งลงโทษ โดยเพิ่มค่าเสียหายเชิงลงโทษโดยบริษัทจะต้องจ่ายให้กับผู้บริโภคอีก ซึ่งหลังจากนี้ผู้บริโภคต้องการเห็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบการในการเยียวยาแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง” น.ส.จิณณะ ระบุ

‘Mazda’ เปิดบูธภายใต้ธีม ‘Love of Cars’ ในงาน Motor Show พร้อมอวดโฉม ‘MX-30 e-SKYACTIV R-EV’ ที่ ‘สะดวกสบาย-ไปได้ไกลว่า’

เมื่อเร็วๆ นี้ มาสด้าเนรมิตบูธจัดแสดงรถยนต์ ภายใต้ธีม Love of Cars เพื่อถ่ายทอดความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์แห่งอนาคตที่กำลังดำเนินไปตามกรอบระยะเวลา ตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ที่หลงใหลในการขับขี่และรักในรถยนต์ โดยแบ่งโซนจัดแสดงบอกเล่าเรื่องราวที่มีลูกค้าอยู่ในทุกช่วงเวลา และมีรถยนต์มาสด้าเป็นพาร์ตเนอร์ในทุกประสบการณ์ ตอกย้ำการให้ความสำคัญที่มีลูกค้าเป็นหนึ่งในทุกการเติบโต สื่อสารอารมณ์ความรู้สึก ความสนุกสนานในการขับขี่ ความสุขในการใช้ชีวิต และอนาคตที่รถยนต์มีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ได้แบ่งปันความทรงจำที่มีต่อรถยนต์ร่วมกัน เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าและแบรนด์มาสด้าให้แนบแน่นยิ่งขึ้น พร้อมปลุกตำนานโรตารี่ด้วยการจัดแสดงเทคโนโลยีแห่งอนาคต Mazda MX-30 e-SKYACTIV R-EV ที่ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างระบบไฟฟ้ากับเครื่องยนต์โรตารี่ กลายเป็น Plug-in Hybrid ที่ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายและไปได้ไกลกว่า มาให้คนไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้มาสด้าออกแบบบูธใหม่ทั้งหมด ภายใต้ธีม Love of Cars ได้แรงบันดาลใจจากการมีลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์ของการเดินทาง เป็นศูนย์รวมความสุขของผู้ที่รักในรถยนต์ โดยแบ่งโซนการจัดแสดงออกเป็น โซนแกลเลอรี่วอลล์ ที่ลูกค้าส่งภาพความประทับใจกับรถยนต์คันโปรด You and Mazda Moments ถ่ายทอดประสบการณ์ความสุขในทุกช่วงเวลาของลูกค้า ซึ่งเป็นปณิธานที่เรามุ่งหวังและตั้งใจที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน และยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่รักในรถยนต์ 'The Memorable Love of Cars' เสียสละรถโมเดลผ่านทางมาสด้า เพื่อส่งต่อให้กับเด็กๆ เยาวชนที่ขาดแคลน ซึ่งมีผู้สละเข้ามามากกว่า 500 คัน และมาสด้าเพิ่มเติมอีก 1,000 คัน โดยจะเร่งส่งต่อรถโมเดลเหล่านี้ให้ถึงมือเด็กๆ โดยเร็วที่สุด

ส่วนไฮไลต์สำคัญ คือ การจัดแสดงเทคโนโลยี Multi-Solution มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ส่งมอบเทคโนโลยีที่มีความหลากหลายและมีความเหมาะสมในแต่ละภูมิภาค เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า ในยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากพลังงานเชื้อเพลิงไปสู่พลังงานไฟฟ้า หลายคนคงจดจำเครื่องยนต์โรตารี่ สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และความคิดสร้างสรรค์ นี่คือหนึ่งใน Multi-Solution เทคโนโลยีแห่งอนาคตจากมาสด้า การนำเทคโนโลยี e-SKYACTIV R-EV มาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ เป็นการปลุกฟื้นคืนชีพตำนานเครื่องยนต์โรตารี่ ต้นกำเนิดรถสปอร์ตมาสด้าหลากหลายรุ่นในอดีต ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบันกลายเป็นดีเอ็นเอสายพันธุ์สปอร์ตที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

