Thursday, 5 June 2025
Harvard

ทัวร์ลง ‘อธิการบดี ม.ฮาร์วาร์ด’ ประเด็น ‘อิสราเอล-ปาเลสไตน์’ ด้านบอร์ดบริหารลาออก เหตุรับไม่ได้ต่อความนิ่งเฉยของสถาบัน

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 66 อธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ‘คลอดีน เกย์’ ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของสถาบันอันเก่าแก่นี้เมื่อเดือนกรกฎาคม กำลังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากการที่ฮาร์วาร์ดมีปฏิกิริยาออกมา หลังจากการโจมตีอิสราเอลโดยกลุ่มฮามาส

เศรษฐีพันล้านชาวอิสราเอล ‘ไอดาน โอเฟอร์’ และภรรยา ‘บาเทีย โอเฟอร์’ ลาออกจากตำแหน่งบอร์ดบริหารของคณะบดีแห่ง Harvard Kennedy School

ทั้งคู่กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว ก็เพราะการไร้ความชัดเจนของผู้บริหารมหาวิทยาลัยในการสนับสนุนชาวอิสราเอล

“ความศรัทธาของเราต่อคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้เเตกสลายลงเเล้ว” คู่สามีภรรยาโอเฟอร์กล่าวในแถลงการณ์

ขณะเดียวกันอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเเห่งนี้ ‘ลาร์รี ซัมเมอร์ส’ กล่าวว่าเขารู้สึก ‘สะอิดสะเอียน’ กับการที่ฮาร์วาร์ดนิ่งเงียบในตอนเเรกหลังจากที่กลุ่มนักศึกษากว่า 30 กลุ่ม ออกเเถลงการณ์กล่าวโทษอิสราเอลเพียงฝ่ายเดียว ว่าเป็นต้นเหตุของความรุนเเรง

มหาเศรษฐีอีกรายหนึ่งที่มีปฏิกิริยาต่อท่าทีของฮาร์วาร์ด คือ ‘บิลล์ อะเคอร์แมน’ นักลงทุนรายใหญ่และศิษย์เก่าของสถาบันแห่งนี้

ต่อมา ‘คลอดีน เกย์’ อธิการคนปัจจุบัน เมื่อเธอมีถ้อยเเถลงที่ชัดเจนถึงการโจมตีในอิสราเอล และซัมเมอร์ลดความร้อนเเรงในคำวิจารณ์ต่อเธอ

เกย์ต้องออกแถลงการณ์หลายฉบับ ในความพยายามลดความตึงเครียด โดยในฉบับที่สามเมื่อวันพฤหัสบดี เธอประณาม “ความโหดร้ายอันป่าเถื่อนที่กระทำโดยฮามาส” ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถูกระบุโดยสหรัฐฯ และยุโรป ว่าเป็น ‘ขบวนการก่อการร้าย’ ขณะเดียวกัน เกย์ยืนยันที่จะปกป้องเสรีภาพในการเเสดงความคิดเห็น

ในถ้อยเเถลงผ่านคลิปวิดีโอ เกย์กล่าวว่า เธอปฏิเสธ “การคุกคาม หรือการข่มขู่บุคคล บนพื้นฐานความเชื่อของพวกเขา”

‘ม.ฮาร์วาร์ด’ บรรจุ ‘ภาษาไทย’ ลงหลักสูตรการเรียนการสอนปี 66-67 เชื่อ!! ก้าวสำคัญแห่ง 'ภาษาสยาม' ผงาดข้ามสู่ความเป็นอินเตอร์

เมื่อไม่นานมานี้ ช่องยูทูบ ‘สะท้อนไทย’ ได้นำเสนอมุมมองของผู้คนในหลายประเทศ ว่ามีความคิดเห็นยังไงกับประเทศไทยในแง่มุมต่างๆ

