Tuesday, 22 April 2025
Hybrid

‘Lamborghini Revuelto’ ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด  ขุมพลัง 1,015 แรงม้า เปิดราคาในไทย 47.49 ล้านบาท

Lamborghini Revuelto รถยนต์ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดเครื่องยนต์ V12 สมรรถนะสูง (High Performance Electrified Vehicle: HPEV) คันล่าสุดจากอิตาลี ได้เผยโฉมตัวเต็มอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว โดยบริษัท เรนาโซ มอเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ลัมโบกินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย

ชื่อรุ่น Revuelto (เรเวลโท) นั้นถูกตั้งขึ้นตามชื่อวัวต่อสู้ของทางประเทศสเปน รถคันนี้มาพร้อมกับสมรรถนะที่จัดเต็ม และภาพลักษณ์ที่เน้นความเป็นซูเปอร์คาร์ เพื่อเปิดประสบการณ์หลังพวงมาลัยที่สุดเร้าใจ ด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน นวัตกรรมการออกแบบรถยนต์ระบบอากาศพลศาสตร์ประสิทธิภาพสูง และคอนเซปต์ใหม่ของการใช้โครงสร้างตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งมีระดับการดูดซับแรงกระแทกเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับ Lamborghini รุ่น Aventadorและมีน้ำหนักน้อยกว่าถึง 20% 

นอกจากนี้ยังน้ำหนักเบากว่าโครงสร้างเดิม 10% และให้ความแข็งแกร่งในการทนต่อแรงบิดมากกว่าเดิมถึง 25% อีกทั้งในสถาปัตยกรรมโครงสร้างรูปแบบใหม่นี้ยังช่วยให้กระจายน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม (44% ที่ส่วนหน้าและ 56% ที่ส่วนท้าย) ทั้งยังมีน้ำหนักเข้าใกล้จุดศูนย์ถ่วงมากที่สุดและยังลดความยาวของฐานล้ออีกด้วย

ในด้านขุมพลัง รถรุ่นนี้มีพละกำลังที่มากถึง 1,015 แรงม้า โดยมาจากการผสานพลังระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นใหม่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยทำงานร่วมกับชุดเกียร์ดับเบิลคลัตช์ดีไซน์ใหม่ ซึ่งถูกเปิดตัวในรถยนต์ลัมโบร์กินี 12 สูบรุ่นนี้เป็นครั้งแรก เครื่องยนต์  V12 NA ขนาดความจุ 6.5 ลิตร ใหม่ 

สำหรับหัวใจหลักของ Lamborghini Revuelto นั้น มีการออกแบบใหม่ให้มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม โดยจะมีน้ำหนักเพียง 218 กก. เท่านั้น อีกทั้งยังออกแบบในส่วนการไหลของไอดี ไอเสียใหม่ ส่งผลทำให้มีกำลังอยู่ที่ 825 แรงม้า (PS) ที่ 9,250 รอบต่อนาที มาพร้อมแรงบิดสูงสด 725 นิวตันเมตร โดยทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยจะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Axial Flux Motor ที่ด้านหน้า 2 ตัว และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Radial Flux Electric Motor อีก 1 ตัวที่ด้านหลัง เมื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์จะรีดกำลังแรงม้าลงพื้นออกมาได้มากถึง 1,015 แรงม้า (PS) ส่งกำลังทั้งหมดด้วยชุดเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด ดีไซน์ใหม่ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในรถยนต์ลัมโบร์กินี 12 สูบรุ่นนี้ ส่งผลทำให้มีอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ใน 2.5 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดของตัวรถนั้นจะถูกจำกัดไว้ที่ 350 กม./ชม.

รถคันนี้มาพร้อมกับระบบไฟฟ้าที่มีให้เลือก 3 โหมด ได้แก่ Recharge , Hybrid และ Performance เพื่อใช้ร่วมกับโหมดเดิมอย่าง City ที่ออกแบบมาให้ประหยัดพลังงาน เน้นใช้งานบริเวณใจกลางเมือง ซึ่งจะจำกัดกำลังขับเคลื่อนของรถไว้ที่ 180 แรงม้า นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกับโหมด Strada, Sport , Corsa  ซึ่งสามารถเลือกปรับได้ด้วยการใช้โรเตอร์ 2 ตัวบนพวงมาลัยที่ออกแบบใหม่ และเมื่อรวมทั้งหมดจะสามารถตั้งค่าไดนามิกได้ถึง 13 รูปแบบ เพื่อให้ Lamborghini Revuelto แสดงสมรรถนะที่แตกต่างกันออกไปตามสถานการณ์และสภาพพื้นถนน หรือแม้แต่ในสนามแข่ง ที่เน้นสมรรถนะสูงสุดในทุกด้านของรถ เพื่อให้พุ่งทะยานคว้าชัย เข้ารับธงหมากรุก

