Sunday, 15 June 2025
แสนยานุภาพ

ปมปัญหาสงคราม ‘ไทย-ว้า’ ส่อจบบนโต๊ะเจรจา หลังผู้นำระดับสูงกลุ่มว้า ปูดทางการไทยขอคุยหาทางออก

หลังจากข่าวไทยกับว้ากระพือในโซเชียลทั้งฝั่งไทย จีน และเมียนมาก็มีข่าวออกมาในทำนองเดียวกันหมด อีกทั้งข่าวจากฝั่งว้าเองว่าจะไม่ถอยก็มีการยืนยันออกมาแล้วว่าจริง แม้กองทัพภาคที่ 3 จะออกมาแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งสวนทางกับคลิปที่หลุดว่อนโซเชียลที่ถูกถ่ายทั้งจากผู้เห็นเหตุการณ์เองหรือแม้กระทั่งจากบนรถทหาร นั่นเป็นการตอกย้ำว่าไทยเรากำลังใกล้เข้าสู่สงครามอย่างจริงจังแล้ว

คำถามคือทำไมกองทัพภาคที่ 3 ถึงออกแถลงโดยมีเนื้อหาดังว่า

1. กองทัพภาคที่ 3 มีพื้นที่รับผิดชอบตามแนวชายแดน ความยาวประมาณ 1,926 กิโลเมตร โดยมีภารกิจที่สำคัญ ได้แก่

1.1 การปกป้องและรักษาอธิปไตยของชาติ

1.2 การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทย ตามแนวชายแดน

1.3 การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน

1.4 การป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่สำคัญ ได้แก่ ยาเสพติด ผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และอื่นๆ

2. กองทัพภาคที่ 3 ได้ปฏิบัติตามขอบเขตของอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และได้ปฏิบัติการตามพันธกิจของกองทัพบก โดยใช้กลไกความร่วมมือที่มีอยู่ในทุกระดับ ได้แก่

2.1 คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (Township Border Committee : TBC) ได้แก่ คณะกรรมการฯ TBC แม่ฮ่องสอน – ลอยก่อ และ คณะกรรมการฯ TBC แม่สาย – ท่าขี้เหล็ก

2.2 คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) กองทัพภาคที่ 3 - สำนักปฏิบัติการพิเศษที่ 4 กองทัพเมียนมา

2.3 คณะกรรมการระดับสูง (High Level Committee : HLC) กองบัญชาการกองทัพไทย – กองทัพเมียนมา ในการแก้ปัญหาจะเริ่มจากเบาไปหาหนัก โดยการพูดคุยกับทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งร่วมกันให้ปัญหายุติโดยเร็ว โดย กองทัพภาคที่ 3 มีความพร้อมในการปกป้องอธิปไตยในทุกพื้นที่

3. เส้นเขตแดนระหว่างไทย – เมียนมา ตั้งแต่จังหวัดเชียงราย ถึง จังหวัดระนอง รวมทั้งพื้นที่ทางทะเลยังไม่สามารถปักปันเขตแดนร่วมกันได้ครบทุกพื้นที่ ซึ่งบริเวณที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนดังกล่าว ยังไม่มีการสำรวจ และปักปันเขตแดน ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 ได้ดำเนินการตามขั้นตอนในข้อ 2 ทุกระดับแล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐ

4. กองทัพภาคที่ 3 ขอยืนยันว่าสถานการณ์ชายแดนจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ในภาวะปกติ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งความสัมพันธ์ตามแนวชายแดนยังคงอยู่ในระดับ  ที่ดีต่อกันกองทัพภาคที่ 3 พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ และพี่น้องชาวไทยอย่างดีที่สุด

คำถามคือหากทุกอย่างยังปกติดีแล้วจะมีการเสริมกองทัพและยุทโธปกรณ์ทำไม การประกาศครั้งนี้จึงกลายเป็นตลกฉากใหญ่ฉีกหน้ากองทัพไปโดยสิ้นเชิง