หนึ่งในนั้นเป็นเรื่องของภาษาไทย ที่ดังไกลทั่วโลกจนถึงขั้นมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง ‘ฮาร์วาร์ด’ (Harvard University) ต้องทำการบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษา

สำหรับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 ก.ย. ค.ศ. 2179

เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยกลุ่มไอวีลีก (Ivy League) โดยในปี ค.ศ. 2009-2010 และได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง ของสหรัฐอเมริกา โดยนิตยสารยูเอสนิวส์ รวมถึงได้รับการจัดอันดับโดย ไทมส์ไฮเออร์เอดยูเคชันซัปพลีเมนต์ (Times Higher Education) หนังสือพิมพ์ชื่อดังจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ ให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับที่ 7 ของโลก ในปี ค.ศ. 2019-2020 ซึ่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีแห่งหนึ่งของโลก ที่ผู้คนทั่วโลกให้การยอมรับ

ทั้งนี้หากอ้างอิงจาก เพจอาเซียน ได้มีการโพสต์ถึงภาษาของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้มีการบรรจุเข้าไปเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้แก่ ภาษาบาฮาซา (Bahasa) ของประเทศอินโดนีเซีย, ภาษาตากาล็อก (Tagalog) หรือภาษาฟิลิปีโน (Filipino) ประเทศฟิลิปปินส์ และ ภาษาไทย (Thai) ของประเทศไทย

ด้าน เว็บไซต์เดอะสตาร์ ได้เขียนบทความเกี่ยวกับภาษาตากาล็อก, ภาษาบาฮาซา และภาษาไทยที่ถูกนำมาสอนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไว้ด้วยว่า ภาควิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จะทำการจ้างอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ 3 คน เพื่อสอนภาษาเหล่านี้โดยเฉพาะ สำหรับปีการศึกษา 2566-2567

แน่นอนว่า ภายหลังที่ทางมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้บรรจุหลักสูตรภาควิชาภาษาไทย เข้าไปเป็นหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอน ก็ทำให้ในโลกออนไลน์ มีการแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าวกันเป็นจำนวนมาก อาทิ...

- “ฉันเรียนภาษาไทยมา 2-3 ปีแล้ว แต่ฉันกลัวเกินกว่าจะพูดกับคนพื้นเมืองเสมอ เพราะฉันมักจะไม่มั่นใจในความเข้าใจของตัวเอง”
- “ภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร คำศัพท์แสลงใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกปีที่มาจากคนหนุ่มสาว ง่ายยากอยู่ที่นิสัย และเรียนรู้ได้อย่างเต็มใจ ถ้ามีความสุขภาษา เขาจะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว”
- “ภาษาไทยไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย”
- “ภาษาไทยเป็นภาษาที่ทั่วโลกให้การยอมรับ”
- “คนรุ่นใหม่ทั่วโลกอยากเรียนภาษาไทยกันมากขึ้น”

- “ภาษาเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก เมื่อพิจารณาจากจำนวนของเจ้าของภาษา 86 ล้านคน และอันดับที่ 20 ของโลก เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้พูดระดับ 1 และ 2 ภาษาเวียดนามเป็นภาษาประชากรรายใหญ่อันดับ 4 ในสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องปกติที่จะได้รับการสอนภาษาเวียดนามในฮาร์วาร์ด แต่น่าตลกที่ข้อมูลนี้ แสดงเฉพาะภาษาไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียเท่านั้น”
- “ถ้าไม่มีภาษาเวียดนาม นั่นคือข่าวปลอม ได้โปรด จงเข้าไปเช็กที่เว็บไซต์ของฮาร์วาร์ด”
- “ภาษาอินโดนีเซียเอามาจากภาษามาเลเซีย” และได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นโต้แย้งความเห็นนี้ว่า “ภาษามาเลเซียไม่มีอยู่จริง”