ด้านแบตเตอรี่จะเป็นแบบลิเธียมไอออนที่มีขนาดความจุ 3.8 kWh ที่ติดตั้งอยู่ในอุโมงค์เพลากลาง ที่มีขนาดความยาว 1,550 มม. สูง 301 มม. และกว้าง 240 มม. ที่จะช่วยบาลานซ์น้ำหนักตัวรถ สามารถรองรับการชาร์จไฟฟ้าให้เต็ม 30 นาทีได้ โดยใช้กำลังการชาร์จเพียง 7 kW

ส่วนขนาดมิติตัวรถจะมีความยาวอยู่ที่ 4,947 มม., กว้าง 2,266 มม., สูง 1,160 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,779 มม. มาพร้อมน้ำหนักตัวรถอยู่ที่  1,772 กก.

ภายในห้องโดยสาร ยังคงได้รับการออกแบบในสไตล์ Y-shape ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ มาพร้อมหน้าปัดดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว , หน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์แนวตั้งขนาด 804 นิ้ว รองรับการอัปเดทซอร์ฟแวร์แบบ Over the Air นอกจากนี้ยังมีหน้าจอดิจิทัลขนาด 9.1 นิ้ว ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้าของผู้โดยสารอีกด้วย

สำหรับราคาจำหน่ายของ Lamborghini Revuelto ทางเรนาสโซ มอเตอร์ เปิดราคาเริ่มต้นไว้ที่ 47,490,000 บาท 

‘Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe’ เปิดราคา 6,290,000 บาท จัดเต็มออฟชั่นครบทั้งคัน ไม่ต้องรอนานเป็นปี สิงหานี้ รับรถได้เลย

(27 ก.ค.67) Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ล่าสุด มาถึงประเทศไทยแล้ว รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการปรับแต่งโดยเฉพาะสำหรับแฟนๆ Porsche ชาวไทย รถคันนี้ประกอบขึ้นที่โรงงานประกอบรถยนต์ Porsche ในประเทศมาเลเซีย มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่เหนือกว่า ดีไซน์ที่ออกแบบใหม่ ขุมพลังไฮบริดประสิทธิภาพสูง และตัวเลือกการปรับแต่งที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทย

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe นับเป็นอีกก้าวสำคัญของแบรนด์รถยนต์หรูระดับโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รถเอสยูวีสปอร์ทคันนี้กลายเป็นรถรุ่นที่ 2 ที่มาจากสายการผลิตของประเทศมาเลเซีย และเป็นรุ่นแรกที่ประกอบในภูมิภาคเพื่อส่งออกมายังประเทศไทย 

Porsche เข้าใจความต้องการอันหลากหลายของลูกค้าชาวไทย จึงได้ปรับแต่ง Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe ให้มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่เหนือชั้น มีฟีเจอร์มากมายเมื่อเทียบกับรุ่นพื้นฐานที่นำเข้าจากยุโรป นอกจากนี้ ยังมี Microsite หรือเวบไซต์ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการจองรถยนต์รุ่นใหม่นี้ผ่านทางออนไลน์ เพื่อมอบประสบการณ์การจองที่สะดวกสบายให้แก่ลูกค้าที่สนใจ และรองรับการปรับแต่งเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นสีภายนอก ตัวเลือกหนังภายใน และอุปกรณ์เสริมต่างๆ

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ผสมผสานความสปอร์ทอันทรงพลังของ Cayenne S เข้ากับระบบขับเคลื่อนอันล้ำสมัยของ Cayenne E-Hybrid นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตระดับโลกในการมอบประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจ ผสานเทคโนโลยีไฮบริดที่ทั้งทรงประสิทธิภาพ และล้ำหน้า