หัวใจหลักสำคัญของการพัฒนา MAZDA MX-30 e-SKYACTIV R-EV คือเครื่องยนต์โรตารี่ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เครื่องยนต์ขนาด 830 ซีซี เล็กกว่าเครื่องยนต์ลูกสูบทั่วไปที่ให้กำลังใกล้เคียงกัน ให้พละกำลังสูงสุดถึง 170 แรงม้า ที่ 9,000 รอบต่อนาที ลูกสูบหมุน 1 โรเตอร์ ทำจากวัสดุอะลูมิเนียม น้ำหนักเบาเพียง 15 กก. ประกอบกับแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนขนาด 17.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวได้ระยะไกลถึง 85 กิโลเมตร ที่เกิดจากจากการชาร์จเพียงครั้งเดียว ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในเมือง และเมื่อได้รับการปั่นเป็นพลังงานไฟฟ้ากลับเข้ามาจากเครื่องยนต์โรตารี่จะทำให้เพิ่มระยะทางในการขับขี่ได้ไกลกว่า 600 กิโลเมตร ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลกับการเดินทางไกลเพื่อออกไปหาประสบการณ์ใหม่ในการดำเนินชีวิต ซึ่งเกิดจากประสิทธิภาพของเครื่องยนต์โรตารี่ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงขนาดถัง 50 ลิตร มาผสานการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขยายระยะทางในการขับขี่ กลายเป็นเทคโนโลยี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่สมบูรณ์แบบที่มีต้นกำเนิดจากการทำงานของเครื่องยนต์โรตารี่ อันเกิดจาก 'จิตวิญญาณแห่งความท้าทาย' หรือ 'Challenger Spirit' อันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นที่นำมาจัดแสดงภายในงานฯ ล้วนเป็นยนตรกรรมได้รับการถ่ายทอดปรัชญาของมาสด้า เพื่อยกระดับประสบการณ์ความสุขในทุกการขับขี่ และการใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆ ด้านให้กับลูกค้าทุกคน ซึ่งรวมถึง การนำ NEW MAZDA MX-5 รถสปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนยอดนิยม ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงใหม่ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย กับเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีในการขับขี่ เพื่อถ่ายทอดปรัชญา จินบะ-อิตไต (Jinba-Ittai) ให้โดดเด่นสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ขับขี่จะสามารถสัมผัสได้ถึงอัตราเร่ง และการควบคุมพวงมาลัยที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม ฉับไว ไม่ว่าจะขับรถในเมือง ทางโค้ง หรือขับในสนามแข่ง

โดยเฉพาะในระบบเกียร์แมนนวลที่มาพร้อม DSC-TRACK ซึ่งเป็นระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control: DSC) ใหม่ ที่ใส่เพิ่มเติมเข้าในรถรุ่นนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้เหมือนกับการขับรถแข่งในสนามแข่ง โดยระบบจะยอมให้เกิด Understeer หรือ Oversteer เพียงเล็กน้อย และระบบจะเข้ามาช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้ หรือก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รถหมุนเท่านั้น เพื่อช่วยควบคุมรถเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จึงสามารถมอบความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น และขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ตอกย้ำถึงแนวทางในการพัฒนารถยนต์ของมาสด้าได้เป็นอย่างดี ในด้านการยกระดับคุณค่าประสบการณ์ของลูกค้าให้ครบทุกมิติ วางราคาจำหน่าย 3,029,000 บาท ดอกเบี้ย 2.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 ฟรี โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)3 ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

ทั้งนี้ มาสด้าจะยังคงเดินหน้าในการส่งมอบ ความสุขในการขับขี่ Joy of Driving ต่อไป ภายใต้คุณค่าหลัก ที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้น 'มนุษย์เป็นศูนย์กลาง' และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ 'ความสุขในการดำเนินชีวิต' ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้กับชีวิตประจำวันของทุกคน

‘มาสด้า’ ประชุมใหญ่ ภายใต้ธีม ‘Mazda Mirai 2024’ ประกาศนโยบาย ‘เอาใจใส่ ดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด’

(26 พ.ค.67) การประชุมผู้จำหน่ายประจำปี หรือ Mazda Mirai 2024 มาสด้าได้นำเสนอนโยบายและแผนธุรกิจระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทำให้ผู้จำหน่ายเห็นทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สร้างความเชื่อมั่นและเกิดความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกัน ภายใต้แนวคิด Reinvent for a Sustainable Future ผ่าน 3 คีย์เวิร์ดสำคัญ คือ Reinvention หมายถึงการปรับและเปลี่ยนวิธีคิดการทำงานเพื่อให้ทันกับสถานการณ์โลกธุรกิจในปัจจุบันที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว Sustainability คือการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ไม่เพียงในแง่ของการดำเนินธุรกิจเท่านั้น แต่รวมถึงผู้คนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น และ Future คืออนาคตที่พวกเราจะก้าวเดินไปพร้อมกัน ระหว่าง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่าย ประสานมือสร้างพันธกิจร่วมกัน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการส่งมอบความสุขให้กับลูกค้ามาสด้าตลอดไป

มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567 มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งสำคัญที่จะทำให้มาสด้าเกิดความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่การขายรถใหม่เพียงอย่างเดียว ทุกภาคส่วนต้องสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี จนเกิดเป็นความประทับใจ กลับมาซื้อซ้ำ และเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ทุกรุ่น ทุกช่วงเวลาของชีวิต กลายมาเป็น “มาสด้า แฟมิลี่” นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ Retention Business คือการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าให้ดีที่สุด รวมถึงการแนะนำจุดเด่นของรถมาสด้าให้กับคนอื่นๆ ต่อไป มาสด้าเชื่อว่าแนวทางการทำธุรกิจด้วยวิถีนี้จะนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างเต็มกำลัง และให้ความสำคัญสูงสุดต่อการสร้างแบรนด์ Brand Value Management โดยเฉพาะการบริการหลังการขายให้ถือเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ตามกลยุทธ์ Retention Business Model ตั้งเป้าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ลูกค้าเลือก Top Customer Retention และเป็นอันดับหนึ่งด้านการบริการ Top Service Retention เพื่อส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้ลูกค้า Joy Drives Lives โดยเฉพาะผลประกอบการของผู้จำหน่ายต้องแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ก้าวต่อไปของมาสด้าคือการสร้างธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน โดยเฉพาะนโยบายด้านการขายและการบริการ รวมถึงการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับแฟนมาสด้า เนื่องจากเป็นกลยุทธ์สำคัญที่มาสด้าได้ดำเนินการมาตลอด 2-3 ปีนี้ และกำลังเห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อรักษาลูกค้าให้อยู่กับมาสด้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถมาสด้า ถึงแม้ว่าวันนี้ลูกค้าจะมีทางเลือกที่หลากหลาย แต่เราก็ยังยืนหยัดที่จะเน้นนโยบาย เพื่อรักษาและดูแลฐานลูกค้าเก่าเป็นอันดับแรก นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญต่อการดำรงอยู่อย่างมั่นคงของมาสด้าที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลกและกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยแผนการดำเนินธุรกิจ Retention Business Model ซึ่งเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น คือเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention เป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรก และให้บริการลูกค้าจนเกิดความพึงพอใจ นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และสร้างความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานระยะกลาง Mid-Term Plan หัวใจหลักสำคัญคือการสร้างมูลค่าแบรนด์สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป และมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการขายรถใหม่เพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจเกิดความแข็งแกร่งได้ แต่การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ครบทุกองค์ประกอบ คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของผู้จำหน่ายเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเคียงข้างลูกค้าตลอดไป สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปตามแนวทางการบริหารคุณค่าหลักของแบรนด์มาสด้า หรือ PPV ประกอบด้วย Purpose การสร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คนที่ได้สัมผัสกับแบรนด์มาสด้าในทุกประสบการณ์ และทุกช่วงเวลาของชีวิต ตามด้วย Promise คำมั่นสัญญาจากมาสด้า คือการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ครบทุกมิติได้อย่างสมดุล ทั้งทางด้านอารมณ์ความรู้สึกและกายภาพ รวมถึงชุมชนและสังคม และคุณค่าหลักที่สำคัญอย่างยิ่งที่บุคลากรมาสด้าทุกคนยึดมั่น คือ Values หรือ คุณค่า ทัศนคติ แนวคิด และพฤติกรรม ให้ความสำคัญกับมนุษย์อย่างแท้จริง มีจิตวิญญาณนักสู้ ส่งมอบประสบการณ์ความประทับใจด้วยความใส่ใจและเป็นมิตรโดยไม่คาดหวังรางวัลตอบแทน โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท

นี่คือแนวทางในการสร้างแบรนด์มาสด้าให้แข็งแกร่งและยั่งยืนตลอดไป เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้า Joy Drives Lives แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นรถคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

‘มาสด้า’ ยกทัพรถแต่ง บุกงาน ‘Auto Salon’ เปิดจองสีพิเศษ!! ในไทยมีแค่ 100 คัน เท่านั้น

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่บูธ ‘Mazda’ ภายในงาน แบงค็อก ออโต ซาลอน 2024 (Bangkok Auto Salon 2024) ในปีนี้ ได้มีการเปิดตัวชุดแต่งใหม่ ‘SCI-FI Hatchback’ สำหรับรถยนต์ มาสด้า 2 พร้อมการตกแต่งและนำมาจัดแสดงภายในงานดังกล่าวเป็นครั้งแรก รวมถึงการจัดแสดงรถยนต์ New Mazda MX-5 สีใหม่ ‘สีเทา แอโร เกรย์’ และได้เปิดจอง Mazda6 20th Anniversary Edition สีใหม่ ‘สีขาว โรเดียม ไวท์’ จำนวนจำกัด 100 คันในประเทศไทย

ชุดแต่ง SCI-FI Hatchback ของ มาสด้า 2 มีรายละเอียดดังนี้
• สติ๊กเกอร์หลังคา
• เสาอากาศวิทยุแบบครีบฉลาม สีดำ
• ชุดสติ๊กเกอร์ตกแต่งกระจังหน้า สีเขียว Lime Green
• คิ้วแต่งกระจังหน้า สีเขียว Lime Green
• ชุดฝาครอบล้อ สีดำ 4 ชิ้น
• ชุดสติ๊กเกอร์สำหรับชุดครอบล้อ สีเขียว Lime Green
• ชุดสติ๊กเกอร์สำหรับครอบกระจกข้าง สีเขียว Lime Green
• ชุดสปอยเลอร์หลังรุ่น 5 ประตู สีดำ / สีเขียว Lime Green
• คิ้วตกแต่งกันชนหลัง สีเขียว Lime Green

