Sunday, 20 April 2025
112

‘เท่าพิภพ’ สนับสนุน!! ‘นายกฯ อิ๊งค์’ แก้กฎหมาย ยกเลิกวันห้ามขาย ‘เหล้า-เบียร์’ อธิบายละเอียด มีมาตรายกเลิก แต่ต้องเหนื่อย!! ตอนคุยกับข้าราชการสายสุขภาพ

(12 ก.พ. 68) นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับกฎหมายควบคุมการจำหน่ายเเอลกอฮอล์ ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาข้อมูลการแก้กฎหมาย เรื่องการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ ในช่วงเวลา 14.00 – 17.00 น. รวมทั้งเรื่องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระ
.
นายเท่าพิภพ ระบุว่า สนับสนุนครับ ประเทศเราต้องควบคุมเเอลกอฮอล์ด้วยการเคร่งครัดการบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะเรื่องเยาวชนครับ แต่กฎหมายเราไปเข้มเรื่องอื่นออกทะเล จนทำให้กฎหมายดูไปเป็นสากลไปซะมาก ต้องแก้เเบบนายกฯ ว่าเเหละครับ
.
การศึกษาผลกระทบท่านก็ลองทำดู แต่เรื่องข้อกฎหมายผมศึกษาให้เเล้ว ไม่มีอะไรมากครับ
.
เรื่องเวลาขาย
.
1. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2515 เรื่องเวลาขายอันนี้ต้องยกเลิก ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่กมธ.พิจารณาเสร็จ มีมาตรายกเลิกครับ
.
2. หลังจากยกเลิกตามข้อ 1 เเล้ว พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับปัจจุบัน) ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชงให้ รมต.สาธารณสุข เห็นชอบครับ ย้ำว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจชงเอง คณะกรรมการจะมีข้าราชการสายหมอ สายสุขภาพเยอะหน่อย จะอนุรักษ์นิยมหน่อยครับ
.
3. ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมฯ ฉบับใหม่จะตัดอำนาจรัฐมนตรีออก เป็นอำนาจของคณะกรรมการโดยตรง ซึ่งเเม้ รมต.สาธารณสุข จะเป็นประธาน เเต่ก็จะตีโต้คัดค้านไม่เซ็นเห็นชอบได้เเบบเดิม
.
เรื่องวันพระ หรือห้ามขายออนไลน์ เป็นผลงานจากคณะกรรมการดังกล่าวด้วย
.
ข้อเสนอที่สงวนไว้เป็นเสียงข้างน้อยนั้นเห็นว่าควรยกเลิก หรือลดอำนาจการออกกฎประกาศของคณะกรรมการดังกล่าวแล้วเปลี่ยนเป็นการออกกฎกระทวงด้วยอำนาจรัฐมนตรีแทนครับ ยังไงฝากท่านนายกในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ช่วยให้ สส.ฝ่ายรัฐบาลสนับสนุน คำสงวนของผมในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยด้วยครับ
.
สิ่งนี้จะทำให้ท่านนายกได้ทำตามที่อยากทำได้ครับ ไม่งั้นถึงเเม้เป็นนายกก็จะบังคับคณะกรรมการควบคุมให้แก้เเค่เรื่องวันเวลาขายเหล้านี้บอกเลยยากครับ

รัฐสภายุโรปมีญัตติให้ใช้การเจรจา ตกลงการค้าเสรี FTA กดดันรัฐบาลไทยหยุดเนรเทศผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์และปฏิรูปกฎหมาย ม.112

(13 มี.ค. 68) รัฐสภายุโรป (European Parliament) ได้มีมติร่วมเพื่อแก้ปัญหา (Joint Motion for a Resolution) เรียกร้องให้ประเทศไทยดำเนินการปฏิรูปกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112) และยุติการส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน

ข้อเรียกร้องสำคัญจากรัฐสภายุโรป ซึ่งขอให้ปฏิรูปกฎหมายมาตรา 112 โดยรัฐสภายุโรปแสดงความกังวลเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112) ที่อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายดังกล่าว เพื่อรับรองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การชุมนุมโดยสงบ และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน

