Tuesday, 22 April 2025
India

ชาวอินเดีย ‘แหวกว่าย’ ฟองโฟมขาวในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ไม่สนใจคำเตือน แม้เป็นที่สุดแห่งมลพิษในน้ำ

ชาวอินเดียแตกตื่น!! หลังแม่น้ำยมุนา หนึ่งในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดีย ในรัฐอุตตราขันฑ์ ปรากฏฟองโฟมสีขาวหนาทึบ ปกคลุมไปทั่วทั้งลำน้ำ ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการปล่อยสารเคมีปนเปื้อนน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมรอบนอกกรุงนิวเดลี 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข่าวปรากฏการณ์โฟมขาวบนแม่น้ำยมุนา ที่เป็นสัญญาณเตือนของมลพิษในแหล่งน้ำในระดับรุนแรง แต่ก็มิได้ทำให้เกิดการหวาดหวั่น โดยชาวอินเดียเป็นจำนวนมากกลับแห่มาเที่ยวชม แถมทั้งมาลุยน้ำ ถ่ายรูปเซลฟี่ หรือแม้แต่ดำน้ำชำระกาย 

เหตุผลเพราะชาวฮินดูมีความเชื่อว่า นี่เป็นสายน้ำศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากต้นน้ำของแม่น้ำยมุนา มาจากธารน้ำแข็งละลายจากยอดเขาบันดารปูจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยตอนล่าง มีความยาว 1,376 กิโลเมตร ก่อนจะไหลรวมกับแม่น้ำคงคาที่เมืองประยาคราช อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญที่สุดของกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย ที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่นมากกว่า 20 ล้านคน โดยมากกว่าครึ่งของชาวกรุงแห่งนี้ อาศัยน้ำจากแม่น้ำยมุนามาใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย

‘Anish Sarkar’ ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ปัจจุบัน ฝึกซ้อมอยู่ที่ Academy มีอยู่ 1,555 คะแนน

(3 พ.ย. 67) เจ้าหนู Anish Sarkar นับเป็นผู้เล่นที่ได้รับการจัดอันดับที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยวัย 3 ปี 8 เดือน

Anish เกิดเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2021 และทำคะแนนได้ 5.5/8 ในการแข่งขัน West Bengal State Under-9 Open ในเดือนตุลาคม โดยจบการแข่งขันในอันดับที่ 24 ทำคะแนนได้ 2/3 ในการแข่งขันกับผู้เล่นที่ได้รับการจัดอันดับในงานนี้ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันระดับคลาสสิกครั้งแรกของเจ้าหนู

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เจ้าหนูได้แข่งขัน West Bengal State Under-13 Open ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ยากมากสำหรับเจ้าหนู ที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นที่ได้รับการจัดอันดับสองคนแต่ไม่ได้คะแนนเลย อย่างไรก็ตาม การแข่งขันก็เป็นไปตามเกณฑ์ เนื่องจากเจ้าหนูต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นที่ได้รับการจัดอันดับทั้งหมดห้าคน

ในรายชื่อการจัดอันดับของ #สหพันธ์หมากรุกสากล #ฟีเด (International Chess Federation หรือ #FIDE) เดือนพฤศจิกายน 2024 เจ้าหนูได้รับการจัดอันดับ 1,555 คะแนน ปัจจุบันกำลังฝึกซ้อมอยู่ที่ Dhanuka Dhunseri Dibyendu Barua Chess Academy

เราขออวยพรให้เด็กน้อยคนนี้ประสบความสำเร็จในอนาคต และเราจะคอยติดตามความคืบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิดต่อไป

บุกตลาดลักซ์ชูรีรีสอร์ทแดนภารตะ ‘เดวาราณา – ดุสิต รีทรีตส์’ กำหนดเปิด มีนาคม 2571

(7 พ.ย. 67) กลุ่มดุสิตธานีเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่องประกาศลงนามในข้อตกลงการบริหารจัดการโรงแรมเชิงกลยุทธ์กับบริษัทชราวันตี โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ไพรเวท จำกัด ผู้พัฒนาโรงแรมและรีสอร์ทระดับลักซ์ชูรีชั้นนำในประเทศอินเดีย เพื่อดำเนินกิจการ เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์ โดยมีกำหนดเปิดตัวในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2571 ซึ่งถือเป็นโครงการ “เดวาราณา –ดุสิต รีทรีตส์” แห่งแรกที่ลงนามนอกประเทศจีน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของกลุ่มดุสิตธานีในการขยายแบรนด์รีสอร์ทระดับลักซ์ชูรีไปยังจุดหมายปลายทางสุดพิเศษทั่วโลก 

