Tuesday, 22 April 2025
ไฮบริด

‘Honda’ ดึง ‘Prelude’ รถสปอร์ตในตำนาน หวนคืนตลาด ชูตัวท็อปพ่วง คาดเปิดตัวปีหน้า ราคาล้านต้น

(11 พ.ค.67) หลังจาก Honda เซอร์ไพรส์เปิดตัว Honda Prelude Concept ในงาน Tokyo Auto Show เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา ในตอนนี้ทางบริษัทได้ยืนยันแล้วว่าจะผลิตรถสปอร์ตไฮบริด 2 ประตูอย่างแน่นอน และจะเปิดตัวในปี 2025

โดยจะมีเครื่องยนต์ 4 สูบ e:HEV ขนาด 2.0 ลิตรแบบเดียวกับที่ใช้กับรุ่นไฮบริดของ Accord และ Civic แต่จะให้กำลังมากกว่าเล็กน้อย โดยมีกำลังรวม 207 แรงม้า

คาดว่าขนาดมิติถัง Honda Prelude Hybrid จะมีความยาว 4,300 มม. กว้าง 1,790 มม. สูง 1,300 มม. และระยะฐานล้อ 2,575 มม. โดยจะมีขนาดเกือบใกล้เคียงกับ Toyota GR86 และใหญ่กว่า Mazda MX-5 Miata

มีรายงานว่า Honda จะวางให้ Honda Prelude Hybrid เป็นรุ่นพรีเมียมและจะเป็นคู่แข่งที่เหนือกว่าโตโยต้าสองประตูอย่าง Toyota GR86 ด้วย

ตามข้อมูล Honda Prelude Concept จะตั้งราคาในญี่ปุ่นอยู่ที่ 4.2 ถึง 4.5 ล้านเยน (ประมาณ 1 - 1.07 ล้านบาท) มากกว่า Toyota GR86 ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 2.9 - 3.6 ล้านเยน (ประมาณ 7-8แสนบาท)

‘เกรท วอลล์ มอเตอร์’ ออกแถลง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทย ย้ำ!! เป็น ‘ค่ายเดียวจากจีน’ ที่ตั้งโรงงานผลิตเต็มรูปแบบที่ระยอง 

(2 มิ.ย.67) จากสภาวการณ์ทั่วโลกและสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ทำให้เกิดข่าวลือด้านลบกับการดำเนินงานของบริษัทค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับเกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เราขอเรียนยืนยันว่า การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของเรายังคงดำเนินไปด้วยความมั่นคงและแข็งแกร่ง ทั้งด้านการขายและบริการหลังการขาย รวมถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าชาวไทย ทั้งลูกค้าในปัจจุบันและลูกค้าในอนาคตของเราอย่างเต็มกำลังความสามารถ เราเป็นแบรนด์จากประเทศจีนเพียงรายเดียวในปัจจุบันที่มีโรงงานผลิตแบบเต็มรูปแบบที่จังหวัดระยองและดำเนินการผลิตมาเป็นเวลามากกว่า 3 ปี รวมถึงนำพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น SVOLT, HYCET, NOBO, MIND และ Exquisite สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนไทยหลายพันคน รวมถึงมีรถยนต์พลังงานใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในวงกว้าง และครอบคลุมในหลากหลายเซ็กเมนต์ ที่เป็นโอกาสทางการขายใหักับพาร์ทเนอร์ สโตร์ของเรา ทั้งไฮบริด ปลั๊กอิน-ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า 100% รวมถึงยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการใช้และการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับภูมิภาคอีกด้วย 

สุดท้ายนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขอขอบพระคุณสื่อมวลชน พันธมิตรทางธุรกิจ และลูกค้าทุกท่านที่ได้มอบความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้กับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ด้วยดีเสมอมา เรามุ่งมั่นที่จะเติบโตไปพร้อมกับคนไทยและประเทศไทยในระยะยาวอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

GWM Thailand

‘ฮอนด้า’ เปิดให้ลงทะเบียนจองสิทธิ์ เพื่อเป็นเจ้าของ ‘ซีวิค ใหม่’ จัดเต็มออฟชั่นล้ำสมัย Google built-in ลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง

