Monday, 9 June 2025
Central

ปทุมธานี – ผู้ป่วยโควิด 500 คนรอเตียง บิ๊กแจ๊สจับมือสาธารณสุขเพิ่มรพ. สนาม สู้วิกฤตโรคระบาด

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2564 เวลา 15:00 น. ที่อาคารอเนกประสงค์ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี ตำบลบางพูน อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย นายแพทย์อภิชน จีนเสวก รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ผู้บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของจังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่ดูสถานที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 500 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่รอคอยเตียงเพื่อรับการดูแลรักษาจำนวนกว่า 500 คน

จากสถิติผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดปทุมธานีวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 448 ราย มีผู้ป่วยสะสม 9,656 ราย รักษาหายแล้วกลับบ้านจำนวน 5,233 ราย อยู่ระหว่างการดูแลรักษาจำนวน 4,356 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมจำนวน 67 ราย จากจำนวนที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันที่มีจำนวนมาก ทำให้จำนวนเตียงดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่โรงพยาบาลภาครัฐ และโรงพยาบาลสนามเต็ม จึงทำให้มีผู้ป่วยที่รอคอยรับการรักษาอยู่ที่บ้านกว่า 500 คน จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่ม ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ได้เห็นว่าวิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี ตำบลบางพูน อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี มีอาคารที่มีความเหมาะสมที่สามารถจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามได้เพื่อรอรับผู้ป่วยมาดูแลรักษา ดีกว่าที่จะให้รอคอยอยู่ที่บ้าน ป้องกันการแพร่ระบาดในชุมชน

ด้าน นายแพทย์อภิชน จีนเสวก รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ผู้บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เนื่องจากจังหวัดปทุมธานีมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นและมีอัตราการ รอคอยเตียงกว่า 500 คน บางส่วนต้องใช้การดูแลแบบ Home Isolation แต่บางส่วนจำเป็นจะต้องเข้าโรงพยาบาลสนามในกลุ่มที่ไม่พร้อมดูแลตัวเองที่บ้านในช่วงเบื้องต้น ระหว่างการรอคอยเตียง หากเรามีโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น จะทำให้ลดจำนวนผู้ป่วยที่รอคอยที่บ้านให้เข้ามาสู่กระบวนการรักษาในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ในกลุ่มที่มีโอกาสที่จะทำให้โรคลุกลามเร็วขึ้น เมื่อมาอยู่ใกล้ชิดหมอจะทำให้เขาปลอดภัยขึ้น จังหวัดปทุมธานีจึงต้องเร่งหาโรงพยาบาลสนาม เพื่อเพิ่มจำนวนเตียงให้มากขึ้น เนื่องจากเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ

ส่วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดปทุมธานีค่อนข้างวิกฤตแล้ว โดยเฉพาะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ที่ตลาดไท ปัจจุบันจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเท่าไรก็เต็มหมด โรงพยาบาลภาครับก็เต็ม เมื่อมาสำรวจที่ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี ทาง อบจ.พร้อมที่จะสนับสนุนในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามที่นี่ โดยมีการประชุมทำแผนจัดตั้งโรงพยาบาลมา หากไม่ใช้สถานที่ของราชการแล้ว จะไปทำให้สถานที่ภายในหมู่บ้านชุมชน พี่น้องประชาชนมีความตื่นตระหนก จึงต้องมีการดำเนินการที่เร่งด่วน เพื่อให้ที่สถานที่ให้ผู้ป่วยพักรักษา จะให้เขาอยู่กับบ้านแล้วไม่ดูแลเขาไม่ได้ ทั้งนี้ อบจ.ในแต่ละวันมีการตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยการเจาะเลือดแรปบิทเทสวันละกว่า 1,500 คน นอกจากนี้ยังมีการออกหน่วยตรวจคัดกรองประชาชนจุดละกว่า 1,000 คน พี่น้องประชาชนมีการตื่นตัวที่จะดูแลตัวเอง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อยังมีจำนวนเพิ่มขึ้น ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนประมาท การ์ดอย่าตก และช่วยดูแลตัวเองและครอบครัวของท่านให้ดี นอกจากนี้ทาง อบจ.พยายามที่จะหายา และวัคซีน หวังว่าปทุมธานีจะผ่านวิกฤตครั้งที่ไปด้วยกันให้ได้ทั้งจังหวัด


