Tuesday, 22 April 2025
BillGates

'อีลอน' ติง 'บิลเกตส์' ไม่เข้าใจถึงอันตรายของการพัฒนาระบบ AI เรียกร้องให้โลกหยุดการพัฒนา AI ขั้นสูงเอาไว้โดยด่วน

(30 มี.ค.66) World Maker เผยว่า เรื่องของกระแส AI ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่องและขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาให้หลายคนกลัว !!! เพราะล่าสุดทาง Elon Musk ซึ่งเป็น 1 ในผู้นำเทคโนโลยีโลกได้ออกมาเรียกร้องให้บริษัททั้งหมดทั่วโลกหยุดการพัฒนา AI ขั้นสูงที่ฉลาดกว่า ChatGPT-4 เอาไว้ก่อนโดยด่วน !

ซึ่งเหตุผลคือเขากลัวว่าโลกของเราจะเป็นอันตราย อาจมีการใช้ AI ที่ฉลาดล้ำเหล่านี้เป็นอาวุธและโลกอาจพัฒนาด้านความปลอดภัยไม่ทันความฉลาดของ AI !!! โดยจดหมายเปิดผนึกของ Musk มีคนร่วมลงนามมากกว่า 1,100 คน ในรายละเอียดระบุว่า โลกควรหยุดพัฒนา AI ขั้นสูงเป็นเวลา 6 เดือนอย่างน้อย ! เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ได้เตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก

Musk มองว่านับตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT ทำให้ทั่วโลกเข้าสู่การแข่งขันทางด้าน AI อย่างบ้าคลั่งและไม่สามารถควบคุมได้ ขณะที่แม้แต่บริษัทผู้สร้าง AI เองก็ยังไม่สามารถเข้าใจ ทำนาย หรือควบคุมมันได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ ดังนั้นหากปล่อยให้พัฒนาเร็วเกินไปจะเสี่ยงทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น !

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังวิจารณ์ Bill Gates อยู่ซ้ำ ๆ หลายครั้ง โดยเน้นย้ำว่า ความรู้ด้าน AI ของ Bill Gates นั้น “มีจำกัด” ทำให้ Bill Gates อาจไม่เข้าใจถึงอันตรายของการพัฒนาระบบ AI

Elon Musk เองถือเป็น 1 ในผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI แต่เขาได้จากบริษัทไปในปี 2018 และตั้งแต่นั้นมาเขาก็เริ่มตั้งตัวเป็นผู้วิจารณ์บริษัทนี้ (โดยเฉพาะหลังจาก Microsoft เข้าลงทุนใน OpenAI ในปี 2019) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ค่อยถูกกับ Bill Gates มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และไม่รู้ว่าเขาหวังดี ๆ จริง ๆ หรือมีเหตุผลอื่นแฝงกันแน่ ? หรือว่าเขารับรู้ถึงอันตรายอะไรที่เราไม่รู้ ? เพราะขณะเดียวกันก็มีข่าวว่า Musk เองกำลังเร่งพัฒนา Generative AI เป็นของตนเองอยู่ด้วย

นอกจากนี้ยังมีข่าวอีกว่า Sam Altman และผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI ได้ปฏิเสธข้อเสนอของ Musk ในการที่เขาจะขึ้นบริหารบริษัทด้วยตนเอง ทำให้เราไม่รู้ชัดเจนว่าที่เขาออกมาเตือนเป็นไปเพราะเรื่องส่วนตัวหรือห่วงโลกจริง ๆ กันแน่ ? และก่อนหน้านี้ยังมีข่าวที่ Bill Gates เข้า Short Sell หุ้น Tesla ก่อนจะร่วงยับราว -80% เมื่อเร็ว ๆ นี้อีกด้วย

แต่ทั้งนี้ ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่า ChatGPT และ Bing AI ของ Microsoft ที่ใช้เทคโนโลยีของ OpenAI สามารถทำงานหลายอย่างและอย่างน่าเหลือเชื่อและมีผลงานดีมากกว่ามนุษย์หลายคนด้วย แต่นั่นก็ทำให้หลายคนกลัวว่ามันจะฉลาดมากเกินไปจนกลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ ?

ตอนนี้ Microsoft, Google กำลังเป็นผู้นำในแง่ของการนำ AI มาใช้งาน ในขณะที่ธนาคารยักษ์ใหญ่ของ Wall Street อย่าง Morgan Stanley ก็กำลังฝึก Algorithm ของ ChatGPT-4 เพื่อสร้าง AI ที่ใช้ในการ ”ให้คำปรึกษาด้านความมั่งคั่ง” โดยเฉพาะ ! ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคต AI เหล่านี้จะฉลาดกว่า ChatGPT เวอร์ชั่นปัจจุบันอีกมาก

