Wednesday, 23 April 2025
Info

หยุดเข้าใจผิด เรื่องลุงตู่ไม่ยอมเปิดเผยทรัพย์สิน

📌หยุดเข้าใจผิด เรื่องลุงตู่ไม่ยอมเปิดเผยทรัพย์สิน 

#ลุงตู่ยื่นบัญชีทรัพย์สินมาแล้ว 2 ครั้ง และจะยื่นอีกหลังพ้นตำแหน่ง รวม 3 ครั้ง ยื่นเยอะกว่ากฎหมายกำหนด

#แล้วจะเห็นบัญชีทรัพย์สินเมื่อไร? มีคำตอบ

✅มาตรฐานทั่วไปในการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายกฯ กฎหมายกำหนดให้ยื่น 2 ครั้ง คือ
1️⃣เข้าดำรงตำแหน่ง
2️⃣พ้นจากตำแหน่ง 

แต่ ลุงตู่ #ยื่นมาแล้ว 2 ครั้ง และ #จะยื่นอีก 1 ครั้ง = ยื่น 3 ครั้ง (มาตรฐานสูงกว่า กม.กำหนด) 
1️⃣เข้าดำรงตำแหน่ง ปี 57 (ปปช. เผยแพร่แล้ว)
2️⃣ดำรงตำแหน่งเดิมต่อเนื่อง (ยื่นไว้เมื่อปี 62) ทั้งที่ กม.บอกไม่ต้องยื่น ซึ่ง
>>เลขา ปปช. ชี้แจงเมื่อ 14 พ.ย. 65 ว่า “นายกฯ ก็ยื่นมาทุกบัญชีอยู่แล้ว ซึ่งยื่นเกินมาด้วยซ้ำไป”
>>ปปช. จึงไม่เปิดเผย เพราะกฎหมายบอกไม่ต้องยื่น จึงไม่มีอำนาจให้เปิดเผย <<ลุงตู่ไม่ได้เป็นคนบอกห้ามเปิด
3️⃣ครั้งที่ 3 เมื่อพ้นจากตำแหน่งปี 66 นี้ อดใจรอนิด

ดังนั้นจึงเห็นว่า #โปร่งใสกว่ามาตรฐาน เพราะตัวกฎหมาย พรป.ปปช. 2561 มาตรา 105 วรรค 4 “ในกรณีตาม (1) ถ้าพ้นจากตําแหน่งและได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งเดิมหรือตําแหน่งใหม่ ‘ภายในหนึ่งเดือน’ ผู้นั้นไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตําแหน่งและกรณีเข้าดํารงตําแหน่งใหม่ แต่ต้องไม่ห้ามที่ผู้นั้นจะยื่นเพื่อเป็นหลักฐาน” ระบุชัด

#แล้วใคร จะตรวจสอบทรัพย์สินของนายกลุงตู่ได้บ้าง??
✅เมื่อพ้นตำแหน่งฯ ปปช. จะเปิดเผย ซึ่ง #ทุกคน…ดูได้ ตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นกติกาเดียวกับ ส.ส. และนักการเมืองทุกคน
✅ไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือนักการเมืองอื่น มีการชี้แจงข้อเท็จจริงไปหลายครั้งแล้ว สามารถค้นหาได้
✅ไม่ได้ร่างกม.พิเศษขึ้นมาใหม่ เพื่อปกปิดบัญชีทรัพย์สินเพื่อไม่ให้ตรวจสอบได้ เพราะกฎมายที่เกี่ยวข้องร่างโดย ปปช. #ไม่ใช่คสช #ไม่ใช่นายกลุงตู่
✅เพราะ ปปช. ออก กม. เมื่อ ปี 2561 ยังไม่มีการเลือกตั้งปี 2562 เลย ซึ่ง ปปช. ไม่มีทางทราบได้ว่าใครจะเป็นนักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อ ปปช. จึงไม่ได้ออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้ใครเป็นพิเศษ
✅และการตรวจสอบทุจริตของ #นายกลุงตู่ ที่ผ่านมา #ไม่พบการทุจริตใด ๆ ทั้งสิ้น

