Thursday, 12 June 2025
Crimes

ศาลสั่งสอบเพิ่ม 16 เอี่ยว 'แก๊งฟอเร็กซ์' ร่วมตุ๋นประชาชน 14 คนรับทราบข้อหา อีก 2 ชิ่ง เตรียมถูกล่าข้ามแดน

ตามที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 มีหนังสือแนะนำให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีแก่บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (Forex 3D) เพิ่มเติมอีกจำนวน 16 ราย และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้อนุมัติให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 273/2565 นั้น

วานนี้ (8 พ.ย. 65) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีพิเศษที่ 273/2565 จึงได้ดำเนินการยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองรายที่หลบหนีไปดังกล่าวต่อศาลอาญา และศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองรายดังกล่าวแล้ว ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 2411/2565 และ ที่ 2412/2565 ตามลำดับ ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการประสานงานกับกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ เพื่อดำเนินการขอส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายเป็นผู้ร้าย ข้ามแดนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ตร. บุกตรวจจับกุมค้าปืนออนไลน์ 10 จุดทั่วกทม. ยึด ‘ยาเสพติด - ปืน 40 กระบอก - กระสุน 2,000 นัด’

(9 พ.ย. 65) เวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น., พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รองผบช.น., พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผกก.ดส.บช.น., พ.ต.ท.นราธิป คงเพ็ชร์, พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล, พ.ต.ท.ชยุต ยอดยิ่งนาทกุล รองผกก.ดส.บช.น., พ.ต.ต.หญิง พรรัมภา พัฒนาวาท สว.กก.ดส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.2 กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร.ชป.2 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. แถลงผลระดมปิดล้อมตรวจค้นผู้ค้าอาวุธปืนออนไลน์การกระทำความผิดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 10 จุด 

ได้จับกุมนายเรืองวิทย์ คุปตพันธ์ อายุ 25 ปี, นายนพเก้า สายโสภา อายุ 33 ปี, นายศิรศิลป์ ศรีมะเริง อายุ 32 ปี, นายอัฐพันธ์ คงสกุล อายุ 20 ปี, นายเอ อายุ 16 ปี และนายธัญพิสิษฐ์ บุณยธรรม อายุ 24 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนและอุปกรณ์ส่วนควบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดปืนพกสั้น 28 กระบอก ปืนลูกซอง 12 กระบอก ปืนยาวไรเฟิล 1 กระบอก แม็กกาซีน ขนาด 5.56 มม. จำนวน 5 อัน กระสุนปืนรวม 2,248 นัด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) จำนวน 2 ถุง น้ำหนักรวม 48.64 กรัม ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 59 เม็ด จับกุมได้เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา 

พล.ต.ต.นิตินันท์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนทางออนไลน์ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ดำเนินการเพื่อป้องเหตุที่จะเกิดขึ้นช่วงประชุมเอเปก จากการสืบสวนทางชุดสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร.ชป.2 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. ได้ทำการขออนุมัติศาลขอหมายค้น 10 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร จับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย อาวุธปืน 41 กระบอก กระสุนปืน 2,248 นัด ยาเสพติดจึงนวนหนึ่ง จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวได้มีการสั่งปืนออนไลน์จากผู้กระทำความผิดที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเคยได้จับกุมไปก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงได้มีการขยายผลการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว

ตำรวจบุกจับครูหนุ่มรร.ดัง ย่านสมุทรปราการ เปิดกลุ่มลับในแอปฯ VK ขายคลิปลามกเด็ก

ตำรวจไซเบอร์ บุกจับครูประถม  รร.ดังย่านสมุทรปราการ เปิดกลุ่มลับใน  VK ตั้งชื่อตามหนังดัง WAKANDA และ T’Challa เผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก และล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผบด.ตอท. พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท.พ.ต.ต.เขมอธิษฐ์ ทองคำ สว.พ.ต.ต.ณัฐพงค์ เผือกเนียม สว., พ.ต.ต.กวิน  นิติธรรมตระกูล สว. กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท นำกำลังจับกุมนายณัฐดนัย (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ครูสอนวิชาสังคมศาสตร์ ป.4. โรงเรียนชื่อดังย่านสมุทรปราการ ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก, 2. ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และ3. เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ , คอมพิวเตอร์ , ซิมโทรศัพท์ และบัญชีธนาคาร รวม10 รายการ จับกุมได้ที่คอนโด ภายใน ซอยสุขุมวิท 105 ถนนสุขุมวิท แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กทม.