***ทั้งนี้ ก็มีดรามาเล็กๆ ถึงความเห็นที่พูดถึงเกี่ยวกับภาษาเขมร ซึ่งอ้างว่าเป็นต้นกำเนิดของภาษาไทยในหัวข้อประเด็นนี้ด้วย อาทิ...
- “แล้วภาษาเขมรล่ะ อยู่ที่ไหน?” จากคำถามนี้ ก็ได้มีความคิดเห็นส่วนใหญ่มาตอบกลับใต้คอมเมนต์นี้ว่า…
- “พวกเขาไม่สอนหรอก ภาษาตลกแบบนั้น มันตลกเกินไป”

หลังจากนั้นก็ได้มีชาวกัมพูชาเข้ามาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า…
- “ตัวอักษรไทย มาจากภาษาเขมร ยินดีต้อนรับ คนรับใช้ชาวไทยของเรา”
- “ทำไมเขาถึงไม่สอนภาษาเขมร พวกเขายิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล”
- “ภาษาต้นฉบับแรกอยู่ที่ไหน? ภาษาเขมรอยู่ที่ไหน?”
- “ต้องมีแค่ภาษาเขมรอย่างเดียวสิ เพราะเขมรคือประเทศมหาอำนาจ”

ไม่ว่าประเด็นข้อถกเถียงจะเป็นเช่นไรก็ตาม แต่สิ่งที่น่าภูมิใจคือ ภาษาไทยกับก้าวสำคัญในการเป็นหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง 'ฮาร์วาร์ด' อาจเป็นจุดเริ่มต้นบทใหม่ของ Soft Power ไทยผ่านภาษาไทยนับต่อจากนี้ ก็เป็นได้...

'เพจดัง' ขยายความ Visiting Democracy Fellowship ที่ Harvard ของ 'พิธา' สรุปแล้ว ไปเป็นนักเรียน ไม่ได้ไปเป็นอาจารย์ และไม่น่าใช่การถูกเชิญ

(21 ส.ค. 67) เพจ 'วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

#ทุกคนคะ ขอกันเข้ามาเยอะ ประเด็น คุณพิธา ในฐานะ Visiting Democracy Fellowship ที่ Harvard หมายความว่าอะไร 

#หนูจะเล่าให้ฟัง

1. ต้องสมัครค่ะ เท่าที่อ่านดู ไม่มีอธิบายเรื่องการเชิญ โดยทั่วไปคือต้องสมัคร มีค่าใช้จ่าย ไม่แน่ใจว่าจะมีกรณีเชิญพิเศษหรือไม่นะคะ

2. ต้องเป็นนักเรียน ป.เอก หรือ PhD Vandidate (คือนักเรียน ป.เอก ที่สอบ Proposal ผ่านแล้ว) หรือ มีประสบการณ์ (Professional Experienc

3. Consider เป็น Full-Time Student ค่ะ จะสมัครเรียนได้ ต้องติดต่ออาจารย์ที่มหาลัยก่อน ให้อาจารย์รับ ถึงจะสมัครได้ แล้วจะขึ้นตรงกับภาควิชาใดภาควิชานึงของมหาลัย (Process แบบนี้ถือเป็นวิธีการสมัครเรียน ป.เอก ของอเมริกาแบบปกติค่ะ)

4. ไม่ต้องลงเรียนวิชาใดแล้ว (แต่ถ้าอยากเรียน ก็สามารถลงเรียนแบบ Audit ได้) ให้ทำเฉพาะงานวิจัยของตัวเอง เป็น Independent Research ในหัวข้อของตัวเอง จะถูก Required ให้เข้าฟังสัมมนาของมหาลัย (ซึ่งเป็นปกติของ นร. ป.เอก เช่นกัน)

5. เป็นโปรแกรมระยะสั้น ไม่เกิน 1  ปี หากครบกำหนดต้องสมัครใหม่เอง ไม่ต่อโปรแกรมอัตโนมัติ ไม่ได้วุฒิ ป.เอก แต่ได้ประกาศนียบัตร