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน

สุโขทัย - อบจ.สุโขทัย ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อน แก่ประชาชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้มีรายได้

วันที่ 5 กรกฏาคม 2564 นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย มอบหมายให้ นางกัลยากร จั่นแก้ว เลขานุการ อบจ. นางสาวศรีสุรางค์ จูทอง หัวหน้าสำนักปลัด อบจ. พร้อม บุคลากรในสังกัด อบจ.สุโขทัย ลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือ ตามโครงการ อบจ.สุโขทัย ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อน ประจำปีงบประมาณ 2564 เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้มีรายได้น้อย ในพื้นที่ จ.สุโขทัย รายละ 3,000 บาท ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในเขต ต.บ้านกล้วย ในเขต ต.ธานี อ.เมืองสุโขทัย ณ สำนักงานเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี และในเขต ต.ไกรนอก ต.กกแรต ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ  ณ หอประชุม อบต.ไกรนอก

โดยมีนายเชนท์ ผาสุก สมาชิกสภา อบจ.สุโขทัย อ.เมือง เขต 1 นายประทีป สุริเย สมาชิกสภา อบจ.สุโขทัย อ.เมือง เขต 2 นายลูกคิด ไกรสีกาจ สมาชิกสภา อบจ.สุโขทัย อ.กงไกรลาศ เขต 1 นายพัฒ ตั้งเบญจผล สมาชิกสภา อบจ.สุโขทัย อ.กงไกรลาศ เขต 2 ผู้นำท้องที่-ท้องถิ่น และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่มอบเงินตามโครงการดังกล่าว

พิจิตร – ผู้ว่าฯ เผย แรงงานติดเชื้อโควิดขอกลับบ้านเพียบ ล่าสุดวันนี้พบผู้ป่วย 11ราย รอลุ้นผลตรวจ 213 ราย

วันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิจิตร นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้เป็นประธานในพิธีรับมอบรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย  Biosafety Mobile Unit ที่ พ.ต.อ. กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ นายก อบจ.พิจิตร ได้ดำเนินการใช้งบประมาณ 3.8 ล้านบาท จัดซื้อรถตรวจหาเชื้อโควิดเคลื่อนที่จำนวน 2 คัน ที่ติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัยเพื่อมอบให้ นพ.กมล กัญญาประสิทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร นำไปบริหารจัดการปฏิบัติการเชิงรุกในการตรวจหาเชื้อโควิด ซึ่งรถทั้งสองคันดังกล่าวนับเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการ Swab ให้กับกลุ่มเสี่ยงและเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จะให้บริการประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดที่เกิดขึ้น

ซึ่งภายหลังจากรับมอบรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยแล้ว นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้มีชาวพิจิตรที่ไปทำงานในกรุงเทพและปริมณฑลต่างติดต่อขอกลับบ้านกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสงสัยตัวเองว่าจะติดเชื้อโควิดซึ่งตอนนี้หาที่ตรวจก็ไม่ได้ หาที่รักษาหรือหาเตียงเพื่อนอนรักษาก็ไม่มีที่ใดว่างดังนั้นจึงประสานขอกลับมาในแต่ละวันก็มีประมาณ 10-20 ราย ซึ่งจังหวัดพิจิตรก็ต้องอ้าแขนรับเนื่องจากเป็นคนพิจิตรกลับมาก็ต้องดูแลกัน ล่าสุดได้มีการประชุมวางแผนให้เพิ่มเตียงใน รพ.สนาม-รพ.พิจิตร-รพ.ชุมชนต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ยังมีเตียงว่างประมาณ 100 เตียง รวมถึงได้ขอให้ อบจ.พิจิตร เพิ่มเตียงในโรงพยาบาลสนามเพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์ที่ส่อเค้าว่าจะหยุดไม่อยู่แต่มั่นใจว่าช่วงนี้ยังคงรับมือได้

