Thursday, 8 May 2025
ElectionTime

‘สุวัจน์’ โชว์วิสัยทัศน์ ชู 4 จุดแข็งของโคราช ดันไทยโกอินเตอร์  นำร่อง ‘ยูเนสโกรูท’ สู่ถนนท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก

‘สุวัจน์’ จับเข่าคุย โคราชท่องเที่ยวอินเตอร์ นำร่อง ‘ยูเนสโกรูท’

(2 พ.ค.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า แสดงวิสัยทัศน์กับผู้ประกอบการสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโคราช ปากช่อง-สีคิ้ว-วังน้ำเขียว ว่าประเทศไทยมีความเข้มแข็งและยั่งยืนหนึ่งในด้านสินค้าเกษตรเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ 2.เรื่องท่องเที่ยวอินเตอร์ 3.เมืองไทยเมืองอาหารป้อนโลก และ 4.Soft power มาสร้างพลังทางเศรษฐกิจ ทั้ง 4 เรื่องเป็นจุดแข็งของประเทศไทย 

ฉะนั้น โคราชเป็นจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ มีความสมบูรณ์ทางด้าน Soft Power ที่สามารถหยิบพวกนี้เป็นเศรษฐกิจได้หมดทั้งด้านกีฬามวย ด้านศิลปวัฒนธรรม ดนตรีมีเพลงโคราช อาหารเนื้อวากิว หมี่โคราช ไก่ย่าง ขนมจีน ดังนั้น การคมนาคมต้องทันสมัย มอเตอร์เวย์โคราชต้องเปิดใช้ปีนี้ รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟรางคู่โคราชต่อไปถึงหนองคายไปเวียงจันทน์ไปจีน ประเทศคู่ค้าของเรามีประชากร 1,400 ล้านคน และต่อไปรัสเซีย ตามเส้นทางสายไหมเชื่อมไปยุโรป นี่คือแนวทางในการสร้างโคราชเป็นเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์

“พัฒนาโคราชเป็นเมืองอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ท่องเที่ยวอินเตอร์ ยูเนสโก กําลังจะประกาศให้โคราชเป็นอุทยานธรณีโลก วันนี้เรามีเขาใหญ่เป็นมรดกโลก มีเขตพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราชเป็นมรดกโลก ฉะนั้น ถ้าเดือนพฤษภาคมนี้ โคราชได้รับการรับรองให้เป็นอุทยานธรณีโลก โคราชจะเป็น 1 ใน 3 จังหวัดของโลก ที่มี Triple Crown (ทริปเปิ้ลคราวน์) มีสามมงกุฎของยูเนสโกอยู่ที่นี่ เราจะดีไซน์การเชื่อมโยงสามมงกุฎนี้ด้วย “ถนนยูเนสโกรูท” แล้วพัฒนาให้เป็นถนนท่องเที่ยวระดับโลก เป็นพื้นฐานในการสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ให้ยิ่งใหญ่ต่อไป” นายสุวัจน์ กล่าว

เปิดคำดีเบต 'หมอมิ้ง' ยืนยัน!! ชูกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น แต่ก่อนหน้า 'พรรคไหน' เตะถ่วง พ.ร.บ.กัญชา ให้ค้างเติ่ง

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 66 นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยได้ขึ้นดีเบตบนเวที ‘ตัวจริงชิงสภา’ ทางช่องวัน 31 ในหัวข้อ ‘ประชันวิสัยทัศน์ : กัญชา’ โดยนายพรหมินทร์กล่าวว่า 

“ในฐานะที่เป็นแพทย์ เรารู้ดีว่ากัญชามีสรรพคุณทางการแพทย์ และสนใจเรื่องนี้มาหลายปี แต่แน่นอนว่าหากเราปล่อยให้ใช้โดยไม่มีกฎหมายควบคุม ก็จะเป็นปัญหาได้ โดยปัญหานี้เกี่ยวกับเรื่องของสมองและพฤติกรรม ดังนั้นหากจะให้นำมาใช้ต้องมีกฎหมายที่ดีในการควบคุม อย่างเช่น บุหรี่และเหล้า ล้วนแล้วแต่เป็นยาเสพติดแต่ก็มีกฎหมายควบคุม ดังนั้นกัญชาก็ต้องมีกฎหมายที่ดีควบคุมเสียก่อน จึงจะนำมาใช้ได้”

‘อภิสิทธิ์’ ปะทะคารมเดือด ‘ธนาธร’ ถกประเด็นม.112 ชี้!! ‘ก้าวไกล’ ทำสับสน บางวันแก้ไข บางวันยกเลิก