โดยขอให้ยุติการส่งตัวผู้ลี้ภัยอุยกูร์ รัฐสภายุโรปประณามการส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน ซึ่งระบุว่าการกระทำดังกล่าวอาจทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการถูกประหัตประหาร และเรียกร้องให้ประเทศไทยยุติการบังคับส่งตัวผู้ลี้ภัย ผู้ขอลี้ภัย รวมถึงผู้เห็นต่างทางการเมืองกลับสู่ประเทศที่อาจทำให้พวกเขามีความเสี่ยงต่อชีวิต

อีกทั้งใช้เวทีเจรจา FTA (Free Trade Agreement) หรือ ข้อตกลงการค้าเสรี เรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปใช้เวทีการเจรจาลงนามความร่วมมือเขตการค้าเสรีระหว่างไทยและสหภาพยุโรป เพื่อกดดันประเทศไทยให้มีการปฏิรูปกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และให้สัตยาบันอนุสัญญาหลักทั้งหมดขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) 

ด้านรัฐบาลไทยยังไม่มีการตอบสนองอย่างเป็นทางการต่อมติของรัฐสภายุโรป อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ได้แสดงความสนใจในประเด็นนี้ โดยเตรียมเดินทางไปตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศจีน เพื่อประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนและตอบข้อสงสัยของประชาคมโลก

นอกจากนี้ มีรายงานว่า สภาอุยกูร์โลกได้แสดงความกังวลต่อแผนการของรัฐบาลไทยในการส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวอาจนำไปสู่โทษประหารชีวิต และเรียกร้องให้ประชาคมโลกดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้ลี้ภัยเหล่านี้

ทั้งนี้ มติของรัฐสภายุโรปครั้งนี้สะท้อนถึงความกังวลของประชาคมระหว่างประเทศต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะในประเด็นกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ การตอบสนองของรัฐบาลไทยต่อมติดังกล่าวจะเป็นที่จับตามองของทั้งประชาชนภายในประเทศและประชาคมโลก

‘พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์’ โพสต์เฟซ!! ‘นายพอล’ กับ ‘อนาคตที่แสนเศร้า’ ชี้!! แผ่นดินไทย ให้ความสุข ที่ไม่สามารถ ไปหาที่ไหนในโลกได้อีกแล้ว

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย. 68) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า...

จากกรณีที่มีการจับกุม นาย พอล แชมเบอร์นักวิชาการของคณะสังคมศาสตร์ ม. นเรศวร ในข้อหา ตาม ม.112 นั้น ได้มีการวิพากษ์ วิจารณ์คัดค้านอย่างกว้างขวาง จากบุคคล หรือ กลุ่มบุคคลที่รับเงิน จากกองทุนต่างชาติซึ่งมีมากพอควรทั้งในกลุ่มนักวิชาการ สื่อมวลชน และ กลุ่ม NGO ที่ออกมาต่อต้านกันในลักษณะขานรับพร้อมเพรียงกันเลยทีเดียว โดยลืมไปกระมังว่าตัวเองก็สัญชาติไทย 

ผมคงบอกไม่ได้ว่า นาย พอลถูกหรือผิดเพราะเรื่องอยู่ในอำนาจของศาลแล้ว แต่ขอนำข้อเท็จจริงมาอ้างอิงไว้สัก 3 กรณีครับ 

นาย พอล มักจะอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทหาร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครรู้จริงๆ หรอกครับ ไม่เช่นนั้นจะเกิดรัฐประหารมาตั้ง 20 กว่าครั้งได้อย่างไร อย่างดีก็ไปฟัง คุณวาสนา นาน่วม เธอพูดแล้วนำมาจินตนาการต่อ โดยไม่รู้ว่า คุณวาสนา เธอเซียนข่าวขนาดไหน รู้มา 100% เธอ พูดออกมาแค่ 20-30%ให้เป็นเรื่องราวได้ ซึ่งสิ่งที่นายพอล ทำนอกจากไม่รู้จริงแล้ว ยังพูดจนติดปากว่า “เรื่องที่เกี่ยวกับทหารนั้น ต้องเกี่ยวกับวังบ้าง หรือวังสนับสนุนบ้าง” ทั้งๆ ที่ตามข้อเท็จจริงแล้ว ทุกเรื่องมันต้องเกิด“เหตุ”อะไรนำขึ้นมาก่อน ทหารจึงกล้าออกมาทำรัฐประหาร หรือแม้กระทั่งการที่ทหารต้องออกมาแจ้งความจับ นายพอล ก็จะต้องมีสาเหตุอยู่เช่นเดียวกัน 

