Tuesday, 10 June 2025
ElectionTime

เยือนถิ่นคนเสื้อแดง!! ‘ก้าวไกล’ ลุยอุดรฯ ชูนโยบาย หยุดวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล ชี้ เลือกทั้งที ต้องเลือกให้ขาด เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

(5 มี.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ยังคงร่วมกันเดินสายหาเสียงในภาคอีสานอย่างต่อเนื่องที่จังหวัดอุดรธานี โดยในช่วงเช้า ได้ร่วมเดินสายหาเสียงไปกับ นายอานันท์ อมรินทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี พรรคก้าวไกล (อ.ศรีธาตุ, อ.ไชยวาน, อ.วังสามหมอ, อ.กู่แก้ว) ขึ้นรถอีแต๋นแห่หาเสียงไปตามถนนสายหลักของ อ.ศรีธาตุ ก่อนร่วมกันเปิดเวทีปราศรัยที่โรงเรียนศรีธาตุวิทยาคม ท่ามกลางประชาชนชาวศรีธาตุที่ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก

นายปิยบุตรปราศรัยว่า ที่ผ่านมาจากพรรคอนาคตใหม่มาสู่พรรคก้าวไกล เราได้พิสูจน์แล้วว่า เราเป็นพรรคการเมืองที่ทำหน้าที่ในสภาได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีมวยล้มต้มคนดู อภิปรายทุกครั้งทุกคนยกให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่อภิปรายได้ดีเยี่ยม ไม่มีมองว่ารัฐมนตรีคนไหนเป็นเพื่อนเก่า ไม่มีมองว่ารัฐมนตรีคนไหนช่วยดูแลอยู่ รัฐมนตรีคนไหนประพฤติมิชอบพรรคก้าวไกลอภิปรายแทนประชาชนทั้งหมด

พรรคก้าวไกลยังได้เสนอแนวนโยบายแทนประชาชนหลายเรื่องอย่างตรงไปตรงมา ทั้งเรื่องการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ทั้ง พ.ร.บ.แรงงาน, พ.ร.บ.บำนาญประชาชน, การแก้ปัญหาที่ดิน ฯลฯ หลายกฎหมายถูกนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตีตก ถูกคว่ำร่างกฎหมาย แต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือน ประชาชนสนับสนุนสิ่งที่พรรคก้าวไกลผลักดันอย่างกว้างขวาง ขนาดพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านยังทำได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นรัฐบาลจะทำได้ขนาดไหน

นายปิยบุตรยังกล่าวต่อไป ว่าอุดรธานีขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงคนเสื้อแดง ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาทุกยุคสมัย ปี 2553 คนที่เข้าไปต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแข็งขันที่สุดก็คือ คนเสื้อแดงอุดรธานี แต่การต่อสู้ในวันนั้นจบลงด้วยการปราบปรามเข่นฆ่า คนเสื้อแดงหลายคนถูกจับดำเนินคดี บาดเจ็บล้มตายกันไป ผ่านไปถึง 13 ปี วันนี้ยังไม่ชำระสะสาง นายทหารที่บัญชาการการสั่งฆ่ายังลอยนวล ไม่มีการนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย แถมยังได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีในวันนี้

แม้แต่ พล.อ.ประวิตร ที่วันนี้เสนอตัวมาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นโซ่ข้อกลางก้าวข้ามความขัดแย้ง ก็เป็นผู้อำนวยการ ศอฉ. ในวันนั้น ทำหน้าที่ปราบปรามสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ถามจริงว่าพี่น้องคนเสื้อแดงยอมให้คนแบบนี้ขึ้นมามีอำนาจได้ต่อไปอย่างนั้นหรือ ใครก็ตามที่ไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประวิตรได้ ก็คือคนที่เหยียบหน้าคนเสื้อแดงทั้งประเทศ

