Wednesday, 23 April 2025
Influencer

‘ผู้ช่วย ผบ.ตร.’ ตั้ง ‘จอนนี่ มือปราบอินดี้’ เป็นอินฟลูเอนเซอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

‘จอนนี่ มือปราบอินดี้’ เผย ผู้ช่วยผู้บัญชาตั้งให้เป็นอินฟลูเอนเซอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับ “ไม่ต้องลาออกนะ ทำต่อไป”

วันนี้ (19 มี.ค. 66) เฟซบุ๊ก ‘ตะลึงกรุง จอนนี่มือปราบ’ ของ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ ‘จอนนี่ มือปราบอินดี้’ ผู้บังคับหมู่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง โพสต์ข้อความระบุว่า…

“วันนี้ ผมได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากท่านผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท ไกรบุญ ทรวดทรง ให้ผมเป็น ‘อินฟลูเอนเซอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ คือหยังน้อบาดนิ ??

ชาวเน็ตชำแหละพฤิตกรรม ‘พิมรี่พาย’ ชี้ ติดในบ่วงของ ‘อีโก้’ ขั้นวิกฤต เผย จุดที่น่ากลัวที่สุดของ ‘อินฟลูเอนเซอร์’ คือจุดที่ใครก็เตือนไม่ได้

เมื่อไม่นานนี้ ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเป็นอย่างมากจากกรณีที่ ‘พิมรี่พาย’ แม่ค้าขายของออนไลน์ชื่อดัง เกิดอาการคล้ายคนสติหลุด และโวยวายใส่พนักงานกลางไลฟ์สดขณะที่กำลังทำการขายสินค้าอยู่

ล่าสุด ได้มีผู้ใช้งานติ๊กต็อกท่านหนึ่งชื่อ ‘gikgok999’ ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น รวมถึงได้วิเคราะห์พฤติกรรมของพิมรี่พายเบื้องต้น โดยระบุว่า…

‘พิมรี่พาย’ หลงเข้าไปอยู่ในจุดที่น่ากลัวที่สุด สําหรับการเป็น ‘อินฟลูเอนเซอร์’ นั่นคือ ‘การมีอีโก้’

จากกรณีที่พิมรี่พายเกิดอาการคล้ายคนสติหลุดกลางไลฟ์สด และโวยวายใส่พนักงาน ทุ่มสินค้าเพื่อระบายอารมณ์ นำลิปสติกมาเขียนฟัน หรือใช้น้ำมันมาราดที่ใบหน้า เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของสินค้าที่กำลังจะขาย โดยต้นเหตุคาดว่า อาจมาจากการที่ลูกน้องขึ้นรหัสสินค้าผิดตามที่ปรากฏในข่าว

จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นดูผิดปกติจากมนุษย์ทั่วไป หากลองวิเคราะห์เชิงมนุษยศาสตร์ดูแล้ว คุณพิมรี่พายกำลังหลงใหลในอีโก้ ตัวตน และชื่อเสียงที่เธอเป็นคนสร้างขึ้นมา ในช่วงก่อนหน้านี้ ผู้คนอาจจะนิยมชมชอบในตัวของเขา และสังคมต้องการคนแบบพิมรี่พายที่คอยมอบความบันเทิงให้ อีกทั้งยังเป็นนักธุรกิจที่ทำการค้าขายจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา ทำรายได้ให้ตัวเองได้มากกว่าร้อยล้านพันล้านบาท นอกจากนี้ยังนำไปแบ่งปันแก่ผู้ยากไร้ สร้างกิจกรรมดีๆ คืนกำไรให้สังคมอย่างมากมาย นี่คือ ‘พิมรี่พาย’ คนเดิมที่เรารู้จัก