❌การบิดเบือนข้อมูลให้ผู้อื่นหลงเชื่อ เป็นการกระทำที่ไม่เคารพผู้อื่น ผิดกฎหมาย อีกทั้งเป็นการเอาเปรียบจากความรู้ที่ไม่ทั่วถึงของผู้อื่น ซึ่งอาจจะมาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น พร้อมเชื่อข้อมูลผิด ๆ หรือ ไม่รู้วิธีการค้นหาความจริง หรือ ไม่มีเวลาตรวจสอบความจริง 

#แล้วเมื่อไหร่ จะดู/เปิดเผย บัญชีทรัพย์สินนายกลุงตู่ได้??
✅ซึ่งขณะนี้ #นายกลุงตู่ และครม. รักษาการจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่และได้ถวายสัตย์ (ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ) 
✅เมื่อหลังจากพ้นตำแหน่งนายก หลังมีนายกฯ คนใหม่ ปปช. จะดำเนินการภายในแล้ว 90 วัน (ทำไม 90 วัน ให้อ่านข้อ กม. ด้านล่าง)
✅ซึ่ง ปปช. กระทำไม่ต่างจาก ส.ส. หรือ ตำแหน่งอื่น ๆ ที่ต้องเปิดเผยทรัพย์สิน #ลุงตู่ไม่มีอภิสิทธิ์เกินกฎหมาย

#ความรู้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
1️⃣หลังพ้นตำแหน่ง 90 วันจะได้เห็นทรัพย์สิน เพราะ >>> พรป.ปปช. 2561 มาตรา 105 วรรค 3 (1) กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ยื่นเมื่อเข้ารับตําแหน่ง และ พ้นจากตําแหน่ง และให้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายใน 60 วัน นับแต่วันถัดจากวันพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน มาตรา 106 กำหนดให้เปิดเผยให้ประชาชนทราบ เป็นการทั่วไปโดยเร็ว แต่ต้องไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่ครบกําหนดต้องยื่นบัญชีดังกล่าว

2️⃣ หากใครสงสัยเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ขอให้อ่านเพิ่มเติมที่
https://www.nacc.go.th/files/article/attachments/272064381bb8738ec9f96a7df8b40acc615b16d.pdf

เปิดหน้า 13 ส.ว. โหวตให้ 'พิธา'

เมื่อวานนี้ (13 ก.ค.66) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังผลการลงคะแนนไม่เห็นชอบ ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ด้วยคะแนนเห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียง 199 เสียง ซึ่งถือว่าไม่ถึงกึ่งหนึ่งนั้น ปรากฏว่า ส.ว.ที่เห็นชอบจำนวน 13 คน ได้แก่ 

1. นายไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ 
2. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา 
3. นายเฉลา คงมาลัย 
4. นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล 
5. พล.ต.ท.ณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง 
6. นายพิศาล มาณวพัฒน์ 
7. นายพีระศักดิ์ พอจิต 
8. นายมณเทียร บุญตัน 
9. นายวันชัย สอนศิริ 
10. นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ 
11. นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ 
12. นพ.อำพล จินดาวัฒนะ 
13. นางประภาศรี สุฉันทบุตร          

ขณะที่ นายนพดล มาตรศรี ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ลงมติเห็นชอบ ตอนหลังเมื่อการลงมติเสร็จสิ้น ประธานรัฐสภา ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกที่ยังไม่ได้ลงมติ ได้ลงมติ โดยนายพดล ได้ขอเปลี่ยนมติจากเห็นชอบ เป็นงดออกเสียง 

ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ทักท้วงว่า เรื่องการเปลี่ยนมติ ตนเข้าใจว่าประธานฯ อาจจะใช้เหตุผลว่ายังไม่ได้ปิดการลงคะแนนซึ่งถูกต้อง แต่ด้วยกระบวนการสิ่งที่เราทำกันคือการลงมติ ได้ลงมติไปแล้ว และขานผลของตัวเองไปแล้วเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง แต่มากลับมติ น่าจะทำให้ประเพณีปฏิบัติที่เราทำมาให้เกิดปัญหาได้ ซึ่งไม่เคยทำ และเราก็รู้กันอยู่ว่าการลงมติสำคัญเช่นนี้ มีกลไก วิธีการ การกดดัน อะไรอีกมากมายแล้วมาเปลี่ยนในตอนท้าย ทำให้เราเกิดความสงสัยว่า เหตุใดจึงเปลี่ยนการลงมติ อยากถามประธานฯ ว่าจะเดินเส้นทางนี้ตลอดไปหรือเป็นประเพณีที่เราจะต้องดำเนินต่อไปใน 4 ปีข้างหน้าหรือไม่ และไม่มีข้อบังคับไหนบอกให้เปลี่ยนมติของตนได้ ซึ่งในข้อบังคับข้อที่ 59 ระบุว่าสมาชิกรัฐสภาซึ่งเข้ามาในที่ประชุม ระหว่างการออกเสียงลงคะแนน ออกเสียงลงคะแนนได้ หมายความถึงคนที่ยังไม่ใช้สิทธิ์ ไม่ได้หมายความว่าคนใช้สิทธิ์ไปแล้วอยากจะเปลี่ยนการลงมติของตน อย่างนี้ถ้าคะแนนปริ่มกัน 1-2 คะแนน แล้วมาเปลี่ยนอย่างนี้ ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ เราเดินต่อไม่ได้