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในเขตพื้นที่จังหวัดพิจิตร ตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. 64 จนถึงวันนี้พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดเดินทางมาจากพื้นที่สีแดงมีกว่า 50 คนแล้ว ทำให้ล่าสุดวันนี้ จงพิจิตรมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 11 ราย ผู้ป่วยนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 80 ราย และต้องรอลุ้นผลตรวจกลุ่มเสี่ยง 213 ราย ทำให้ขณะนี้พิจิตรมีผู้ป่วยสะสมแล้ว 233 ราย รักษาหาย 141 ราย อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

สุโขทัย – ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พร้อมภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามของจังหวัดสุโขทัย

วันนี้ (6 กรกฎาคม 2564) เวลา 10.30 น. ที่อาคารชวนชม มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุโขทัย อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วยนายสุชาติ ทีคะสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ดร.นพ.ปองพล วรปาณิ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย นพ.มาโนช อู่วุฒิพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุโขทัย บุคลากรทางการแพทย์และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานที่โรงพยาบาลสนามของจังหวัดสุโขทัย ที่อาคารชวนชม มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุโขทัย ซึ่งเป็นตึก 4 ชั้น และสามารถรองรับผู้ป่วยโควิด-19 สีเขียว ได้สูงสุด 120 ราย โดยเบื้องต้นขณะนี้อาคารชวนชมมีผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารับการรักษาอยู่จำนวน 2 รายด้วยกัน

นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยกล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนั้น มาจากพี่น้องชาวจังหวัดสุโขทัยได้โทรประสานขอกลับมารักษาตัวที่จังหวัดสุโขทัย ทั้งนี้อยากขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนที่ประสงค์จะขอกลับเข้ามารักษา ให้โทรประสานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย ก่อนที่จะเดินมาเข้ามาในพื้นที่ของจังหวัดสุโขทัยด้วย


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

สมุทรปราการ - นิพนธ์ ขอบคุณ ทุกฝ่ายปฏิบัติการดับเพลิงโรงงานกิ่งแก้ว จนเสร็จสิ้น แสดงความเสียใจ จนท. เสียชีวิต 1 ราย มีผู้บาดเจ็บกว่า 40 ราย ยืนยัน รัฐบาลพร้อมดูแลเยียวยาความเสียหาย

เมื่อเวลา 14.00 น. เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564  นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางลงพื้นที่เหตุโรงงานไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว (บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล) จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อติดตามตรวจความเสียหาย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ว่า ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมี บริษัทหมิงตี้ เคมิคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์  ที่มูลนิธิร่วมกตัญญู สมุทรปราการ ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 100 หลัง ผู้บาดเจ็บ 40 ราย ผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นเจ้าหน้าที่ ในส่วนเรื่องความเสียหายของโรงงานหรือโครงสร้างอาคาร ต้องรอทางจังหวัดสมุทรปราการประชุมสรุปผลอีกครั้ง ขณะนี้เพลิงสงบแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังการปะทุของไฟอย่างต่อเนื่อง

นายนิพนธ์ กล่าวว่า สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะเร่งด่วน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่ ส่วนเรื่องการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ กระทรวงมหาดไทย มีหลักเกณฑ์การช่วยเหลืออยู่แล้ว เมื่อจังหวัดได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน จังหวัดก็สามารถใช้จ่ายเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด วงเงิน 20 ล้านบาท ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2562 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของผู้ประสบภัย หากงบไม่พอสามารถขยายต่อได้ครั้งละ 20 ล้านบาท

“การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิด ต้องเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียด้วย ทางภาครัฐก็มีหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือด้วยและต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการดับเพลิงครั้งนี้ ตั้งแต่อาสาสมัคร พนักงานดับเพลิง เจ้าหน้าที่กู้ภัย ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย “ นายนิพนธ์กล่าว

 

จากนั้นได้เดินทางไปยังจุดอพยพประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ ณ วัดบางพลีใหญ่ใน ซึ่งมีประชาชนพักอาศัยอยู่กว่า 300 คน โดยได้ร่วมมอบของบรรเทาทุกข์ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยนำน้ำดื่ม เจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัย มอบความช่วยเหลือเบื้องต้นไปสมทบช่วยประชาชน เพื่อมอบให้กับหน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่นทำหน้าที่บริหารจัดการกระจายตามจุดต่างๆตามความเหมาะสมต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

สมุทรปราการ - “นันทิดา” นายก อบจ. ลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนศูนย์พักพิงบางพลี แจงปมดราม่า ไม่ได้หายไปไหน

นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นำคณะผู้บริหารลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนที่ศูนย์พักพิงภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย นายสุนทร ปานแสงทอง รองนายก อบจ. ดร.พิริยะ โตสกุลวงศ์ รองนายก อบจ. นายสมลักษณ์ ควรสงวน รองนายก อบจ. นางสาวชนม์ทิดา อัศวเหม และนายรัชชานนท์ ทองอร่าม เลขานุการนายก อบจ.สมุทรปราการ นายชนะ หงวนงามศรี รองประธานสภา อบจ. สมุทรปราการ ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมประชาชน

โดยเดินทางมาให้กำลังใจ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานผลิตพลาสติกภายในซอย กิ่งแก้ว 21  โดยศูนย์พักพิงช่วยเหลือประชาชนวัดบางพลีใหญ่กลาง มีผู้ประสบภัยเข้ามาพักอาศัยกว่า 300 คน แรงระเบิดส่งผลกระทบทำให้บ้านเรือนประชาชน รถยนต์ โรงงาน และอาคารโดยรอบที่อยู่ในรัศมีได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก 

อีกทั้งยังพบว่ามีสารเคมีและวัตถุดิบในการผลิตถูกเพลิงเผาไหม้กลายเป็นกลุ่มควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ จนทางจังหวัดต้องประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย และทำการอพยพประชาชนออกห่างในรัศมี 5 กิโลเมตร

สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถือเป็นอีกหนึ่งกำลังสำรองหลัก ที่คอยทำหน้าที่ให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานของทางจังหวัดสมุทรปราการ ให้บรรลุเป้าหมาย เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายและกลับคืนสู่ภาวะปกติ  โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ที่เป็นหน่วยงานแรก ๆ ที่ส่งทีมเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เข้าไปร่วมปฏิบัติการดับเพลิงตั้งแต่เกิดเหตุและยืนหยัดช่วยเหลืออยู่ต่อไปจนกว่าภารกิจจะสำเร็จลุล่วง อบจ.สมุทรปราการ สนับสนุนภารกิจร่วมกับทางจังหวัด ได้แก่ รถฉีดน้ำยาโฟม จำนวน 4 คัน ,น้ำยาโฟม จำนวน 100 ถัง ,รถดับเพลิง จำนวน 2 คัน ,รถพ่นละอองน้ำจำนวน 9 คัน ,บอลลูนไลน์ จำนวน 4 เครื่อง (ประจำตามศูนย์อพยพ) และรถสุขา 4 คัน (ประจำตามศูนย์อพยพ)

นอกจากนี้ยังได้ประสานงานไปยัง นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อขอการสนับสนุนทางด้านอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นต่าง ๆ ในการยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย ตามศูนย์อพยพชั่วคราว ซึ่งภารกิจครั้งนี้จะเห็นได้ว่า บทบาทและกรอบภารกิจในการกู้วิกฤติไฟไหม้โรงงานผลิตย่านถนนกิ่งแก้วครั้งนี้ ทุกฝ่ายล้วนให้ความร่วมมือ สนับสนุนการดำเนินการของทางจังหวัดสมุทรปราการ ให้บรรลุเป้าหมายโดยพร้อมเพรียงกัน