#สรุปสั้นๆ

คุณพิธา สมัครเรียน Graduate Student ค่ะ เหมือน นักเรียน ป.เอก/PhD candidate ที่เรียน coursework ครบหมดแล้ว หรือ Postdoc และ ทำแต่งานวิจัยของตัวเองค่ะ เป็นโครงการทำวิจัยระยะสั้น และ มีกิจกรรมทำตามที่ Harvard จะให้ทำ และเป็น Non-Degree ค่ะ

ทั้งนี้ ทางเพจ ได้ตรวจสอบ พบอีกว่า นานพิธา น่าจะสมัครไว้ก่อนแล้ว เพราะถ้าไปปีนี้ ก็จะตรงกับเปิดเทอมเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้ (Fall: Sep 2024 - May 2025)

‘วารินทร์ สัจจเดว’ โพสต์เฟซ!! ขอบคุณ ‘Harvard Club of Thailand’ ที่มอบหมายให้เป็นพิธีกร ในงานใหญ่ แม้ไม่ได้เป็นศิษย์เก่าของสถาบันนี้

(5 พ.ค. 68) ‘วารินทร์ สัจจเดว’ ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

ดำเนินรายการอยู่ดีๆ ลำโพงในห้องก็ร่วง ผมเลยเปรย

Trump is here! หุหุกันทั้งห้อง…

ผมไม่ได้จบ Harvard แต่จบตรีเศรษฐศาสตร์ มธ และ โท MBA Finance จากจุฬาฯ ก่อนไปทำโทอีกใบด้านสื่อที่ Boston ก็มีข้ามแม่น้ำ Charles ไปเที่ยว Harvard ฝั่ง Cambridge อยู่บ่อยครั้ง ขอบคุณพี่โจ้ นายกฯ Harvard Club of Thailand ที่มอบหน้าที่สำคัญในงานใหญ่ของสมาคมที่ทรงเกียรตินี้นะครับ 

#Moderator #ผู้ดำเนินรายการ

Rethinking Development in the Age of Discontent ตั้งสติใหม่เมื่อต้องพัฒนาโลกที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจ ขอบคุณ #ITD ด้วยครับ ที่ช่วยประสานให้งานผ่านไปอย่างราบรื่น เข้าออกตึกสหประชาชาติไม่ใช่เรื่องง่าย

‘อ.เจษฎา’ ออกโรงป้อง!! ‘นายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน’ เผย!! เป็นอาจารย์แพทย์ ‘Harvard Medical School’

(5 พ.ค. 68) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า …

"เขาหาว่า คุณหมอ ธนีย์ ไม่เคยเป็นอาจารย์ Harvard " !?

สรุปกรณีที่มีคนมาโพสต์หาเรื่อง คุณหมอ ธนีย์ Tany (คุณหมอชื่อดัง ที่ทำช่องยูทูปให้ความรู้ด้านสุขภาพ และคอยแก้ไขข่าวปลอม ข่าวมั่ว โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องโรคโควิด และวัคซีน) นะครับ

- มีคนโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ้คหนึ่ง (ซึ่งไม่ได้ใช้ชื่อจริง ระบุเพียงเป็นคนนครศรีธรรมราช) ซึ่งเมื่อเลื่อนดูแล้ว จะเห็นได้ว่าเคยโพสต์ข้อความจำนวนมากในเชิงต่อต้านวัคซีน mRNA โควิด และวัคซีนไข้หวัดใหญ่

- เขาได้โพสต์ตั้งคำถามว่า "แพทย์หรือตัวแทนบริษัทวัคซีนกันแน่ ? " โดยเน้นไปที่โจมตี คุณหมอ ธนีย์ (หรือ นพ. ธนีย์ ธนียวัน (Tany Thaniyavarn, MD) เจ้าของช่องยูทูป Doctor Tany https://www.youtube.com/@DrTany อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด วิกฤตบำบัด และการปลูกถ่ายปอด (Pulmonary and Critical Care Medicine/ Lung Transplant) ทำงานอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา ) ว่า คิดว่าเป็นผู้แทนวัคซีนไฟเซอร์ เป็นแพทย์หรือตัวแทนบริษัทผู้ผลิตวัคซีนกันแน่