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 260 กิโลวัตต์/353 แรงม้า (แรงกว่าเครื่องยนต์ใน Cayenne E-Hybrid ถึง 36 กิโลวัตต์/49 แรงม้า เมื่อผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ ส่งผลให้ระบบมีกำลังรวม 382 กิโลวัตต์/519 แรงม้า) อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 263 กม./ชม. นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระยะทางวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 90 กม. (ตามมาตรฐาน EAER City) เหมาะสำหรับการขับขี่ภายในกรุงเทพฯ ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe ปรับปรุงระบบช่วงล่างแบบถุงลมอัจฉริยะแบบใหม่ ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Porsche Active Suspension Management (PASM) เทคโนโลยี Two-Chamber Two-Valve ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ เพิ่มความมั่นคง และง่ายต่อการควบคุมรถยนต์ทั้งบนถนน และทางสมบุกสมบัน เมื่อเทียบกับระบบช่วงล่างมาตรฐาน และรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำ และสมรรถนะของการขับขี่ ลดการโคลงของตัวรถในขณะขับขี่แบบสปอร์ต อีกทั้งยังช่วยให้การปรับโหมดการขับขี่ระหว่าง Normal, Sport และ Sport Plus แตกต่างกันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมของ Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความสะดวกสบายในการขับขี่ที่มากขึ้น เทคโนโลยี Two-Chamber Two-Valve ช่วยปรับช่วงล่างได้หลากหลาย ตั้งแต่เน้นความนุ่มนวลสำหรับการขับขี่สบายๆ ไปจนถึงโหมดสปอร์ทที่เน้นการตอบสนองฉับไว

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ทรงพลัง และสปอร์ทยิ่งขึ้น ลูกค้าชาวไทยสามารถเลือกสีตัวถังได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ได้แก่ สีขาวเมทัลลิค Carrara White, สีดำเมทัลลิค Chromite Black และสีเงินเมทัลลิค Dolomite Silver

เสริมความโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ HD Matrix LED ดีไซจ์นใหม่ ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดดเด่นด้วยโมดูลความละเอียดสูง 2 ชุด และพิกเซลกว่า 32,000 พิกเซลต่อโคมไฟ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย และความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ขณะที่ล้อแมกลายสำหรับรุ่น Cayenne ขนาด 20 นิ้ว สีเทา Vesuvius Grey มอบความหรูหรา และสปอร์ทให้แก่รถเอสยูวีคันนี้ได้อย่างลงตัว

ภายในของ Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ได้รับการยกระดับด้วยฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย เป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งพวงมาลัย GT Sports และ แพคเกจ Sport Chrono พร้อมนาฬิกา Porsche Design เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งช่วยยกระดับความหรูหราให้แก่ผู้ขับขี่ตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสาร

รถเอสยูวีสุดหรูรุ่นนี้ ยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ ระบบเสียงรอบทิศทาง Bose เบาะหนังคุณภาพเยี่ยม เลือกได้ 2 สี คือ สีดำ หรือสีแดงบอร์โดซ์ (Bordeaux Red) พร้อมตราสัญลักษณ์ Porsche บนพนักพิงศีรษะที่เบาะคู่หน้า อีกทั้งระบบควบคุมอุณหภูมิแยก 4 โซน เครื่องฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งไฟฟ้าปรับได้ 14 ทิศทางพร้อมระบบจำตำแหน่งสำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหลัง และม่านบังแดดด้านหลังที่เปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบช่วยจอด (ParkAssist) พร้อมกล้องรอบทิศทาง (Surround View) และรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay มอบความสะดวกสบายสูงสุด ทั้งยังเอาใจผู้โดยสารด้านหลังด้วยระบบเตรียมติดตั้ง Rear Seat Entertainment ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สามารถติดตั้งหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดาย เพื่อยกระดับความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง

เพิ่มเติมความทันสมัยให้แก่ห้องโดยสารด้วย Porsche Driver Experience ประกอบด้วย ชุดหน้าปัดดิจิทัลแบบโค้งมนขนาด 12.6 นิ้ว และหน้าจอระบบ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวา ตำแหน่งคันเกียร์อัตโนมัติได้รับการย้ายไปทางซ้ายของพวงมาลัยบนคอนโซลกลาง  การปรับเปลี่ยนนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับช่องเก็บของ และแผงควบคุมระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ ดีไซจ์นสวยงามทันสมัยในโทนสีดำ แผงควบคุมระบบปรับอากาศมาพร้อมปุ่มกดขนาดใหญ่ ใช้งานง่าย พร้อมสวิทช์ปรับอากาศแบบหมุน และปุ่มปรับระดับเสียงแบบสัมผัส ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย และดูหรูหรา

Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupe รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ราคาเริ่มต้นที่ราคา 6,290,000 บาท โดยมีกำหนดส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 เป็นต้นไป สามารถจองรถยนต์รุ่นนี้ผ่านไมโครไซท์ (Microsite) ได้ที่ www.thcayenne.online จากการจัดจำหน่ายโดย AAS Auto Service