(3 ส.ค.67) ฮอนด้าเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ ซีวิค ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 22 สิงหาคม 2567 ณ โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ พร้อมรับฟรี! บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท* เมื่อจองและรับรถ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 31 ตุลาคม 2567 โดยจะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 พร้อมกันทั้งที่งาน Big Motor Sale 2024 และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ อัปดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว และทันสมัย ด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ เพิ่มความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยไฟท้าย LED รมดำ ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบาย ลงตัวกับทุกการใช้งาน 2 ขุมพลังขับเคลื่อน มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV และขุมพลัง VTEC TURBO 1.5 ลิตร และมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย

ยกระดับความคุ้มค่าไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย** อาทิ Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ อาทิ เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด

ฮอนด้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า ยืนยันดำเนินธุรกิจและลงทุนผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องในไทย เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ xEV อย่างมั่นคง

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเชื่อมั่นของลูกค้า ยืนยันการดำเนินธุรกิจและลงทุนผลิตภัณฑ์ใหม่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ xEV อย่างมั่นคง ล่าสุด ประกาศให้ลูกค้าที่สนใจลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ภายใต้เจเนอเรชันที่ 11 ที่มีการปรับโฉมและเพิ่มเติมคุณค่า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 - วันที่ 22 สิงหาคม 2567 ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ด้วยข้อเสนอพิเศษ ฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท* เมื่อทำการจองและรับรถ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 31 ตุลาคม 2567 และเตรียมพบกับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับลูกค้าและครอบครัวที่เป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า รวมถึงแคมเปญ 'Honda Happy Trade-in*' และข้อเสนอพิเศษอื่น ๆ ที่พร้อมมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าที่สนใจ โดยจะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสเป็นครั้งแรกที่บูทฮอนด้าในงาน Big Motor Sale 2024 ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567 และที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

ฮอนด้า ซีวิค เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมและครองใจลูกค้าชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เจเนอเรชันแรกจนถึงเจเนอเรชันที่ 11 โดยสามารถครองอันดับ 1 ด้านยอดขายกลุ่มคอมแพคท์คาร์ในไทย 8 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2559 -ปัจจุบัน

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่
รุ่น e:HEV RS  ราคาประมาณการ 1,23X,XXX บาท***
รุ่น e:HEV EL+ ราคาประมาณการ 1,09X,XXX บาท***
รุ่น EL+ ราคาประมาณการ 1,03X,XXX บาท***
(ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะประกาศในวันที่ 23 สิงหาคม 2567)

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ อัปลุคดีไซน์ความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น
ใหม่! กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว
ใหม่! ไฟท้าย LED รมดำ เสริมความมีเอกลักษณ์ในตัว
ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ต
ใหม่! ในรุ่น EL+ เพิ่มขนาดล้ออัลลอยเป็น 17 นิ้ว
ใหม่! สำหรับรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ กับสีใหม่!! สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก)

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ให้ความรู้สึกเท่ สปอร์ต และทันสมัย มาพร้อมเทคโนโลยีที่มอบความสะดวกสบายเหนือระดับ

ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมเบาะที่นั่งลายใหม่ Prime smooth ด้วยวัสดุเบาะหนังกลับและหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง อีกทั้งตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้างสีแดงสไตล์สปอร์ต ในรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ มาพร้อมวัสดุเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ
ใหม่! ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง ในทุกรุ่นย่อย
ใหม่! เบาะที่นั่งด้านหลัง แยกพับแบบ 60:40 ในทุกรุ่นย่อย

เสริมความมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ และเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย
ใหม่! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
ใหม่! โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่เพิ่มเติมมาในรุ่น e:HEV เพื่อมอบการขับขี่ที่โดนใจสไตล์คุณ

ยกระดับความสบายและสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง พร้อมเชื่อมต่อผู้ขับขี่และรถให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย

ใหม่!! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
ใหม่! Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ในทุกรุ่นย่อย
ใหม่! ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง โดยแบ่งเป็น 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง ในทุกรุ่นย่อย 
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto(TM) แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ในทุกรุ่นย่อย
ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ในทุกรุ่นย่อย

มาพร้อม 2 ทางเลือกของขุมพลังการขับเคลื่อน ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะอันทรงพลังผ่านการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ผสานกำลังกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร มอบความแรงเกินคาด ประหยัดเกินใคร ให้คุณใช้ชีวิตได้อิสระ พาคุณไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมัน 1 ถัง และขุมพลังเทอร์โบ 1.5 ลิตร ขับสนุก แรงเร้าใจ สไตล์สปอร์ต ด้วยกำลังสูงสุด 178 แรงม้า ตอบสนองได้อย่างทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 4,500 รอบต่อนาที และอัตราการประหยัดน้ำมัน 17.2 กิโลเมตร/ลิตร มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่พัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน ในทุกรุ่นย่อย