มร. จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์ เป็นการให้บริการภายใต้แบรนด์ “เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์” ซึ่งกลุ่มดุสิตธานีวางตำแหน่งแบรนด์ในระดับลักซ์ชูรี โดยเป็นการให้บริการครั้งแรกในประเทศอินเดีย และเป็นครั้งแรกที่มีการลงนามความร่วมมือนอกประเทศจีน เนื่องจากความสอดคล้องอย่างลงตัวระหว่างความงามตามธรรมชาติอันเงียบสงบของเมืองสากเลศปุระ กับแก่นแท้อันสมบูรณ์แบบของ เดวาราณา – ดุสิต รีทรีตส์ ทำให้จุดหมายปลายทางอันงดงามแห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ระดับลักซ์ชูรีของกลุ่มดุสิตธานี เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์

ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่มีความหมายให้กับนักเดินทางทั้งในอินเดียและจากต่างประเทศ โดยที่พักประกอบด้วยวิลล่าและห้องสวีท 75 ห้องขนาดตั้งแต่ 47 ถึง 90 ตร.ม. โดยจะมี 25 ยูนิตที่มาพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวผู้เข้าพักจะได้เพลิดเพลินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสุขภาพ รวมถึง เดวาราณา เวลเนส เซ็นเตอร์ ที่มีทั้งคลับสุขภาพ สปา ห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำ และซาวน่า นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมไว้บริการ

ได้แก่ สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ ห้องอาหารที่ให้บริการอาหารอินเดียและห้องอาหารเพื่อสุขภาพที่เปิดตลอดทั้งวัน โดยเน้นไปที่การรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน สากเลศปุระ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาฆาฏตะวันตก อยู่ห่างจากบังกาลอร์ เมืองหลวงของรัฐกรณาฏกะประมาณ 4 ชั่วโมงโดยรถยนต์ มีชื่อเสียงในเรื่องการทำไร่กาแฟ ชา และเครื่องเทศอันอุดมสมบูรณ์รวมถึงศาสนสถานโบราณ และเส้นทางเดินป่าอันงดงามโดยจะผ่านป่าสงวนไบเซิล ซึ่งเป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่อยู่ไม่ไกล ได้แก่ ป้อมปราการมัญจาราบัดที่สร้างเป็นรูปดาว สามารถมองเห็นวิวเทือกเขาได้แบบพาโนรามา
และยอดเขาเจนุกัลลู กุดดา ที่สามารถมองเห็นทะเลอาหรับได้จากจุดนี้ สำหรับสนามบินนานาชาติมังกาลอร์ ตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 130 กม. และสถานีรถไฟสากเลศปุระ อยู่ห่างจากที่พักเพียง 20 กม.

“เรามีความยินดีที่จะนำการต้อนรับอันอบอุ่นแบบไทยมาสู่เมืองสากเลศปุระและมีความมุ่งมั่นที่ปรารถนาสร้างประสบการณ์เพื่อการบำบัดและการเปลี่ยนแปลง ผ่านกิจกรรมต่างๆ ซึ่งคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากทั่วโลก เรามุ่งหวังที่จะมอบการเข้าพักเพื่อสุขภาวะที่ดีอย่างไม่มีใครเหมือนให้กับทุกท่านที่มาเยือน ซึ่งจะเสริมสร้างทั้งจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ
รวมถึงยังได้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์และมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ของรัฐกรณาฏกะอีกด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.ดุสิตธานี กล่าว

มร. ซานโตช บาลากฤษณะ กรรมการบริหาร บริษัท ชราวันตี โฮเทล แอนด์รีสอร์ท ไพรเวท จำกัด กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มดุสิตธานีเพื่อเปิดตัวแบรนด์ เดวาราณา – ดุสิต รีทรีตส์ ในประเทศอินเดียด้วยความมุ่งมั่นของดุสิตฯ ในการสร้างประสบการณ์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมให้ดียิ่งขึ้นนั้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราเพื่อสร้างโครงการพิเศษนี้ด้วยความเชี่ยวชาญของดุสิตฯ เรามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์ จะมอบประสบการณ์เหนือระดับผสมผสานความหรูหราและความเป็นอยู่ที่ดีเข้าด้วยกันเพื่อเชื่อมโยงผู้มาเยือนสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างมีคุณค่าซึ่งจะดึงดูดนักเดินทางผู้ที่กำลังแสวงหาแรงบันดาลใจจากความงามอันเงียบสงบของเทือกเขาฆาฏตะวันตก ในรัฐกรณาฏกะแห่งนี้”

ปัจจุบันกลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมในเครือทั้งหมด 301 แห่ง เปิดให้บริการใน 18 ประเทศ แบ่งเป็นโรงแรม 57 แห่งซึ่งดำเนินงานภายใต้ ดุสิต โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท และวิลล่าหรู 244 แห่งภายใต้แบรนด์อีลิท เฮเวนส์ ผู้ให้บริการเช่าวิลล่าระดับลักซ์ชูรีทั่วเอเชีย ซึ่งรวมถึงวิลล่าหรูหลายแห่งในรัฐกัวด้วย โดยในเดือนธันวาคมนี้ กลุ่มดุสิตธานีจะกลับมาให้บริการในประเทศอินเดียอีกครั้งด้วยการเปิดโรงแรมดุสิต ดีทู ฟากู ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาหิมาลัยอันอุดมสมบูรณ์ ใกล้กับเมืองชิมลา นอกจากนี้ กลุ่มดุสิตธานียังมีแผนเปิดโรงแรมอีก 4 แห่งในรัฐกรณาฏกะ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงกลางปี ​​พ.ศ. 2569

'เยอรมนี' ชาติยอดนิยมในยุโรป นักศึกษา 'อินเดีย-จีน' แห่ไปเรียนมากสุด

(13 พ.ย. 67) เยอรมนีพบจำนวนนักศึกษาต่างชาติเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยในภาคการศึกษาฤดูหนาวปี 2023-2024 มีนักศึกษาต่างชาติกว่า 380,000 คนลงทะเบียนเรียน เพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลของ DAAD (German Academic Exchange Service) นักศึกษาต่างชาติเหล่านี้คิดเป็นเกือบ 13% ของนักศึกษาทั้งหมดในเยอรมนี

นักเรียนจากอินเดียมีจำนวนมากที่สุด โดยมีนักเรียนลงทะเบียนประมาณ 49,000 คน รองลงมาคือจีน (38,700 คน) ตุรกี (18,100 คน) ออสเตรีย (15,400 คน) และอิหร่าน (15,200 คน) ขณะที่ซีเรีย ซึ่งเคยอยู่ในห้าอันดับแรก ปัจจุบันมีนักเรียนประมาณ 13,400 คนหล่นอยู่ในอันดับที่หก

นักศึกษาต่างชาติส่วนใหญ่อยู่ในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย (78,500 คน) รองลงมาคือบาวาเรีย (61,400 คน) และเบอร์ลิน (40,800 คน)

ศาสตราจารย์ Monika Jungbauer-Gans ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์ศูนย์วิจัยอุดมศึกษาและการศึกษาวิทยาศาสตร์เยอรมัน กล่าวว่า จำนวนผู้ลงทะเบียนนักศึกษาต่างชาติในเยอรมนีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 15 ปี นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความน่าดึงดูดของมหาวิทยาลัยในเยอรมนี โดยเฉพาะหลักสูตรปริญญาโทที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ “เพื่อเพิ่มจำนวนการลงทะเบียน เราจำเป็นต้องยกระดับการสนับสนุนนักศึกษาในทุกระดับการศึกษา” เธอกล่าวในแถลงการณ์ของ DAAD

ปัจจุบัน หลักสูตรวิชาการในเยอรมนีราว 10% ใช้การสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ซึ่งช่วยหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับหลักสูตรภาษาอังกฤษที่เพิ่มขึ้นจนเกิดข้อจำกัดในบางประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ ตามรายงานของ The PIE News

การสำรวจจาก Study in Germany เว็บไซต์การศึกษาต่อเยอรมนี ระบุเหตุผลสำคัญสามประการที่ดึงดูดนักเรียนต่างชาติ ได้แก่ 1.การเรียนฟรี มหาวิทยาลัยของรัฐในเยอรมนีไม่มีการเก็บค่าเล่าเรียน โดยนักศึกษาชำระเพียงค่าธรรมเนียมการบริหารปีละประมาณ 150-250 ยูโร (160-268 ดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรกว่า 500 หลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ และมหาวิทยาลัยเยอรมนี 49 แห่งติดอันดับโลกโดย Times Higher Education

2.ค่าครองชีพต่ำ นักศึกษาต่างชาติใช้ชีวิตด้วยงบประมาณเฉลี่ย 930 ยูโร (1,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเดือน ซึ่งต่ำกว่าสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกามาก 3.โอกาสทำงานหลังเรียนจบ นักศึกษาสามารถอยู่ในเยอรมนีได้นานถึง 18 เดือนเพื่อหางาน โดยผลสำรวจยังชี้ว่านักศึกษาต่างชาติ 70% ต้องการทำงานในเยอรมนีหลังเรียนจบ

