Wednesday, 23 April 2025
โรคทางเดินหายใจ

'หมอยง' ชี้!! โควิดเปรียบดังโรคทางเดินหายใจโรคหนึ่ง อย่ารังเกียจ 'ผู้ป่วย-ติดเชื้อ' จงอยู่ด้วยกันกับโรคนี้ให้ได้

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Yong Poovorawan” ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในไทยว่า โควิด 19 ความคิดเกี่ยวกับโรคโควิด 19 เปลี่ยนตามสถานการณ์

ต้องยอมรับว่าในปีแรก 2563 ที่เกิดการระบาดของโรคโควิด 19 โรคมีความรุนแรง อัตราเสียชีวิต สูง 3 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์

ทุกคนรอความหวังที่จะป้องกันด้วย “วัคซีน”

ปีต่อมา 2564 มีวัคซีน แต่พบว่าวัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ยังคงพบการระบาดอย่างมาก ประสิทธิภาพของวัคซีนเหมือนกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่ไม่สามารถจะกำจัดหรือลดการระบาดลง ในแต่ละปีประสิทธิภาพแตกต่างกันตามสายพันธุ์

การให้วัคซีน 3 เข็ม 4 เข็ม หรือแม้กระทั่งติดเชื้อแล้วก็ยังติดเชื้อซ้ำได้อีก แต่อาการความรุนแรง “ลดลง”

ในปีนี้ 2565 โรคยังคงระบาดอย่างมาก ความรุนแรงลดน้อยลง อัตราการเสียชีวิตลดลง จากที่เคยสูง 1-2 % ลดลงมา เหลือ 1-2 ในพัน (0.1 - 0.2 %) ของผู้ติดเชื้อ (รวม ATK) ส่วนใหญ่เป็นในกลุ่มผู้เปราะบาง หรือ 608 ไม่ได้รับวัคซีน หรือ ได้รับวัคซีนไม่ครบ

โดยทั่วไปผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง และ ได้รับวัคซีนแล้ว ติดเชื้อได้ ความรุนแรงของโรคจะลดลง แต่ก็ยังสามารถแพร่กระจายโรคได้ ในเด็กปกติโรคมีความรุนแรงน้อยกว่า ยกเว้น เด็กทารก และเด็กที่มีโรคประจําตัว ในเด็กทารกถ้ามารดาได้รับวัคซีนขณะตั้งครรภ์ ภูมิต้านทานก็น่าจะส่งต่อมาปกป้องลูกน้อยในเดือนแรกๆ ได้

เราต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่ ในการอยู่กับโรคนี้ให้ได้ พบผู้ป่วยผู้ติดเชื้อรอบตัวเรา รวมทั้งคนใกล้ชิด มีให้เห็นมากมาย ต่อไปวัคซีนพาสปอร์ต ที่จะต้องฉีด 2 เข็ม 3 เข็มก็จะมีความหมายน้อยลง การสืบสวนโรค ว่าติดจากใคร ทำได้ยาก และปัจจุบันแทบไม่ต้องถาม timeline กันอีกต่อไปแล้ว

เราไม่ควรรังเกียจคนที่เป็น และต้องยอมรับ เปรียบเสมือนเป็นโรคทางเดินหายใจโรคหนึ่ง ไม่แสดงความรังเกียจผู้ป่วย เราจะต้องอยู่ด้วยกันกับโรคนี้

‘สธ.จีน’ เร่งเพิ่มจำนวนคลินิกสำหรับผู้ป่วยที่มีไข้ หวังรับมือโรคทางเดินหายใจ หลังยอดพุ่งอย่างรวดเร็ว

(27 พ.ย.66) กระทรวงสาธารณสุขจีนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพิ่มจำนวนคลินิกสำหรับผู้ป่วยที่มีไข้ ในขณะที่จีนกำลังรับมือกับโรคระบบทางเดินหายใจที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวแรกนับตั้งแต่ผ่อนคลายมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

จำนวนผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นประเด็นระดับโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากจีน โดยระบุถึงรายงานเกี่ยวกับคลัสเตอร์ของโรคปอดอักเสบ (pneumonia) ในเด็กที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยโดยโครงการเฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่

ทั้งนี้ จีน และ WHO ต่างต้องเผชิญกับคำถามถึงความโปร่งใสของรายงานเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ในช่วงแรก ๆ ซึ่งโรคดังกล่าวแพร่ระบาดจากเมืองอู่ฮั่นในช่วงปลายปี 2562 และต้นปี 2563 

โดย WHO ระบุเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 พ.ย.) ว่า หน่วยงานด้านสาธารณสุขของจีนไม่พบเชื้อโรคที่ผิดปกติหรือเชื้อชนิดใหม่ ๆ แต่อย่างใด

นายมี่ เฟิง โฆษกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) ของจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลันนั้นมีความเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดของเชื้อโรคหลายชนิดพร้อมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไข้หวัดใหญ่ (influenza)

ทั้งนี้ มีรายงานการพบผู้ป่วยเด็กจำนวนมากในพื้นที่ทางตอนเหนือ เช่น ปักกิ่งและมณฑลเหลียวหนิง ซึ่งโรงพยาบาลได้ออกประกาศเตือนว่าต้องรอการรักษาเป็นเวลานาน

สภาแห่งรัฐ ซึ่งเป็นคณะรัฐมนตรีของจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ยอดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จะแตะระดับสูงสุดในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลินี้ ในขณะที่การติดเชื้อโรคปอดอักเสบจากเชื้อไมโคพลาสมา (mycoplasma pneumoniae) จะยังคงสูงในบางพื้นที่ นอกจากนี้ ยังเตือนถึงความเสี่ยงที่โรคโควิด-19 จะกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง

ส่วนเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา WHO ระบุว่า ข้อมูลที่ได้รับจากจีนระบุว่า ผู้ป่วยกลุ่มล่าสุดมีความเชื่อมโยงกับการยกเลิกมาตรการคุมเข้มโควิด-19 เมื่อ 11 เดือนที่แล้ว ประกอบกับการแพร่ระบาดของโรคที่รู้จักกันดี เช่น โรคปอดอักเสบจากเชื้อไมโคพลาสมา ซึ่งเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียทั่วไปที่มักเกิดขึ้นกับเด็ก ซึ่งแพร่ระบาดตั้งแต่เดือนพ.ค.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top