Tuesday, 22 April 2025
โรบินฮู้ด

ครั้งหนึ่ง 'โรบินฮู้ด' ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ เพราะวีรกรรมปล้นคนรวยมาแจกคนจนดันถูกใจพี่หมี

เชื่อไหมว่าประเทศที่เปี่ยมไปด้วยเสรีภาพทุกตารางนิ้วอย่างอเมริกา ชี้หน้ากล่าวหาตัวละครอย่างโรบินฮู้ดว่าเป็น 'คอมมิวนิสต์'  

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะมีการประกาศ 'แบน' หนังสือโรบินฮู้ดอย่างเป็นทางการทั้งในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในรัฐอินเดียน่าเลยทีเดียว

ย้อนความ...สาเหตุที่ทำให้โรบินฮู้ดและสหายโด่งดัง ก็เพราะพฤติกรรมปล้นคนรวยเอามาแจกคนจน ทำให้หลายคนสงสัยว่าโรบินฮู้ดมีตัวตนจริง หรือเป็นแค่เรื่องเล่า     

โดยต้นเรื่องนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 12-14 คืออาจจะเป็นใครก็ได้ในช่วงนั้น ส่วนป่าเชอร์วู้ดอันเป็นพำนักพักอาศัยของโรบินฮู้ดและผองเพื่อนมีอยู่จริง  

(ป่าเชอร์วู้ดมีพื้นที่ 32 กิโลเมตรในมณฑลนอตติงแฮมเชียร์ พื้นที่เป็นทุ่งราบและป่าทึบ สมัยก่อนพื้นที่ทุกตารางนิ้วในป่าเชอร์วู้ดเป็นพื้นที่ป่าสงวนให้กษัตริย์และราชวงศ์ใช้ล่าสัตว์)

ทีนี้ทำไมอยู่ ๆ โรบินฮู้ดถึงถูกอเมริกากล่าวหาว่าเป็นคอมมี่ไปได้?

นั่นก็เพราะสืบเนื่องมาจากวีรกรรมของโรบินฮู้ดเป็นถูกอกถูกใจพี่หมีขาวโซเวียต ในยุคที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ขยายตัวไปบางส่วนของโลกหรือยุคสงครามเย็น เลยยกโรบินฮู้ดให้เป็นวีรบุรุษต้นแบบของระบอบคอมมิวนิสต์ จนนำไปเป็นตัวเอกในหนังชวนเชื่อยุค 1970s - 1980s   

พอพี่หมีขาวรัสเซียเนียนเอาโรบินฮู้ดมาเป็นตัวเอกในหนังโฆษณาชวนเชื่อก็เป็นเรื่อง อเมริกาพ่อทุกสถาบันเห็นเข้าก็ตัวสั่นเร่า ประกาศแบนทันที และรัฐที่ประกาศปังดังลั่นคือ รัฐอินเดียน่า 

ในปี 1953 คณะกรรมการหนังสือเรียนของรัฐอินเดียน่าออกคำสั่ง 'แบน' หนังสือโรบินฮู้ดทุกเล่มทั้งในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วทั้งรัฐ โดยให้เหตุผลว่า พฤติกรรมของโรบินฮู้ดที่ปล้นคนรวยไปช่วยคนจนนั้น ดูแล้วมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ที่มุ่งยึดทรัพย์สินและบ้านช่องนายทุนเอามาให้ชนชั้นกรรมาชีพ โถ..ลูกอีช่างโยง

คงต้องขอเล่าประวัติศาสตร์อเมริกาช่วงสงครามเย็นให้ฟัง แล้วจะเห็นภาพว่าทำไม?...ทำไมรัฐอินเดียน่าถึงกล่าวหาโรบินฮู้ดแบบนี้

อเมริกาขับเคี่ยวกับทั้งพี่หมีขาวและพญามังกรจีนอย่างถึงพริกถึงขิงในยุคสงครามเย็น เป็นการต่อสู้กันระหว่างสองค่ายการปกครองระหว่างเสรีประชาธิปไตยกับลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งลุงแซมต่อต้านอย่างสุดตัวสุดตีน จนเข้าข่ายบ้าคลั่งในบางครั้ง