- โดยเขาได้อ้างว่า "ไม่มีข้อมูลที่ระบุชัดเจน ว่า นพ.ธนีย์ ธนียวัน ทำงานที่ Harvard Medical School โดยตรง" , การเป็นอาจารย์แพทย์ในสหรัฐอเมริกานั้น ก็ "ไม่ได้ระบุชื่อสถาบันอย่างชัดเจน" , ช่อง YouTube ชื่อ "Doctor Tany" ไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงกับ Harvard , หนังสือ Health Talk กับ Doctor Tany และหนังสืออื่น ๆ ของเขา ไม่ได้ระบุสถานที่ทำงานปัจจุบัน 

- ทำให้เขาสรุปว่า "ไม่มีหลักฐานอ้างอิงที่ชัดเจน ในผลการค้นหาปัจจุบัน ที่ยืนยันว่า นพ.ธนีย์ ธนียวัน ทำงานที่ Harvard Medical School" รวมทั้งการสืบค้นในฐานข้อมูลของแพทยสภา พบ นพ. ธนีย์ ธนว*** TANY TNYV***, M.D. เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตั้งแต่ พ.ศ. 2549 แต่ข้อมูลไม่บอกสถานะความรู้ความชำนาญเฉพาะทางที่แพทยสภารับรอง 

(ซึ่งทั้งหมดนี้ ผมคิดว่าเป็นการกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก และเข้าข่ายให้ฟ้องหมิ่นประมาทได้ .. เพราะมีทั้งคำที่กล่าวหาให้เสียชื่อเสียง และมีคนมาคอมเม้นต์ร่วมกล่าวหา เสียๆ หายๆ อีกเป็นจำนวนมาก)

ล่าสุด คุณหมอ ทนีย์ ได้โพสต์คลิปยูทูป อธิบายตอบประเด็นข้อกล่าวหาดังกล่าว ในชื่อคลิปว่า "เขาว่าผมไม่เคยเป็นอาจารย์ Harvard!? ไม่ใช่หมอเฉพาะทาง!? — งั้นมาดูหลักฐานชัดๆ #กรี๊ดสิครับ" ( https://www.youtube.com/watch?v=mxxUJkDpXX4 ) โดยชี้แจงหลายประเด็น ดังนี้

- คุณหมอเคยทำงานที่เป็นอาจารย์แพทย์ Harvard Medical School และ Brigham and Women's Hospital แต่ปัจจุบันลาออกแล้ว เนื่องจากเกิดการควบรวมเข้ากับโรงพยาบาล Massachusetts General Hospital ทำให้เกิดปัญหาด้านการบริหาร ระบบที่สับสน ตัดงบงานวิจัย ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงลาออกมา

- ส่วนการที่ใช้คำว่า "อาจารย์แพทย์" นั้น คุณหมอบอกว่าเป็นความคิดส่วนตัว จากการที่เขายังคงทำงานด้านการให้ความรู้ด้านการแพทย์อยู่ เหมือนกับอาจารย์แพทย์ที่เกษียณแล้ว ก็ยังเรียกกันว่าเป็นอาจารย์ ..ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร

- ตั้งแต่เริ่มทำคลิปยูทูปมา คุณหมอก็ไม่ได้โปรโมทว่าตนเองเป็นอาจารย์แพทย์ที่โรงพยาบาลไหน ไม่ได้จงใจพูดในรายการเพื่อให้คนเชื่อตนจากสังกัด อยากให้เน้นที่เนื้อหามากกว่า ... แต่ผู้ชมไปทราบกันทีหลังเอง 

