Monday, 21 April 2025
ByteDance

สหรัฐฯ ขีดเส้นตาย 6 เดือนให้ ByteDance หากไม่ขายแอปฯ TikTok ทิ้ง เจอแบนแน่

(7 มี.ค.67) ทางการสหรัฐฯ กำลังกดดันให้ บริษัทเทคฯ จีนอย่าง ByteDance ขายแอปพลิเคชัน TikTok ภายใน 6 เดือนหรือจะพบกับการแบนจากสหรัฐฯ 

สืบเนื่องจากปัจจุบัน ทางการสหรัฐฯ มีความกังวลอย่างมากจากการที่ข้อมูลผู้ใช้ในแอปพลิเคชันอาจตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลจีน ทำให้ทั้งสองพรรคในสภาสหรัฐฯ กำลังกดดันทางกฎหมายอย่างหนัก ทำเอาทาง TikTok ไม่พอใจอย่างมากและกล่าวว่านี่คือการแบนโดยสมบูรณ์ และกล่าวว่าการออกกฎหมายนี้จะเป็นการเหยียบย่ำสิทธิของชาวอเมริกันถึง 170 ล้านคน และทำลายธุรกิจเล็ก ๆ กว่า 5 ล้านแห่งบนแพลตฟอร์ม

ในร่างกฎหมายที่ออกโดยสภานิติบัญญัติสหรัฐฯได้กล่าวอ้างว่า TikTok ถูกควบคุมโดยชาติอื่นที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์และสร้างความเสี่ยงอันไม่สามารถยอมรับได้ต่อความมั่นคงของชาติ โดยบริษัทมีเวลา 165 วันในการถอนทุนออกก่อนที่จะถูกบล็อกจาก App Store และแพลตฟอร์มในสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ก็มีการเคลื่อนไหวจากทางสภาของสหรัฐฯ รวมถึงเคยมีความพยายามที่จะแบบอย่างสมบูรณ์ในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

‘TikTok’ อ่วม!! โดน ‘อิตาลี’ ปรับเงิน 10 ล้านยูโร เหตุไม่ควบคุม ‘เนื้อหาอันตราย’ ต่อเยาวชน

(19 มี.ค.67) TikTok กำลังเผชิญกับปัญหาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นคำถามจากการให้บริการในสหรัฐอเมริกา และล่าสุดทางการอิตาลีสั่งปรับเป็นเงิน 10 ล้านยูโร เนื่องจากไม่ได้ตรวจสอบเนื้อหาที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ที่อายุน้อยหรือผู้ใช้งานอื่นๆ อย่างเหมาะสม

แพลตฟอร์มที่มี ByteDance บริษัทแม่สัญชาติจีนเป็นเจ้าของกำลังเผชิญกับความล้มเหลวในการสร้างมาตรการปลอดภัยต่อและการปกป้องผู้เยาว์ที่ยังไม่สามารถแยกแยะเนื้อหาที่เหมาะสมได้ และอาจได้รับอิทธิพลจากพฤติกรรมการโน้มน้าวชักจูงจากกระแสไวรัล ตามรายงานของหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดด้านการแข่งขันของอิตาลีหรือ AGCM

ทั้งนี้ หน่วยงานเฝ้าระวังดังกล่าวได้จับตามอง และกล่าวถึงวิดีโอไวรัลที่กำลังเป็นปัญหา โดยมีเนื้อหาในการท้าให้ผู้เข้าร่วมทำภารกิจที่เรียกว่า ‘French scar’ โดยเฉพาะ ผู้ใช้งานเยาวชน ด้วยการหยิกแก้มตัวเองเพื่อสร้างรอยช้ำบนโหนกแก้ม ในเนื้อหานี้ TikTok ไม่ได้มี ‘มาตรการที่เพียงพอ’ ในการควบคุมและจัดการ เพื่อให้แพลตฟอร์มเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน AGCM กล่าว หลังจากการสอบสวนในเรื่องนี้ที่เริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งเดือนหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลของอิตาลีเรียกร้องให้ TikTok ระงับวิดีโอดังกล่าวออกจากแพลตฟอร์ม หลังจากภารกิจ ‘French scar’ ดังกล่าวส่งผลที่เป็นอันตรายและกลายเป็นประเด็นสำคัญที่สร้างความกังวลใจ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ TikTok ถูกพิจารณาว่าไม่ปลอดภัย และถูกปรับจากการขาดประสิทธิภาพในมาตรการรักษาความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา อังกฤษได้ปรับ TikTok เป็นเงินจำนวน เกือบ 16 ล้านเหรียญฐานใช้ข้อมูลของผู้ใช้งานที่เป็นเยาวชนในทางที่ไม่เหมาะสม และละเมิดข้อจำกัดอายุของผู้ใช้แพลตฟอร์ม