เมื่อวานนี้ (1 พ.ค. 66) ในรายการยืนหนึ่งชิงนายก ที่มีพิธีกรนำโดย ‘พุทธ อภิวรรณ’ และ ‘ธีระ ธัญญอนันต์ผล’ ซึ่งมีตัวแทนจาก 2 พรรค อย่าง ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’  ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ที่ได้ถกถึงประเด็นการแก้หรือยกเลิก ม.112

นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวว่า “เอาตรงๆ ที่คนมองว่าเป็นเรื่องสุดโต่งมันเป็นประเด็นเรื่องเงื่อนไข ม.112 ซึ่ง ม.112 ก็มีความสับสนอีก เพราะว่าคุณพิธา บางวันก็บอกว่ายกเลิก บางวันก็บอกว่าแก้ 3 ประเด็น ถ้าเป็นแค่เรื่องแก้ไขบางผมว่าบางคนก็มองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง แต่ถ้าบอกว่ายกถูกก็ถูกมองว่าสุดโต่ง”

ซึ่งนายธนาธร ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “อันนี้ผมว่าคุณอภิสิทธิ์ เข้าใจผิดแน่ๆ เลยนะครับ ไม่เคยมีใครบอกว่ายกเลิก”

นายอภิสิทธิ์ ได้สวนกลับว่า “คุณพิธา ได้ไปติกสติกเกอร์บนเวทีว่ายกเลิกหรือแก้ไข” 

นายธนาธร ได้แก้ต่างว่า “อันนั้นบังคับ Yes or No แต่นโยบายพรรคไม่ใช่แค่พูด ทำไปแล้ว เสนอกฎหมายเข้าสู่สภาฯ ”

นายอภิสิทธิ์ ได้ถามกลับว่า “แล้วทำไมถึงไปติดสติ๊กเกอร์ตรงยกเลิก แทนที่จะติดว่าแก้ไข”

นายธนาธร ได้ให้คำตอบว่า “อันนั้นคุณพิธา อาจจะคิดได้ในนามส่วนตัว”

นายอภิสิทธิ์ ได้สวนกลับว่า “แต่คุณพิธา เป็นหัวหน้าพรรค”

นายธนาธร ได้ย้อนไปว่า “คุณอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรคหรือเปล่าครับ ในการเลือกตังครั้งที่แล้ว แล้วคุณพูดว่าอะไรครับ”

นายอภิสิทธิ์ จึงได้ตอกกลับไปว่า “ผมพูดแล้วผมลาออกครับ แล้วคุณพิธาจะลาออกไหมครับถ้าไม่ยกเลิก”

นายธนาธร ยังได้แก้ต่างอีกว่า “เขาไม่ได้พูดในเวทีสาธารณะเลยว่าจะยกเลิก ส่วนการติดสติกเกอร์เป็นความเห็นส่วนตัว”

ซึ่งพิธีกรฝีปากกล้าอย่าง พุทธ อภิวรรณ ได้ตั้งคำถามว่า “มันแยกได้เหรอครับ เขาเป็นหัวหน้าพรรค กับส่วนตัว เขาคือแคนดิเดตนายกฯ เลยนะ”

นายธนาธร ตอบกลับว่า “ลองกลับไปอ่านสิ่งที่คุณพิธาพูดนะครับ ว่าคุณพิธาพูดถึงเรื่องนี้ว่ายังไง การเสนอแก้ไขเป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าเสนอแก้ไขเพื่อให้พูดจากันได้ยังทำไม่ได้ ก็ต้องอาจเสนอยกเลิก นี่คือสิ่งที่เขาพูด ไปลองฟังดูสิครับ”

พุทธ ได้ถามย้ำอีกว่า “เริ่มจากแก้ แต่การที่ไปติดสติกเกอร์ยกเลิกนี่กำลังจะหมายความว่าอย่างไร”

นายธนาธร ตอบกลับว่า “มันเรื่องส่วนตัวของเขา เขาจะไปติดอะไรก็ค่อยว่ากัน”

นายอภิสิทธิ์ ได้ตั้งคำถามอีกว่า “บังเอิญอันนี้ไม่ใช่ว่าคุณพิธาไปเดินอยู่แล้วมีคนมาให้ติดสติ๊กเกอร์โดยที่เป็นเรื่องส่วนตัว แต่มันอยู่บนเวทีเลย และเขาเองก็พูดด้วย ซึ่งผมเองไม่ได้ติดใจอะไรนะถ้าคุณพิธามาบอกว่าเปลี่ยนแปลงแล้วนี่คือนโยบาย”