สำหรับพรรคก้าวไกลชัดเจนมาตลอด ว่าจะไม่เข้าร่วมกับพรรคทหารจำแลงไม่ว่าพรรคไหนทั้งนั้น ถ้า ครม. วันข้างหน้ามีพรรคทหารจำแลงอยู่ในนั้นเมื่อไหร่พรรคก้าวไกลพร้อมเป็นฝ่ายค้านทันที

“พอกันทีกับการเมืองแบบเดิม ๆ ลูบหน้าปะจมูก ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร ผ่านมา 13 ปี จากเหตุการณ์ปี 2553 คนเสื้อแดงอุดรธานีย่อมจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ ความปรองดองอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ยิงพวกเราตายเสร็จแล้วบอกว่าโทษที ลืม ๆ กันไป ความปรองดองที่แท้จริงต้องมาจากการยอมรับความจริง ชำระสะสางเหตุการณ์ เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้” นายปิยบุตรกล่าว

นายปิยบุตรยังกล่าวต่อไป ว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่หน้าสื่อวันนี้ เต็มไปด้วยข่าวการย้ายพรรค ดูดตัว ส.ส. กันให้วุ่นวายน่าสับสนไปหมด วันหนึ่งอยู่พรรคสืบทอดอำนาจ อภิปรายด่าฝ่ายค้าน สนับสนุนรัฐบาลเต็มที่ มาอีกวันแค่เปลี่ยนเสื้อก็กลายเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไปแล้ว สรุปว่าพรรคการเมืองเป็นที่รวมตัวของคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน หรือเป็นที่รวมตัวของคนอยากเป็น ส.ส. รวมยอดที่นั่ง ส.ส. กันไปแลกเก้าอี้รัฐมนตรีกันแน่

ใครที่ไม่อยากเห็นการเมืองเดิม ๆ แบบนี้อีกแล้ว ขอให้ร่วมกันเลือกพรรคก้าวไกลให้มาก ๆ ส.ส. พรรคก้าวไกล รวมตัวกันด้วยความต้องการเดียวเท่านั้นคือการเปลี่ยนแปลง เราต้องการ ส.ส. จำนวนมาก ๆ เพียงเพื่อไปยกมือให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไปเลือกพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ไปส่งมอบนโยบายที่ดีให้กับประชาชนเท่านั้น

ในส่วนของนายพิธา ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทุกคนสามารถเลือกเพื่อการเปลี่ยนแปลงได้ เพื่ออนาคต 60% ของเด็กเล็กในอุดรธานีอยู่ในครอบครัวที่ยากจน เราต้องมีรัฐสวัสดิการให้ลูกเด็กเล็กแดง คืนครูให้กับห้องเรียน ยกเลิกระบบครูเวรทันที โรงเรียนต้องเป็นที่ปลอดภัยของทุกคน เราต้องกระจายอำนาจ เพิ่มอำนาจและงบประมาณให้ท้องถิ่นทุกระดับ ยกเลิกรัฐราชการรวมศูนย์ ไม่ใช่อย่างที่ประยุทธ์ไปพูดผิด ๆ ว่าจะยุบ อบต.

'พุทธิพงษ์' เผยกลยุทธ์หาเสียงเลือกตั้ง ภท.เมืองกรุง มุ่งนำนโยบายเข้าถึง ปชช. ทั้งเคาะประตูบ้าน+สื่อออนไลน์

'พุทธิพงษ์' เผยกลยุทธ์หาเสียงเลือกตั้ง ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งเดินเท้า – เคาะประตูบ้านเข้าหา ปชช. และรุกโซเชียลแจงนโยบายผ่านทุกแพลตฟอร์ม