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น EL+ และ e:HEV EL+) สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)  สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) และสีขาวแพลทินัม (มุก) พร้อมภายในสีดำและสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

โดยมั่นใจตลอดการใช้งานยิ่งขึ้น ด้วยบริการหลังการขายและทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์จากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรครอบคลุมทั่วประเทศ

เตรียมพบกับการประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 ผ่านทาง LIVE ถ่ายทอดสดออนไลน์ทางออฟฟิเชียลแอคเคานต์ ‘Honda Thailand’ ในช่องทาง Facebook, YouTube Channel, TikTok และ Instagram ตั้งแต่เวลา 11:30 น. เป็นต้นไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชตกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.honda.co.th/civic

‘ฮอนด้า’ ปรับราคา ‘ซิตี้ อี:เอชอีวี’ ถูกลง เพิ่มความคุ้มค่าให้รถ ‘ซิตี้คาร์ ฟูลไฮบริด’ ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ประหยัดน้ำมันเกินคาด รองรับไลฟ์สไตล์ ‘คนรุ่นใหม่’

(4 ส.ค.67) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความนิยมของตลาดxEV และกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย มอบความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของยนตรกรรมฟูลไฮบริด e:HEV ได้ง่ายขึ้น ปรับราคาใหม่ สำหรับ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ลงทุกรุ่นย่อย โดยรุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท และรุ่น e:HEV RS 799,000 บาท ดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมรอบคัน ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับไลฟ์สไตล์หลากหลายของคนยุคใหม่ มาพร้อมระบบฟูลไฮบริด e:HEV ผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังให้ทั้งอัตราเร่งแรงเร้าใจ และอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม พร้อมพาคุณเดินทางสู่ทุกจุดหมายและไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง มั่นใจทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่มาพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS อีกทั้งหลากหลายเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)

ผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยข้อเสนอพิเศษ เมื่อจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567 ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ รับดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี 

หรือลูกค้าสามารถเลือกผ่อนเบาดาวน์สบาย กับโปรแกรม ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเริ่มต้น 7,265 บาท/เดือน (คำนวณจาก ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV SV เงื่อนไขดาวน์ 20%) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10% พร้อมมอบความอุ่นใจในการใช้งานรถฟูลไฮบริด e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปีและรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง 

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.honda.co.th/promotions

‘ALL NEW MG3 HYBRID+’ อวดโฉมในงาน ‘BIG MOTOR SALE’ เผย!! ขับสนุก-เร้าใจ-วิ่งไกล น้ำมันถังเดียว ขับได้มากกว่า 800 กิโลเมตร

เมื่อวานนี้ (23 ส.ค. 67) บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย นำทัพยนตรกรรมหลากหลายขุมพลังขับเคลื่อนมาให้สัมผัส และทดลองขับในงาน BIG MOTOR SALE 2024 โดยชู ALL NEW MG3 HYBRID+ ไฮบริดเจนใหม่ล่าสุดเป็นแม็กเน็ต หลังได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม พร้อมส่งมอบความคุ้มค่าด้วยข้อเสนอพิเศษครบทุกรุ่น ณ บูธ เอ็มจี ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567

หลังการเปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ อย่างยิ่งใหญ่ทั่วทุกภูมิภาค เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์กลุ่มพลังงานทางเลือกเป็นอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติของเทคโนโลยีไฮบริดยุคใหม่ที่ผู้ขับขี่จะได้รับทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ขับสนุก เร้าใจ ด้วยกำลังขับเคลื่อน 194 แรงม้า ให้พละกำลังสูงสุดเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน ทั้งยังมาพร้อมความประหยัด จากบทพิสูจน์บนเส้นทางจริงโดยการขับขี่ของสื่อยานยนต์เมืองไทย น้ำมัน 1 ถัง สามารถทำระยะทางได้มากกว่า 800 กิโลเมตร ALL NEW MG3 HYBRID+ จึงถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลแห่งความภาคภูมิใจของ เอ็มจี ที่จะส่งมอบทั้งเทคโนโลยี ความทันสมัย และความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค ด้วยราคาพิเศษช่วงแนะนำเริ่มต้นเพียง 559,900 บาท สำหรับลูกค้า 1,000 คนแรก และเตรียมส่งมอบให้กับลูกค้าตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากโมเดลไฮไลท์อย่าง ALL NEW MG3 HYBRID+ เอ็มจี ยังมียนตรกรรมอีกหลายรุ่น หลายขุมพลังขับเคลื่อนที่นำมาจัดแสดงทั้งกลุ่มรถ อีวี พรีเมี่ยม กับ e-MPV แบบ 7 ที่นั่งรุ่น NEW MG MAXUS 9 ตามด้วยอีวีขวัญใจคนไทยอย่าง NEW MG4 ELECTRIC โดยอีวีทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ตลอดอายุการใช้งาน หรือ Lifetime Warranty ให้ขับขี่ได้อย่างสบายใจ นอกจากนี้ยังมีสปอร์ตตี้ ไฮบริดเอสยูวี อย่าง NEW MG VS HEV ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ล้ำสมัยทั้งภายนอก ภายใน และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก ให้การตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนรถยนต์กลุ่มเครื่องยนต์สันดาปเอ็มจีนำรุ่น NEW MG5 PRO ที่ได้รับการยกระดับดีไซน์สปอร์ตใหม่รอบคัน เท่ โดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น โดยทุกรุ่นมาพร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองซื้อรถภายในงานฯ และออกรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567

พบกับยนตรกรรม ‘เอ็มจี’ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษในงาน BIG MOTOR SALE 2024 ณ บูธ เอ็มจี หมายเลข A02 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567 และยนตรกรรม เอ็มจี รุ่นอื่นๆ ได้ที่โชว์รูม และศูนย์บริการคุณภาพของเอ็มจีกว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศ

‘Honda Civic Minorchange’ เปิดตัวในงาน ‘BIG Motor Sale’ เน้น!! ขับเคลื่อนฟูลไฮบริด รับประกันแบตเตอรี่นานถึง 10 ปี

เมื่อวานนี้ (23 ส.ค. 67) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของฮอนด้า ซีวิคใหม่ ไอคอนยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานของฮอนด้ายกระดับความคุ้มค่าด้วยราคาใหม่ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEVรุ่น e:HEVEL+ พร้อมข้อเสนอพิเศษ อาทิดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น0.99%*พร้อมรับ ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ ได้แก่ ฟรีประกันภัย 1 ปี ฟรีแพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง และค่าอะไหล่ตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ฟรีฮอนด้าอัลติเมท แคร์ ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นอกสถานที่ 24 ชั่วโมง อีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่ง ถึงก่อน) พิเศษ เฉพาะรุ่น e:HEV เท่านั้น และเสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ครั้งนี้มาพร้อมการยกระดับที่หลากหลาย เพื่อสะท้อนตัวตนของผู้ใช้งานในทุกมิติ และตอบสนอง ทุกความต้องการได้ลงตัวยิ่งขึ้น อาทิ ปรับโฉมดีไซน์ภายนอก เพิ่มฟังก์ชันและเทคโนโลยีล้ำสมัยให้ครบครัน พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ซึ่งซีวิค จะไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ที่ดีเยี่ยมคันหนึ่งเท่านั้น แต่จะมอบประสบการณ์ที่ดีตลอดการใช้งาน โดยจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่จะขับเคลื่อนชีวิตคุณไปสู่ ทุกความสำเร็จ และทำให้คุณภูมิใจในการเป็นเจ้าของอย่างสูงสุด

ภายนอกดีไซน์ใหม่
- กระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ดีไซน์สปอร์ตขึ้น
- ไฟท้าย LED รมดำ ใหม่
- ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่
- ในรุ่น EL+ เพิ่มขนาดล้ออัลลอยเป็น 17นิ้ว
- สำหรับรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ มาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก)

ภายในห้องโดยสาร
- ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมเบาะที่นั่งลายใหม่ Prime smooth ด้วยวัสดุเบาะหนังกลับและหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดงอีกทั้งตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้างสีแดงสไตล์สปอร์ต
- ในรุ่น EL+ และ e:HEV EL+มาพร้อมวัสดุเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ
- ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลังในทุกรุ่นย่อย
- เบาะที่นั่งด้านหลัง แยกพับแบบ 60:40 ในทุกรุ่นย่อย
- ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
- Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัวในทุกรุ่นย่อย
- ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง โดยแบ่งเป็น2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง ในทุกรุ่นย่อย
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto(TM) แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ในทุกรุ่นย่อย
- ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ในทุกรุ่นย่อย

