Tuesday, 22 April 2025
JFK

22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี ถูกลอบสังหาร ระหว่างการเยือนเมืองดัลลัสในรัฐเท็กซัสด้วยรถเปิดประทุน

“จงอย่าถามว่าประเทศชาติให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามตัวท่านเองว่าท่านจะทำอะไรให้ประเทศชาติ” (Ask not what your country can do for you – Ask what you can do for your country) จอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ เคนเนดี (John Fitzgerald Kennedy) หรือ JFK ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกา ถูกลอบสังหารในวันที่  22 พฤศจิกายน 2506

ในขณะที่ขบวนรถของเขาชะลอความเร็วและเลี้ยวขวาจากถนนเมนเข้าถนนฮิวสตัน ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายไปยังถนนเอล์ม ซึ่งตั้งอยู่ใกล้อาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัส และมุ่งหน้าเข้าสู่ Dealey Plaza เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่คาดคิดขึ้น

เคนเนดีมีอาการผิดปกติและใช้มือทั้งสองข้างกุมที่ลำคอ ก่อนที่กระสุนจะพุ่งเข้าสู่ศีรษะของเขาอย่างรุนแรง ตรงหน้าสตรีหมายเลขหนึ่ง

เคนเนดีเสียชีวิตที่โรงพยาบาลปาร์คแลนด์ โดยบันทึกทางการแพทย์ระบุว่าเขาเสียชีวิตอย่างเป็นทางการเวลา 13.00 น.

หลังการลอบสังหารไม่นาน ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ ถูกจับกุมในข้อหาสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจ และในอีก 45 นาทีหลังจากการลอบสังหารเคนเนดี

ออสวอลด์ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และสองวันต่อมา เมื่อเขาถูกย้ายจากสถานีตำรวจไปยังเรือนจำท้องถิ่น เขาถูกยิงโดยแจ็ค รูบี้ เจ้าของไนต์คลับในดัลลัส ต่อหน้าประชาชนหลายล้านคนที่รับชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์

คณะกรรมการวอร์เรน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์นี้โดยเฉพาะ ได้ยืนยันว่าออสวอลด์เป็นผู้ลงมือเพียงลำพัง โดยไม่มีเบื้องหลังใดๆ ขณะที่แจ็ค รูบี้ที่สังหารออสวอลด์ก็ทำเพียงลำพัง แม้จะมีข้อสงสัยและทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับการลอบสังหารประธานาธิบดีที่ทรงเสน่ห์ที่สุดของสหรัฐอเมริกาคนหนึ่ง

เคนเนดีดำรงตำแหน่งในช่วงที่โลกเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความวุ่นวาย โดยเป็นช่วงสงครามเย็นและการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ ขณะเดียวกัน สหภาพโซเวียตก็กำลังทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ในชั้นบรรยากาศ และสหรัฐฯ เองก็เริ่มทดลองตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน

'ทรัมป์' สั่งเปิดแฟ้มลับคดีลอบสังหาร 'เจเอฟเค' และ 'มาร์ติน ลูเธอร์ คิง'

(24 ม.ค.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจัดทำแผนการเปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารที่สำคัญ 3 เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ได้แก่ การสังหาร จอห์น เอฟ. เคนเนดี, โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี และมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

ทรัมป์กล่าวเมื่อวันที่ 23 มกราคมว่า "หลายคนรอคอยการเปิดเผยนี้มานาน และเราจะเปิดเผยทุกอย่าง" พร้อมกำหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องส่งแผนการเปิดเผยเอกสารภายใน 15 วัน

การลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดีเกิดขึ้นที่ดัลลาสในปี 1963 ขณะที่โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดีถูกยิงเสียชีวิตในปี 1968 ขณะลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีในแคลิฟอร์เนีย และมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำด้านสิทธิมนุษยชนก็ถูกสังหารในเมมฟิส รัฐเทนเนสซี

เอกสารเกี่ยวกับการสืบสวนเหล่านี้ได้ถูกเปิดเผยบางส่วนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ยังมีเอกสารอีกจำนวนมากที่ถูกเก็บเป็นความลับ โดยเฉพาะเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีของเคนเนดีที่มีรายละเอียดซับซ้อน

การสืบสวนเกี่ยวกับการสังหารของเคนเนดีระบุว่า ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ เป็นผู้ลงมือเพียงคนเดียว แต่ยังมีข้อสงสัยและทฤษฎีเกี่ยวกับการมีส่วนเกี่ยวข้องของกลุ่มต่าง ๆ เช่น เจ้าหน้าที่รัฐบาล มาเฟีย หรือบุคคลอื่น ๆ ซึ่งได้สร้างข้อสงสัยในหมู่ประชาชน