รวบแล้ว ‘ตัวตึงนครพนม’ หลอนยาบ้า ซิ่งรถปล่อยมือหวาดเสียว โดนตั้ง 10 ข้อหาหนัก

ตามที่ปรากฎในข่าวกรณีชายวัยกลางคนขับขี่รถจักรยานยนต์ปล่อยมือกางแขนเซไปมาบนท้องถนน สร้างความอันตรายบนท้องถนน ล่าสุดตำรวจตามรวบตัวได้แล้ว โดนตั้ง 10 ข้อหาหนัก

ล่าสุดวันนี้ (10 พ.ย. 65) เวลา 09.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง (ผอ.ศปข.ตร.), พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปข.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม ตรวจสอบ โดยได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชัยพร พงษ์ศักดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม และ พ.ต.อ. แสวง คนคล่อง ผกก.สภ.ท่าอุเทน ตรวจสอบและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

จากการตรวจสอบทราบว่าบุคคลดังกล่าว คือ นายสำราญชัย สอนสา อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 23 หมู่ 13 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

จนต่อมาเมื่อวันที่ (8 พ.ย. 65) เวลาประมาณ 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอุเทน ชุดจับกุม ได้ตรวจสอบทราบว่า นายสำราญชัยฯ ไปทำงานกรีดยางที่สวนยางพาราท้ายหมู่บ้านปุ่งแก หมู่ 13 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จึงได้ติดตามไปพบนายสำราญชัยฯ นั่งอยู่ข้างกระท่อมในสวนยางพารา เมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แสดงท่าทางมีพิรุธต้องสงสัยว่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ จึงได้เข้าควบคุมตัวและแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจค้นตัวและรถ จยย. ผลการตรวจค้นตัว พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) จำนวน 1 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในปลอกปากกาเมจิกสีฟ้าซ่อนอยู่ในกระเป๋าข้างเอวด้านขวา 

ผบ.ตร.ส่งชุดปฎิบัติการพิเศษ ภ.จว.ลำปาง บุกจับ ชายคลั่ง มือยิงกล่องข้าวน้อย กลางทุ่งนาดับ 1 เจ็บ 1 ตำรวจเข้าระงับเหตุถูกยิงอีก 1 ล่าสุดจับกุมตัว คุมสถานการณ์ได้แล้ว 

กรณีชายคลั่งยิงคนกลางทุ่งนา ตาย 1 เจ็บ 1 ตำรวจเข้าระงับเหตุถูกยิงเจ็บอีก 1 โดยเหตุอุกอาจดังกล่าว เกิดขึ้นวานนี้ (9 พ.ย.65) เวลา 15.30 น. นายพีระ อมรศิริวัฒนา หรืออาห่า อายุ 55 ปี ซึ่งมีอาการทางจิต เกิดคลั่งใช้อาวุธปืนพกปืนสั้น ยิงคนกลางทุ่งนา ขณะกำลังเกี่ยวข้าวในพื้นที่ หมู่ที่ 9 ต.จางเหนือ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง 

เกี่ยวกับความคืบหน้า ล่าสุด วันนี้ (10 พ.ย. 65) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เปิดเผยว่า หลังจากที่สั่งการด่วนให้ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.มงคล สัมภะวะผล  ผบก.ภ.จ.ลำปาง นำชุดปฏิบัติการพิเศษ ร่วมกับกำลังตำรวจ สภ.แม่เมาะ ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดลำปาง กำลังอส. และนปพ. ประมาณ 100 นาย เข้าไล่ล่าและกดดันมือปืนผู้ก่อเหตุ พร้อมทั้งนำโดรนขึ้นบินค้นหา 

ขณะนี้ ตำรวจได้จับกุมตัวนายพีระ อมรศิริวัฒนา หรืออาห่า ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณแนวป่าลึก ที่คนร้ายหลบหนีไปซ่อนตัว 

'ตำรวจ' รวบ นักลวงผ่านแอปฯ ไลน์ พบประวัติหลอกเหยื่อออนไลน์โชกโชน

วันที่ 12 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น.ดูแลงานสืบสวน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. จับกุมนายเอกชัย คนึงคิด อายุ 26 ปี ชาวจ.พะเยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 271/2564 ลงวันที่ 5 ต.ค. พ.ศ.2564 ข้อหา 'ฉ้อโกง' จับกุมตัว บริเวณลานจอดรถ ภูผาทองอพาตเม้นท์ หมู่ 6 ทางคู่ขนาน ถนนพหลโยธิน ต. เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2565 เวลา 18.30 น. ที่ผ่านมา      

สืบเนื่องจากชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ทำการสืบสวนจับกุมตัวคนร้ายที่เป็นตัวการในการก่อเหตุใช้แอปพลิเคชันไลน์ชื่อบัญชี 'รับจำนำรถยนต์' ทักไปลวงผู้เสียหายซึ่งได้มีการไปโพสต์ประกาศตามหารถยนต์ส่วนตัวซึ่งหายไปเมื่อประมาณปี 2562 ในเพจซื้อขายรถยนต์มือสองต่างๆ พร้อมกับให้ข้อมูลติดต่อกลับไว้ 

