Wednesday, 23 April 2025
ไทยจีน

กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการด้านกิจการทหาร สรุปการเดินทางไปหารือข้อราชการกับ พลเรือตรี หวัง เจิ้ง ผู้ช่วยทูตทหารสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย 

เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.68) เวลา 09.00 -10.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุมสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ นำโดย พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ ว่าที่พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์  รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล เลขานุการคณะกรรมาธิการ และนางสาวนวลนิจ  หงษ์วิวัฒน์ รองเลขานุการคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยอนุกรรมาธิการ และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ได้ร่วมประชุมหารือข้อราชการกับ พลเรือตรี หวัง เจิ้ง ผู้ช่วยทูตทหารสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย พร้อมด้วยคณะผู้ร่วมหารือของฝ่ายจีน สรุปประเด็นสำคัญในการหารือข้อราชการ ดังนี้

1.การฝึกซ้อมร่วมกันของกองทัพไทยจีนกับกองทัพจีนซึ่งเน้นความร่วมมือด้านความมั่นคง ในรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติ จะเป็นประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและการรักษาพยาบาลแก่ผู้บาดเจ็บโดยหน่วยทหาร รวมทั้งเป็นกิจกรรมที่จะนำมาซึ่งการกระชับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างกองทัพไทยและกองทัพจีนในโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ

2.ผู้ช่วยทูตทหารฝ่ายทหารของสาธารณรัฐประชาชนจีนแสดงความสนใจที่จะไปชมศูนย์ฝึกบรรเทาสาธารณภัยของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และเห็นด้วยสำหรับกิจกรรมความร่วมมือในอนาคต ด้วยการจัดการฝึกร่วมระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพจีนทั้งการฝึกกู้ภัยพิบัติและการให้ความความช่วยเหลือด้านการแพทย์ทหาร ซึ่งรายละเอียดจะได้มีการหารือระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายจีนและฝ่ายไทยต่อไป 

ข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการด้านกิจการทหาร

การฝึกกู้ภัยพิบัติและการให้ความความช่วยเหลือด้านการแพทย์ทหาร นอกจากจะสามารถขยายผลไปสู่ความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว ยังจะขยายผลความร่วมมือด้านความมั่นคงไปสู่ประเทศอื่น ๆ ทั้งในอาเซียน และประเทศคู่เจรจาของอาเซียน เช่น สหรัฐอเมริกา โดยที่ประเทศไทยมีบทบาทนำในการประสานความร่วมมืออีกด้วย จึงเห็นสมควรรายงานกราบเรียนประธานวุฒิสภา และเรียนประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ทราบ เพื่อเป็นประเด็นในการหารือข้อราชการเกี่ยวกับการเสริมสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศสำหรับการประชุมในกรอบสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) และการประชุมทวิภาคีของรัฐสภาไทยกับประเทศที่เกี่ยวข้องต่อไป 

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการด้านกิจการทหารจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป

ทีมบินผาดโผน ‘ปาอี้’ เตรียมแสดงโชว์ในไทย ขนเครื่องบินขับไล่ J-10 จำนวน 7 ลำ เยือนไทยในรอบ 10 ปี

(4 มี.ค. 68) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ทีมบินผาดโผน ‘ปาอี้’ (Bayi Aerobatic Team) ของกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA Air Force) ได้เดินทางถึงประเทศไทยแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อทำการแสดงโชว์ในงานครบรอบ 50 ปี สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย

การแสดงโชว์ครั้งนี้ประกอบด้วย ภารกิจบินแสดงโชว์เครื่องบินขับไล่ J-10 จำนวน 7 ลำ ซึ่งนับเป็นการกลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งในรอบ 10 ปี และเป็นการแสดงบินในต่างประเทศครั้งที่ 12 ของทีมปาอี้ ซึ่งก่อตั้งมายาวนานกว่า 60 ปี

ฝูงบินดังกล่าวสามารถเดินทางจากจีนสู่กรุงเทพฯ ได้โดยไม่หยุดพัก เป็นระยะทางกว่า 3,600 กิโลเมตร เนื่องจากได้รับการสนับสนุนการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศจากเครื่องบินเติมน้ำมันรุ่น YU-20 ที่จีนพัฒนาขึ้นเอง

ทั้งนี้ หนึ่งในสมาชิกของทีมบินผาดโผนปาอี้ เปิดเผยว่า พวกเขาได้ทำการสำรวจสนามบินในไทยล่วงหน้า ปรับแผนการบินให้เหมาะสมกับพื้นที่ และฝึกซ้อมตามสภาพแวดล้อมจริง เพื่อให้การแสดงออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด

‘เอกนัฏ’ เผยจ่อเซ็น MOU ไทย-จีน หนุนอุตสาหกรรมแฝด ขยายความร่วมมือเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมกับมณฑลอานฮุย

(12 มี.ค. 68) รัฐบาลไทยเดินหน้าผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมกับจีนอย่างต่อเนื่อง โดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าภายในปีนี้คาดว่าจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมของไทยและมณฑลอานฮุยของจีน ภายใต้โครงการ 'Two Countries, Twin Parks' ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมแฝดระหว่างสองประเทศ เพื่อขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน

นายเอกนัฏกล่าวว่า ระหว่างการเดินทางเยือนจีนเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมได้หารือกับ นายลี จง รองผู้ว่าการมณฑลอานฮุย เกี่ยวกับการขยายขอบเขตความร่วมมือจากเดิมที่มีเพียง กรมพาณิชย์มณฑลอานฮุย และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สู่ระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันร่าง MOU ดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงอุตสาหกรรม ก่อนส่งต่อให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบเนื้อหา และเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ โดยกำหนดกรอบดำเนินงานให้สามารถลงนามได้ภายในปีนี้

นายเอกนัฏระบุว่า โครงการ 'Two Countries, Twin Parks' จะมุ่งเน้นการพัฒนา อุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ พลังงานใหม่ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และอาหารปลอดภัย นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำความร่วมมือในการพัฒนา บุคลากรไทยและห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจไทย

“โครงการนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะดึงดูดนักลงทุนจากจีน โดยเฉพาะจากมณฑลอานฮุย ให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น และในขณะเดียวกัน ก็เปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยไปขยายธุรกิจในจีนด้วย” นายเอกนัฏ กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีการหารือเกี่ยวกับ การพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนและค้าขายร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการค้าไทย-จีน รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านการซื้อขายสินค้าระหว่างสองประเทศ และยกระดับห่วงโซ่อุปทานให้แข็งแกร่งขึ้น

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ กนอ. และรักษาการผู้ว่าการ กนอ. กล่าวเสริมว่า ประเทศไทยมี จุดยุทธศาสตร์สำคัญ ในการเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนในภูมิภาค ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะช่วย ยกระดับซัพพลายเชนและอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย

“ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นภายใต้กรอบ Belt and Road Initiative (BRI) หรือ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญ เราหวังว่าแพลตฟอร์มการลงทุนและการค้าระหว่างไทย-จีนจะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากจีนให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยมากขึ้น” นายสุเมธ กล่าว

ทั้งนี้ กนอ. มีแผนศึกษาแนวทางพัฒนา นิคมอุตสาหกรรมแฝด และความร่วมมือด้านอื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของ MOU และผลักดันให้โครงการ 'Two Countries, Twin Parks' บรรลุเป้าหมายสูงสุด

และในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน นายเอกนัฏเน้นย้ำว่าความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของทั้งสองประเทศ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาภูมิภาคให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

“ผมเชื่อว่าหากความร่วมมือกับมณฑลอานฮุยประสบความสำเร็จ ก็จะเป็นต้นแบบที่สามารถขยายไปสู่มณฑลอื่นๆ ของจีน และช่วยให้เศรษฐกิจของไทยแข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว” นายเอกนัฏ กล่าวทิ้งท้าย

จีน-ไทย เตรียมซ้อมรบทางทะเล ปลายมีนาคมนี้ ยกระดับความร่วมมือทางทหาร เสริมศักยภาพป้องกันภัยคุกคาม

(24 มี.ค. 68) กระทรวงกลาโหมของจีนได้เปิดเผยในวันนี้ว่า จีนและไทยกำลังเตรียมจัดการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันใกล้กับเมืองจ้านเจียง ในมณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนนี้

การซ้อมรบดังกล่าวจะเป็นการฝึกฝนร่วมกันระหว่างกองทัพเรือของทั้งสองประเทศ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงและการป้องกันภัยคุกคามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานร่วมกันในภาวะสงครามทางทะเลและการจัดการกับภัยคุกคามทางทะเลในอนาคต

กระทรวงกลาโหมจีนระบุว่า การซ้อมรบครั้งนี้จะมีการฝึกปฏิบัติทางยุทธวิธี การฝึกซ้อมการป้องกันภัยคุกคามจากเรือดำน้ำ การป้องกันจากการโจมตีทางอากาศ รวมถึงการฝึกการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในสถานการณ์ฉุกเฉิน

และครั้งนี้ถือเป็นการขยายความร่วมมือด้านการทหารระหว่างจีนและไทย ซึ่งทั้งสองประเทศต่างมองว่าความมั่นคงในภูมิภาคเป็นเรื่องสำคัญ การฝึกซ้อมร่วมกันจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในด้านยุทธศาสตร์และปฏิบัติการร่วมในสถานการณ์จริง

ทั้งนี้ การฝึกซ้อมครั้งนี้มีความสำคัญในการแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างจีนและไทย โดยเฉพาะในด้านการทหารและการรักษาความสงบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ การซ้อมรบทางทะเลร่วมกันจะเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสองประเทศสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีทางทหาร พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียและโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top