แต่ตอนนี้เธอกําลังทําให้ตัวเองถูกด้อยค่า ไม่มีใครสามารถมาลดทอนคุณค่าในตัวเธอได้ นอกจากตัวเธอเอง ไม่ว่าจะเป็นการเอาลิปสติกมาทาฟัน เอาน้ำมันพืชมาเทราดหน้า หรือการกรีดร้อง ด่าทอลูกค้าเสียๆ หายๆ การตัดพ้อและทําลายข้าวของผ่านไลฟ์สด ซึ่งในจุดนี้ หากเธอมั่นใจว่าตัวเองมีดีจริงๆ เธอจะไม่ล้ม แต่เธอล้ม และเธอเองก็รู้ตัวดีว่าสิ่งที่ทําลงไปนั้น ส่งผลให้เสียฐานแฟนคลับไปเป็นจำนวนมากในช่วงทึ่ผ่านมา จนในหลายๆ ครั้ง ก็อาจจะก่อให้เกิดความรู้สึกข้องใจ หรืออึดอัดใจแก่ผู้ชมไลฟ์ ทำให้เกิดคำถามมากมายตามมาว่า พิมรี่พายยังไหวไหม? เขามีปัญหาอะไรในชีวิตหรือไม่? หรือเงินทุนกำลังจะหมด? หรือเสียความนิยมเหรอ ถึงต้องลงทุนทำขนาดนี้เพื่อให้เป็นกระแส

สิ่งที่พิมรี่พายควรทํา คือต้องปรับตัวตามยุคสมัย ต้องลดความแรงลง ทั้งในแง่ของการกระทำ อากัปกิริยา และคำพูดที่ใช้ ต้องปรับปรุงใหม่ทั้งหมด และควรปรับเปลี่ยนรูปแบบคอนเทนต์ให้มุ่งเน้นไปในทางให้บริการชุมชน ทำคุณประโยชน์แก่สังคม แบ่งปันสิ่งที่มีให้ผู้คนเมื่อคุณมีมากพอจนเหลือกินเหลือใช้

ที่คุณกลายเป็นคนมีชื่อเสียงได้ดั่งเช่นทุกวันนี้ นั่นเป็นเพราะมวลชนให้การสนับสนุนคุณมาตลอด คุณควรตระหนักถึงสิทธิพิเศษที่มวลชนมอบให้ ฐานเสียงแฟนคลับ ยอดผู้ชมไลฟ์ ยอดผู้ติดตามคอนเทนต์ ผู้คนให้ความนับถือคุณ คุณไปไหนมาไหนก็มีแต่คนรู้จัก มีชื่อเสียง นั่นคือสิ่งที่มวลชนให้สิทธิพิเศษแก่คุณมา มันจึงเป็นสิทธิที่มวลชนจะวิพากษ์วิจารณ์เมื่อเห็นว่าคุณทำตัวไม่เหมาะสม ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคมเช่นกัน ในเมื่อคุณไม่สามารถสร้างทุกอย่างขึ้นมาได้ด้วยตัวคนเดียว คุณก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมมากขึ้น รับผิดชอบด้วยการนําเสนอในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับมวลชนและสังคม

ความบันเทิงแบบหยาบคายในช่วงก่อนหน้านี้ที่ผู้คนชื่นชอบ ณ ขณะนี้อาจเปลี่ยนไปแล้ว ผู้คนอาจตระหนักได้ว่า พวกเขาไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย จากการนั่งดูพิมรี่พายขายของผ่านไลฟ์สด โดยพูดจาหยาบคาย และแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงแค่พิมรี่พายที่ได้ผลประโยชน์ เพราะเขารวยขึ้นๆ อย่างเดียว

ยังไม่นับเรื่องดรามา หรือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจนเป็นกระแสในโลกโซเชียล เช่น ดรามาน้ำปลาร้า ที่ไปรังแกคนทำธุรกิจที่ตัวเล็กกว่า โดยลืมไปว่าตัวเองนั้นก็เคยตัวเล็กมาก่อน