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. พรรคภูมิใจไทย กล่าวผ่านรายการทันข่าวเช้าวันหยุด สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 5 มี.ค.66 ถึงการหาเสียงเลือกตั้งในส่วนของพรรคภูมิใจไทยว่า ต้องยอมรับว่าวันนี้โลกเราเปลี่ยนไปมาก แต่แน่นอนว่าการหาเสียงระบบเดิมยังคงต้องใช้อยู่ โดยการให้ผู้สมัครแต่ละคนเร่งเดินเท้า เคาะประตูบ้าน เดินเข้าหาประชาชน พร้อมมีสื่อหรือสิ่งพิมพ์ไปแนะนำนโยบาย ความทุ่มเทประสบการณ์ ความรู้ความสามารถและความตั้งใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้วตามระบบการหาเสียง เพื่อขอความเห็นใจขอโอกาสจากพี่น้องประชาชนก็ต้องใช้การเดินเท้าเคาะประตูบ้าน ซึ่งเชื่อว่าทุกพรรคคุ้นเคยและทำอยู่ ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องปรับขึ้นมาใหม่คือการนำเสนอต่างๆ โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียต่างๆ ในทุกแพลตฟอร์ม

‘ประชาธิปัตย์’ พัทลุง ส่งเลือดใหม่สู้ศึกเลือกตั้ง มั่นใจกวาดเก้าอี้ ส.ส.ยกจังหวัด หลังเสียงตอบรับท่วมท้น

เวทีปราศรัยใหญ่ พร้อมเปิดตัว 3 ผู้สมัครคนรุ่นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์พัทลุง ที่โรงเรียนพัทลุงคึกคักสุดเหวี่ยงกับรูปแบบการปราศรัยที่เปลี่ยนไปจากเดิม ที่เสริมเติมด้วยความสุขความสนุกผสมกับเนื้อหาเชิงนโยบายของพรรค

สนามกีฬาโรงเรียนพัทลุงเนืองแน่นไปด้วยแฟนคลับประชาธิปัตย์ร่วม 30,000 คน เก้าอี้ที่เตรียมไว้ 9,000 ตัวไม่พอนั่ง เสริมเข้ามาอีก 3,000 ตัวก็ยังเต็ม รอบๆสนามก็นั่งมีคนนั่งฟังก็เต็ม ถนนรอบโรงเรียนรถจอดยาวหลายกิโลเมตร ภาพที่ปรากฏสะท้อนถึงการกลับมาฟื้นคืนของประชาธิปัตย์ในสนามภาคใต้

พัทลุงถือเป็นอีกจังหวัดที่ประชาธิปัตย์ยึดครองมายาวนานแบบ ‘ยกจังหวัด’ เพิ่งจะเมื่อการเลือกตั้งปี 62 ที่เสียที่นั่งให้กับภูมิใจไทย 2 ที่นั่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว ‘นริศ ขำนุรักษ์’ ไว้รักษาหน้าประชาธิปัตย์ไว้ได้บ้าง

‘เรารู้แล้ว เราเข้าใจแล้ว การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เราเผลอไปหน่อย ก็ถูกเพื่อนโจมตี ก็เป็นบทเรียนที่เรารู้แล้ว เราเข้าใจแล้ว’นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยบนเวทีพัทลุง

การเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึงประชาธิปัตย์เฟ้นหาหน้าใหม่ - คนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมทัพลงสู้ศึกเลือกตั้ง เขต 1 สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต ส.ส.ที่ครั้งที่แล้วพลาดไป คราวนี้เอาใหม่กับความขยันลงพื้นที่พร้อมกับการหอบหิ้วสายเลือด ‘ธรรมเพชร’ เต็มตัวลงสู้ศึก ที่พ่อ ‘สุพัฒน์ ธรรมเพชร’ ไม่น่าจะให้ลูกพลาดอีกแล้ว แม้บางคนบอกว่า ‘บ้านใหญ่ธรรมเพชร’ ไปอยู่รวมไทยสร้างชาติก็ตาม

“ธรรมเพชร ต้อง ‘เสถียร ธรรมเพชร’ พี่เถียรอยู่นี่ นั่งอยู่หลังเวทีเราเนี่ย พี่เถียรคือธรรมเพชรของแท้” นิพนธ์ กล่าวปราศรัยเพื่อยืนยันว่า ธรรมเพชรของจริงยังอยู่กับประชาธิปัตย์