- คุณหมอได้แสดงหลักฐานต่าง ๆ ดังเช่น บัตรประจำตัว ที่ Harvard Medical School และที่โรงพยาบาล Brigham and Women's Hospital , บัตรประจำตัวที่ โรงพยาบาล Dana-Farber Cancer Institute (เป็นที่ปรึกษาอยู่ที่นั้น) , หนังสือรับเข้าทำงานที่ Harvard Medical School และ Brigham and Women's Hospital เมื่อปี 2018 (มีระบุชัดเจนว่า ได้เงินเดือนจ้าง หลักแสนเหรียญ ไม่ใช่แค่ไปทำ fellow ที่นั่น) , ประกาศนียบัตร รับรองให้ทำอาชีพแพทย์ที่รัฐแมสสาชูเซต เมืองบอสตัน ได้ , เอกสารระบุการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายปอด และการดูแลผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะระยะวิกฤติ ในการจัดคอร์สสอนต่างๆ ของ Brigham and Women's Hospital 

- คุณหมอแสดงหลักฐานผลงานทางวิชาการ เช่น ร่วมแต่งหนังสือ Lung Transplantation (2 เล่ม ปี 2022 และ 2023) และระบุว่า ยังทำงานที่ Veterans Affairs Boston Health Care ที่บอสตัน อีกแห่งหนึ่งด้วย

- ส่วนประวัติการศึกษานั้น ตอนประถมและมัธยมต้น เรียนที่โรงเรียนเซนต์ดอมินิก มัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดม ฯ และคุณหมอมีหลักฐานแสดงถึงการจบแพทยศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาฯ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง (จบปี พ.ศ. 2549) ผลการเรียนดีทุกวิชา , เคยทำกิจกรรมใหญ่ อย่างการเป็น chairperson ให้กับงาน The 25th Asian Medical Students Conference สมัยเรียนปี 5 , เคยเป็นหัวหน้าแผนกวิเทศสัมพันธ์ (หมายถึง ติดต่อกับต่างประเทศ) ของสโมสรนิสิตคณะแพทย์ , เรียนจบ เป็นสมาชิกแพทย์สภา , ทำงานใช้ทุนที่โรงพยาบาล สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 3 ปี , สอบผ่านประกาศนียบัตร ECFMG (Educational Commission for Foreign Medical Graduates ) ด้วยคะแนนดีมาก เพื่อไปที่สหรัฐอเมริกา , ไปเรียน residency (Resident in Internal Medicine อยุรกรรม) ที่สถาบัน Albert Einstein Medical Center ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย และมีภาพข่าวประกอบในหนังสือพิมพ์ และจดหมายระบุถึงการเป็นคนไม่กี่คนที่ได้คะแนนสูงสุด รวมถึงรางวัลอื่นๆ อีกหลายอย่างของสถาบัน , สอบ หมออยุรกรรม ได้ประกาศนียบัตรจาก The American Board of Internal Medicine , ไปเรียนต่อจนจบ ด้าน โรคปอดและวิกฤติบำบัด จาก Department of Medicine School of Medicine Emory University และได้รางวัล outstanding fellow และ The Brainiac Award รวมทั้งชนะเลิศการแข่งขันรางวัลทางวิชาการต่างๆ , สอบได้ใบประกาศนียบัตร ด้านโรคปอด และอีกใบ ด้าน เวชบำบัดวิกฤติ จาก The American Board of Internal Medicine , ไปเรียนด้านการปลูกถ่ายปอด จากมหาวิทยาลัย Duke University Medical Center 

- คุณหมอทิ้งท้ายว่า จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้ไม่เคยเอามาเล่าให้ใครฟังเลย ไม่คิดจะนำมาอวดอะไร แค่บอกแนะนำตัวว่าเป็นอาจารย์แพทย์ที่อเมริกา .. แต่อยากให้ฟังจากเนื้อหาข้อมูล รวมถึงตรรกะ ที่นำมาอธิบายทางรายการมากกว่า 