เครื่องยนต์ EL+
- ขุมพลังเทอร์โบ 1.5 ลิตร
- ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 4 สูบ 16 วาล์ว VTEC TURBO
- ประเภทน้ำมัน E85
- ความจุ (ซีซี.) 1,498
- กำลังสูงสุด 131 กิโลวัตต์ 178 แรงม้า / 6,000 รอบต่อนาที
- แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร / 1,700-4,500 รอบต่อนาที
- อัตราการประหยัดน้ำมัน 17.2 กิโลเมตร/ลิตร

เครื่องยนต์และแบตเตอรี่ e:HEV EL+ , e:HEV RS
- มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร
- ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 4 สูบ 16 วาล์ว
- พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน
- ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง หัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI
- ประเภทน้ำมัน E20
- ความจุ (ซีซี.) 1,993
- กำลังสูงสุด 104 กิโลวัตต์ / 6,000 รอบต่อนาที
- แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร / 1,700-4,500 รอบต่อนาที
- อัตราการประหยัดน้ำมัน 25 กิโลเมตร/ลิตร วิ่ง 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมัน 1 ถัง

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี
- สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น EL+ และ e:HEV EL+)
- สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
- สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
- สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
- สีดำคริสตัล (มุก)
- สีขาวแพลทินัม (มุก)
พร้อมภายในสีดำและสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูทฮอนด้าและสัมผัส ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ พร้อมด้วยรถยนต์หลากหลายรุ่นได้ที่เทศกาลแสดงยานยนต์ประจำปี BIG Motor Sale 2024 ณ บูทฮอนด้า (A17) ฮอลล์102ศูนย์นิทรรศการและ การประชุมไบเทคตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567 โดยมาพร้อมข้อเสนอพิเศษเดียวกันทั้งในงานและที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ  เมื่อจองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 1สิงหาคม 2567 – 1กันยายน 2567(สำหรับ ซีวิค ใหม่ เมื่อจองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 30 พฤศจิกายน 2567)

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก ที่ปรึกษาการขายโชว์รูมทั้งในงานฯ และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชตกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777

‘มิตซูบิชิ มอเตอร์ส’ ยกทัพลุย ‘BIG Motor Sale’ จัดเต็ม!! ยนตรกรรม ‘ฟูลไฮบริด’ ชู!! รุ่นเอ็กซ์แพนเดอร์ ขับปลอดภัย ลุยได้ทุกสภาพถนน ด้วยโหมดขับขี่ 7 รูปแบบ

เมื่อวานนี้ (23 ส.ค. 67) บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำทัพสุดยอดยนตรกรรม จัดแสดงในงาน BIG MOTOR SALE 2024 พร้อมมอบแคมเปญสุดพิเศษ ระหว่างวันที่ 23 ส.ค.-1 ก.ย. 67 ที่ไบเทค บางนา

นายเรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า สุดยอดยนตรกรรมที่จัดแสดงภายในงานนี้ นำโดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี รถยนต์ครอบครัวอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งขนาดเล็ก พร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด รุ่นแรกในไทย ที่มอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ เต็มเปี่ยมด้วยพลังและมั่นใจในทุกเส้นทาง ด้วย Mitsubishi e:MOTION ที่ผสานระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ให้ความปลอดภัย ลุยได้ในทุกสภาพถนน และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control : AYC) เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจสูงสุดขณะเข้าโค้ง

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี มีการออกแบบภายนอกสไตล์รถอเนกประสงค์เอสยูวีที่ทันสมัย พร้อมด้วยห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบาย ติดตั้งเบาะหนังสังเคราะห์ พร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน ระบบเกียร์ไฟฟ้า รถยนต์ 2 รุ่นนี้ผลิตในประเทศไทยด้วยมาตรฐานคุณภาพสูงสุดที่สร้างความเชื่อมั่นได้อย่างเต็มที่ ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์สองรุ่นนี้ภายในงาน จะได้รับข้อเสนออัตราดอกเบี้ย 0% และฟรีแพ็กเกจ MITSUBISHI XTRA CARE ครอบคลุมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เพื่อความอุ่นใจตลอดการใช้งาน