ในปี 1992 สหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมายให้เปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนภายใน 25 ปี ซึ่งมีการเปิดเผยเอกสารจำนวนมากในยุคของทรัมป์และโจ ไบเดน แม้ว่าเอกสารบางส่วนยังคงเป็นความลับ

ทรัมป์เคยสัญญาว่าจะเปิดเผยเอกสารทั้งหมดในระหว่างการดำรงตำแหน่งครั้งแรก แต่ไม่ได้ทำตามสัญญา หลังจากที่หน่วยงานอย่างซีไอเอและเอฟบีไอขอให้เก็บเอกสารบางส่วนเป็นความลับ

การลงนามในคำสั่งล่าสุดของทรัมป์ระบุว่า การรักษาความลับไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของสาธารณชน ซึ่งอาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการลอบสังหารและความเชื่อมโยงของออสวอลด์กับหน่วยงานต่าง ๆ

นอกจากนี้ เอกสารที่เปิดเผยเมื่อไม่นานนี้ยังมีการเพิ่มข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการติดตามออสวอลด์โดยซีไอเอ รวมถึงการให้ข้อมูลจากพยานเห็นเหตุการณ์ ซึ่งทำให้ทฤษฎีที่ว่าออสวอลด์เป็นผู้ลงมือเพียงคนเดียวต้องได้รับการพิจารณาใหม่

ในคดีของโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดีและมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ก็ยังมีความสงสัยในคำกล่าวอ้างว่า เซอร์ฮานและเจมส์ เอิร์ล เรย์ เป็นผู้ลงมือเพียงคนเดียว เนื่องจากครอบครัวของทั้งสองได้ตั้งคำถามว่า การลอบสังหารเป็นผลจากแผนการสมคบคิดที่กว้างขวางกว่าที่เคยเชื่อกัน

ทรัมป์สั่งปล่อยแฟ้มลับคดี JFK 80,000 หน้า เริ่มต้นยุคใหม่แห่งความโปร่งใส เผยทุกข้อมูลไม่มีเซ็นเซอร์

(20 มี.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้เปิดเผยเอกสารลับจำนวน 80,000 หน้า ที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK) ในปี 1963 โดยไม่มีการแก้ไขหรือเซ็นเซอร์ข้อมูลใดๆ

การเปิดเผยครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างความโปร่งใสของรัฐบาล โดยทัลซี แก็บบาร์ด ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ ระบุว่า นี่เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของความโปร่งใสสูงสุด

เอกสารที่เปิดเผยประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวนของคณะกรรมาธิการวอร์เรนในปี 1964 ซึ่งสรุปว่า ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ เป็นผู้ลงมือสังหารเคนเนดีเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่าเอกสารบางส่วนอาจชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการมีส่วนร่วมของกลุ่มอื่น ๆ เช่น ซีไอเอ หรือกลุ่มผู้ลี้ภัยคิวบา

นอกจากนี้ เอกสารยังเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับปฏิบัติการลับของซีไอเอในช่วงทศวรรษที่ 1960 รวมถึงการพยายามโค่นล้มฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบา

แม้ว่าการเปิดเผยเอกสารครั้งนี้จะได้รับการยกย่องว่าเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความโปร่งใส แต่ผู้เชี่ยวชาญและนักประวัติศาสตร์บางคนยังคงสงสัยว่าเอกสารเหล่านี้จะเปิดเผยข้อมูลใหม่ที่สำคัญหรือไม่ โดยระบุว่าเอกสารส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่เคยถูกเปิดเผยมาก่อนหน้านี้แล้ว

การเปิดเผยเอกสารครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางข้อกล่าวหาว่า “รัฐเร้นลึก” (Deep State) คือการปกครองลับรูปแบบหนึ่งประกอบด้วยเครือข่ายอำนาจที่ดำเนินการอย่างเป็นอิสระจากคณะผู้นำทางการเมืองของประเทศ เพื่อผลักดันระเบียบวาระหรือเป้าหมายของตนเอง ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารเคนเนดี อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนยืนยันข้อกล่าวหาดังกล่าว

ทั้งนี้ เอกสารทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติในรัฐแมริแลนด์ และจะถูกเผยแพร่ออนไลน์เมื่อมีการแปลงเป็นดิจิทัลแบบเสร็จสมบูรณ์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top