ส่วนเขต 2 ก็เป็นสายเลือดนักการเมืองรุ่นเก๋า ‘ดร.เดย์-ปิยะกาญจน์ สุพรรณชนะบุรี’ ลูกสาวของ ‘สานันท์ สุพรรณชนะบุรี’ อดีต ส.ส.คุณภาพสองสมัยของพัทลุง และอดีตนายก อบจ.พัทลุงสองสมัย ที่บอกกับตัวเองว่า “พอแล้ว” ในวัย 70 ปี พร้อมส่งไม้ต่อให้ ‘ดร.เดย์’ อาจารย์ มอ.ตรัง ผู้รับเลือดพ่อมาเต็มเปี่ยม

เขต 3 ก็เป็นคนรุ่นใหม่กิ๊ก ‘ร่มธรรม ขำนุรักษ์’ ลูกชายของ ‘นริศ ขำนุรักษ์’ ส.ส.5 สมัยของพัทลุง ที่สังกัดประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และยังนั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยอีกด้วย ‘ร่มธรรม’ เป็นนักเรียนทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน จบแล้วไปเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ในต่างประเทศหลายประเทศ เช่น รัสเซีย

ประชาธิปัตย์เห็นแววมาตั้งแต่เด็ก เมื่อถึงเวลาก็ดันพ่อขึ้นบัญชีรายชื่อแล้วส่งลูกลงสมัครรับเลือกตั้งแทน

นี่คือสามผู้สมัครคุณภาพของประชาธิปัตย์พัทลุงที่ล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นรุ่นทายาทที่ได้สายเลือดนักการเมืองมาเต็มๆที่ได้เวลาลงสู่สนามด้วยตัวเองกับประสบการณ์ที่เดิมตามหลังพ่อหาเสียงมายาวนาน

แม้บนเวทีปราศรัย ‘แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ ส.ส.นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการประชาธิปัตย์จะพลั้งเผลอไปบ้าง ไปกล่าวพลาดพิงถึง ม.ทักษิณ แต่ทันทีเจ้าตัวก็ออกมายอมรับผิด และขอโทษ ก็ถือว่าเป็นลูกผู้ชายพอ “ผิดแล้วยอมรับผิด”

“ผมกราบขอโทษคณะอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน มหาลัยทักษิณ ทุกคนด้วยครับ

พรรคส้มมาแรง!! ‘ก้าวไกล’ ปลื้ม หาเสียงอีสาน กระแสดี เตรียมลงใต้ ลั่น!! กทม.แลนด์สไลด์ จ่อเปิดตัวผู้สมัครครบ 12 มี.ค.นี้

‘ก้าวไกล’ ปลื้ม หาเสียงอีสาน ประชาชนตอบรับดีมาก เผย ‘พิธา’ เดินสายลงใต้สุดสัปดาห์นี้ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร กทม. ครบ 33 เขต 12 มีนาคม แนะนำ ‘ศุภณัฐ มีนชัยนันท์’ ชิงชัยเขตจตุจักร มั่นใจกรุงเทพฯ ‘ก้าวไกลแลนด์สไลด์’

(6 มี.ค. 66) ที่พรรคก้าวไกล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้ดูแลการเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯ พร้อมด้วย นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตจตุจักร คือ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ หรือ ‘แบงค์’

นายพิจารณ์กล่าวว่า ปัจจุบันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังอยู่ในช่วงการรับฟังความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการแบ่งเขต ซึ่งไม่ว่าการแบ่งเขตจะออกมาในรูปแบบใด อาจสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบแก่บางพรรคการเมือง แต่พรรคก้าวไกลไม่มีความหนักใจ ยืนยันจะสู้ในทุกสนาม เพราะเราเชื่อในการเมืองที่ไม่ได้อาศัยหัวคะแนนหรือระบบอุปถัมภ์ เพื่อสร้างบุญคุณกับพี่น้องประชาชน แต่พรรคก้าวไกลยึดหลักการและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะในสภาฯ หรือนอกสภาฯ จะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ส.ส.เขต พรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่า แม้เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ผลักดันกฎหมายหรือตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเข้มข้น หากเราได้มีอำนาจบริหารและเป็นรัฐบาล ก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในอีก 4 ปี