ช่วงสงครามเย็นที่ว่านี่แหละเกิดการล่าแม่มด โดยกล่าวหาว่าคนนั้นคนนี้มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ เรียกว่าใครเกลียดใครหรืออยากล้างแค้นใคร แค่บอกทางการว่าไอ้นั่นอีนี่เป็นคอมมิวนิสต์รับรองถูกลากไปสอบสวนหมด เลยโดนกันทั่วหน้า ไม่ว่าเป็นนักการทูต นักเขียน กองทัพ รวมไปถึงบุคลากรในวงการภาพยนตร์

กลุ่มสุดท้ายนี่ถูกล่าอย่างหนัก เพราะคณะกรรมการของรัฐสภายุคนั้นเชื่อว่า ผู้กำกับหรือผู้สร้างหนัง สามารถชี้นำมวลชนให้ฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์ผ่านทางภาพยนตร์เพื่อล้างสมอง หลายคนถูกสอบสวนอย่างหนัก ถูกขึ้นบัญชีดำ หรือถูกบีบให้คายชื่อเพื่อนหรือคนรู้จักที่เข้าข่ายเป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งบางก็เอาตัวรอดด้วยการซัดทอดคนบริสุทธิ์

โดยจุดเริ่มต้นของการล่าแม่มดคอมมิวนิสต์มาจาก ลัทธิแม็คคาร์ธี (McCarthyism) ที่มาจากชื่อวุฒิสมาชิกโจเซฟ แม็คคาร์ธี แห่งพรรครีพับลิกัน ซึ่งอีตาแม็คคาร์ธีนี่ขวาจัดแบบชนิดที่เรียกว่าสุดโต่ง เกลียดคอมมิวนิสต์ชนิดสุดติ่งทิงนองนอย เลยกลายเป็นไล่ล่ากวาดล้างบรรดาคนที่มีแนวโน้มจะเป็นคอมมิวนิสต์ในอเมริกา

ช่วงนั้นทุกคนโดนไล่ล่าไม่เว้น แม้กระทั่งประธานาธิบดีเฮนรี เอส. ทรูแมน ยังโดนแม็คคาร์ธีกล่าวหาว่า อ่อนข้อให้กับพวกคอมมิวนิสต์และปกป้องสายลับโซเวียต 

ซีอีโอ ‘Robinhood’ เคลื่อนไหว หลังเตรียมยุติการให้บริการ ในวันที่ 31 กรกฎาคม นี้ เปิดแพลตฟอร์ม ‘TalentOfRobinhood’ ช่วยพนักงานกว่า 100 คน หางานใหม่

เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.67) หลังจาก ‘เอสซีบี เอ็กซ์’ (SCBX) ประกาศยุติการให้บริการแพลตฟอร์มดีลิเวอรี่ ‘โรบินฮู้ด’ (Robinhood) ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลา 20.00 น. หลายฝ่ายก็ได้ติดตามความเคลื่อนไหวในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงมาตรการเยียวยาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นไรเดอร์ ร้านค้า และพนักงานของบริษัท

ล่าสุด ‘นายกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ได้ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์ม ‘TalentOfRobinhood’ เพื่อเป็นพื้นที่ในการหางานของพนักงาน Robinhood โดยล่าสุดที่ได้ตรวจสอบ ปรากฏรายชื่อพนักงานบนเว็บไซต์ https://talentofrobinhood.com/ จำนวน 176 คน ซึ่งมีตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงและพนักงานระดับปฏิบัติการในฝ่ายต่าง ๆ

ทั้งนี้ เนื้อความจากโพสต์บนเฟซบุ๊กของ ‘นายกวีวุฒิ’ ระบุว่า

‘The Last Product of Robinhood’

สวัสดีครับ พี่ ๆ เพื่อน ๆ
เชื่อว่า หลาย ๆ คนทราบข่าวแล้ว
Robinhood Delivery จะปิดบริการวันที่ 31 ก.ค. นี้แล้วครับ
‘แอปเพื่อคนตัวเล็ก’ นี้ ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่าน
ที่ได้ให้โอกาสแอปไทย อย่างพวกเราบริการมาตลอด 4 ปี ครับ
แม้ ‘แอป’ เราจะปิดไปแล้ว
แต่หน้าที่ผมในฐานะ ‘CEO คนสุดท้าย’ ยังไม่จบครับ