Kai Sicks เลขาธิการ DAAD กล่าวถึงความสำคัญของการสนับสนุนหลักสูตรภาษาอังกฤษพร้อมกับการส่งเสริมการเรียนภาษาเยอรมันเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ “นักเรียนต่างชาติที่ประสบความสำเร็จในเยอรมนีมักจะเป็นผู้ที่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและมหาวิทยาลัยได้ดี” เขากล่าวกับ The PIE

นอกจากนี้ เยอรมนี เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป กำลังเผชิญกับการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะถึง 7 ล้านคนภายในปี 2035 เนื่องจากประชากรสูงวัย DAAD ได้เรียกร้องให้รัฐบาล มหาวิทยาลัย และธุรกิจต่างๆ เพิ่มอัตราการคงอยู่ของบัณฑิตต่างชาติ โดยตั้งเป้ารักษาบัณฑิตไว้ประมาณ 50,000 คนต่อปีภายในปี 2030

ในปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Steffen Kaupp รองผู้อำนวยการสถาบันเกอเธ่ ฮานอย เปิดเผยว่า จำนวนนักศึกษาชาวเวียดนามในเยอรมนีเพิ่มขึ้นเกือบ 30% จากช่วงก่อนโควิด-19 โดยส่วนใหญ่สนใจการฝึกอาชีวศึกษาในสาขาการพยาบาลและการบริการ

ปูติน ไม่แคร์แซงก์ชั่น เล็งเยือนอินเดีย หารือนายกฯโมดี ชี้สองผู้นำเป็น 'เพื่อนสนิท'

(20 พ.ย.67) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เตรียมเดินทางเยือนอินเดียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขามีคำสั่งให้รัสเซียรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2565 โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเยือนนี้เป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของความพยายามจากสหรัฐฯ ในการกีดกันปูตินจากเวทีโลก

ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียกล่าวกับสำนักข่าวเอเอ็นไอ (ANI) ของอินเดีย และยืนยันกับบลูมเบิร์กว่า แม้ยังไม่ได้กำหนดวันเดินทางเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย แต่รัสเซียตั้งตารอที่จะได้พบปะในเร็ว ๆ นี้

เปสคอฟกล่าวว่า “หลังจากที่นายกรัฐมนตรีโมดีเดินทางเยือนรัสเซียถึง 2 ครั้ง ตอนนี้ปธน.ปูตินเตรียมเยือนอินเดียแล้ว … เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการติดต่อเหล่านี้”

ก่อนหน้านี้นายกโมดี เคยยอมรับปูตินและเรียกเขาว่า “เพื่อน” ในการหารือดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาเพียง 1 วันหลังจากที่รัสเซียโจมตีโรงพยาบาลเด็กในกรุงเคียฟด้วยขีปนาวุธจนมีผู้เสียชีวิต ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับนานาประเทศ

ทั้งนี้ อินเดียและรัสเซียเคยจัดการประชุมสุดยอดประจำปีระหว่างผู้นำสองประเทศก่อนที่การรุกรานยูเครนจะเริ่มขึ้น โดยแหล่งข่าวในขณะนั้นเผยว่า นายกรัฐมนตรีโมดีหลีกเลี่ยงการพบปะกับปูตินแบบตัวต่อตัวในเดือนธันวาคม 2565 หลังจากที่ปูตินขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงคราม

แม้จะมีความวิตกกังวลจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับการพบปะของผู้นำทั้งสอง ซึ่งอาจทำให้ปูตินได้รับการยอมรับในเวทีโลกจากสงครามในยูเครน แต่ทางการสหรัฐฯ ก็ยังตระหนักถึงความสำคัญของการที่อินเดียจะเข้ามามีบทบาทในการคานอิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

หากปูตินเดินทางไปอินเดียจริง จะถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของเขาในการเดินทางไปต่างประเทศ หลังจากที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ได้ออกหมายจับเขาในข้อหาอาชญากรรมสงครามในยูเครนเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว

สหรัฐฯ ฟ้อง 'โกตัม อดานี' เจอข้อหา ติดสินบน-ฉ้อโกงหลายพันล้านดอลลาร์

(21 พ.ย. 67) โกตัม อดานี มหาเศรษฐีชาวอินเดีย ประธานกลุ่มธุรกิจอดานี กรุ๊ป และหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ถูกทางการรัฐนิวยอร์กดำเนินคดีข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องในการให้สินบนและการฉ้อโกงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