แถลงการณ์ระบุว่า “การวิจัยและพัฒนา AI ควรมุ่งเน้นไปที่การทำให้ระบบที่ทรงพลังและล้ำสมัยในปัจจุบันมีความแม่นยำ ปลอดภัย ตีความได้ โปร่งใส แข็งแกร่ง สอดคล้องกัน เชื่อถือได้ และมีความภักดีมากขึ้น เนื่องจากระบบ AI ที่มีความฉลาดในการแข่งขันของมนุษย์สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างร้ายแรงต่อสังคมและมนุษยชาติ”

และดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่แถลงการณ์เล่น ๆ เพราะมีการกล่าวเสริมอีกว่า “รัฐบาลควรเข้ามาใช้กฏหมายบังคับ” หากบริษัทต่าง ๆ ไม่ยอมหยุดพัฒนาและเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส

แน่นอนว่าการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วของ AI ทำให้แม้แต่นักวิจัย ผู้นำด้านเทคฯ และนักจริยธรรมจำนวนไม่น้อยเกิดความกังวล ซึ่งผลกระทบเหล่านี้อาจเกิดขึ้นกับการจ้างงาน วิถีชีวิตของผู้คน การใช้เป็นอาวุธสงครามหรือทำเรื่องเลวร้าย และสุดท้ายคือการที่มนุษย์อาจปรับตัวตามไม่ทันความฉลาดของมัน ?

อนาคตแรงงานสั่นคลอน AI แทนที่หมอ-ครูใน 10 ปี เปลี่ยนโลกของการทำงาน และมนุษย์อาจไม่ใช่ตัวเลือกหลักอีกต่อไป

(28 มี.ค. 68) บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์และมหาเศรษฐีนักลงทุนด้านเทคโนโลยี ออกมาเตือนว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจเข้ามาแทนที่อาชีพสำคัญ เช่น แพทย์และครู ภายในระยะเวลาเพียง 10 ปี ส่งผลให้มนุษย์อาจ “ไม่จำเป็น” สำหรับหลายอาชีพที่เคยต้องใช้แรงงานคน

เกตส์ชี้ว่า การพัฒนา AI กำลังเข้าสู่จุดที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ วินิจฉัยโรค แนะนำวิธีรักษา ได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องพึ่งพาแพทย์มนุษย์ เช่น AI ช่วยอ่านผลเอกซเรย์, วิเคราะห์อาการของผู้ป่วย, และให้คำแนะนำด้านต่าง ๆ

ส่วนในวงการศึกษา AI อาจทำหน้าที่เป็นครูผู้สอน ที่สามารถปรับหลักสูตรให้เหมาะกับนักเรียนแต่ละคนแบบเรียลไทม์ ทำให้บทบาทของครูเปลี่ยนไปจากการเป็นผู้สอน เป็นเพียงผู้ดูแลและให้คำแนะนำแทน

นอกจากนี้ เกตส์ระบุอีกว่า แม้ AI จะสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ในหลายด้าน แต่จะยังไม่สามารถแทนที่ทุกอาชีพได้ทั้งหมด โดยเฉพาะงานที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจเชิงศีลธรรม และการมีปฏิสัมพันธ์ทางอารมณ์

อย่างไรก็ตาม อาชีพที่เกี่ยวข้องกับงานเอกสาร งานวิเคราะห์ข้อมูล หรืองานที่ใช้ตรรกะ มีโอกาสสูงที่จะถูก AI เข้ามาแทนที่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน และต้องมีการปรับตัวอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ เกตส์ยอมรับว่า AI เป็นดาบสองคม หากใช้ในทางที่ถูกต้อง มันสามารถช่วยให้มนุษย์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น เข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่แม่นยำขึ้น ลดภาระครู เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้ทั่วถึง แต่ถ้าไม่เตรียมตัวรับมือ AI อาจสร้างปัญหาด้านการว่างงาน และเพิ่มช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างกลุ่มที่ปรับตัวได้กับกลุ่มที่ปรับตัวไม่ได้

“โลกต้องเตรียมรับมือกับยุคที่ AI จะเปลี่ยนโฉมทุกอุตสาหกรรม” เกตส์กล่าว พร้อมแนะนำให้ภาครัฐและภาคธุรกิจ ปรับปรุงระบบการศึกษา และพัฒนาทักษะแรงงานให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

แม้ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเชื่อว่า มนุษย์ยังคงมีจุดแข็งที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจเชิงจริยธรรม และปฏิสัมพันธ์ทางอารมณ์

อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญคือโลกต้องปรับตัวให้ทันกับ AI และหาทางใช้มันเป็นเครื่องมือช่วยพัฒนาอุตสาหกรรม แทนที่จะมองว่าเป็นภัยคุกคาม ซึ่งคำเตือนของบิล เกตส์ ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการเทคโนโลยีและตลาดแรงงานทั่วโลก หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามว่า มนุษย์จะยังคงมีบทบาทสำคัญในโลกอนาคต หรือ AI จะเป็นผู้ควบคุมแทน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top