เมื่อผู้ต้องหาเห็นโพสต์ประกาศตามหารถยนต์ของผู้เสียหาย จึงได้ใช้แอปพลิเคชันไลน์ชื่อบัญชี 'รับจำนำรถยนต์' ทักไปแจ้งกับผู้เสียหายว่ารถยนต์คันที่ผู้เสียหายตามหานั้น ณ เวลานั้นอยู่กับตนโดยเป็นรถที่มีคนนำมาจำนำและหลุดจำนำแล้ว ถ้าผู้เสียหายอยากได้รถคือให้ผู้เสียหายมาติดต่อรับด่วน โดยได้ให้ผู้เสียหายส่งเอกสารเกี่ยวกับรถคันดังกล่าวให้ แต่ต้องโอนเงิน จำนวน 75,000 บาท (โดยแบ่งเป็นเงินต้น 70,000 บาท และดอก 5,000 บาท) มาให้เพื่อรับรถคืน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินจำนวน 75,000 บาท ให้คนร้ายครบ คนร้ายจึงได้ทำการปิดกั้นการติดต่อกับผู้เสียหาย 

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ตลอดจนการซักปากคำรับสารภาพของผู้ต้องหายังพบข้อมูลว่า ณ ปัจจุบัน คนร้ายที่ถูกจับกุมยังมีพฤติกรรมสร้างบัญชีเฟซบุ๊กเข้าไปหลอกขายอาวุธปืนผิดกฎหมายในกลุ่มคนเล่นปืนกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มสมาคมคนรักปืน, กลุ่มสมาคมคนรักอาวุธปืน V.1, กลุ่มสหายคนรักปืน, กลุ่มชมรมคนรักลูกโม่, กลุ่มสมาคมคนรักGUN 

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมคณะร่วมพิธีเปิดโครงการฝึกเอาชีวิตรอดและการบริหารเหตุการณ์วิกฤต กรณีมือปืนยิงกราดสำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

วันนี้(อาทิตย์ที่ 13 พ.ย.65)เวลา 09.30 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช.น., พ.ต.อ.อภิสัณห์ หว้าจีน รอง ผบก.อก.บช.น., พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.ฝอ.5 บก.อก.บช.น., นายจำนงค์ ผลลำไย ประธานชมรมครูฝึก รปภ.ไทย พร้อมผู้แทนสมาคมรักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธีเปิดโครงการฝึกเอาชีวิตรอดและการบริหารเหตุการณ์วิกฤต กรณีมือปืนยิงกราดสำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ณ ศูนย์ฝึกอบรมกลาง ศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม


 สำหรับโครงการดังกล่าว ได้ดำเนินการตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเรื่องของการสร้างความรู้และการรับมือกับเหตุการณ์วิกฤต กรณีมือปืนยิงกราด เนื่องในปัจจุบันมีการก่อเหตุอาชญากรรมในลักษณะดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เหตุกราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา เหตุกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู พนักงานรักษาความปลอดภัยรับอนุญาตจึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้เบื้องต้นในการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งวิทยากรหลักสูตรการรักษาความปลอดภัย ตามพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัยพ.ศ.๒๕๕๘ เป็นผู้ที่มีความสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ การสร้างแนวความคิด ทักษะ และวิธีการปฏิบัติงานด้านการรักษาความปลอดภัยจึงสมควรที่จะมีการอบรมให้ความรู้และกำหนดมาตรฐานการสอนของวิทยากรสถานฝึกอบรมหลักสูตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานธุรกิจและเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับอนุญาตให้มีคุณลักษณะตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งจะนำไปพัฒนาองค์กรหรือหน่วยงานรักษาความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

สตม.ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ห้วงระหว่างวันที่ 10 ต.ค. - 12 พ.ย.65

ตามที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ประจำปี พ.ศ.2565 (APEC 2022 Thailand) ในห้วงระหว่างวันที่ 14 - 19 พ.ย. 65 ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รอง ผบ.ตร., และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่กำชับให้ สตม. ดำเนินการระดมกวาดล้าง สืบสวนจับกุม ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยเน้นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการ   อยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง
เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่กำลังจะมีขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ อีกทั้งทำให้การปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์    ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. จึงดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค  โดยมีเป้าหมายหลัก เป็นคนต่างด้าวที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และเมื่อมีการจับกุมผู้กระทำความผิดได้แล้ว ให้ขยายผลการจับกุมทุกรายเพื่อให้ทราบถึงผู้ร่วมกระทำความผิด เครือข่ายของผู้กระทำความผิด และให้ดำเนินการติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิด/เครือข่ายของผู้กระทำความผิด ต่อไป