ยกตัวอย่างเช่นอินฟลูเอนเซอร์บางคน เมื่อได้ดีแล้วก็ไม่เคยลืมจุดเริ่มต้นที่เคยยืน ไม่ลืมสิทธิพิเศษอันมีค่าที่มวลชนมอบให้ และเติบโตได้อย่างมั่นคง จนสามารถกลับมาช่วยเหลือคนตัวเล็กได้ และส่งต่อน้ำใจในการแบ่งปันนี้ต่อไปเรื่อยๆ

สิ่งนี้ถือเป็น ‘การจัดการภาวะวิกฤต’ (Crisis management) เป็นการแก้วิกฤต Branding ซึ่งภาพลักษณ์ของพิมรี่พายทั้งในด้านธุรกิจและการวางตัวนั้น ในขณะนี้ต้องขอบอกว่า ‘ป่นปี้’ หมดแล้ว ด้วยการกระทำของตัวเธอเอง

แม่เผยสาเหตุเสียชีวิต บิว เจ้าของเพจ 'แม่บ้านมีหนวด'

เปิดใจคุณแม่เผยสาเหตุการเสียชีวิตของ "แม่บ้านมีหนวด" หลังลูกกลับบ้านได้เดือนกว่า ก่อนอาการทรุดแล้วจากไป

(13 พ.ย. 67) จากกรณีของ บิว-อิษณัฐ ชลมูณี อายุ 34 ปี อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่รู้จักกันในชื่อ "แม่บ้านมีหนวด" ซึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ และญาติได้นำศพมาบำเพ็ญกุศลที่วัดปัณณระสาราม (วัดผัง 15) อ.มะนัง จ.สตูล

นางอรุณ อายุ 64 ปี แม่ของบิว เปิดใจเล่าถึงชีวิตของลูกสาวว่า "มีลูกทั้งหมด 2 คน บิวเป็นคนสุดท้อง เป็นเด็กที่เรียนเก่งและพูดน้อย แต่ร่าเริงแจ่มใส บิวป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตนเอง และต่อมาเกิดอาการช็อคจากเชื้อราในสมอง จึงตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน โดยกลับมาอยู่ได้ประมาณเดือนครึ่งก่อนที่อาการจะทรุดและจากไป"

นางอรุณกล่าวถึงความสัมพันธ์กับบิวว่า "บางครั้งบิวเคยน้อยใจคิดว่าฉันไม่รัก จึงไปบอกพี่สาว จนทำให้ฉันเรียกมาคุยและบอกว่าบิวคือเด็กที่ตั้งใจมี เพราะไปบนบานศาลกล่าวขอให้ได้ลูกชาย บิวกับพี่สาวห่างกันถึง 11 ปี บิวเรียนเก่งตามที่ฉันหวัง แต่ก็อยากให้ลูกทำงานราชการ บางครั้งยังแซวว่าอยากได้ลูกสะใภ้ แต่บิวบอกว่าจะหาลูกเขยมาให้"

เมื่อบิวกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังและมีแฟนคลับติดตามมาก แม่ก็ภูมิใจและห่วงใยบิวอยู่เสมอ "ฉันเตือนเขาอย่าฟุ่มเฟือย อาหารที่บิวชอบที่สุดคือ น้ำพริกปลาทู ผักต้ม ผักลวก โดยเฉพาะสะตอ และคั่วกลิ้งหมู ฉันจะทำให้เขากินทุกครั้งเมื่อขึ้นไปหา"

นางอรุณกล่าวด้วยน้ำตาว่า "ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่มาให้กำลังใจกับลูกแม่ ถึงแม้แม่ไม่มีอะไรจะตอบแทน แต่ขอบคุณที่มีน้ำใจให้กับลูกของแม่ หากลูกแม่ได้ล่วงเกินไปก็ขออภัย ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว อยากให้ลูกของแม่ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์"

การฌาปนกิจของน้องบิวจะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ที่วัดปัณณระสาราม (วัดผัง 15) อ.มะนัง จ.สตูล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top