ด้านองค์กรอิสระดังกล่าวยังพบว่า ฟีเจอร์ ‘For you’ ของ TikTok สามารถกระตุ้นให้ผู้ใช้ที่เป็นเด็กเข้าสู่เนื้อหาที่เป็นอันตรายได้ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ Eric Adams นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กฟ้อง TikTok พร้อมด้วยแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ เช่น Meta ในข้อหาเป็นต้นเหตุของวิกฤติสุขภาพจิตของเยาวชน

ผู้แทนจาก TikTok ออกมาให้ความเห็นว่า แม้ว่าจะมีหลายกรณีที่ TikTok ล้มเหลวในการทำให้แอปโซเชียลมีเดียปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทุกคน แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของ AGCM ในอิตาลี

“เนื้อหาที่เรียกว่า 'French scar' มีการค้นหาเฉลี่ยเพียง 100 ครั้งต่อวันในอิตาลีก่อนที่จะมีการประกาศของ AGCM เมื่อปีที่แล้ว และทาง TikTok จำกัดการเปิดเผยเนื้อหานี้ไว้นานแล้วโดยกำหนดให้ผู้เข้าถึงเนื้อหาต้องมีอายุมากกว่า 18 ปี” โฆษกของ TikTok กล่าวกับ Fortune

TikTok กำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งคือ สหรัฐฯ ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติลงมติเห็นชอบร่างกฎหมาย ที่มีอำนาจสั่งห้ามแพลตฟอร์มให้บริการในสหรัฐฯ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรซึ่งได้ผ่านการอนุมัติ และกำลังถูกพิจารณาจากวุฒิสภา โดยที่ผลลัพธ์ยังคงไม่แน่นอน

ในบรรดาข้อกังวลหลายประการนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน ซึ่ง TikTok ได้ปฏิเสธมาตลอด ความกังวลดังกล่าวทำให้รัฐบาลหลายแห่งสั่งห้ามให้มีการติดตั้งแพลตฟอร์มบนอุปกรณ์ของรัฐบาล

แม้ว่าอนาคตของ TikTok จะแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ TikTok ก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ทรงอิทธิพลที่สุดโดยมีผู้ใช้มากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย วิธีที่แพลตฟอร์มจะรับมือกับข้อร้องเรียนจากหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะในด้านการขาดความปลอดภัยอาจชี้ให้เห็นทิศทางในอนาคตของการดำเนินงานของแพลตฟอร์ม

‘แคนาดา’ สั่ง!! TikTok ให้หยุดดำเนินการ อ้าง!! เสี่ยงต่อความมั่นคง ของประเทศชาติ

(9 พ.ย. 67) รัฐบาลแคนาดาออกคำสั่งให้ TikTok ของบริษัท ByteDance ในจีน ยุติการดำเนินธุรกิจในประเทศ โดยมีการระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นผลจากการประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคงแห่งชาติ การตรวจสอบดังกล่าวทำโดยชุมชนความมั่นคงและข่าวกรองของแคนาดา

โดยรัฐบาลได้ย้ำว่าจะไม่จำกัดการเข้าถึง TikTok สำหรับชาวแคนาดาทั่วไป แต่แนะนำให้ประชาชนประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้แอปโซเชียลมีเดีย 

นายฟรองซัวส์-ฟีลิป ชองปาญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมของแคนาดา ระบุว่า รัฐบาลต้องการให้ประชาชนตระหนักถึงความเสี่ยงของการใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในแง่ของการจัดการข้อมูลและความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับประเทศต่างชาติ ซึ่ง TikTok นั้นได้ถูกห้ามใช้งานบนอุปกรณ์ของรัฐบาลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023