ราคาของชุดแต่งดังกล่าวมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 6.6 หมื่นบาท (ราคารวมค่าทำสี ค่าแรงติดตั้ง และ VAT 7%) โดยตกแต่งบนตัวรถพื้นฐาน มาสด้า 2 รุ่น 1.3 C / 1.3 C Sports ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 5.99 แสนบาท (ราคาไม่รวมชุดแต่ง)

สำหรับ New Mazda MX-5 รุ่นเกียร์ธรรมดา สีเทาแอโร เกรย์ ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3.02 ล้านบาท มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 2.49%, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service, ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี, ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

ส่วน Mazda6 20th Anniversary Edition เปิดให้ลูกค้าจำนวนจำกัด 100 คัน ในประเทศไทย ราคาจำหน่าย 2.49 ล้านบาท มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 1.99%, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 7 ปี Mazda Ultimate Service (MUS), ขยายการรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 7 ปี, ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 7 ปี, ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 7 ปี โดยเฉพาะครอบครัวมาสด้ารับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท

ผู้ที่สนใจสามารถมาสัมผัสรถยนต์ ‘มาสด้า’ ได้ที่ งาน Bangkok Auto Salon 2024 และที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ 

‘Mazda’ จัดหนัก แคมเปญ Mazda Joy of July เอาใจสาย ‘สกายแอคทีฟ’ ลดราคารถเอสยูวี ‘CX-5’ พร้อม ‘ดอกเบี้ยพิเศษ-ประกันภัย-โปรแกรมดูแลรถ’

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าเป็นวิสัยทัศน์ที่มาสด้ามุ่งมั่นมาตลอด รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่มีเอกลักษณ์และเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอันทรงพลัง และมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในทุก ๆ ด้าน เพื่อมอบความสนุกสนานเร้าใจให้กับการขับขี่ในทุกเส้นทาง จึงก่อกำเนิดเป็นเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ นำมาซึ่งเทคโนโลยีในอุดมคติที่ทุกคนใฝ่ฝัน

ทุกองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบนี้ถูกถ่ายทอดลงสู่รถยนต์มาสด้าทุกรุ่น รวมถึงมาสด้า CX-5 ที่ได้สร้างเกียรติประวัติไว้มากมายกว่า 90 รางวัลจากทั่วโลก รวมถึงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น จนได้รับความนิยมและถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน มาสด้า CX-5 รุ่น 2.0 SP เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลัง 165 แรงม้า ให้การประหยัดน้ำมันและมีความคุ้มค่ามากที่สุด

นอกจากคุณภาพที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟแล้ว มาสด้า CX-5 ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่เรียบง่ายแต่งดงาม ตามแนวคิด Kodo Design Soul of Motion หรือ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันสง่างาม เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก สมรรถนะการขับขี่ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายครบครัน เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ช่วยให้ไม่พลาดทุกการสื่อสาร

จึงทำให้มาสด้า CX-5 ครบครัน คุ้มค่า คุ้มราคา เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีในยุคปัจจุบัน

ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าที่กำลังมองหาครอสโอเวอร์เอสยูวีและเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นกับ มาสด้า CX-5 รุ่น 2.0 SP ราคาจำหน่าย 1,499,000 บาท โดยมาสด้าได้มอบข้อเสนอสุดร้อนแรงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเฉพาะเดือนกรกฎาคมกับแคมเปญ Mazda Joy of July รับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 60 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)

หรือ ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 72 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และยังมอบความพิเศษอีกหนึ่งต่อให้กับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

‘มาสด้า’ ใส่เกียร์เดินหน้า ลุยกีฬา สานฝันเด็กไทย ให้ตีไกลถึง ‘อเมริกา’ เปิดให้เยาวชน เข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟ เพื่อก้าวเป็น ‘นักกีฬามืออาชีพ’ 

(21 ก.ค.67) มาสด้าส่งเสริมเติมความฝันเยาวชนไทยสู่เส้นทางโปรกอล์ฟระดับโลก มอบโอกาสสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าและครอบครัวผู้ใช้รถยนต์มาสด้า เพื่อคว้าสิทธิ์ในการเดินทางไปแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศเชิญชวนเยาวชนไทยทั้งชายและหญิงอายุระหว่าง 12-19 ปี สมัครเข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟรอบคัดเลือก ที่จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาผู้ที่ทำผลงานดีที่สุดเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายร่วมกับนักกอล์ฟเยาวชนที่เดินทางมาจากทั่วโลก 128 คน ในโครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ ซึ่งเป็นโครงการชั้นแนวหน้าระดับสากลที่เฟ้นหาและผลักดันเยาวชนกอล์ฟดาวเด่นให้ไปโลดแล่นบนเวทีระดับโลก ผู้ชนะเลิศจากการแข่งขันรอบสุดท้ายจะได้เดินทางไปร่วมการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่หลายรายการในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นก็มีโอกาสที่จะได้รับการเสนอทุนการศึกษาเพื่อปูทางก้าวสู่เส้นทางนักกอล์ฟมืออาชีพอีกด้วย นับเป็นโครงการดีๆ ที่เยาวชนไทยผู้รักในกีฬากอล์ฟไม่ควรพลาด