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สมุทรปราการ - “รองโจ” รอง ผบก.ชลบุรี ร่วมกับครอบครัวมีศิริ มอบอาหารปรุงสุกและน้ำดื่ม ให้บุคลากรทางการแพทย์

พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง อดีตประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.บางพลีใหญ่ ร่วมกับ ร้าน OPOR fashion ครอบครัวมีศิริ นำอาหารปรุงสุกพร้อมด้วยน้ำดื่มนำมามอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฎิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชน ณ ศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีน Covid-19 วัดบางพลีใหญ่กลาง

โดยนายธวัชชัย มีศิริ พร้อมครอบครัวมีศิริ จัดทำอาหารกล่องข้าวหมกไก่ทอด ข้าวมันไก่ ข้าวผัดกระเพราหมู และก๋วยเตี๋ยวเกี๊ยวกรอบ จำนวน 300 ชุด พร้อมทั้ง น้ำลำไย น้ำเก็กฮวย และน้ำดื่ม นำมามอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ จากโรงพยาบาลบางพลี  สำนักงานสาธารณสุขอำเภอบางพลี และเจ้าหน้าที่ อสม.ที่มาอำนวยความสะดวกในการให้บริการฉีดวัคซีน ให้กับประชาชน ณ ศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีน Covid-19 วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ ให้กับเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ ที่เสียสละเพื่อส่วนรวม โดยมี พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง และตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ ศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีน Covid-19 ร่วมกันรับมอบ


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ  รายงาน

ปทุมธานี - พิธีเปิด "ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย" จังหวัดปทุมธานี

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงห่วงใยและทรงตระหนักถึงความเดือดร้อนของราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงพระราชทานพระราชานุญาตให้สภากาชาดไทย โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ จัดตั้ง "ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย" ณ ศูนย์คหกรรมศาสตร์ช่อพวงชมพู คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ในระหว่างวันที่ 7-16 กรกฎาคม 2564

เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่สำหรับนำไปมอบให้แก่ประชาชนจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นการจัดตั้งครัวพระราชทานฯ แห่งที่ 13 นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19โดยในวันนี้ (7 กรกฎาคม 2564) เวลา 10.00 น. นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด "ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย" พร้อมมอบอาหารพระราชทานให้แก่ผู้แทนจากอำเภอต่าง ฯ จำนวน 3,000 ชุด ณ ศูนย์คหกรรมศาสตร์ช่อพวงชมพู คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

โดยเมนูอาหารพระราชทานในวันนี้ ประกอบด้วย ข้าวสวยไก่กระเทียม น้ำพริก ผักสุด จากนั้น ประธานและคณะได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้สูงอายุและผู้ป่วยยากไร้ จำนวน 3 รายในพื้นที่ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง พร้อมมอบอาหารพระราชทาน น้ำดื่ม และชุดธารน้ำใจกู้ชีวิตฝ่าวิกฤติโควิด-19 เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ยังความปลาบปลื้มแก่ประชาชนที่ได้รับอาหารพระราชทานและต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