ในส่วนของ TikTok ได้ตอบโต้ว่า การปิดสำนักงานในแคนาดาจะส่งผลให้พนักงานหลายร้อยคนต้องถูกเลิกจ้างงานไป ทั้งนี้ บริษัทตั้งใจจะท้าทายคำสั่งนี้ในชั้นศาล  โดยในแถลงการณ์ บริษัท ByteDance ยืนยันว่าจะไม่มีการแบ่งปันข้อมูลผู้ใช้กับรัฐบาลประเทศจีน แต่ความกังวลที่ว่า TikTok อาจถูกบังคับให้ส่งข้อมูลผู้ใช้ยังคงเป็นประเด็นใหญ่ ซึ่งส่งผลให้สหรัฐฯ ตั้งกฎหมายบังคับ ByteDance ขาย TikTok ภายในเดือนมกราคม 2025 มิฉะนั้นอาจถูกแบนในประเทศ

ปัจจุบัน TikTok ถูกแบนอย่างสมบูรณ์ในหลายประเทศ อาทิ อัฟกานิสถาน อินเดีย เนปาล และปากีสถาน และถูกห้ามใช้ในอุปกรณ์ที่ออกโดยรัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลก

ศาลฎีกาสหรัฐฯ เตรียมเปิดไต่สวน ติ๊กต๊อก สู้กม.แบนกิจการ ลุ้นชี้ชะตา10 ม.ค.นี้

เมื่อวานนี้ (18 ธ.ค.67) ศาลสูงสุดสหรัฐฯ เห็นพ้องจะทบทวนคำร้องจากติ๊กต็อก (TikTok) และไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของติ๊กต็อก เพื่อระงับกฎหมายที่กำหนดการจำหน่ายกิจการของแอปพลิเคชันแบ่งปันคลิปวิดีโอยอดนิยมนี้ภายในวันที่ 19 ม.ค. 2025 หรือเผชิญการลงโทษแบนด้วยเหตุผลความมั่นคงของชาติ

รายงานระบุว่าศาลสูงสุดสหรัฐฯ กำหนดรับฟังข้อโต้แย้งในวันที่ 10 ม.ค. 2025 เพื่อตัดสินว่ากฎหมายดังกล่าวจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกอันขัดกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ของสหรัฐฯ หรือไม่ โดยศาลสูงสุดสหรัฐฯ ออกกำหนดการนี้หลังจากติ๊กต็อกยื่นคำร้องเป็นเวลาสองวันแล้ว

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกกฎหมายที่ให้เวลากับไบต์แดนซ์เพียง 270 วันในการจำหน่ายกิจการของติ๊กต็อก โดยอ้างอิงประเด็นความมั่นคงของชาติที่ไม่มีมูลความจริง ซึ่งหากไบต์แดนซ์ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ผู้ให้บริการร้านค้าแอปพลิเคชันอย่างแอปเปิลและกูเกิลต้องถอดติ๊กต็อกออกจากแพลตฟอร์ม

ต่อมาเดือนพฤษภาคม ติ๊กต็อกยื่นฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อระงับคำสั่งแบนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง และเมื่อต้นเดือนธันวาคม ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยกฟ้องคำกล่าวอ้างของติ๊กต็อกที่ว่าคำสั่งแบนขัดต่อรัฐธรรมนูญและละเมิดสิทธิตามการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ 170 ล้านราย

เมื่อวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ติ๊กต็อกเรียกร้องศาลสูงสุดสหรัฐฯ ระงับกฎหมายนี้ ชี้ว่าจะเป็นการปิดหนึ่งในแพลตฟอร์มแสดงออกทางคำพูดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของอเมริกาก่อนวันสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี และปิดปากชาวอเมริกันจำนวนมากที่ใช้แพลตฟอร์มนี้สื่อสารเกี่ยวกับการเมือง การค้า ศิลปะ และประเด็นอื่น ๆ ที่สาธารณชนสนใจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top