อีกหนึ่งในกิจกรรมสุดพิเศษที่จัดขึ้นพร้อมกัน มาสด้ามอบเอกสิทธิ์สำหรับลูกค้ามาสด้าและครอบครัว เพื่อร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟเป็นก๊วน พร้อมด้วยกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟต่างๆ มากมายตลอดงาน กับโครงการ ‘MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024’ ณ สนาม Alpine Golf Club โดยเปิดรับสมัครนักกอล์ฟสมัครเล่นลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้า จำนวน 32 คัน จำนวนนักกอล์ฟ 64 คน เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟเพื่อสัมผัสประสบการณ์ความสนุกแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับความ สัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับมาสด้า เป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่มาสด้าต้องการส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางร่วมกัน เพื่อให้แบรนด์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์การใช้ชีวิตของลูกค้า และสมาชิกทุกคนในครอบครัว โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนามกอล์ฟ Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี 

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมเพื่อให้การสนับสนุนเยาวชนที่มีความสามารถในด้านกอล์ฟครั้งนี้ อยู่ภายใต้โครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ ซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจของมาสด้าที่ต้องการต่อเติมความฝันให้กับเยาวชนที่มีใจรักในกีฬากอล์ฟ ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่บนสนามแข่งขันชั้นนำระดับโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็น Challenger Spirit ที่มีอยู่ในสายเลือดของนักกีฬาทุกคน เฉกเช่นเดียวกับแนวคิดหลักของแบรนด์มาสด้าที่ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ พร้อมผลักดันขีดความสามารถตนเองให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มาสด้าเชื่อในศักยภาพของคนไทยที่มากฝีมือไม่แพ้ชาติใดในโลก และมาสด้าต้องการผลักดันเยาวชนไทยให้มีโอกาสได้เปล่งประกายประดับวงการกีฬา เพื่อก้าวสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพระดับโลก และนำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศไทยต่อไปในอนาคต

การสมัครเข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟสำหรับเยาวชนชายและหญิง
MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024

เอกสิทธิ์พิเศษนี้ มาสด้าจัดขึ้นสำหรับลูกค้าและครอบครัวมาสด้า โดยเปิดรับสมัครทั้งประเภทเยาวชนชายและหญิง ที่มีอายุระหว่าง 12 – 19 ปี จำนวน 64 คน แบ่งเป็นเยาวชนชาย 32 คน และเยาวชนหญิง 32 คน รวม 64 คน เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ‘รอบคัดเลือก’ ในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี ค่าสมัครเพียง 2,500 บาทต่อคน (รวมค่ากรีนฟรี รถกอล์ฟ และแคดดี้) ซึ่งผู้ชนะเลิศและทำผลงานดีที่สุด 16 อันดับแรกของแต่ละประเภท จะได้รับสิทธิ์เข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายในโครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ ที่จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 ณ สนามกอล์ฟ Lotus Valley Golf Resort จังหวัดฉะเชิงเทรา 

โดยมีโค้ชจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาเดินทางมาร่วมสังเกตุทักษะฝีมือการเล่นของแต่ละบุคคล ซึ่งเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นมีโอกาสได้รับการเสนอทุนการศึกษาเพื่อปูทางก้าวสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ และผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย จำนวน 32 คน ในครั้งนี้ จะได้รับสิทธิ์ในการเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 

ผู้ที่สนใจสามารถ สมัครเข้าร่วมการแข่งขันสำหรับกอล์ฟเยาวชนได้ที่นี่

https://m.mazda.co.th/PR-GPTP-0724
 

‘มาสด้า’ เดินหน้าสานฝันเยาวชนไทย ให้โดดเด่นด้านกีฬา จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการใหญ่ ปูทางสู่ความเป็น ‘มืออาชีพ’