ดังนั้น ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้กลเม็ดใดในการแบ่งเขต เชื่อว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯ จะไว้วางใจมอบคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกล และเชื่อว่าจะแลนด์สไลด์ในกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ โดยวันนี้ ขอแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. คนใหม่ ที่ทำให้พรรคก้าวไกลมีว่าที่ผู้สมัครครบทุกเขตในกรุงเทพฯ นั่นคือ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ หรือ ‘แบงค์’

ด้านนายศุภณัฐ กล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจร่วมงานกับพรรคก้าวไกลว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่เห็นความเหลื่อมล้ำและความล้าหลังของประเทศ จากการบริหารที่ย่ำแย่ของรัฐบาลยุคปัจจุบัน การเลือกตั้งรอบนี้ ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะอยู่กับการเมืองแบบอดีต อยู่กับ 3ป. หรือจะสร้างการเมืองแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิม สำหรับตนแล้ว พรรคก้าวไกลคือคำตอบของประเทศ จึงอาสาเข้ามาขับเคลื่อนนโยบายพรรคเพื่อประชาชนทุกคน

“เหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือกทำงานกับพรรคก้าวไกล เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้พิสูจน์บทบาทในสภาฯ ได้อย่างเด่นชัดที่สุด ว่ากำลังต่อสู้กับระบอบอุปถัมภ์ ทุนผูกขาด” นายศุภณัฐ กล่าว

ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวถึงการหาเสียงของพรรคก้าวไกลในช่วงที่ผ่านมาว่า ตลอดสัปดาห์ที่แล้ว แกนนำสำคัญของพรรคก้าวไกลลงพื้นที่หาเสียงในหลายจังหวัดทางภาคอีสาน คือ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น อุดรธานี ได้รับการตอบรับดีมาจากประชาชน พี่น้องชาวอีสาน เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง และเชื่อว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง ที่ไม่พาประเทศไทยกลับไปสู่จุดเดิม
 

อธิการบดี ม.ทักษิณ ไม่ถือโทษ หลัง ‘แทน-ชัยชนะ’ เข้า ‘ขอขมา’

(7 มี.ค. 66) นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสานันท์ สุพรรณชนะบุรี ได้เดินทางเข้าพบรองศาสตราจารย์ ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ เพื่อขอขมา-ขอโทษ กรณีนายชัยชนะ กล่าวปราศรัย หาเสียงทางการเมืองที่จังหวัดพัทลุงเมื่อวันที่ 4 มี.ค.2566 ซึ่งพาดพิงถึง มหาวิทยาลัยทักษิณ ในทำนองดูแคลนผู้สมัครจากพรรคการเมืองคู่แข่ง ว่าสำเร็จการศึกษาจาก ม.ทักษิณ ไม่ได้จบการศึกษาจากต่างประเทศแบบพรรคของตน

‘ศุภณัฐ’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ลงพื้นที่จตุจักร ชูนโยบายพัฒนา ‘คมนาคม-การศึกษา-ปากท้อง’

‘แบงค์’ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ป้ายแดง ฟิตจัด ลงพื้นที่ทันทีหลังเปิดตัว ขึ้นรถปราศรัยทั่วเขตจตุจักร ประชาชนตอบรับคึกคัก

ภายหลังจากที่ แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ เปิดตัวสวมเสื้อก้าวไกล ประกาศชิงชัย ส.ส.กทม. เขตจตุจักรไปเมื่อวันจันทร์ที่ 6 มี.ค. 66 ที่ผ่านมา วันนี้ 7 มี.ค. 66 แบงค์ ศุภณัฐ พร้อมด้วย พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ได้ลงพื้นที่เขตจตุจักรต่อทันที เพื่อแนะนำตัวให้ประชาชนรู้จักให้มากที่สุดก่อนที่จะเข้าสู่โหมดเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