แต่ นาย พอล มีอคติไม่ยอมพูด หรือเขียน หรือนึกถึงเรื่องที่เป็นต้นเหตุ หรือเรื่องที่ตัวเองทำไว้เลย 

นาย พอลเป็นนักวิชาการในสังกัด คณะสังคมศาสตร์ ม. นเรศวร โดยมีภรรยาเป็นคณบดี ดังนั้น นายพอลจึงมี 2 สถานะ คือ (1) เวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัย นายพอล เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของภรรยา และ (2) เป็นบุคคลคนเดียวกันตามกฎหมาย กับท่านคณบดีเมื่อกลับมาที่บ้าน 

ดังนั้น ความคิดอ่านของทั้ง 2 คนจึงน่าจะมีส่วนที่คล้ายคลึงกัน ตัวคณบดี เป็นคนหัวสมัยใหม่ เคยลงชื่อคัดค้านการจับกุม นศ. และกล้าขนาดอนุญาตให้ นายเพนควิน มาพูดบรรยายเปิดงานในภาควิชาการของคณะ โดยระบุให้ เพนควิน อยู่ ในฐานะนักวิชาการ จนโดนชาวบ้าน และ นักศึกษา ในคณะตัวเองออกมาประท้วง ฯลฯ 

นอกจากนั้น คณะสังคมฯ ที่นายพอลสังกัดอยู่ ยังรับทุนของ ยูเสด เอเซียฟาวเดอชั่น ฯลฯ มาทำงาน ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่า แหล่งเงินทุนดังกล่าวหวังผลประโยชน์อะไร จากประเทศไทย ขอเขียนเพียงแค่นี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากครับ แต่คดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว ผมคงไม่สามารถก้าวก่ายได้ ก็อยากฝากบอกมายัง นายพอล ว่า แผ่นดินไทยที่คุณอยู่มามากกว่า 20 ปีนั้นให้ทั้งความสุข เกียรติยศ เงินทอง ฯ ซึ่งคุณไม่สามารถจะไปหาที่ไหนได้ในโลกนี้อีกแล้ว การที่ต้องเสียสิ่งเหล่านี้ไป ก็เพราะการกระทำของคุณเอง 

ลืมบอกนายพอลไปอีกว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในสหรัฐมานานแล้ว เวลาต้องกลับไปอยู่อีกที อย่าลืมตัวไปว่ายังอยู่ที่เมืองไทย อย่าเผลอไปด่า หรือบ่อนทำลาย ประธานาธิบดีสหรัฐฯเข้าล่ะ เจอโทษแรงและเร็วกว่า แน่ๆ ครับ ทั้งปรับและจำคุก และจะถูกสอดส่อง ติดตามตรวจสอบ ทุกอย่างที่ทำในชีวิตประจำวันอย่างละเอียดละออ จากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ คนที่ด่าประธานาธิบดี นี่น่ะ โดนกฎหมายยิ่งกว่า ม.112 อีก ครับ 

ส่วนใครที่กลัวว่าเรื่องนี้ จะไปซ้ำเติมเรื่องการขึ้นภาษีของสหรัฐฯนั้น ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เพราะมันเป็นละครฉากหนึ่งที่เค้าแสดงกับจีนเท่านั้น ประเทศไทยเรามีดีหลายสิบอย่าง ที่สหรัฐฯ ต้องนึกถึงอยู่เสมอ ขนาดทำรัฐประหารกี่ครั้ง ๆ สหรัฐก็แกล้งทำเป็นดุเท่านั้น ไม่กล้าทิ้งประเทศไทยไปจริงๆ หรอกครับ ไทยเราน่ารักจะตาย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top