เจ้าหน้าที่อัยการของสหรัฐกล่าวว่า นายอดานีและจำเลยอีก 7 คน รวมถึงนายซาการ์ อดานี หลานชาย ตกลงจ่ายเงินประมาณ 265 ล้านดอลลาร์เป็นสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย เพื่อให้ได้สัญญาหลายฉบับที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 20 ปี และมีพฤติการณ์ร่วมฮั่วประมูลในโครงการพัฒนาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย 

อัยการยังระบุด้วยว่า นายอดานีและผู้บริหารอีกคนของอดานี กรีน เอนเนอจี รวมถึงอดีตซีอีโอของอดานี กรีน เอนเนอจี ระดมทุนมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์จากการกู้ยืมและการออกพันธบัตร โดยการให้ข้อมูลเท็จหรือปกปิดการทุจริตไม่ให้เจ้าหนี้และนักลงทุนได้รับทราบ

ผู้พิพากษาสหรัฐได้อนุมัติหมายจับนายอดานีและหลานชายของเขาแล้ว และอัยการเตรียมที่จะส่งหมายจับให้กับหน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมายในต่างประเทศ

ตามรายงานข้อมูลของนิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) ระบุว่า นายอดานี วัย 62 ปี มีทรัพย์สินมูลค่า 69,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำให้เขาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 22 ของโลก

แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า อดานี กรีน เอนเนอจี ได้ประกาศยกเลิกแผนการระดมทุน 600 ล้านดอลลาร์ ด้วยการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการถูกดำเนินคดีของนายอดานี

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ไทยเป็นทางผ่าน หลอกคนอินเดียทำงานสแกมเมอร์ในลาว

สถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำกรุงเวียงจันทน์ของลาว เปิดเผยเมื่อ (27 ม.ค. 68) ว่าได้ให้การช่วยเหลือคนอินเดีย 67 คนที่ถูกหลอกให้ทำงานในศูนย์คอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมายในลาวได้สำเร็จ พร้อมออกคำเตือนถึงหนุ่มสาวชาวอินเดียให้ระมัดระวังการถูกหลอก โดยเฉพาะหากได้รับข้อเสนองานในประเทศไทย  

สถานทูตอินเดียในลาวระบุว่า เหยื่อส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่ถูกกลุ่มอาชญากรในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ (GTSEZ) แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว หลอกลวงให้มาทำงาน ก่อนจะถูกข่มขู่และทำร้ายร่างกาย

เมื่อสถานทูตได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ส่งทีมลงพื้นที่และประสานงานกับตำรวจลาวเพื่อช่วยเหลือเหยื่อ โดยหลังจากจัดการเอกสารเรียบร้อยแล้ว ผู้เสียหายทั้งหมดถูกพาตัวจากแขวงบ่อแก้วมายังกรุงเวียงจันทน์ และได้รับการดูแลด้านที่พัก อาหาร และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ อย่างครบถ้วน  

เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศลาว ได้เข้าพบผู้เสียหายเพื่อให้กำลังใจ รับฟังเรื่องราว และให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินคดีต่อกลุ่มนายหน้าค้ามนุษย์ โดยยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการส่งผู้เสียหายกลับบ้านอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด  

สถานทูตอินเดียขอบคุณเจ้าหน้าที่ลาวที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และเรียกร้องให้ดำเนินการกับแก๊งอาชญากรในเขตสามเหลี่ยมทองคำอย่างจริงจัง โดยเรื่องนี้ได้ถูกนำเสนอต่อผู้บริหารระดับสูงของทางการลาวแล้ว โดยที่ผ่านมา สถานทูตอินเดียประจำกรุงเวียงจันทน์ได้ให้ความช่วยเหลือคนอินเดียรวม 924 คนในช่วงที่ผ่านมา โดย 857 คนได้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย  

สถานทูตฯ ยังได้เตือนว่า หากชาวอินเดียได้รับข้อเสนองานในประเทศไทย แต่เมื่อเดินทางถึงไทยแล้วกลับถูกพาไปเชียงรายที่ติดชายแดนไทย-ลาว นั่นอาจเป็นสัญญาณของการถูกหลอกลวงและนำตัวไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำในลาว ซึ่งเมื่อไปถึง เหยื่อมักจะถูกยึดหนังสือเดินทางและบังคับให้เซ็นสัญญาที่เขียนเป็นภาษาต่างประเทศ ทำให้ตกเป็นเหยื่อได้ง่าย  

สถานทูตฯ แนะนำให้ผู้ที่สนใจทำงานต่างประเทศตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์สถานทูตหรือสอบถามข้อมูลโดยตรงก่อนรับข้อเสนอใด ๆ และหากสงสัยว่าอาจตกเป็นเหยื่อ ให้รีบติดต่อสถานทูตทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหลอกและตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top