โดยศุภณัฐ ได้ขึ้นรถแห่ปราศรัยแนะนำตัวเองว่า ตนขอโอกาสมารับใช้พี่น้องประชาชนทุกคนในการเปลี่ยนแปลงประเทศแทนประชาชนทุกคะแนนเสียง ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่พี่น้องประชาชนมอบให้

แบงค์ กล่าวว่า ตนทำธุรกิจมาประมาณ 5-6 ปี ด้านอสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง-การขนส่ง แต่วันนี้รู้สึกทนไม่ไหวแล้วที่ประเทศเราไม่มีการเปลี่ยนแปลงสักที ที่มีรัฐบาลบริหารจัดการไม่ได้เรื่อง นี่เป็นเหตุผลให้ตัดสินใจสมัครเข้ามาทำงานกับพรรคก้าวไกล

‘เพื่อไทย’ ระดมสมอง ประชุมทีม ศก.นัดแรก หารือนโยบาย กำหนดทิศทางประเทศ ลุยงานเชิงรุก

(7 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค พท. ฐานะกรรมการเลขานุการและโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรค พท. กล่าวว่า วันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรค พท. นำโดย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานกรรมการ พร้อมด้วยนายเศรษฐา ทวีสิน, นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์, นายศุภวุฒิ สายเชื้อ และนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษา

โดยที่ประชุมได้หารือถึงนโยบายเศรษฐกิจของพรรค พท.ที่ใช้สำหรับการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท, นโยบายเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท, นโยบายด้านการบริหารจัดการหนี้ของประชาชน, นโยบายด้านเศรษฐกิจดิจิทัล, นโยบายเขตธุรกิจใหม่, นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ ซอฟท์ พาวเวอร์ และนโยบายด้านการเกษตรแบบครบวงจร เป็นต้น

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้หารือกรอบสำคัญในการกำหนดทิศทางประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ทิศทางการสร้างงาน การค้าระหว่างประเทศ รวมถึงจุดยืนด้านข้อตกลงทางการค้า ภาคการเกษตรเพื่อความมั่งคั่งของเกษตรกร ภาคบริการด้านสุขภาพเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ ความมั่นคงทางการคลัง การดึงดูดแรงงานทักษะสูง และการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ เป็นต้น

‘อรรถวิชช์’ ชูนโยบาย ‘ALL Service Center-ยกเลิกแบล็กลิสต์’ เน้น ‘สะดวก-รวดเร็ว-เท่าเทียม-เป็นธรรม’ เปิดโอกาสให้คนทำกิน

(7 มี.ค.66) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวบทเวทีเสวนาเครือเนชั่น เปิดนโยบายพรรคการเมืองที่จะผลักดัน ‘นวัตกรรมนำไทย เชื่อมโลก’ ว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเป็นพรรคใหม่ มีแนวคิดแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย เน้นเรื่องการแข่งขัน สร้างโอกาส พรรคอื่นส่วนใหญ่มีแนวคิดเน้นเรื่องรัฐสวัสดิการเท่าเทียม แต่พรรคชาติพัฒนากล้า เน้นเรื่องโอกาสที่เสมอภาค ไม่ว่าจะรวยหรือจน สามารถเข้าถึงโอกาสในการแข่งขันได้ จึงนำเสนอ ‘นวัตกรรมสร้างโอกาส’ 2 เรื่องสำคัญ เรื่องแรกคือ ALL Service Center ราชการ 1 คำขอ จบครั้งเดียว เพราะทุกวันนี้เราใช้ระบบ One Stop Service แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเวลาไปยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการหรือทำธุรกรรมกับรัฐ เกิดปัญหาล่าช้า ไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน ประชาชนต้องวิ่งไปยื่นเรื่องตามหน่วยงานต่าง ๆ เอง จะเริ่มประกอบธุรกิจขอใบอนุญาตก็ยากลำบาก 