5 เมืองแห่งอาเซียนที่ค่าครองชีพ 'ถูก' นักลงทุน-ชาวต่างชาติ 'อยากมาอยู่-ทำธุรกิจ' ไปยาวๆ

ค่าครองชีพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ปัจจุบัน กำลังเป็นแรงดึงดูดต่อนักลงทุนและชาวต่างชาติที่วาดอนาคตในการอยู่อาศัยระยะยาวและมองหาการลงทุนทางธุรกิจมากขึ้น

โดย 5 เมืองใหญ่ในอาเซียนเหล่านี้ มีค่าครองชีพ อาหารการกินไม่แพง แหล่งเที่ยวหลากหลาย สาธารณูปโภคพื้นฐานพร้อมสรรพ และวัฒนธรรมอันดีงาม ที่ดึงดูดต่างชาติได้มากจริง ๆ โดยเฉพาะกับประเทศไทย ที่หลากเสียงจากนักลงทุนและชาวต่างชาติ หวังที่จใช้ประเทศนี้เป็นบ้านหลังที่ 2 กันเลยทีเดียว

5 ประเทศที่ใช้เวลาจัดตั้งรัฐบาล ‘นานที่สุดในโลก’

ช่วงนี้การเมืองไทยร้อนระอุ และถูกพูดถึงอย่างหนักหน่วงทั้งในโลกออนไลน์ ออฟไลน์ และสื่อต่างชาติก็ให้ความสนใจอย่างยิ่ง หลายคนเกิดความกังวลว่าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้จะใช้เวลานานและส่งผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน 

วันนี้ THE STATES TIME ได้รวบรวม 5 ประเทศที่ใช้เวลาจัดตั้งรัฐบาล ‘นานที่สุดในโลก’ มาให้ดูกัน จะมีประเทศอะไรบ้างมาดูกัน

1. เบลเยียม ใช้เวลา 541 วัน การเลือกตั้งในปี 2010 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะความแตกต่างทางนโยบาย จากฝ่ายการเมืองอย่าง ‘พรรคการเมืองฝ่ายเฟลมมิช’ และ ‘ฝ่ายฟรองโคโฟน’ โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปประเทศ ไม่มีรัฐบาลกลางเกือบ 2 ปี จนถูกบันทึกลงสถิติโลก

2. สเปน ใช้เวลา 315 วัน ในปี 2015 การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่อาจทำให้สเปนพ้นจากทางตันได้ เพราะถึงแม้พรรคสายอนุรักษ์นิยมจะชนะ แต่ไม่สามารถคุมเสียงข้างมากในสภาที่จำนวน 176 ที่นั่งเอาไว้ได้ จากทั้งหมด 350 ที่นั่ง อีกทั้งพรรคการเมืองอื่น ๆ ก็มีท่าทีต่อต้านการเมืองรูปแบบเดิม ๆ โดยพรรคประชาชนสเปนพยายามเจรจากับกลุ่มพรรคการเมืองอื่นหลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลว กว่าจะตั้งรัฐบาลได้สำเร็จก็กินเวลาเกือบ 1 ปี

3. เนเธอร์แลนด์ ใช้เวลา 225 วัน หลังการเลือกตั้งในปี 2017 รัฐบาล 4 พรรคผสมของเนเธอร์แลนด์ ที่มีทั้งสายเสรีนิยมและอนุรักษ์นิยม โดยมีนโยบายสนับสนุนความหลากหลายทางเพศที่ต่างกัน จนต้องใช้เวลาเจรจากัน 225 วัน แถมยังมีเสียงข้างมากเกินรัฐสภาแค่ 1 เสียงเท่านั้น ขณะที่มีพรรคการเมืองอยู่ในสภาถึง 13 พรรค 