ผมพูดได้อย่างเต็มปากเลยครับ
ว่าผม ‘ภูมิใจ’ และ ‘รัก’ ทีมงาน Robinhood ทุกคน
ต้องขอขอบคุณ คุณอาทิตย์ พี่โจ้ พี่บิ๊ก ที่ได้เปิดโอกาสที่แสนพิเศษนี้ให้กับผม
ผมได้เรียนรู้ first hand ว่า ‘คนฝีมือดี ทัศนคติดี นิสัยดี ที่ไฟลุกโชน’
เมื่อมาอยู่รวมกันปริมาณมาก เราสร้างสิ่งที่ extraordinary ได้มากมาย

เรา operate ธุรกิจได้ถึง 7 ธุรกิจในเวลาเดียวกัน (ใช่ครับ ออกจะเยอะไปสักนิด)
Food Delivery/ Mart/ Express/ OTA (Online Travel Agent)/ Ride Hailing/ Lending/ EV Rental 
เราส่งมอบ ‘คุณภาพ’ บริการให้มีมาตรฐานสูง สำหรับลูกค้าหลายล้านคน

เรา bring tech home บริหารจัดการ technology เองได้ในระยะเวลา 1 ปี vendor หายหมด 
เราสร้างกระบวนการ product development ที่ technology company หนึ่งพึงจะทำได้สำเร็จ 
เรามีหลังบ้านที่แข็งแกร่งกว่าใคร ๆ เพราะเราเป็น super app ที่ต้องทำตามกฎระเบียบแบงค์ชาติ 
เรามี Accountability ไว้ใจทีมงานหน้างานให้ตัดสินใจ รับผิดชอบงานได้เต็มที่ วัดผลได้ 

เรา Boundaryless กล้าฟีดแบ็ก รับฟีดแบ็ก แบบต่อหน้า อย่างถูกวิธี ไม่ cross net 
เรา Customer-Centric ‘ลูกค้าได้อะไร’ คือคำถามติดปากพนักงานทุกคน 
เรา Data-Driven ข้อมูลอยู่ที่ไหน เอามาดูกัน ใช้ในการตัดสินใจทุกสิ่ง 
เรา Enjoy the moment 
เราหาท่าสนุกกับงานตรงนี้ เพื่อน ๆ ตรงนี้ โมเมนท์ตรงนี้ ในทุก ๆ วัน 
เรารู้ว่า Culture is Behaviour 
เราจึงเริ่มจากปรับ ‘พฤติกรรม’ ของตัวเอง 
เราถนัดทำงานกับคนที่หลากหลาย เราทะเลาะกันบ้าง เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด
เรารัก ‘เพื่อนของเรา’ และ ‘ภาคภูมิใจในงานของเรา’

แน่นอนธุรกิจ platform ลักษณะนี้ มันมีความท้าทายต่าง ๆ นานา Business Model ที่ burn เงิน แถมไม่มี scale ที่มันควรจะเป็น ในตลาดที่คู่แข่งเราเก่ง ๆ กันทุกคน

Robinhood Delivery ก็มาถึงจุดที่ไปต่อไม่ได้ แต่ TalentOfRobinhood กลุ่มนี้ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ช่วยสนับสนุนต่อได้ครับ

ไฟแห่งการทำงานพวกเขายังลุกโชนอยู่ ไม่มอดหายไปแม้แต่นิด พวกเขายังมี ‘อนาคต’ สร้างสรรค์สังคมได้อีกแยะ

ด้วยความเชื่อนี้ ผมจึงขออนุญาตภูมิใจนำเสนอ

https://talentofrobinhood.com/

เว็บไซต์เล็ก ๆ ที่ผมเองลงมือเป็น Lead Product Owner เพื่อให้ใช้งานง่ายที่สุด สำหรับ recruiter ทุกท่าน ทีมงานเล็ก ๆ เสกมันขึ้นมาในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ เพื่อช่วยน้อง ๆ ของเราหางาน

ภายในเราจัดหมวดหมู่ไว้ดูง่าย
ดูแบบเรียงแถว ดูแบบ org chart
ชอบคนไหน กด save ไว้ดูทีหลังได้
แต่ละคน เก่งอะไร รับผิดชอบอะไร มองหางานแบบไหน
ข้อมูลพนักงานถูกต้อง ครบถ้วน ได้รับ consent เรียบร้อย
ให้ติดต่อตรงได้เลย ตามสะดวก