ประเด็น สถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาอย่างช้านาน

เมื่อไม่นานมานี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ  ได้กล่าวถึงประเด็น สถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาอย่างช้านาน โดยระบุว่า

‘พท.’ จัดแคมเปญยกระดับชีวิตคนกรุงฯ ‘แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง’  ชวนผู้สมัครส.ส. ใช้รถสาธารณะเดินทาง ตอกย้ำนโยบาย 20 บาทตลอดสาย

เพื่อไทยจัดใหญ่ ‘แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง’ 5 พ.ค. ชวนผู้สมัคร ส.ส.กทม.เดินทางจากบ้านถึงพารากอนด้วยขนส่งสาธารณะ ตอกย้ำนโยบาย 20 บาท ตลอดสาย

(2 พ.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และผอ. ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งส.ส.พรรคพท. และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 20  ลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว) พรรคพท.แถลงการจัดงาน “แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง : จากการเดินทาง สู่การสร้างมหานครเพื่อคนไทย” ในวันที่ 5 พ.ค.ตั้งแต่เวลา 15.30 น. ณ ลานพาร์คพารากอน เขตปทุมวัน

นายประเสริฐ กล่าวว่า เพื่อปักธงนโยบายคมนาคมของพรรคพท. ซึ่งจะเป็นนโยบายยกระดับชีวิตคนเมือง จากกรุงเทพฯ พื้นที่ปริมณฑล สู่การกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ พรรคพท.จึงจัดงานดังกล่าวขึ้นโดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วน คือภารกิจและงานเสวนา กิจกรรมนี้เป็นการจัดงานครั้งใหญ่อีกหนึ่งครั้งก่อนปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายของพรรค พท.ที่จะจัดขึ้น เพื่อสื่อสารกับคนเมือง คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของพรรคพท.ที่มีนโยบายคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน ผ่านการเข้าใจ และเข้าถึงพื้นที่จริงของผู้สมัครส.ส. ทุกเขต

กกต. จัดสิ่งอำนวยความสะดวก ‘คนพิการ-ผู้สูงอายุ’  เพื่อให้ได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

วันนี้ (2 พ.ค. 66) นายวีระ ยี่แพร รองเลขาธิการกกต. ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านการอำนวยความสะดวกคนพิการและผู้สูงอายุ ศูนย์อำนวยการและประสานงานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานกกต. กล่าวว่า สำนักงานกกต.ได้จัดเตรียมการอำนวยความสะดวกแก่คนพิการหรือทุพพลภาพหรือผู้สูงอายุ ในการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. ภายใต้แนวคิดผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนต้องได้ออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ดังนี้

1. จัดทำสื่อคู่มือประชาชนรณรงค์การเลือกตั้ง ส.ส. (อักษรเบรลล์) เพื่อใช้ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส.แก่ผู้พิการทางสายตา พร้อมจัดทำไฟล์เสียงคำบรรยายคู่มือประชาชนรณรงค์การเลือกตั้ง ส.ส. โดยสามารถสแกน QR Code เสียงบรรยายได้จากหน้าปกคู่มือประชาชนรณรงค์การเลือกตั้ง ส.ส. ตรงมุมด้านล่างซ้ายมือของคู่มือประชาชนรณรงค์การเลือกตั้ง ส.ส. (อักษรเบรลล์)

2. จัดทำวีดิทัศน์อินโฟกราฟิกและเพลงขับร้องโดยอรรณพ ทองบริสุทธิ์ ปอ AF 7 พร้อมล่ามภาษามือ เพื่อสื่อสารและสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. 

3. สำนักงานกกต.จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ได้จัดทำป้ายไวนิลแนะนำผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. โดยจะติดตั้งบริเวณด้านหน้าที่เลือกตั้งที่มองเห็นชัดเจน และติดตั้งภายในที่เลือกตั้งที่สามารถมองเห็นได้ในระดับสายตาเพื่อให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งรับทราบและสามารถจดจำข้อมูลของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย ข้อมูล ชื่อ-สกุล รูปถ่าย หมายเลขผู้สมัคร ตราสัญลักษณ์พรรคการเมือง 