อีกหนึ่งไฮไลต์คือ มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน รุ่นพิเศษมีจำนวนจำกัด สะดุดตาด้วยการตกแต่งภายนอกสีดำสุดเท่ ประกอบด้วยล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว ไดนามิก ชีลด์และกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา กระจกมองข้างสีดำเงา มือเปิดประตูด้านนอกสีดำเงา มือเปิดกระบะท้ายสีดำเงา บันไดข้างตกแต่งสีไทเทเนียมรมดำ และกันชนหลังสีดำตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำ ระบบขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ไฮเปอร์ พาวเวอร์ คลีนดีเซล เทอร์โบที่มีกำลังสูงสุด 184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ทำให้มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมและประหยัดน้ำมันที่ 14.5 กม./ลิตร มีระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ Diamond Sense

ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1.027 ล้านบาท เป็นราคาเดียวกันกับรถไทรทัน ดับเบิลแค็บ ยกสูง เกียร์อัตโนมัติ  รุ่นอัลตร้า มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน เพียบพร้อมและครบครันในด้านความสะดวกสบายและความหรูหราระดับสูงสุด มอบประสบการณ์การขับขี่แบบรถเอสยูวี มีการควบคุมที่ยอดเยี่ยมและไว้วางใจได้ในทุกเส้นทาง ผสานช่วงล่างใหม่และแชสซีส์เมกาเฟรมใหม่ที่ใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้น

นอกจากนี้พิเศษกับ มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮเปอร์ พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 2,750 รอบต่อนาที ห้องโดยสารความสะดวกสบายสูงสุดและการตกแต่งทูโทนสีส้ม-ดำ รูปลักษณ์โดดเด่นพร้อมสะกดทุกสายตาและตอบสนองไลฟ์สไตล์การผจญภัยที่สมบูรณ์แบบ เหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Diamond Sense ของมิตซูบิชิ  พร้อมระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า ช่วยให้ขับขี่คล่องตัว ควบคุมได้ดังใจ

โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ เอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส แตกต่างอย่างเหนือกว่าด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เสริมความปลอดภัยให้ขับขี่คล่องตัวพร้อมตะลุยทุกสภาพอากาศและพื้นผิวถนนทุกรูปแบบ และยังได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีมิตซูบิชิ คอนเนค รองรับการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน “My MITSUBISHI CONNECT” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการสั่งการตัวรถแบบไร้สายได้จากระยะไกล ใช้งานง่าย ลูกค้าที่ซื้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท และมิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน จะได้รับดอกเบี้ยพิเศษ 0.89% พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษในรอบปี เฉพาะภายในงานนี้เท่านั้น!

อีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตามองคือ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2024 รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ Elite Edition มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และคุณสมบัติระดับพรีเมียม เครื่องยนต์ไฮเปอร์ พาวเวอร์ ใหม่ ที่มีกำลัง 184 แรงม้า ทรงพลังและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5 (Euro 5) ประหยัดน้ำมันที่ 14.3 กม./ลิตร พร้อมระบบขับเคลื่อน ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส สามารถเปลี่ยนโหมดระหว่างการขับเคลื่อน 2 ล้อและการขับเคลื่อน 4 ล้อได้ทันที แม้ในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว  มาพร้อมข้อเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.09%  ปิดท้ายด้วย มิตซูบิชิ แอททราจ สมาร์ท รถอีโคคาร์ยอดนิยมที่ได้รับการยอมรับในด้านความคุ้มค่าและไว้วางใจ โดดเด่นด้วยความประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยมและการขับขี่ที่สะดวกสบายคล่องตัว 

‘เอ็มจี’ เดินหน้าส่งมอบรถยนต์ ‘ALL NEW MG3 HYBRID+’ ให้ลูกค้า พร้อมลุยการตลาด!! จัดกิจกรรมสัญจรทั่วประเทศ เน้นการทดลองขับจริง