ถ้าพี่ ๆ เพื่อน ๆ คิดว่า คุณสมบัติพนักงานด้านบน เป็นสิ่งที่องค์กรต้องการ
ผมกราบฝากสนับสนุน TalentOfRobinhood กลุ่มนี้ ด้วยการกด ‘Share’ สักหนึ่งครั้ง เขียนข้อความสั้น ๆ ให้กำลังใจพวกเขา และเข้าไปเยี่ยมชม https://talentofrobinhood.com/

ส่งให้ HR ขององค์กรคุณ เผื่อเอาไว้นะครับ

ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่สนับสนุน Robinhod มาโดยตลอดครับ
ขอบคุณจริง ๆ จากหัวใจ ชาว RBH ทุกคน
ฝากสนับสนุน The Last Product of Robinhood ด้วยนะครับ

https://talentofrobinhood.com/

จนกว่าจะพบกันใหม่

ต้อง กวีวุฒิ
CEO, Purple Ventures

‘ไทยเบฟ’ ตั้ง ‘ลิตเติ้ล จอห์น ดิจิทัล’ ทุนจดทะเบียน ‘หมื่นล้าน’ ลุยธุรกิจดิจิทัล

(7 ก.ย.67) มีกระแสข่าวใหญ่ ‘บิ๊กดีล’ ของ ‘บิ๊กคอร์ป’ ยักษ์เครื่องดื่มและอาหารในภูมิภาคอาเซียนอย่าง ‘ไทยเบฟเวอเรจ’ ที่ถูกเอ่ยไปอยู่ในโผของรายชื่อที่สนใจธุรกิจแพลตฟอร์ม Food Dlivery อย่าง ‘โรบินฮู้ด (Robinhood)’ ที่ก่อนหน้านี้ประกาศ ‘ยกธงขาว’ จะปิดให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood เป็นการถาวร วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 หลังบริษัทเผชิญ ‘ขาดทุนบักโกรก’ สะสมกว่า 5,000 ล้านบาท

เกิดความปราชัยในสนามธุรกิจไม่ทันไร เห็นการกลับลำ เลื่อนการยุติให้บริการออกไปก่อน เมื่อมีบรรดา ‘นายทุนใหญ่’ ให้ความสนใจยื่นเสนอเจรจาซื้อกิจการ ‘รับไม้ต่อ’ เพื่อเป็นหนึ่งใน ‘ขั้วที่ 3’ รายใหญ่ สู้ศึกฟู้ดเดลิเวอรี่ยกใหม่

‘ทุนใหญ่’ ที่ถูกเผยจะเป็นผู้นำทัพ ‘โรบินฮู้ด’ ปรากฏชื่อของ ‘บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน)’ ที่มี ‘เจ้าสัวหนุ่ม ฐาปน สิริวัฒนภักดี’ ทายาทของราชันย์น้ำเมา ‘เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เป็น 1 ใน 3 รายชื่อที่อยู่ในวงบิ๊กดีล! ดังกล่าว

ความเคลื่อนไหวของ ‘ไทยเบฟ’ สอดรับกับกระแสข่าวรุกฟู้ดเดลิเวอรี่เห็นชัดเจนมากขึ้น เมื่อมีการตั้งบริษัทลูกขึ้นมาใหม่ภายใต้ชื่อ ‘บริษัท ลิตเติ้ล จอห์น ดิจิทัล จำกัด’ (Little John Digital) ซึ่งมีทุนจดทะเบียนมากถึง 1 หมื่นล้านบาท(10,000 ล้านบาท) ประกอบด้วยหุ้นสามัญ 1,000,000 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท

ขณะที่การลงทุนดังกล่าว จะเป็นเงินทุนที่จัดจากภายใน ส่วนการถือหุ้นนั้น มีบริษัทโดยอ้อมของเครืออย่าง “โอเพน อินโนเวชั่น”(Open Innovation) ที่เป็นบริษัทลงทุนด้านเทคโนโลยี และดิจิทัล ถือหุ้นใน ‘ลิตเติ้ล จอห์น ดิจิทัล’ สัดส่วน 99.9999%

ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวมีรายนาม ‘คณะกรรมการบริษัท’ ที่เป็นแม่ทัพนายกองของ ‘ไทยเบพ’ ครบครัน! ทั้ง นายอวยชัย ตันทโอภาส ผู้เป็นขุนพลธุรกิจสุราให้กับเจ้าสัวเจริญมาอย่างยาวนาน นายโฆษิต สุขสิงห์ ที่เป็นขุนพลข้างกายเจ้าสัวหนุ่ม ฐาปน และดูแลธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในประเทศไทย ธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึง ‘เทคโนโลยี-ดิจิทัล’ ด้วย ยังมี นางต้องใจ ธนะชานันท์ ซึ่งดูแลด้านความยั่งยืน นางสาวนันทิกา นิลวรสกุล นายโสภณ ราชรักษา ที่ก้าวเป็น ‘แม่ทัพธุรกิจอาหาร’ ให้กับกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ หมาด ๆ และเป็นการสลับเก้าอี้กับ ‘นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล’ ที่เปลี่ยนจากเคลื่อนธุรกิจอาหาร ไปดูแลธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ นายกฤษฎา วรรธนภาคิน และนายพิพิธ จริยวัฒนวิจิตร

‘ไทยเบฟ’ เป็นอาณาจักรเครื่องดื่มและอาหารที่ใหญ่ มีแบรนด์สินค้ามากมาย โดยงวด 9 เดือน (ปีงบประมาณ ต.ค.-66 ก.ย.67) บริษัททำรายได้จากการขายที่ 217,055 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 0.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรก่อนหักภาษี (EBITDA) 38,595 ล้านบาท เติบโต 2.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เครื่องดื่มโดยรวมทั้ง เหล้า เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ทำเงินมหาศาล ส่วน ‘อาหาร’ 9 เดือน มีรายได้จากการขาย 15,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรก่อนหักภาษี 1,438 ล้านบาท ลดลง 0.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

พอร์ตโฟลิโออาหารเต็มไปด้วย ‘แบรนด์แกร่ง’ ที่ยืนหนึ่งยาวนานนับสิบปี เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่น โออิชิ แกรนด์ ชาบูชิ ยังมีเสริมทัพด้วยแบรนด์ระดับโลกทั้งไก่ทอดเบอร์ 1 ‘เคเอฟซี’ และร้านกาแฟ ‘สตาร์บัคส์’ ฯ ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่พร้อมต่อจิ๊กซอว์ สร้างการเติบโตในอนาคต

ดังนั้น ภาพใหญ่เครื่องดื่มเป็น ‘หัวใจ’ สำคัญของบริษัท แต่เครื่องดื่มเป็นสินค้าคู่ (Combination) ‘อาหาร’ อยู่เสมอ กินแล้วต้องดื่ม ทำให้บริษัทยังหาช่องเพื่อเบ่งพอร์ตโฟลิโอให้ใหญ่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งครึ่งปีแรก ‘อาหาร’ มีสัดส่วนรายได้เพียง 6.7% เท่านั้น และ ‘กำไรสุทธิ’ เพียง 3.6% สะท้อนว่ายังโตได้อีก!

หากสร้างการเติบโตของไทยเบฟอยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ PASSION 2025 ที่จะขยายตลาด สร้างแบรนด์ ‘เข้าถึงผู้บริโภค’ ให้มากขึ้น

หากดีลประวัติศาสตร์รุกคืบเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีอย่าง ‘โรบินฮู้ด’ จะเสริมแกร่งให้กับ ‘ไทยเบฟรอบทิศ’ ไม่ว่าจะเป็นการเสิร์ฟอาหารถึงมือผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันจะสตาร์บัคส์ เคเอฟซี และอื่นๆ ล้วนมีบริการดังกล่าว ซึ่งบางอย่างพึ่งพาพันธมิตร แต่มีบางอย่างที่ทำเองอย่าง โออิชิ

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญสุดหากได้ ‘โรบินฮู้ด’ มาอยู่ใต้เงา ‘ไทยเบฟ’ นั่นคือการได้ ‘คลังแสงข้อมูล’ (Big Data) ที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้ออาหารของผู้บริโภค ซื้อเมนูอะไร ราคาต่อบิลเท่าไหร่ ความถี่เป็นอย่างไร ฯ ซึ่งสามารถนำไปวิเคราะห์ ต่อยอดการทำตลาด จัดโปรโมชั่นเพื่อ ‘กระตุ้นยอดขาย’ ได้อีกมากโข

ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้ข้อมูลบรรดา ‘หน้าร้านอาหาร’ ต่างๆ ที่จะเป็นอีกหนึ่ง ‘จิ๊กซอว์’ ให้ไทยเบฟ ต่อยอด ‘การขายเครื่องดื่มทุกหมวด’ ไม่ว่าจะเป็นเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์