สรุปสั้นๆ ก็คือ โพสต์ของคนคนนั้น เป็นการกล่าวหาคุณหมอ ที่มั่ว และน่าเกลียดมากครับ โดยคุณหมอได้ชี้แจงอย่างชัดเจนมาก พร้อมหลักฐานประกอบครบถ้วน แก้ข้อกล่าวหาได้ (แถมอึ้งเลย ว่าคุณหมอจะโคตรเก่งอะไรปานนั้น 55) 

ป.ล. โดยส่วนตัว ผมไม่เคยได้พบคุณหมอ ทนีย์ ตัวจริงๆ เลย (เคยบังเอิญได้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุพร้อมกันครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับชุดตรวจ ATK โควิด) แต่ติดตามช่องยูทูปคุณหมอมานาน ตั้งแต่ยุคโควิดแล้ว ซึ่งหลายครั้งก็ได้เอาข้อมูลความรู้จากรายการมาช่วยเผยแพร่ต่อ เพราะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมาก

‘ทรัมป์’ บีบ ‘ฮาร์วาร์ด’ เปิดรายชื่อนักศึกษาต่างชาติ ตั้งคำถามประเทศต้นทาง ‘ไม่ช่วยจ่าย ทำไมได้เรียนฟรี’

(26 พ.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเปิดเผยรายชื่อนักศึกษาต่างชาติพร้อมสัญชาติของแต่ละคน โดยอ้างว่าเป็น “คำขอที่สมเหตุสมผล” เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ มอบเงินสนับสนุนจำนวนมากแก่สถาบันนี้ ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังตั้งคำถามว่าทำไมประเทศต้นทางเหล่านี้ ซึ่งบางแห่งไม่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ ถึงไม่ต้องจ่ายอะไรเลยให้กับนักศึกษาของตนเอง

ข้อเรียกร้องนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งต่อเนื่องระหว่างทรัมป์กับฮาร์วาร์ด โดยล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ศาลรัฐบาลกลางมีคำสั่งระงับความพยายามของฝ่ายบริหารที่ต้องการสั่งห้ามไม่ให้นักศึกษาต่างชาติเรียนที่ฮาร์วาร์ด ซึ่งทางมหาวิทยาลัยระบุว่าเป็นการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ

อลัน การ์เบอร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แถลงตอบโต้ว่า การกระทำของรัฐบาล “ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไร้เหตุผล” พร้อมเตือนว่า นี่อาจเป็นผลกระทบจะรุนแรงต่ออนาคตของนักศึกษาและนักวิจัยนับพันคนทั้งในและนอกประเทศ และยังเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพของสถาบันการศึกษาทั่วสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างทรัมป์กับฮาร์วาร์ดทวีความรุนแรงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ระงับงบวิจัยกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ และข่มขู่จะยกเลิกสิทธิ์ยกเว้นภาษีของมหาวิทยาลัย พร้อมเรียกร้องให้จัดทำการตรวจสอบ “ความหลากหลายทางแนวคิด” ภายในองค์กรอีกด้วย

‘ม.ฮาร์วาร์ด’ อาจถูกตัดงบ 100 ล้านดอลลาร์ หลังถูกกล่าวหาเลือกปฏิบัติ-ต่อต้านชาวยิว

(28 พ.ค. 68) รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมให้หน่วยงานรัฐทบทวนเงินทุนที่มอบให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยอาจยุติหรือโอนงบประมาณไปยังหน่วยงานอื่น หากพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งถือเป็นความพยายามล่าสุดในการกดดันสถาบันการศึกษาชั้นนำแห่งนี้

สำนักงานบริหารบริการทั่วไป (GSA) เตรียมส่งจดหมายถึงหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ระบุสัญญาที่ทำไว้กับฮาร์วาร์ด ซึ่งคาดว่ามีมากถึง 30 ฉบับ รวมมูลค่าราว 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,650 ล้านบาท) ขณะที่ร่างจดหมายฉบับนี้กล่าวหาว่าฮาร์วาร์ดมีพฤติกรรมเลือกปฏิบัติและต่อต้านชาวยิว