(14 ก.ย.67) ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ทยอยส่งมอบ ALL NEW MG3 HYBRID+ จากสายการผลิตในประเทศไทย ถึงมือลูกค้าทั่วประเทศ โดยผู้ที่สนใจสามารถชมและทดลองขับ ALL NEW MG3 HYBRID+ พร้อมพบกับแคมเปญพิเศษได้ที่โชว์รูม เอ็มจี และกิจกรรมสัญจรทั่วประเทศตั้งแต่กลางเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในช่วงปี 2024 เอ็มจี ตั้งใจที่จะนำนวัตกรรมไฮบริดรุ่นนี้เข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับตลาด ด้วยระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย โดย ALL NEW MG3 HYBRID+ มีความโดดเด่นด้านการตัดต่อกำลังระหว่างเครื่องยนต์ กับระบบไฟฟ้า ทำให้สมรรถนะใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าแต่ยังได้ความรู้สึกการขับรถน้ำมัน และจุดเด่นที่สำคัญ คือการบริโภคเชื้อเพลิงที่ประหยัด โดยอัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้สูงสุดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร* ซึ่งสื่อมวลชนได้ทำระยะทางได้ไกลสูงสุดมากกว่า 800 กิโลเมตร แต่ยังให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจ โดยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ALL NEW MG3 HYBRID+ รุ่นเริ่มต้นหรือรุ่น D อยู่ที่ 579,900 บาท และรุ่น X ในราคา 619,900 บาท พิเศษ! ราคาในช่วงแนะนำจะลดลงจากราคาตั้ง รุ่นละ 20,000 บาท ซึ่งจะสิ้นสุดเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ เอ็มจี ได้ทยอยส่งมอบรถยนต์ ALL NEW MG3 HYBRID+ ให้กับลูกค้าที่จองเข้ามาแล้ว”

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์ไฮบริดครั้งใหม่กับ ALL NEW MG3 HYBRID+ โดย เอ็มจี ได้เตรียมจัดกิจกรรมสัญจรทั่วประเทศ ตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครปฐม วันที่ 12-18 กันยายน 2567
• อยุธยาซิตี้พาร์ค อยุธยา วันที่ 28 กันยายน 2567 – 6 ตุลาคม 2567
• ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ รามอินทรา (Fashion Island) วันที่ 27 กันยายน – 6 ตุลาคม 2567
• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พิษณุโลก วันที่ 1-7 ตุลาคม 2567
• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต (Central Westgate) วันที่ 25- 31 ตุลาคม 2567
• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ขอนแก่น วันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2567
• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต วันที่ 21-27 พฤศจิกายน 2567

สามารถติดตามข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ได้ในช่องทาง FACEBOOK: MGTHAILAND

ลูกค้าที่สนใจสามารถชมข้อมูลตัวรถ ALL NEW MG3 HYBRID+ เพิ่มเติมได้ https://new-mg3.mgcars.com/en/cars/all-new-mg3-hybrid-plus 

หรือสามารถชมและทดลองขับได้ที่โชว์รูม เอ็มจี กว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศ โดยสามารถจองขับได้ที่ลิงก์ https://hellohybridplus.mgcars.com/

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267

ALL NEW MG3 HYBRID+ กวาดยอดขายกว่า 3 หมื่นคัน ย้ำ!! ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ โดดเด่นด้วย ‘นวัตกรรมไฮบริด’

(2 พ.ย. 67) บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ย้ำภาพความสำเร็จของโกลบอลโมเดลรุ่นยอดนิยม ALL NEW MG3 HYBRID+ สร้างยอดขายทั่วโลกสองไตรมาสรวมกว่า 32,000 คัน พร้อมการันตี ความเชื่อมั่นด้วยรางวัลชั้นนำ อาทิ Affordable Car of the year 2024 จาก Auto Express UK และ รางวัล Best Value Car จาก The Business Car Awards ในสหราชอาณาจักร หลังปรากฏตัวครั้งแรกในงาน GENEVA INTERNATIONAL MOTOR SHOW 2024 และในประเทศไทย เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ALL NEW MG3 HYBRID+ หนึ่งในโกลบอลโมเดลที่เป็นยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนแบรนด์ เอ็มจี ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยนวัตกรรม และแนวทางการพัฒนายนตรกรรมพื้นฐานที่เริ่มต้นจากรถยนต์ไฮบริด และเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นล่าสุดของ เอ็มจี ที่มีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีก้าวหน้าภายใต้การพัฒนาของ SAIC MOTOR และนับเป็นโมเดลแรกที่ผสานระบบ HYBRID+ ที่สะท้อนความตั้งใจในการมอบความสมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านสมรรถนะและประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือกว่า และยังเป็นเครื่องยืนยันให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นว่า ไฮบริดที่ดีกว่าต้อง HYBRID+ ของเอ็มจีเท่านั้น