เราจึงเสนอนวัตกรรมนโยบาย ‘ALL Service Center ราชการ 1 คำขอ จบครั้งเดียว’ ยื่นเรื่องครั้งเดียววิ่งไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถติดตามเรื่องได้เหมือน แอปพลิเคชันส่งของ นวัตกรรมนี้จะช่วยเสริมให้การบริการภาครัฐสะดวกรวดเร็วขึ้น สร้างโอกาสให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้มากขึ้น สร้างการลงทุนกับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้น

"สมมุติอยากจะเปิดโรงแรมโฮมสเตย์สปาเล็กๆ สักหนึ่งที่ ถ้าเป็นระบบเดิม ผู้ประกอบการจะต้องวิ่งไปหลายหน่วยงานเพื่อขอใบอนุญาต เช่น ขอใบอนุญาตประกอบโรงแรม ขอใบอนุญาตประกอบกิจการขายอาหาร ขอใบอนุญาตขายสุรา ใบอนุญาตประกอบกิจการสปา แต่ถ้าเป็นระบบ All Service Center ราชการ 1 คำขอ จบครั้งเดียว ยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องครั้งเดียว ระบบจะสามารถส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาได้ทันที สมรรถนะของรัฐมีความพร้อม ทั้งเรื่องกฎหมาย ความเข้าใจของประชาชน เทคโนโลยีที่ทั่วถึง สามารถทำให้นโยบายเกิดขึ้นได้จริง สร้างโอกาสให้คนประกอบธุรกิจได้สะดวกขึ้น" นายอรรถวิชช์ กล่าว

พลิกโฉมสุพรรณ!! ‘เพื่อไทย’ หวังชิงเก้าอี้ ส.ส. ‘สุพรรณฯ’ ชูนโยบายพัฒนาเกษตร มั่นใจ!! ปชช.ได้ประโยชน์

(7 มี.ค. 66) ดร.กุลธิดา เหมาเพชร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.สุพรรณบุรี พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้จะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ แต่มีความมั่นใจ เนื่องจากกระแสและนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ว่านโยบายทำได้ทำเป็น ที่จะนำสู่พี่น้องประชาชนชาวสุพรรณบุรี ตนจึงถือว่าเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ที่จะนำนโยบายมาถึงพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวสุพรรณบุรี

 

ดร.กุลธิดา กล่าวว่า ในส่วนของผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ทั้ง 5 เขต เราทราบบริบททางการเมืองของความเป็นชาติไทยพัฒนาในสุพรรณบุรีอยู่แล้ว แต่ข้อมูลที่ได้จากการลงพื้นที่มานั้น ทำให้ทราบข้อมูลจากพี่น้องประชาชน และเชื่อว่าพรรคชาติไทยพัฒนาก็คงจะปฏิเสธข้อมูลจากพี่น้องประชาชนไม่ได้ว่า ท่านบรรหาร ศิลปอาชา ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นบริบททางการเมืองสุพรรณบุรี ย่อมมีความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน กับวันเวลาที่ผ่านไปด้วย

 

“ข้อมูลตรงนี้ทำให้เราทราบว่าความเป็นเพื่อไทย และนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ลงสู่พี่น้องประชาชนชาวสุพรรณบุรี จะนำพามาได้อย่างไร ในระหว่างที่กระแสความรุนแรงในสุพรรณบุรีมีเกิดขึ้น กระแสเปลี่ยนมีเกิดขึ้นแน่นอนแต่ว่าจะเปลี่ยนไปได้มากน้อยแค่ไหน ก็คงต้องใช้ระยะเวลาจนกระทั่งเลือกตั้งเสร็จ ตอนนี้เรามีความเชื่อมั่นว่ามีกระแสเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งภาพรวมของความเป็นพรรคเพื่อไทยพรรคใหญ่ จะส่งผลต่อจังหวัดสุพรรณบุรีแน่นอน โดยเฉพาะนโยบายทางด้านการเกษตรที่เป็นนโยบายเบอร์ต้นๆของพรรคเพื่อไทย ที่ชาวสุพรรณบุรี จะได้รับประโยชน์จากนโยบายด้านนี้แน่นอน” ดร.กุลธิดา กล่าว