นี่มองแค่การเสริมแกร่งไทยเบฟ ยังไม่นับทั้งอาณาจักร ‘ไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น’ หรือทีซีซี กรุ๊ป มองยังไง

เป็นที่ประจักษ์ว่า ‘โรบินฮู้ด’ อยู่ใต้เงา ‘เอสซีบี เอกซ์’ (SCB X) ที่จุดเริ่มต้นอยากช่วยเหลือคนตัวเล็กช่วงวิกฤติโควิด-19 ทว่า การลงสนามฟู้ดเดลิเวอรี หนึ่งในธุรกิจเผาเงิน เพื่อแลกกับผู้บริโภคมาใช้แพลตฟอร์มไม่ได้แจ้งเกิดง่ายๆ ยิ่งต้องกลืนเลือด 5,000 กว่าล้านบาท ใน 4 ปี จะกัดฟันฝืนขาดทุนต่อ ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะไม่ต่อยอดธุรกิจหลัก (Core business)

เมื่อ ‘เอสซีบี เอ็กซ์’ จะทิ้ง ‘โรบินฮู้ด’ สร้างมาแล้วไม่สูญเปล่า นายทุนใหญ่ต้องการรับช่วงต่อ ได้เม็ดเงินมา ‘บรรเทาบาดแผลธุรกิจ’ ได้ไม่มากก็น้อย ส่วนทุนใหม่รับศักยภาพจากดีลนี้ คือการได้ยอดลูกค้าที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไม่น้อยเพราะมีจำนวน ‘นับล้านราย’ ร้านค้าบนแพลตฟอร์มที่พร้อมเสิร์ฟลูกค้า ‘ร่วมแสนราย’ เหล่า ‘ไรเดอร์’ อีกนับ ‘หมื่นชีวิต’

แบรนด์ ‘โรบินฮู้ด’ ติดตลาดแจ้งเกิดแล้ว และภาพลักษณ์แบรนด์ถือว่าครองใจผู้บริโภค คนใช้งานอย่างดี เมื่อมีทุนมาใส่เงินต่อ การ ‘ลุกขึ้นเดิน-วิ่ง’ สู้ต่ออีกครั้งย่อมไม่ใช่เรื่องยากเกินไป ยิ่งถ้าอยู่ภายใต้ ‘ไทยเบฟ’ รับรองว่า ‘สงครามฟู้ดเดลิเวอรี่’ 8.6 หมื่นล้านบาท เดือด!!

ในแวดวงธุรกิจ จะเห็น ‘ไทยเบฟ’ เดินทางลัด ‘ซื้อและควบรวมกิจการ’ (M&A) อยู่เป็นนิจ เพราะมีเงิน มันสมอง(ขุนพลนายกอง) พร้อมต่อยอดสิ่งที่ซื้อมาให้เติบโต และซีนเนอร์ยี ทั้งอาณาจักรแสนล้านบาทได้

เห็นการซื้อกิจการบ่อย ๆ ของไทยเบฟ และล้วนเป็นบิ๊กดีลระดับ ‘หมื่นล้าน-แสนล้านบาท’ แทบทั้งสิ้น

ปัจจุบันไทยเบฟมีภาระหนี้ทั้งจากกู้เงินธนาคาร หุ้นกู้ ที่จะครบกำหนดชำระ เช่น 5 ปี และอื่นๆ รวมมูลค่า 209,044 ล้านบาท (ณ สิ้นมิ.ย.67) แต่กระนั้น อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน หรือ Interest Bearing Debt to Equity Ratio อยู่ในระดับต่ำ 0.68% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน อยู่ระดับ 0.65% สะท้อนฐานะทางการเงินขององค์กรแกร่ง

อย่างไรก็ตาม แม้ ‘ไทยเบฟ’ จะมีชื่ออยู่ในโผผู้สนใจเจรจา ‘โรบินฮู้ด’ แต่ดีลนี้ ยังไม่ใช่!สำหรับยักษ์เครื่องดื่มและอาหาร เพราะรายงานข่าวระบุว่า ‘รายอื่น’ คือผู้คว้า ‘โรบินฮู้ด’ ไปต่อยอดธุรกิจเรียบร้อยแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top