แม้รัฐบาลจะยังไม่ตัดงบทันที แต่จะเริ่มกระบวนการประเมินว่าเงินทุนใดจำเป็นต่อผลประโยชน์ของรัฐ โดย GSA จะเสนอให้ยกเลิกสัญญาที่ไม่ผ่านเกณฑ์ พร้อมโยกงบประมาณไปยังโครงการอื่น ด้านฮาร์วาร์ดยังไม่ออกแถลงการณ์ แต่เตือนว่าการวิจัยสำคัญ เช่น มะเร็งและโรคติดเชื้อ อาจหยุดชะงักหากขาดเงินสนับสนุน

ความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลทรัมป์กับฮาร์วาร์ดทวีความรุนแรงขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งจากการอายัดงบวิจัย 2.2 พันล้านดอลลาร์ และคำสั่งระงับสิทธิ์รับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งสร้างความโกลาหลให้กับนักเรียนหลายพันคน ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งชะลอการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าวชั่วคราว

ศ.หญิงรายได้สูง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ถูกไล่ออกจากฮาร์วาร์ด ฐานบิดเบือนข้อมูลวิจัย

(30 พ.ค. 68) ฟรานเชสกา จิโน (Francesca Gino) อดีตศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมศาสตร์แห่ง Harvard Business School ซึ่งเคยมีรายได้สูงถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 36 ล้านบาท) ระหว่างปี 2018-2019 ถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกเพิกถอนตำแหน่งถาวร หลังผลสอบชี้ชัดว่าเธอมีการบิดเบือนข้อมูลในงานวิจัยถึง 4 ชิ้น เพื่อให้ผลลัพธ์สนับสนุนสมมติฐานของตนเอง

การสืบสวนเริ่มขึ้นในปี 2021 หลังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับงานวิจัยชื่อดังของจิโน ว่าด้วยการลงนามคำมั่นสัญญาความซื่อสัตย์ ซึ่งภายหลังถูกเพิกถอนเพราะพบหลักฐานปลอมแปลงข้อมูล การตรวจสอบเชิงลึกโดยมหาวิทยาลัย และบริษัทนิติวิทยาศาสตร์จากภายนอก พบการปรับแต่งข้อมูลในอีก 3 งานวิจัยที่เธอร่วมเขียนระหว่างปี 2012-2020

แม้จิโนจะออกมาปฏิเสธผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวว่าไม่ได้กระทำการฉ้อโกงทางวิชาการ และอ้างว่าอาจเป็นความผิดของผู้ช่วยวิจัยหรือมีผู้เจตนาร้ายแทรกแซงข้อมูล แต่ผลสอบของมหาวิทยาลัยไม่ยอมรับคำชี้แจงดังกล่าว พร้อมเดินหน้าปลดเธอออกจากตำแหน่งโดยทันที และเสนอให้เพิกถอนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

จิโนถือเป็นศาสตราจารย์คนแรกของฮาร์วาร์ดที่ถูกเพิกถอนตำแหน่งในรอบกว่า 80 ปี เธอยังได้ยื่นฟ้องมหาวิทยาลัย อดีตคณบดี และบล็อกเกอร์กลุ่ม Data Colada เรียกค่าเสียหาย 25 ล้านดอลลาร์ แต่คำร้องถูกศาลกลางในบอสตันปฏิเสธ โดยระบุว่างานวิจัยของเธอเป็นเรื่องที่เปิดให้สาธารณะวิจารณ์ได้ภายใต้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ

กรณีนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงวิชาการสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงพฤติกรรมศาสตร์ ซึ่งจิโนเคยเป็นนักวิจัยแนวหน้า ได้รับการตีพิมพ์บทความมากกว่า 140 ชิ้น และได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางจากสื่อมวลชนตลอดทศวรรษที่ผ่านมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top