Wednesday, 23 April 2025
แหลมฉบัง

‘พิธา’ เปิดเวทีแหลมฉบัง เปิดตัวผู้สมัครส.ส.10 เขต เผยมั่นใจเลือกทั้ง 10 คนมาอย่างดี ไม่เกิดงูเห่าซ้ำสอง

ก้าวไกล เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่แหลมฉบัง ‘พิธา’ มั่นใจคนชลบุรีพร้อมมอบความไว้ใจอีกครั้ง เชื่อคนเบื่อการเมืองย้ายขั้วย้ายข้างไร้อุดมการณ์ พร้อมเทคะแนนเลือกก้าวไกลหยุดระบบอุปถัมภ์บ้านใหญ่ ตอบ ‘ประวิตร’ มีรัฐประหารอีกถ้าจำเป็น คือตรรกะวิบัติ ย้ำความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุกสังคม ต้องใช้วิถีประชาธิปไตยแก้ไข ไม่ใช่นำมาเป็นเงื่อนไขรัฐประหาร

ค่ำวันนี้ พรรคก้าวไกล เปิดเวทีปราศรัยแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ใน จ.ชลบุรี ทั้ง 10 เขต ที่สวนเทศบาลเมืองแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยมีทั้งแกนนำและผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล เข้าร่วมการปราศรัยอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล สัดส่วนภาคตะวันออก และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล เป็นต้น

ก่อนเริ่มเวที พิธาได้ให้สัมภาษณ์พร้อมตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน โดยระบุว่าในยามที่การเมืองเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวย้ายขั้วย้ายพรรคเกิดขึ้นตลอดเวลา ตนอยากให้ชาวชลบุรีมั่นใจว่ายังมีทางเลือกของพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์อยู่คือพรรคก้าวไกล ซึ่งในปี 2562 ตั้งแต่สมัยที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ ชาวชลบุรีได้ให้ความไว้วางใจกว่า 2 แสนคะแนน แม้จะมีคนปรามาศว่าเป็นเรื่องของส้มหล่น แต่ตนเชื่อว่าเป็นความไว้วางใจที่พรรคก้าวไกลได้รับ มาจากความมั่นใจของชาวชลบุรี ที่ต้องการการเมืองที่ปลอดระบบอุปถัมภ์ กำหนดอนาคตตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งบ้านใหญ่มากกว่า

อีกทั้ง 4 ปีที่ผ่านมาในการทำงานของเราตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่มาเป็นพรรคก้าวไกล ส.ส. หนึ่งเดียวของพรรคก้าวไกลใน จ.ชลบุรี ที่ไม่ย้ายข้างไปไหนอย่าง จรัส คุ้มไข่น้ำ ได้ทำหน้าที่อย่างเป็นที่ประจักษ์ ทั้งในการดูแลประชาชนช่วงโควิด เป็นปากเสียงให้แรงงานกลางคืน แรงงานแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงทำหน้าที่อภิปรายในสภาเป็นปากเสียงให้กับแรงงานทั้งในภาคประมงและภาคแรงงานคนไทยในต่างประเทศ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่

จึงทำให้ตนมีความมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลมาถูกทาง ไม่ได้พาการเมืองไทยวนเวียนอยู่ในแบบเดิม และตอกย้ำความเชื่อว่าการเมืองแบบคนธรรมดามีความเป็นไปได้ ถ้ายังมียักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งตีกันอยู่ ก็มีแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์อยู่ที่นี่พรรคก้าวไกล

พิธายังตอบคำถามของสื่อมวลชน ที่ถามถึงกรณีอดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลใน จ.ชลบุรี ที่ย้ายพรรคกันไปหลายคน โดยระบุว่าสำหรับการคัดสรรผู้สมัครของพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ ตนมั่นใจว่าทั้ง 10 คนผ่านกระบวนการคัดสรรที่เข้มข้น ผ่านทั้งการสัมภาษณ์ หลักสูตรการเมือง และการทำงานร่วมกันมาเป็นปีๆ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าในรอบนี้จะไม่มีงูเห่าเกิดขึ้นแน่นอน

พิธายังให้สัมภาษณ์ต่อไป ว่าจากความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา ที่เต็มไปด้วยการย้ายพรรคย้ายขั้ว นัดคุยนัดกินข้าวระหว่างขั้วต่าง ๆ ยิ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีขั้วอำนาจที่ต้องการแช่แข็งประเทศไทยต่อไป เป็นการเมืองแบบที่พรรคก้าวไกลไม่ได้ความสนใจ และทำให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลมาถูกทางแล้วในการปิดสวิตช์ 3 ป.  และเป็นนิมิตหมายที่ดีในการชวนประชาชนให้มาเลือกพรรคก้าวไกลให้ถล่มทลายมากขึ้น

'องค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐฯ’ แจ้งเตือน 'ไทย' เตรียมรับมือด่วน หลังพบเรือขนขยะพิษจากแอลเบเนียกว่า 100 ตู้กำลังจะถึงแหลมฉบัง