‘เอ็มจี’ เดินหน้าส่งมอบรถยนต์ ‘ALL NEW MG3 HYBRID+’ ให้ลูกค้า พร้อมลุยการตลาด!! จัดกิจกรรมสัญจรทั่วประเทศ เน้นการทดลองขับจริง

(14 ก.ย.67) ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ทยอยส่งมอบ ALL NEW MG3 HYBRID+ จากสายการผลิตในประเทศไทย ถึงมือลูกค้าทั่วประเทศ โดยผู้ที่สนใจสามารถชมและทดลองขับ ALL NEW MG3 HYBRID+ พร้อมพบกับแคมเปญพิเศษได้ที่โชว์รูม เอ็มจี และกิจกรรมสัญจรทั่วประเทศตั้งแต่กลางเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในช่วงปี 2024 เอ็มจี ตั้งใจที่จะนำนวัตกรรมไฮบริดรุ่นนี้เข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับตลาด ด้วยระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย โดย ALL NEW MG3 HYBRID+ มีความโดดเด่นด้านการตัดต่อกำลังระหว่างเครื่องยนต์ กับระบบไฟฟ้า ทำให้สมรรถนะใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าแต่ยังได้ความรู้สึกการขับรถน้ำมัน และจุดเด่นที่สำคัญ คือการบริโภคเชื้อเพลิงที่ประหยัด โดยอัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้สูงสุดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร* ซึ่งสื่อมวลชนได้ทำระยะทางได้ไกลสูงสุดมากกว่า 800 กิโลเมตร แต่ยังให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจ โดยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ALL NEW MG3 HYBRID+ รุ่นเริ่มต้นหรือรุ่น D อยู่ที่ 579,900 บาท และรุ่น X ในราคา 619,900 บาท พิเศษ! ราคาในช่วงแนะนำจะลดลงจากราคาตั้ง รุ่นละ 20,000 บาท ซึ่งจะสิ้นสุดเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ เอ็มจี ได้ทยอยส่งมอบรถยนต์ ALL NEW MG3 HYBRID+ ให้กับลูกค้าที่จองเข้ามาแล้ว”

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์ไฮบริดครั้งใหม่กับ ALL NEW MG3 HYBRID+ โดย เอ็มจี ได้เตรียมจัดกิจกรรมสัญจรทั่วประเทศ ตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครปฐม วันที่ 12-18 กันยายน 2567
• อยุธยาซิตี้พาร์ค อยุธยา วันที่ 28 กันยายน 2567 – 6 ตุลาคม 2567
• ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ รามอินทรา (Fashion Island) วันที่ 27 กันยายน – 6 ตุลาคม 2567
• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พิษณุโลก วันที่ 1-7 ตุลาคม 2567
• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต (Central Westgate) วันที่ 25- 31 ตุลาคม 2567
• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ขอนแก่น วันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2567
• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต วันที่ 21-27 พฤศจิกายน 2567

สามารถติดตามข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ได้ในช่องทาง FACEBOOK: MGTHAILAND

ลูกค้าที่สนใจสามารถชมข้อมูลตัวรถ ALL NEW MG3 HYBRID+ เพิ่มเติมได้ https://new-mg3.mgcars.com/en/cars/all-new-mg3-hybrid-plus 

หรือสามารถชมและทดลองขับได้ที่โชว์รูม เอ็มจี กว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศ โดยสามารถจองขับได้ที่ลิงก์ https://hellohybridplus.mgcars.com/

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267

MG มีข้อเสนอสุดคุ้ม!! ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุดถึง 5 ปี เผย!! เป็นข้อเสนอพิเศษเดียวกัน กับที่งาน ‘MOTOR EXPO’

(24 พ.ย. 67) บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย มอบความคุ้มค่าผ่านแคมเปญ MG NEW YEAR’s SUPERDEAL ด้วยดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุดถึง 5 ปี ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นานสูงสุด 3 ปี และมั่นใจกับการใช้รถระยะยาวด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ และระบบขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งานไม่จำกัดผู้ขับขี่ ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ เอ็มจี 140 แห่ง ทั่วประเทศ หรือจองออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ https://onlinebooking.mgcars.com/ 

แคมเปญนี้ ยังเป็นข้อเสนอพิเศษเดียวกันกับงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2024 (MOTOR EXPO 2024) อีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top