(14 ก.ย.67) มาสด้าเปิดตัวโครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ ซึ่งเป็นโครงการชั้นแนวหน้าในระดับสากลที่จัดขึ้นแบบเอ็กซ์คลูซีพให้กับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าและครอบครัว เพื่อเฟ้นหาและผลักดันเยาวชนไทยที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ ให้มีโอกาสไปโลดแล่นบนเวทีการแข่งขันระดับโลก ลุ้นรับทุนการศึกษา เพื่อก้าวสู่เส้นทางโปรกอล์ฟมืออาชีพ พร้อมเปิดตัว ‘MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024’ อีกหนึ่งโครงการที่จัดขึ้นเพื่อมอบเอกสิทธิ์สำหรับมาสด้าแฟมิลี่ในการเข้าร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้กับลูกค้า โดยทั้งสองโครงการจะจัดการแข่งขันขึ้น ในวันที่ 4 ตุลาคม 2567 นี้ ณ สนาม Alpine Golf Club ซึ่งงานแถลงข่าวครั้งนี้ มีเยาวชนทั้งชายและหญิง พันธมิตรผู้สนับสนุนการแข่งขัน ตัวแทนสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย โปรกอล์ฟ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024 เป็นโครงการที่ถือกำเนิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของมาสด้า ที่ต้องการต่อเติมเสริมความฝันให้กับเยาวชนไทยทั้งชายและหญิงที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่บนสนามแข่งขันชั้นนำระดับโลก พร้อมผลักดันขีดความสามารถให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมทั้งริเริ่มโครงการ MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024 เพื่อมอบสิทธิประโยชน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าครอบครัวมาสด้าได้เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเม้นต์พิเศษ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มาสด้ามุ่งมั่นตั้งใจจัดขึ้นเพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้า ที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้าเป็นยานพาหนะคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

การส่งเสริมและยกระดับศักยภาพของผู้คน โดยเฉพาะเยาวชนให้มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก โดยเฉพาะด้านกีฬาคือสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญตลอดมา มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้เยาวชนที่ต้องการเดินตามความฝัน ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับโลก และนำเอาความรู้ทักษะที่ได้รับจากการแข่งขันไปฝึกฝนพัฒนาต่อยอดเป็นนักกีฬาอาชีพต่อไปในอนาคต เช่นเดียวกับการริเริ่มโครงการในครั้งนี้ เพื่อผลักดันเยาวชนคนไทยทั้งชายและหญิงที่มีความสามารถ ให้ก้าวไปสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟอาชีพที่ทัดเทียมกับนานาชาติ มาสด้าเล็งเห็นว่าเยาวชนไทยก็มีความสามารถไม่แพ้นักกีฬาจากประเทศอื่น ๆ ดังนั้น ถ้าหากเรามอบโอกาสและพื้นที่ในการแสดงศักยภาพให้กับเยาวชนกลุ่มนี้ ก็จะมีส่วนช่วยผลักดันให้พวกเขาประสบความสำเร็จบนเส้นทางที่เขาเลือกได้ในอนาคต

โครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ เป็นโครงการที่มาสด้าจัดขึ้นร่วมกับพันธมิตร เพื่อมอบสิทธิประโยชน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับมาสด้าแฟมิลี่ที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ ได้มีโอกาสเดินตามความฝันและมุ่งสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ โดย เปิดรับสมัครเยาวชนจำนวน 39 คน เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา (แบ่งเป็นชาย 25 คน และหญิง 14 คน) เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ‘รอบคัดเลือก’ เตรียมจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี โดยผู้ชนะเลิศและทำผลงานดีที่สุด 16 อันดับแรกของแต่ละประเภท จะได้รับสิทธิ์เข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายในโครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่สำคัญ ในวันแข่งขันจะมีโค้ชจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาเดินทางมาร่วมสังเกตทักษะฝีมือการเล่นของแต่ละบุคคล ซึ่งเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นจะมีโอกาสได้รับการเสนอทุนการศึกษา เพื่อปูทางสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ นอกจากนั้น นักกอล์ฟจำนวนครึ่งหนึ่งที่เข้าแข่งขันในรอบ CHAMPIONSHIP ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดจะได้รับคัดเลือกเพื่อเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศสหรัฐอเมริกาต่อไป

นอกจากจะมอบโอกาสให้เยาวชน ได้มีโอกาสก้าวสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพในระดับโลกแล้ว มาสด้ายังได้เปิดตัวอีกหนึ่งโครงการพิเศษ เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับมาสด้าแฟมิลี่โดยเฉพาะ ด้วยการเชิญชวนลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าและครอบครัว เข้าร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟเป็น ก๊วน พร้อมร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ภายใต้โครงการ ‘MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024’ ซึ่งมาสด้าได้เปิดรับสมัครนักกอล์ฟลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้าจำนวน 46 คัน จำนวนนักกอล์ฟ 89 คน เข้าร่วมการแข่งขันในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนามกอล์ฟ Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี โดยตั้งแต่เปิดรับสมัครไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้มากกว่า 100 คัน และได้มีการประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ทั้งสองโครงการนี้ เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของมาสด้าที่ต้องการยกระดับประสบการณ์และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เพื่อขอบคุณที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้าเป็นพาหนะคู่ใจของทุกคนในครอบครัวไปตลอดการเดินทาง ซึ่งนอกจากลูกค้าจะได้รับโอกาสเพื่อออกเดินทางตามความฝันในการเป็นนักกอล์ฟอาชีพในระดับสากลแล้ว ยังได้รับความรู้และสัมผัสประสบการณ์ความสนุกจากการเล่นกอล์ฟออกรอบเป็นก๊วนอีกด้วย ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อดูแลลูกค้าและส่งเสริมให้ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก โดยมาสด้าให้ความสำคัญกับการเอาใจใส่ดูแลลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ภายใต้ Customer Experience Management (CXM) หรือการจัดการประสบการณ์ลูกค้า เน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดเพื่อสร้างรากฐานให้มั่นคง รวมถึงมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Brand Value Management (BVM) หรือ การสร้างมูลค่าของแบรนด์ เพื่อสร้างการเติบโตให้มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่มาสด้าตั้งใจมอบให้กับลูกค้าทุกคน” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม

ภายในงานฯ มาสด้ายังได้ร่วมมือกับพันธมิตร ประกอบด้วย Adidas, Taylormade, สิงห์ คอร์ปอเรชั่น และ บริษัท AR รวมทั้ง โปรแพรว ภัทราพร ศรีภัทรประสิทธิ์ นักกอล์ฟสาวไทยดีกรีไม่ธรรมดา เพราะเป็นถึงเจ้าของตำแหน่ง มิสทัวริซึ่ม ไทยแลนด์ 2020 ร่วมกันจัดกิจกรรม Mazda Golf Clinic ให้กับเยาวชนที่มาร่วมงานแถลงข่าวโดยมีโปรกอล์ฟอาชีพเป็นผู้มอบความรู้และสอนทักษะทั้งการไดร์ฟกอล์ฟ และการพัตต์กอล์ฟ พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมให้คำแนะนำโดย US College ให้กับนักกีฬา เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ สิทธิประโยชน์สำหรับผู้เข้าแข่งขันและผู้ชนะเลิศในการเข้าสู่การแข่งขัน JWCI (Junior World Cup Invitational 2025) พร้อมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขัน MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบคัดเลือกที่จะถึงในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 นี้

มาสด้าเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทยที่มี Challenger Spirit เฉกเช่นเดียวกับแบรนด์มาสด้า ที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งมาสด้าจะยังคงเดินหน้าส่งมอบคุณค่าที่มากกว่าคุณค่าที่ได้จากรถยนต์ให้กับลูกค้าทุกคน ด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกช่วงเวลา เพื่อให้มาสด้ากลายเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์ความสุข และเพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่า มาสด้าจะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้ากับ Joy Drives Lives แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นรถคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

ทั้งนี้ มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืน Retention Business Model ซึ่งเป็นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention และเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือก คือ Top Retention Brand ให้บริการที่ลูกค้าพึงพอใจ Top Service Retention นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่มาสด้ามุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าแบรนด์ (Brand Value Management) ก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

มาสด้ายังคงยึดมั่นแนวทางในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและยั่งยืนในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียว ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าทุกคน แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นพาหนะคู่ใจไปตลอดการเดินทาง นับจากวันนี้และตลอดไป

ย้อนตำนาน ต้นกำเนิด!! ‘ปิกอัพมาสด้า’ ในประเทศไทยกว่า 74 ปี ยังคงสร้างสรรค์!! ยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างภาคภูมิใจ

(23 พ.ย. 67) การไหลผ่านของเวลาที่ล่วงเลยมาอย่างยาวนานของมาสด้า คือบทพิสูจน์บนเส้นทางแห่งความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ไปพร้อมกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และความภาคภูมิใจแห่งยนตรกรรม ตลอดระยะเวลาอันยาวนานยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ด้วยก้าวย่างที่มั่นคง แข็งแรง สร้างพื้นฐานไว้อย่างแน่นหนา จวบจนปัจจุบัน เป็นบทสรุปแห่งความสำเร็จกว่า 74 ปี ในประเทศไทย ‘มาสด้า’ ก่อตั้งโดย คุณจูจิโร่ มัทซึดะ เริ่มต้นจากอุตสาหกรรมจุกไม้คอร์กในปี พ.ศ. 2463 ต่อมาเริ่มผลิตเครื่องมือกลไกในปี พ.ศ. 2472 เนื่องจากเป็นผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยีของรถมอเตอร์ไซค์ ทำให้ มร. มัทสึดะ ก้าวเข้าสู่โลกของการผลิตมอเตอร์ไซค์ กระทั่งในปี พ.ศ. 2474 จึงได้เริ่มผลิตรถบรรทุกสามล้อ เรียกว่า ‘มาสด้า โก’ เป็นรถคันแรกที่ผลิตออกสู่ตลาดในนาม ‘มาสด้า’ ก่อนที่จะได้เริ่มผลิตเครื่องยนต์ 2 จังหวะ เป็นรายแรกของโลก ปัจจุบัน ‘มาสด้าเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่ผลิตเครื่องยนต์โรตารี่’