ตามข้อมูลที่เอย่าได้มาจากแหล่งข่าวของผู้นำระดับสูงของว้าแจ้งมาว่าตอนนี้ทางการไทยต้องการจะเจรจาเพื่อหาทางออกของกรณีพิพาทนี้

เฉกเช่นที่เคยได้ยินมาจากภาพยนตร์ไทยเรื่องทวิภพ หรือ Siam Renaissance บทหนึ่งที่แม่มณีกล่าวว่า

"แสนยานุภาพจะกะไรนักหนา หากรู้จักเจรจา"

จากคำกล่าวนี้ตีความได้ว่าเราสามารถจบศึกได้ด้วยการพูดคุยเพียงแค่นั้น และอย่าลืมว่าไทยเรามีวาทศิลป์ที่ยอดเยี่ยมถึงขั้นที่ฝรั่งหัวทองเคยให้คำกล่าวถึงการเจรจาทางการทูตของไทยว่า "Siamese Talk" ถึงสุดท้ายไทยจะรบกับว้าหรือไม่ คงไม่ใช่สิ่งสำคัญ  แต่เรื่องสำคัญกว่าที่กองทัพไทยมองอาจจะเป็นเรื่องผลกระทบต่อคนในพื้นที่อันเป็นผลที่ตามมาหากเปิดฉากทำสงครามกับว้าก็เป็นได้

'ROSOBORONEXPORT' บ.ผลิตอาวุธยักษ์ใหญ่รัสเซีย ร่วมโชว์อาวุธยุทโธปกรณ์ Indo Defense Expo 2025 เพิ่ม

บริษัท JSC ROSOBORONEXPORT (ส่วนหนึ่งของ Rostec State Corporation) ในฐานะคณะผู้แทนรัสเซียเข้าร่วมงาน Indo Defense 2025 ตามคำเชิญส่วนตัวของ ปราโวโบ ซูเบียนโต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งได้เชิญเมื่อพบกับ วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซียในปี 2024 โดย JSC ROSOBORONEXPORT จัดแสดงอุปกรณ์ทางทหารล่าสุดของรัสเซียในงาน Indo Defense Expo 2025 ระหว่างวันที่ 11 ถึง 14 มิถุนายนที่ Jakarta International Expo เมืองเคมาโยรัน ประเทศอินโดนีเซีย โดยผู้ส่งออกพิเศษของรัสเซียนำเสนออาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียมากกว่า 250 รายการสำหรับทุกเหล่าทัพ โดยส่วนใหญ่ได้รับการทดสอบในสภาพการรบจริงและได้รับการอัปเกรดตามผลจากการใช้งานจากปฏิบัติการจริง

ในงาน Indo Defense 2025 บริษัท ROSOBORONEXPORT จะจัดนิทรรศการอาวุธและอุปกรณ์ทางทหารของรัสเซีย นำเสนอผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่ผลิตโดยรัสเซียซึ่งตรงตามข้อกำหนดของโครงการอาวุธยุทโธปกรณ์ปี 2025-2029 ของกองทัพอินโดนีเซียให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” Alexander Mikheev ผู้อำนวยการทั่วไปของ ROSOBORONEXPORT กล่าว “ข้อเสนอของเราสำหรับกองทัพอินโดนีเซีย ได้แก่ เครื่องบินขับไล่ยุคที่ 5 แบบ Su-57E และรุ่นที่ 4++ แบบ Su-35 รวมถึงอาวุธสำหรับเครื่องบินเหล่านี้ ได้แก่ ขีปนาวุธนำวิถีแบบ Kh-31PD, Kh-35UE เครื่องบินเติมน้ำมัน IL-78MK-90A เฮลิคอปเตอร์แบบ Ka-52E และ Mi-17 โดรน (UAV) ตลอดจนยานเกราะที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในพื้นที่ที่มีสิ่งกีดขวางทางน้ำมากมาย อาทิ รถถังสะเทินน้ำสะเทินบกเบาแบบ Sprut และรถหุ้มเกราะ BMP-3F เรือดำน้ำและเรือชายฝั่ง อุปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศล่าสุด: ระบบ SAM S-400 Triumf, ระบบ S-350E Vityaz, ระบบ Pantsir-S1M SPAAGM, ระบบ Verba MANPADS และระบบต่อต้านโดรน