(13 ส.ค.67) Spacebar รายงานว่า ‘Basel Action Network’ องค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐฯ ที่ติดตามการส่งออกของเสียที่เป็นพิษ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยแจ้งเตือนมาเลเซียถึงการขนส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ผิดกฎหมาย และได้แจ้งประเทศไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวที่ทางองค์กรเชื่อว่าเต็มไปด้วยฝุ่นเตาเผาไฟฟ้าที่อาจเป็นอันตรายกำลังมุ่งหน้าสู่ประเทศไทย ณ ท่าเรือแหลมฉบัง

นอกจากนี้ ยังพบว่าเรือลำหนึ่งที่บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ไม่ปรากฏบนบริการติดตามตำแหน่งทางทะเลอีกต่อไป จากนั้นเรือก็จอดเมื่อเข้าใกล้เมืองเคปทาวน์เมื่อปลายเดือนที่แล้ว หลังจากที่ ‘Basel Action Networ’ ระบุว่าได้แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่แอฟริกาใต้เกี่ยวกับการขนส่งดังกล่าว 

เจ้าหน้าที่ไทยได้รับแจ้งว่าตู้คอนเทนเนอร์ถูกบรรทุกขึ้นเรือที่แอลเบเนียเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม และกำลังดำเนินการร่วมกับหน่วยงานในแอลเบเนียและสิงคโปร์เพื่อระงับการขนส่งดังกล่าว ซึ่งเรือจะเข้าเทียบท่าในช่วงปลายเดือนนี้ 

กรมโรงงานอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการจัดการขยะระหว่างประเทศระบุในอีเมลว่า “หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับแจ้งและไม่ได้ให้ความยินยอมสำหรับการขนส่งเหล่านี้ ขณะนี้เรากำลังประสานงานและติดตามเพื่อป้องกันการขนส่งที่ผิดกฎหมายเหล่านี้” 

สำหรับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเผชิญกับขยะล้นประเทศที่มาจากประเทศพัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นขยะพลาสติกสกปรก ขยะอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจมีสารพิษเจือปนอยู่ด้วย  

โดยตามอนุสัญญาบาเซลของสหประชาชาติ (Basel Convention) ข้อตกลงระดับโลกที่ลงนามโดยหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องยินยอมให้ประเทศพัฒนาแล้วส่งขยะมาทิ้งในประเทศของตัวเอง 

อย่างไรก็ตาม จากรายงานของ ‘Basel Action Network’ ได้ระบุว่า ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวอยู่บนเรือแคมป์ตัน และแคนเดอร์ของบริษัท A/S AP Moller-Maersk โดยทางบริษัทยืนยันว่าเรือบรรทุกสินค้า 2 ลำของบริษัทกำลังบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่มาจากแอลเบเนีย ซึ่งบริษัทเดินเรืออีกแห่งหนึ่งจองไว้ 

“ไม่มีตู้คอนเทนเนอร์ใดที่ถูกระบุว่ามีขยะอันตราย มิฉะนั้นแล้ว Maersk (เมิร์สก์) ก็คงปฏิเสธที่จะขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้ เนื่องจากมีการคาดเดาเกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้ บริษัท Maersk จึงจะส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวให้กับบริษัทเดินเรือที่จองและรับผิดชอบต่อตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว” ซัมเมอร์ ชี โฆษกหญิง ระบุในอีเมล 

ถึงกระนั้น ‘Basel Action Network’ ซึ่งร่วมกับกลุ่มสิ่งแวดล้อม ‘มูลนิธิบูรณะนิเวศ’ (EARTH) ก็ได้แจ้งเตือนประเทศต่าง ๆ มากมาย เมื่อทราบว่าฝุ่นจากเตาเผาไฟฟ้ามากกว่า 800 ตัน ถูกบรรทุกลงบนเรือในแอลเบเนีย จากนั้นจึงส่งต่อไปยังเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัท Maersk ในเมืองทรีเอสต์ ประเทศอิตาลี โดยข้อมูลการขนส่งทางออนไลน์แสดงให้เห็นว่า เรือของบริษัทเมดิเตอร์เรเนียน ชิปปิ้ง (MSC) ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งครั้งนี้ด้วย โดยมีประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง 

ทั้งนี้ ฝุ่นจากเตาเผาที่ต้องได้รับการบำบัดเป็นขยะอันตรายที่มักมาจากการรีไซเคิลเศษเหล็ก และมีออกไซด์โลหะที่เป็นพิษ เช่น แคดเมียมและโครเมียม ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม 

ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ติดตามตู้คอนเทนเนอร์ของ MSC ระบุอีกว่า “ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต จำนวน 40 ตู้ถูกโหลดขึ้นเรือ ‘Contship Vow’ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ท่าเรือดูร์เรสของแอลเบเนีย จากนั้นตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้จะถูกส่งต่อไปยังเรือแคมป์ตันของบริษัท Maersk ที่เมืองทรีเอสต์ ในอีกไม่กี่วันต่อมา และจะถูกส่งต่ออีกครั้งบนเรือ MSC ที่สิงคโปร์ในวันที่ 18 สิงหาคม” 