อาหารปรุงสุกใหม่จากครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย จะแจกจ่ายไปยังประชาชนในพื้นที่ 7 อำเภอ ของจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอคลองหลวง อำเภอธัญบุรี อำเภอลำลูกกา อำเภอสามโคก อำเภอลาดหลุมแก้ว และอำเภอหนองเสือ โดยคำนึงถึงการบริหารจัดการครัวที่เน้นความสะอาด ถูกสุขลักษณะ ประกอบหารปรุงสดใหม่ สะอาด โดยเน้นให้ผู้ประกอบอาหารแต่งกายตามมาตรฐาน คือ สวมหมวกคลุมผม สวมผ้ากันเปื้อน สวมหน้ากากอนามัย และสวมถุงมือ รวมถึงการแจกจ่ายอาหารพระราชทานที่มีการจัดระเบียบการรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ได้ผลิตอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน และมอบให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บุรีรัมย์ นครสวรรค์ และตรัง ไปแล้วรวมจำนวน 145,104 ชุด และยังคงให้ความช่วยเหลือในจังหวัดอื่น ๆ ต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคเงิน 99 บาท ในโครงการ "พลังใจ 99 บาท ก้าวผ่านวิกฤต COVID-19" เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ต้องกักกันตน ผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และไร้ที่พึ่ง เพื่อลดความเสี่ยง ป้องกัน และเยียวยาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านการดำเนินงานของสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์สำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สถานีกาชาด เหล่ากาขาดจังหวัด และกิ่งกาชาดอำเภอ ด้วยการสแกน QR CODE ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารในระบบ E-DONATION หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักสีลม ชื่อบัญชี "สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ" ประเภทบัญชี "กระแสรายวัน" เลขที่ 001-1-34567-0 หรือธนาคารกรุงไทย สาขาสุรวงศ์ ชื่อบัญชี "สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย" ประเภทบัญชี "กระแสรายวัน" เลขที่ 023-6-06799-0 สอบถามเพิ่มเติม โทร.1664


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

กรุงเทพฯ - “มูลนิธิมาดามแป้ง” เยียวยาครอบครัวอาสาดับเพลิงเสียชีวิต-เจ็บสาหัส พร้อมตั้งครัวช่วยผู้ประสบภัย โรงงานกิ่งแก้วระเบิด

“มูลนิธิมาดามแป้ง” ยื่นมือช่วยเหลือครอบครัวอาสาดับเพลิงที่เสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัส พร้อมตั้งครัวมาดาม ส่งอาหารบรรเทาความเดือนร้อนผู้อพยพ และเจ้าหน้าที่ เหตุโรงงานระเบิด ซอยกิ่งแก้ว 21 ตั้งแต่วันแรกถึงปัจจุบัน

จากเหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้โรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 ถ.กิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จนมีอาสาดับเพลิงเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย อีกทั้ง พื้นที่โดยรอบยังถูกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องอพยพประชาชนโดยรอบออกจากพื้นที่จำนวนมาก

“มูลนิธิมาดามแป้ง” โดย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ซีอีโอ เมืองไทยประกันภัย ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิฯ ซึ่งเห็นถึงความยากลำบากและความเสียสละของคนทำงานอาสายามเกิดภัย จึงตั้งใจมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวของ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ น้องพอส อาสาสมัครดับเพลิงวัย 19 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากการทำหน้าที่ จำนวน 50,000 บาท อีกทั้งมอบเงินช่วยเหลืออาสาดับเพลิงที่บาดเจ็บสาหัส 2 รายที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล คือ นายกฤษณะ นุชสุวรรณ และ นายนันทปรีชา มีแสง คนละ 20,000 บาท รวม 40,000 บาท รวมเป็นเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น 90,000 บาท

ด้าน "มาดามแป้ง" กล่าวว่า “ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแก่ครอบครัวน้องพอส รวมถึงผู้ที่บาดเจ็บทุกท่าน บ่อยครั้งที่เราต้องสูญเสียผู้ที่มีหัวใจอาสาแบบนี้ไปอย่างน่าเสียใจ มูลนิธิฯ เล็ก ๆ ของเราขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวน้องพอส เงินจำนวนนี้คงเทียบไม่ได้กับชีวิตที่สูญเสีย แต่ขอให้รู้ว่าน้องคือผู้เสียสละที่แท้จริง และขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และคนในพื้นที่ให้ผ่านเหตุการณ์ไปโดยเร็ว ทุกอย่างมาจากความตั้งใจของเราทุกคน ที่อยากให้สถานการณ์นี้ผ่านไปได้โดยเร็ว”