อินโดนีเซียมีพรมแดนทางทะเลยาวและเกาะมากกว่า 17,000 เกาะ เมื่อพิจารณาถึงเรื่องนี้ ROSOBORONEXPORT จะนำเสนออุปกรณ์มากมายสำหรับกองทัพเรือ ในบรรดาอุปกรณ์ที่จะนำมาจัดแสดงในงาน Indo Defense 2025 ได้แก่ เรือตรวจการณ์ Project 22160 และเรือคอร์เวตต์ชั้น Tigr Project 20382 รวมถึงเรือจู่โจมความเร็วสูง BK-16 และ BK-10 ที่สามารถปฏิบัติการได้ทั้งในทะเลหลวงและในเขตชายฝั่ง ในช่องแคบและแม่น้ำ เรือดำน้ำ Project 636 ระบบขีปนาวุธป้องกันชายฝั่งเคลื่อนที่ Bastion พร้อมขีปนาวุธร่อนต่อต้านเรือ Yakhont และ Rubezh-ME โดยมีการส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีด้วยการเปิดตัวการผลิตสำหรับโรงงานและอู่ต่อเรือในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นแนวโน้มของตลาดอาวุธโลกในปัจจุบัน และโครงการร่วมกับ ROSOBORONEXPORT ในพื้นที่นี้จะทำให้ประเทศที่เป็นมิตรของรัสเซียสามารถกระตุ้นการเติบโตของการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงของตนเองได้ ในระหว่างโปรแกรมธุรกิจในงาน Indo Defense 2025 บริษัทจะจัดการประชุมและเจรจากับตัวแทนของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานทั้งหมดของกองทัพอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ROSOBORONEXPORT จะเสนอความช่วยเหลือจากรัสเซียให้กับอินโดนีเซียในการสร้างกองทัพที่ทันสมัยที่สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามและความท้าทายต่อความมั่นคงของรัฐทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ROSOBORONEXPORT เป็นหน่วยงานของรัฐแห่งเดียวของรัสเซียที่ส่งออกผลิตภัณฑ์ บริการ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศและการใช้งานสองแบบครบวงจร โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Rostec State Corporation โดยเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดอาวุธระดับโลก ด้วยสัดส่วนของการส่งออกอาวุธและอุปกรณ์ทางทหารของรัสเซียมากกว่า 85% Rosoboronexport ร่วมมือกับบริษัทและองค์กรด้านการป้องกันประเทศของรัสเซียมากกว่า 700 แห่ง ขอบเขตทางภูมิศาสตร์ของความร่วมมือทางเทคนิคทางการทหารของรัสเซียในปัจจุบันครอบคลุมมากกว่า 100 ประเทศ Rostec State Corporation เป็นบริษัทอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย ซึ่งรวมองค์กรวิจัยและการผลิตมากกว่า 800 แห่งใน 60 ภูมิภาคของประเทศ บริษัทมีบทบาทสำคัญในฐานะซัพพลายเออร์รายใหญ่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหาร และอุปกรณ์พิเศษผ่านคำสั่งซื้อด้านการป้องกันประเทศของรัฐ นอกจากนี้ Rostec ยังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาการผลิตพลเรือนที่มีเทคโนโลยีสูงในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ เช่น วิศวกรรมอากาศยาน การสร้างเครื่องยนต์ การขนส่ง วิศวกรรมไฟฟ้า เทคโนโลยีทางการแพทย์ ยา และวัสดุนวัตกรรม เป็นต้น ในปี 2023 บริษัทมีรายได้รวมเกินกว่า 2.8 ล้านล้านรูเบิล (ราว 1.14 ล้านล้านบาท)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top