โดยเรือบรรทุกดังกล่าวมีกำหนดเดินทางถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ในขณะเดียวกัน การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จำนวนประมาณ 60 ตู้ ซึ่งเดิมบรรจุอยู่บนเรือ MSC จากแอลเบเนีย ก็กำลังมุ่งหน้าสู่สิงคโปร์บนเรือแคนเดอร์ของบริษัท Maersk ด้วยเช่นกัน 

ทว่า เรือแคมป์ตัน ได้ปิดการส่งสัญญาณตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม โดยบริษัท Maersk กล่าวว่า “เรือลำนี้ไม่มีกำหนดแวะจอดที่แอฟริกาใต้ และไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรือจะปิดการส่งสัญญาณตำแหน่งด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย” ปัจจุบันเรือลำนี้อยู่ในมหาสมุทรอินเดีย เพื่อมุ่งหน้าไปยังสิงคโปร์  

ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าเรือแคมป์ตันจะจอดที่สิงคโปร์ในวันที่ 14 สิงหาคม ส่วนเรือแคนเดอร์จะเดินทางถึงสิงคโปร์ในวันที่ 22 สิงหาคม ก่อนที่ตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเต็มไปด้วยฝุ่นเตาเผาจะมุ่งหน้าไปยังประเทศไทย 

“ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก เนื่องจากสิงคโปร์และไทยจะต้องดำเนินการเพื่อหยุดยั้งเรือเหล่านี้...แอลเบเนียควรนำตู้คอนเทนเนอร์กลับคืน เพื่อให้แน่ใจว่าขยะจะไม่ถูกส่งออกอีกครั้งไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ” จิม พักเก็ตต์ ผู้อำนวยการบริหารของ ‘Basel Action Network’ กล่าว 

อีอีซี ร่วม ทน.แหลมฉบัง เซ็น MOU ส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City)

ที่ ห้องประชุมเมืองใหม่ 2 เทศบาลนครแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และนางจินดา ถนอมรอด นายกเทศนตรีเทศบาลนครแหลมฉบัง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง การอนุญาต หรือรับแจ้ง รวมถึงการบังคับการตามกฎหมายว่าด้วยการขุดดินและถมดิน กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข และกฎหมายว่าด้วยโรงาน และเรื่อง การส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยมี นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ สายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ อีอีซี และนายสันติ ศิริตันหยง รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง  คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ อีอีซี กล่าวว่า การลงนามฯ MOU ระหว่าง อีอีซี และเทศบาลนครแหลมฉบัง ครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นแนวทางความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อโครงการในเขตส่งเสริมพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้ได้รับบริการจากภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (EEC One Stop Service) และจะช่วยลดขั้นตอนในการประกอบธุรกิจให้นักลงทุน หรือผู้ที่ต้องการขอใบอนุมัติ ใบอนุญาต ได้รับบริการสะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยอีอีซี จะเป็นผู้ให้บริการทั้งในส่วนการรับคำขอรับใบอนุญาต ใบรับแจ้งตามกฎหมายว่าด้วยการขุดดินและถมดิน กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข และกฎหมายว่าด้วยโรงงาน และเทศบาลนครแหลมฉบัง จะร่วมสนับสนุนในกระบวนการออกใบอนุญาต ใบรับแจ้ง และใบรับรองตามกฎหมายดังกล่าว ถือเป็นการบูรณาการการปฏิบัติงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐทั้งสองหน่วยงาน อันเป็นการส่งเสริมการลดขั้นตอนการประกอบธุรกิจให้มีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การลงนาม MOU ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในพื้นที่ อีอีซี ทั้ง 2 หน่วยงาน จะร่วมกันสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมดิจิทัล หรือระบบบริการเมืองอัจฉริยะ รวมทั้งจะสนับสนุนบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ทั้งด้านพัฒนาข้อมูล และพัฒนาระบบให้บริการเมือง ที่เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมบริการดิจิทัล เพื่อการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของเทศบาลนครแหลมฉบัง นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีเทศบาลนครแหลมฉบัง กล่าวเสริมว่า ทางเทศบาลนครแหลมฉบัง พร้อมให้การสนับสนุนโครงการร่วมกับ อีอีซี ซึ่งทางรัฐบาลได้มอบหมายให้พื้นที่นครแหลมฉบัง เป็นส่วนหนึ่งของอีอีซี  ซึ่งในวันนี้ทางนครแหลมฉบัง ได้มีโอกาสลงนามความร่วมมือ MOU นับเป็นแนวทางการดำเนินการร่วมกันในการอนุมัติ  การขออนุญาตถมดินขออนุญาตก่อสร้างในพื้นที่แหลมฉบัง การอนุญาตตามขอบเขตของกฎหมาย มุ่งเน้นการพัฒนาการดำเนินงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานทั้งสอง ลดความสับสน และความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติหน้าที่ และจะเป็นการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร หรือ One Stop Service ได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงได้ร่วมกันสนับสนุนขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ที่จะเป็นโอกาสสำคัญเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน และประชาชนทั่วไป ถึงการพัฒนาพื้นที่ อีอีซี ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของพื้นที่และชุมชม เพื่อพัฒนาให้แหลมฉบังเจริญเติบโตตามนโยบายของรัฐบาล ได้อย่างต่อเนื่อง

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top