ALL NEW MG3 HYBRID+ โดดเด่นด้านการผสานพลังงานระหว่างเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าอย่างลงตัว ทำให้สมรรถนะใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังคงความรู้สึกขับสนุกด้วยโกลบอลจูนนิ่งจากวิศวกรระดับโลกมาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริดที่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ของการขับขี่ได้ถึง 8 รูปแบบ โดยมีอัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้สูงสุดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร ทำระยะทางได้ไกลสูงสุดมากกว่า 800 กิโลเมตร มาพร้อมกับความแรง ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 8 วินาที และอัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 5 วินาที มาพร้อมดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวอันเป็นเอกลักษณ์ ในระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย รุ่นเริ่มต้นหรือรุ่น D อยู่ที่ 579,900 บาท และรุ่น X ในราคา 619,900 บาท

จุดเด่นหลักๆ ของรถยนต์ ALL NEW MG3 HYBRID+

• ALL NEW MG3 HYBRID+ เป็นโมเดลที่ผู้บริโภคต่างให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี และได้ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยถือเป็นรถแฮทช์แบคไฮบริดรุ่นล่าสุดของ เอ็มจี และเป็นโกลบอลโมเดลรุ่นที่สองที่ผลิตจากโรงงาน เอสเอไอซี มอเตอร์- ซีพี ณ จังหวัด ชลบุรี

• ALL NEW MG3 HYBRID+ ได้ทำการพัฒนาและปรับจูนทุกระบบโดยทีมวิศวกรระดับโลกเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานจริงบนถนนทั่วโลก โดยผ่านการทดสอบในทุกสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ รวมถึงวิ่งทดสอบในสถานการณ์ที่หลากหลาย พร้อมการออกแบบห้องโดยสารภายในให้มีความเงียบกว่ารถทุกรุ่นในระดับเดียวกัน

• ALL NEW MG3 HYBRID+ ให้มากกว่าในกลุ่มรถขนาดเล็ก B-Segment ด้วยการยกระดับระบบการทำงานของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีการทำงานที่อิสระ ครอบคลุมโหมดการขับเคลื่อนที่หลากหลาย นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ครบครัน ทั้ง ประหยัดกว่า – ด้วยอัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้สูงสุดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร*กับน้ำมันหนึ่งถัง 36 ลิตร สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดมากกว่า 800 กิโลเมตร* แรงกว่า - แรงสุดในกลุ่มสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 8 วินาที และอัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 5 วินาที มอบความคล่องตัวให้ความรู้สึกเหมือนขับรถไฟฟ้าโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ กว้างกว่า - กว้างที่สุดในคลาสเดียวกัน โดยเฉพาะห้องสัมภาระท้ายจุได้มากถึง 293 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร ปลอดภัยกว่า - ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งรวมระบบADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจำนวน 8 ระบบ พร้อมระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System) เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหารถยนต์ในกลุ่ม City Car ที่มาพร้อมฟังก์ชันระบบความปลอดภัยที่ครบครัน และเทคโนโลยีที่โดดเด่นด้วยความประหยัด

• ALL NEW MG3 HYBRID+ การันตีความเชื่อมั่นด้วยรางวัลชั้นนำ อาทิ รถยนต์ที่มอบความคุ้มค่าที่สุด “Affordable Car of the year 2024” จาก Auto Express UK และ “รางวัล Best Value Car” จาก The Business Car Awards ในสหราชอาณาจักร พร้อมยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนกันยายน รวมกว่า 32,000 คัน ทั้งยังเป็นรถยนต์ที่ผ่านคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ในการเข้ารับคัดเลือกรอบแรก และได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 5 รุ่น ให้เข้าสู่รอบสุดท้ายของการตัดสิน รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2567 (THAILAND CAR OF THE YEAR 2024) โดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย - สรยท. (THAI AUTOMOTIVE JOURNALISTS ASSOCIATION – TAJA)

• ALL NEW MG3 HYBRID+ อีกหนึ่งรุ่นที่ตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ เอ็มจี ครบหนึ่งศตวรรษ ในการยกระดับผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ และเป็นโมเดลที่สะท้อนภาพแนวทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในการนำเสนอยนตรกรรมไฮบริดประสิทธิภาพสูงที่จะเข้ามาแทนที่รถยนต์สันดาปภายใน โดยถือเป็นยนตรกรรมไฮบริดที่รวมทุกข้อดีของไฮบริดที่มี สู่ความลงตัวที่สุดในรุ่นนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top