 

เติมเต็มเมืองหลวง ‘พุทธิพงษ์’ ดันนโยบาย ‘กรุงเทพฯ เมืองอัจฉริยะ’ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สร้างเมืองให้ทันสมัย-น่าอยู่

(8 มี.ค. 66) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง กทม. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงนโยบาย ‘กรุงเทพฯ เมืองอัจฉริยะ’ ของพรรคภูมิใจไทย ว่า วันนี้ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญในเรื่องของการนำ Technology Digital มาใช้ผลักดัน และสร้างเมืองให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ เราเคยได้ยินคำว่า ‘Smart City’ เรื่องนี้ไม่ได้ยาก และเชื่ออย่างยิ่งว่าการเอา Technology Digital การใช้ข้อมูลที่ทันสมัย การนำเอาอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทันสมัยมาเติมเต็ม แวะมาเติมให้กับคนกรุงเทพฯ ได้สะดวกสบายมากขึ้น คิดว่า วันนี้เราพร้อมจริง ๆ

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนลองมองในมิติหนึ่งซึ่งคิดว่าวันนี้ทั่วโลก กำลังผลักดันเรื่องนี้ให้ความสำคัญในการเอา Technology Digital มาใช้ผลักดันและสร้างเมืองให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ เราเคยได้ยินคำว่า ‘Smart City’ เมืองอัจฉริยะบ้าง, เมืองแห่งอนาคตบ้าง, เมืองแห่งความสุข, เมืองแห่งความทันสมัย เรื่องนี้ไม่ได้ยาก กรุงเทพมหานครต้องยอมรับว่า วันนี้กรุงเทพฯ ไม่ได้เป็นเมืองหลวงของประเทศไทยเท่านั้น แต่กรุงเทพฯ เป็นมหานครที่คนทั่วโลกคลั่งไคล้ อยากจะมาอยู่ อยากจะมาเที่ยว อยากที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ จนพูดได้ว่า จริง ๆ แล้วกรุงเทพฯ ไม่ต้องแข่งกับใครเลย แค่เสน่ห์ของกรุงเทพฯ ที่มีอยู่แล้ว ทั้งบุคคล สถานที่ท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพฯ เรามีพร้อมทุกอย่าง สิ่งที่เราต้องติดปีกและเติมเข้าไปให้กับเมืองกรุงเทพฯ คือ ความทันสมัย นำเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดเวลา ช่วยอำนวยความสะดวก และช่วยทำให้ทุก ๆ ท่าน มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นมาใช้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เราต้องทำให้ดีที่สุดคือ เรื่องเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ การใช้ที่เราเรียกว่าโครงสร้าง Network ต่าง ๆ เอามาผลักดันให้ทุกอย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น 

นายพุทธิพงษ์ ระบุว่า อย่างเครือข่าย 5G เราใช้เวลาแค่ไม่ถึงปีสามารถผลักดันให้ 5G ได้รับการปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งถ้าถามว่า ระบบ 5G ที่เกิดขึ้นมันจะดีอย่างไรกับประเทศไทยและมันจะดีอย่างไรกับคนกรุงเทพฯ 5G ไม่ใช่แค่สัญญาณโทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่ระบบ 5G จะไปดูแลในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่จะไปผลักดันในเรื่อง AI หรือปัญญาประดิษฐ์ หรือในเรื่องเกี่ยวกับการใช้ Robotic หรือหุ่นยนต์ เรามีการดาวน์โหลดฐานข้อมูลที่กว้าง เราดูหนังฟังเพลงระบบ 5G จะไปอยู่เบื้องหลังในการผลักดันสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ให้เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top