4. เยอรมนี ใช้เวลา 136 วัน เกือบจะต้องเลือกตั้งใหม่ เพราะจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เมื่อนางแองเกลา เมเคิล ผู้นำพรรค CDU ชนะการเลือกตั้งในปี 2017 ด้วยคะแนน 33% ซึ่งถือว่าต่ำมาก จึงต้องจัดตั้งรัฐบาล รวมกับพรรค SDP ซึ่งได้ที่นั่งอันดับ 2 แต่การเจรจาล้มเหลวหลายครั้ง เพราะมีนโยบายไม่ตรงกันหลายเรื่อง จนต้องใช้เวลาเจรจานาน 136 วัน ท้ายสุดต้องยอมยก ก.คลัง ก.ต่างประเทศ ก.แรงงาน ให้พรรค SDP ถือเป็นการเจรจาที่นานที่สุดในประวัติศาสตร์เยอรมนี

5. สวีเดน ใช้เวลา 134 วัน ในปี 2018 พรรค Social Democrats ได้คะแนนเสียงต่ำที่สุดในรอบศตวรรษของพรรค จึงต้องรวมคะแนนเสียงกับกลุ่มพรรคฝั่งซ้ายอื่น ๆ จนอยู่ที่ 40.6% ขณะที่อันดับ 2 รวมคะแนนเสียงได้อยู่ที่ 40.3% ซึ่งนั่นก็ยังไม่พอให้ Social Democrats จัดตั้งรัฐบาลได้ ทางรัฐสภาจึงมีมติหลังการเจรจากว่า 134 วัน ให้ผู้นำพรรค Social Democrats เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ตัดปัญหาการเลือกตั้งที่หาข้อสรุปไม่ได้ไป

รู้หรือไม่!? ‘ประเทศไทย’ ติดอันดับ 11 ของโลก ประเทศที่มี ‘ทอง’ และ ‘เงินทุนสำรอง’ มากที่สุด

🔍 รู้หรือไม่!? ‘ประเทศไทย’ ติดอันดับ 11 ของโลก ประเทศที่มี ‘ทอง’ และ ‘เงินทุนสำรอง’ มากที่สุด✨✨

เปิดประวัติ 'นายอุดม รัฐอมฤต' ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ถูกนักศึกษา มธ.แบน!! ไม่ให้มาเป็นอาจารย์สอนพิเศษ

🔍 เช็กประวัติ 'นายอุดม รัฐอมฤต' ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ถูกนักศึกษา มธ.แบน!! ไม่ให้มาเป็นอาจารย์สอนพิเศษ

ชวนส่อง 4 เรื่อง ที่ทำให้ ‘เมืองไทย’ ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่สะดวกสบาย จนแซงหน้า ‘ประเทศเยอรมนี’

🔍 ชวนส่อง 4 เรื่อง ที่ทำให้ ‘เมืองไทย’ ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่สะดวกสบาย จนแซงหน้า ‘ประเทศเยอรมนี’ จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย!!

1.) การโอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ที่ประเทศไทยจะสามารถโอนเงินให้ผู้รับได้ทันที ในขณะที่ประเทศเยอรมนี ต้องรอประมาณ 1 อาทิตย์ หรืออาจนานกว่านั้น
2.) การขอบัตร ATM ใบใหม่ ที่ประเทศไทยสามารถทำเรื่องขอรับได้ทันที ในขณะที่ประเทศเยอรมนี ต้องรอประมาณ 1 อาทิตย์ หรืออาจนานกว่านั้น
3.) การขอซิมการ์ด ที่ประเทศไทยสามารถหาซื้อซิมการ์ดได้ทันที ในขณะที่ประเทศเยอรมนี ต้องรอประมาณ 1 อาทิตย์ หรืออาจนานกว่านั้น
4.) การรับชมช่องโทรทัศน์ของรัฐบาล ที่ประเทศไทยสามารถรับชมได้ฟรี ในขณะที่ประเทศเยอรมนี ต้องเสียเงินประมาณ 670 บาทต่อเดือน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top