ตำนานที่คงอยู่ตลอดกาล หลังจากเริ่มนำรถมาสด้าเข้ามาให้คนได้รู้จัก ในปี พ.ศ. 2507 โดย บริษัท กมลสุโกศล ได้นำเข้าปักอัพมาสด้าตัวแรก รุ่น 800 ซีซี 4 สูบ เข้ามาจำหน่ายในชื่อรุ่น ‘Familia 800’ ความจุ 782 ซีซี 48 แรงม้า แบบ 4 ประตู ซึ่งได้รับความนิยมและถูกกล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2538 มาสด้าได้ตกลงร่วมทุนกับพันธมิตรก่อตั้ง บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์แห่งใหม่ที่จังหวัดระยอง และเริ่มทำการผลิตเต็มอัตราในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2540 บนเนื้อที่ 529 ไร่ ด้วยเงินลงทุนถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำลังการผลิต 135,000 คันต่อปี และผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน รุ่น B2500 สำหรับส่งออก และจำหน่ายภายในประเทศ รวมถึงรถยนต์นั่งรุ่น 323 โปรทีเจ

มาถึงปี พ.ศ. 2542 ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จึงได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น จัดตั้งคณะผู้บริหารใหม่ เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น ‘บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด’ มุ่งเน้นแนวทางการบริหารไปที่ด้านการตลาด การขาย การบริการลูกค้า และการสนับสนุนผู้จำหน่าย เพื่อนำเสนอรถยนต์มาสด้ารุ่นต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ทำให้มาสด้าเริ่มต้นการผลิตรถปิกอัพที่ ชื่อว่า มาสด้า ไฟเตอร์ โฉมใหม่ ถือเป็นผู้บุกเบิกรถปิกอัพที่มีประตูแค็บเปิดได้เป็นครั้งแรกของโลก และทำให้มาสด้าประสบความความสำเร็จอย่างสูง โดยมียอดขายสะสมสูงกว่า 55,000 คัน

เดือนมีนาคม 2549 มาสด้าเปิดตัวแนะนำรถสปอร์ตปิกอัพ MAZDA BT-50 เครื่องยนต์คอมมอลเรล ให้พลังแรงเต็มพิกัด ด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน พิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียด ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ซูม-ซูม’ โชว์เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมยานยนต์สุดล้ำแห่งอนาคต พร้อมระบบความปลอดภัยเต็มคัน สร้างชื่อเสียงของแบรนด์มาสด้าให้กระหึ่มทั่วโลกอีกครั้ง

รถปิกอัพมาสด้า BT-50 ได้รับการออกแบบภายใต้ DNA ของมาสด้า ประกอบด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว พิถีพิถันทุกรายละเอียด และขีดสุดแห่งพลังที่สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว เป็นรถปิกอัพโฉมเฉี่ยวสไตล์ ซูม-ซูม รวมถึงเครื่องยนต์อันทรงพลัง คอมมอนเรล ชื่อ มาสด้า BT-50 เป็นชื่อที่ใช้สำหรับตลาดทั่วโลก คำว่า มาสด้า BT-50 มาจาก B-Series Truck ซึ่งเป็นรหัสที่ใช้เรียกรถปิกอัพมาสด้ามาอย่างยาวนานและถือเป็นตำนานรถปิกอัพมาสด้า ส่วนตัวเลข 50 หมายถึงความสมดุลที่อยู่กึ่งกลางของน้ำหนักการบรรทุกของปิกอัพครึ่งตัน และมีน้ำหนักบรรทุกมากกว่า 1 ตัน ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อรถรุ่นนี้ได้เปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลก โดยผลิตจากโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ มีมาตรฐานเดียวกับโรงงานมาสด้า ประเทศญี่ปุ่น ควบคุมดูแลโดยทีมวิศวกรมาสด้า ผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกไปกว่า 130 ประเทศ ทั่วโลก

ต่อมาเดือนมกราคม 2564 ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับวิกฤตโคโรน่าไวรัส แต่มาสด้าไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ มาสด้าเปิดตัวปิกอัพที่ลูกค้าทั่วโลกใฝ่ฝันและเฝ้ารอมานาน กับ All-New Mazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่ ด้วยการผนวกคุณสมบัติของรถปิกอัพที่ดีที่สุดในโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว คือ รถปิกอัพที่ถูกออกแบบอย่างสง่างามที่สุดโลก คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ประหยัดน้ำมันมากที่สุด มีความทนทานสูงสุด รวมทั้งค่าดูแลรักษาต่ำสุด  กลับมายึดฐานลูกค้าเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถปิกอัพอีกครั้ง

นี่คือเรื่องราวความเป็นมาของรถปิกอัพมาสด้า นับจากอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ก้าวผ่านเรื่องราว ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาแล้วมากมาย แต่ด้วยสปิริต ความเป็นมาสด้า กล้าที่จะแตกต่าง ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคเฉกเช่นเดียวกับชาวฮิโรชิมา 

กว่า 104 ปี ของมาสด้าญี่ปุ่น กว่า 74 ปี ในประเทศไทย มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ผู้ขับมาสด้าได้มีประสบการณ์ที่ดี ในทุกช่วงเวลาของชีวิต และกลายเป็น ‘มาสด้า แฟมิลี่’  นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจของมาสด้าในประเทศไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top