4. สนง.กกต. ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดให้ความรู้ความเข้าใจในการอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง โดยจัดทำสื่อวีดิทัศน์สาธิตการใช้สิทธิเลือกตั้งของผู้พิการหรือทุพพลภาพหรือผู้สูงอายุ พร้อมล่ามภาษามือ เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้พิการหรือทุพพลภาพหรือผู้สูงอายุ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยมีการถ่ายทำที่สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านนนทภูมิ จังหวัดนนทบุรี ได้รับความร่วมมือจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งเป็นผู้มีความบกพร่องทางการได้ยิน ทางสายตา และทุพพลภาพทางกาย มาร่วมแสดงและสาธิตในการถ่ายทำวีดิทัศน์ดังกล่าว วีดิทัศน์ดังกล่าวได้มีการเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ของทั้งสองหน่วยงาน

นอกจากนี้ ในการลงคะแนนเลือกตั้ง สำนักงานกกต.ยังได้จัดให้มีการอำนวยความสะดวกแก่คนพิการหรือทุพพลภาพหรือผู้สูงอายุโดยในหน่วยเลือกตั้งปกติ จัดให้มีบัตรทาบสำหรับคนพิการทางสายตาและอำนวยความสะดวกอื่น ๆ โดยมีคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) รด.จิตอาสา ลูกเสืออาสา กกต. เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย เป็นผู้ช่วยเหลือในการใช้สิทธิลงคะแนน รวมทั้งยังจัดที่เลือกตั้งกลางสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพหรือผู้สูงอายุ โดยผู้ใช้สิทธิที่ลงทะเบียน ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ ณ ที่เลือกตั้งกลางที่กำหนดไว้ 26 แห่ง ใน 21 จังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 2,380 คน

‘บุญยอด’ แนะ ‘ก้าวไกล’ พูดถึงใครต้องให้เกียรติกัน ต้องไม่สาดโคลนใคร ไม่ด้อยค่าใคร 

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 66 นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ตอบโต้พรรคก้าวไกลผ่าน ‘หมออ๋อง’ นสพ.ปดิพัทธ์ สันติภาดา จากพรรคก้าวไกล หลังจากมีการพูดจาดูถูกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในแทบทุกการหาเสียงของพรรคก้าวไกล ในช่วงหนึ่งของเวทีดีเบต BIG DEBATE จังหวัดพิษณุโลก โดยกล่าวว่า…

“นักการเมืองไม่ควรพุ่งเป้าไปสู่คู่แข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม เปรียบเหมือนกันกับไม่มีนักมวยคนใด หรือนักฟุตบอลคนใด ไปด่าว่าปรามาสคู่แข่งขัน เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน และสิ่งที่กระทำมา ถ้ามันผิดหรือไม่ถูกต้อง สามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายได้

“พรรคก้าวไกลต้องกลับไปทบทวนเหมือนกันว่า เวลาจะพูดถึงใครต้องให้เกียรติกัน คุณดูถูก ดูแคลน ดูหมิ่น ทุกครั้งโดยไม่ให้เกียรติไม่ได้ เนื่องจากในกติกาการหาเสียงเลือกตั้งทุกครั้ง เราต้องไม่สาดโคลนใคร ไม่ด้อยค่าใคร ลองไปทบทวนดูก่อน และควรต้องตอบคำถามด้วยว่า หัวหน้าพรรคของคุณทำไมชอบโกหกประชาชนนักด้วย”

เกี่ยวกับเรื่อง ส.ว. 250 คน นายบุญยอด ก็ได้กล่าวอีกด้วยว่า “กติกาของรัฐธรรมนูญ 60 จะให้สิทธิ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ได้เพียง 5 ปี นั่นคือปีนี้จะเป็นปีสุดท้าย และนั่นคือกติกาที่ร่างไปแล้ว และผ่านประชามติไปแล้ว กติกาได้เกิดขึ้น พวกท่านได้เข้าสู่การแข่งขันเมื่อปี 62 จำนวน 1 ครั้ง และปี 66 อีก 1 ครั้ง

“ตามกติกานั้น ได้เกิดขึ้นในสภาฯ แล้ว และในวันนั้น คนคงพอจำได้มีคนที่เป็นแคนดิเดต 2 คนเท่านั้น คือ…พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ นี่คือข้อเท็จจริง 

'อลงกรณ์' ปักธง 10 นโยบาย ยกระดับเกษตรกรรมไทย ใต้ยุทธศาสตร์ 'เกษตรปลอดภัย - มั่นคง - ยั่งยืน'

(2 พ.ค.66) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค ในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมการดีเบตในหัวข้อ “พรรคการเมืองกับนโยบายเกษตรกรรมยั่งยืนและปัญหาความมั่นคงทางอาหาร” ที่อาคารชีววิถี จัดโดยภาคีเครือข่ายสมาคมสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืน เกษตรอินทรีย์ ไบโอไทย มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ 

โดยกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งเป้าหมายของนโยบายเกษตรทันสมัยสู่ครัวไทยครัวโลก
1. ประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารท็อปเทนของโลกอย่างมีความรับผิดชอบต่อเกษตรกรและผู้บริโภค
2. เพิ่ม GDP เกษตรเป็น 10%
3. เพิ่มรายได้เกษตรกร 100%

จึงได้กำหนด 10 นโยบายเกษตรกรรมยั่งยืน เกษตรสุขภาพ และความมั่นคงทางอาหารเชิงปริมาณและคุณภาพภายใต้ยุทธศาสตร์ '3 เอส' (3 S : safety security sustainability) เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคง เกษตรยั่งยืนตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนบนฐานเทคโนโลยี ศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาไทย

1. ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน ขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ 2 ล้านไร่ เดินหน้าเกษตรคาร์บอนต่ำลดโลกร้อน
2. เติมทุนเกษตรอินทรีย์แปลงใหญ่ 3 ล้าน ส่งเสริมสนับสนุนสภาเกษตรอินทรีย์ PGS แห่งประเทศไทยเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ออร์แกนิกและกสิกรรมธรรมชาติ
3. เพิ่มปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ 5 ล้านตัน จัดตั้งศูนย์บริการปุ๋ย-น้ำชุมชนทุกตำบล
4. ตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรนวัตกรรม เครื่องจักรกล (AIM C:Agritech Innovation Machine Center) Application Agrimap ส่งเสริมการวิจัยพัฒนานวัตกรรมชีวภัณฑ์ เกษตรอัจฉริยะ เกษตรอินทรีย์ อบรมบ่มเพาะและถ่ายทอด พัฒนาเกษตรกร-สหกรณ์และสถาบันเกษตรกร
5. คุ้มครองสิทธิเกษตรกร พันธ์ุพืชพันธ์ุสัตว์และความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity ) โดยเฉพาะในส่วนเกี่ยวข้องกับ FTA ที่จะเจรจาและข้อตกลงอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งปัจจุบันและอนาคตเช่น UPOV-CPTPP และ FTA EU /UAE EFTA
6. เร่งสนับสนุนการขับเคลื่อนกลไกเกษตรกรรมยั่งยืนระดับชาติ คณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง คณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล คณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนระดับพื้นที่ 77 จังหวัด
7. สนับสนุนความมั่นคงทางอาหารทั้งเชิงปริมาณ คุณภาพ และโภชนาการที่ดี
8. ส่งเสริมอาหารแห่งอนาคต เช่น โปรตีนทางเลือกใหม่ได้แก่โปรตีนจากพืช โปรตีนจากแมลงสาหร่าย ผำ แหนแดง อาหารฮาลาล
9. ส่งเสริมเกษตรปลอดภัย เกษตรสุขภาพ ลดใช้ปุ๋ยเคมีและสารพิษอันตราย 
10. สร้างกลไกใหม่ ขยายความร่วมมือภาคีเครือข่ายระหว่างภาคเอกชน ภาคเกษตรกรและภาควิชาการ และภาครัฐเพิ่มบทบาทด้านเกษตรกรรมยั่งยืนของ 'มกอช.' 'อย.' และกรมพัฒนาที่ดิน กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมข้าว กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นต้น

การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรไทย ในสหรัฐอเมริกา มีผู้ใช้สิทธิเกือบ 4 พันคน ทั้งแบบเข้าคูหาและทางไปรษณีย์

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน

ในการเลือกตั้งทั่วไปของไทย พ.ศ. 2566 การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรไทยในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ถือว่าเป็นหน่วยเลือกตั้งที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่ง ด้วยเป็นประเทศที่มีประชาชนชาวไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก

ขั้นตอนการใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ปี พ.ศ. 2566 ในสหรัฐอเมริกา มีดังนี้

1) ผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งแบบคูหา (เฉพาะผู้ที่เลือกใช้สิทธิกับสถานเอกอัครราชทูตฯ เท่านั้น) ท่านที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งแบบคูหา สามารถมาลงคะแนนเลือกตั้งที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน (ที่อยู่ 1024 Wisconsin Avenue N.W. Washington D.C. 20007) ระหว่างวันที่ 28 - 30 เมษายน 2566 เวลา 9.00 - 17.00 น. 

(ในภาพ นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน กำลังใช้สิทธิเลือกตั้ง ณ หน่วยเลือกตั้งประจำที่เลือกตั้ง สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top