นอกจากนี้ มูลนิธิมาดามแป้ง ยังตั้ง "ครัวมาดาม" ทันทีตั้งแต่วันแรกถึงปัจจุบัน เพื่อส่งมอบข้าวกล่องพร้อมสิ่งของที่จำเป็น บรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วนแก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ วัดบางพลีใหญ่ใน, อบต.บางพลีใหญ่, รร.เตรียมปริญญานุสรณ์, รร.คลองบางกระบือ และวัดบางโฉลงใน กว่า 1,500 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ณ ศูนย์บัญชาการกลาง ทั้งนี้ มูลนิธิมาดามแป้งยังมีแผนสนับสนุนความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ตามสถานการณ์ และความต้องการของประชาชนในพื้นที่เกิดเหตุต่อไป เพื่อส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน

สมุทรปราการ - เผยโฉมหน้า ฮีโร่นักบิน ฮ. ผู้อยู่เบื้องหลังสยบเพลิงโรงงานกิ่งแก้ว อดีตนักรบนาวิกโยธิน กองทัพเรือ

จากกรณีที่ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก เกิดเพลิงไหม้ เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับผลกระทบ บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทำให้เราเห็นแล้วว่าประเทศไทยเรานั้น มีฮีโร่ที่อยู่เบื้องหลังการดับเพลิงที่กำลังลุกลามลงได้ และหนึ่งในนั้น คือ “ร้อยโท กิตตินันท์ กันทพนม” นศ.ระดับปริญญาโท รุ่นที่ 8 สถาบันการบินพลเรือน นักบินเฮลิคอปเตอร์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ได้ทำการบิน ฮ.KA-32 ในการโปรยโฟมดับไฟในครั้งนั้น

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก “Avm Catc” ได้โพสต์ชื่นชมฮีโร่ผู้สยบเพลิง โดยระบุข้อความว่า “ขอชื่นชม ร้อยโทกิตตินันท์ กันทพนม นศ.ระดับปริญญาโท รุ่นที่ 8 สถาบันการบินพลเรือน นักบินเฮลิคอปเตอร์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ที่ทำการบิน ฮ.KA-32 โปรยโฟม จากกรณีที่ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก เกิดเพลิงไหม้เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ก.ค. 64 จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ภารกิจนี้นับว่าสำคัญในระดับสูงสุด เพราะเป็นการช่วยเหลือชีวิตคน ซึ่งมีค่ามากกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ MMAVM CATCFamily

ท่านทราบไหมครับว่า ฮีโร่ ผู้นี้คือ อดีตนักรบนาวิกโยธิน แห่งกองทัพเรือ จากการจบการศึกษาจากโรงเรียนจ่าทหารเรือ รุ่นที่ 53 (นรจ.ทร.53) และเป็นนักเรียนจ่านาวิกโยธิน รุ่นที่ 55 (นรจ.นย.55) และได้ลาออกจากกองทัพเรือ หันเหชีวิตมาสมัครเป็น นักบินทหารบก และศึกษาต่อจนจบปริญญาโท รุ่นที่ 8 สถาบันการบินพลเรือน นักบินเฮลิคอปเตอร์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย

ซึ่งการปฏิบัติภารกิจ ในการบิน ฮ.โปรยโฟมดับไฟในครั้งนี้ นับว่าเป็นภารกิจสำคัญในระดับสูงสุด เพราะเป็นการช่วยเหลือชีวิตคน ซึ่งมีค่ามากกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ ยังความภาคภูมิใจแด่ เพื่อนร่วมรุ่นนรจ.ทร.33 นรจ.นย.รุ่น 55 หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และกองทัพเรือ เป็นอย่างยิ่ง จึงขอเป็นแรงบันดาลใจ บนเส้นทางนักบินทหารบก ที่ไม่เคยลืมกำเนิดจากกองทัพเรือ แม้แต่สักครั้งเดียว ขอชื่นชมนักบินเฮลิคอปเตอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังสยบเพลิงโรงงานกิ่งแก้ว ในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  สนง.โฆษกกองทัพเรือ  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top