‘ตำรวจ’ แนะ 5 ทริก จับโป๊ะสลิปโอนเงินปลอม หลังระบาดหนัก ทำพ่อค้าแม่ขายหวาดผวา

(15 พ.ย. 65) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.ท.ธเทพ ไชยชาญบุตร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณี ชายหญิงตระเวนใช้สลิปปลอมหลอกซื้อของไปทั่วตลาด ที่ จ.อ่างทอง ​พ.ต.ท.ธเทพ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวพ่อค้าแม่ค้าตลาดนัดต่างหวาดผวากันอย่างหนัก หลังมีหญิงสาวอายุราว 30 ปี กับชายวัยกลางคน ตระเวนซื้อของทั้งเสื้อผ้า ของใช้ภายในตลาดนัดในพื้นที่ จ.อ่างทอง โดยใช้วิธีชำระเงินโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร และแสดงสลิปการโอนเงินให้ตรวจสอบให้กับแม่ค้าดู แต่ปรากฏว่าหลังตรวจสอบยอดเงินปรากฏว่า ไม่มีเงินเข้ามาทั้งที่ตอนที่แสดงให้ดูก็มีการโอนเงินสำเร็จแล้ว ในกรณีดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากเตือนพ่อค้าแม่ค้าระมัดระวัง หากมีการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันก็ให้ตรวจสอบยอดเงินทันทีจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้

สำหรับวิธีการตรวจสอบสลิปปลอมมีดังนี้

1.) สังเกตความละเอียดของ ตัวเลข หรือ ตัวหนังสือ หากเป็นสลิปปลอม แบบของตัวหนังสือบนสลิป ในส่วนของ ชื่อผู้โอน จำนวนเงิน วันที่ เวลา อาจจะเป็นตัวหนังสือคนละแบบ หรือความหนา บางของตัวอักษรจะไม่เท่ากัน หากเป็นเช่นนี้ อาจตั้งข้อสงสัยได้ว่าเป็นสลิปปลอม
2.) สแกน QR Code บนสลิปโอนเงินแบบ E-Slip สามารถตรวจสอบ ชื่อผู้โอน จำนวนเงิน วันและเวลาที่โอนเงินได้ หากยอดเงินไม่ตรง หรือไม่สามารถตรวจสอบได้ ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่าเป็นสลิปปลอม

3.) ใช้บริการแจ้งเตือนของธนาคาร ซึ่งจะแจ้งเตือนเมื่อมียอดเงินเข้าบัญชี สามารถนำไปเทียบยอดเงินกับสลิปได้

4.) ใช้ระบบจัดการร้านค้าที่มีฟังก์ชันตรวจสอบสลิปการโอนเงินอัตโนมัติกรณีที่ร้านค้าออนไลน์มียอดการสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก และมีการโอนเงินเข้าหลายรายการ สามารถเลือกใช้ระบบจัดการร้านค้าที่มีระบบตรวจสอบสลิป และยอดเงินเข้าอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ร้านค้าประหยัดเวลา และลดขั้นตอนการตรวจสอบ สลิปปลอม

โฆษก กอร. เผยตำรวจป้องกันตนเองตามเหมาะสม หลังม็อบต่อสู้ขัดขวางทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทั้งที่เตือนแล้ว

(18 พ.ย. 65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 หรือ กอร.แถลง สรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎรหยุด APEC ที่เคลื่อนขบวนออกจากลานคนเมืองศาลาว่าการกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เพื่อยื่นหนังสือผู้นำโลกในการประชุมเอเปค จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ ว่า...

เบื้องต้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ฝ่าฝืนข้อกำหนดและเงื่อนไขในการชุมนุม เรื่องการห้ามเคลื่อนขบวน และตำรวจได้แจ้งเตือนเป็นระยะแล้ว แต่ผู้ชุมนุมก็ฝ่าฝืน ขว้างปาสิ่งของ ทำลายรถกระบะของตำรวจเสียหาย และต่อสู้ขัดขวางทำร้ายเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังเข้าจับกุมผู้กระทำความ จากนั้นผู้ชุมนุมก็ยังไม่หยุด และมีการวางเพลิงบนรถตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ ตามยุทธวิธี ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น 

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมผู้กระทำผิดได้ 25ราย จากที่มีผู้มาร่วมชุมนุมกว่า 300 คน ถูกนำตัวไปดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่, วางเพลิง, ทำให้ทรัพย์สินราชการเสียหาย, ทำร้ายร่างกาย, ความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.ความสะอาด ส่วนข้อหาอื่นๆ อยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มเติม หากเข้าข่ายความผิดก็จะมีการดำเนินคดี ซึ่งยังคงให้สิทธิผู้ชุมนุมในการติดต่อญาติและทนายความได้ ส่วนสถานที่ควบคุมตัวไม่สามารถเปิดเผยได้ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top