Sunday, 8 June 2025
แรงงานเถื่อน

“สงคราม” อัด ผลประโยชน์บังตาทำผู้มีอำนาจไม่จริงใจแก้ปัญหาแรงงานเถื่อน อัดมาตรการรัฐสร้างปัญหาไม่รู้จบ เปิดประเทศแต่ไม่พร้อมทำไทยสูญรายได้มหาศาล 

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากนโยบายล็อคดาวน์ประเทศที่ผ่านมา ส่งผลกระทบทั้งสังคม และเศรษฐกิจ ของประเทศอย่างหนัก ผู้ประกอบการประสบปัญหา ยิ่งผู้ประกอบการส่งออกประสบปัญหาหนักมาก เพราะไม่มีแรงงานทำงาน เนื่องจากรัฐบาลไล่แรงงานต่างด้าวกลับประเทศต้นทาง โดยไม่มีแนวทางแก้ปัญหา 

มาถึงเวลานี้รัฐบาลยังสร้างปัญหาไม่รู้จบ เปิดประเทศแต่ ไม่เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ สั่งปิดนานนับปี สูญเสียรายได้มหาศาล ที่ผ่านมาสถานบันเทิงสร้างรายได้เข้าประเทศต่อปีหลายหมื่นล้านบาท รัฐบาลอ้างเพื่อป้องกันโควิด  แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดได้ แต่สร้างความเสียหายได้ ทั้งๆที่รัฐบาลควรหามาตรการในการที่จะให้กลุ่มสถานบันเทิง เปิดได้ โดยต้องทำตามมาตรการที่รัฐกำหนด แต่รัฐคิดไม่เป็น ทำไทยสูญรายได้ นักท่องเที่ยวมาไทยจะไปเที่ยวที่ไหน ให้เดินป่า หรือ อยู่แต่ทะเล เท่านั้นหรือ  

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า เมื่อคิดเปิดประเทศ แต่กลับไม่มีแรงงานทำงาน ดังนั้นผลที่ออกมาคือการลักลอบเข้ามาของแรงงานผิดกฎหมายจำนวนมาก ภาพหน่วยงานความมั่นคงจับแรงงานลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายหลายร้อยคน อยากถามว่าในพื้นที่จริงเป็นเช่นไร เพราะหลายฝ่ายมองว่าสร้างภาพเท่านั้น 

‘สืบสวน ตม.1 - สันติบาล’ บุกรวบแก๊งแรงงานเถื่อน พร้อมพบต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองถูกกักขัง 7 ชีวิต

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สรร พูลศิริ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.และ พล.ต.ต.ปิยอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.1 

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้บูรณาการกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล กก.3 บก.ส.2 ประชุมสืบสวน หาข่าวการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ และความผิดอาญา จนได้รับข้อมูลเชิงลึก จากสายข่าว (ขอปกปิดนาม) ว่ามีคนต่างด้าวกลุ่มหนึ่ง ได้นำคนต่างด้าว สัญชาติ เมียนมา ชาย-หญิง จำนวนหนึ่งมาหลบซ่อนและอาจมีการกักขังหน่วงเหนี่ยว ในสถานที่พักแห่งหนึ่งมีลักษณะเป็นห้องเช่าสองชั้นในเขตพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ข้อมูลตามแนวทางการสืบสวน จนสืบทราบว่าสถานที่นำคนต่างด้าวไปกักขังนั้น
อยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงได้รายงานข้อมูลให้ผู้บังคับบัญชาทราบ 

พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 (ชุดปฏิบัติการสืบสวน ๒) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ สืบสวน บก.ตม.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล กก.3 บก.ส.2 ไปตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดตามอำนาจ หน้าที่ เมื่อไปถึงพบสถานที่พักดังกล่าวฯ ลักษณะเป็นห้องพักให้เช่าสูง 2 ชั้น ชั้นล่างมีห้องพัก 4 ห้อง ชั้นบนมีห้องพัก 5 ห้อง ซึ่งห้องพักเป้าหมายที่คาดว่าได้มีการนำคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมามาหลบซ่อนและกักขัง หน่วงเหนี่ยวคนต่างด้าวน่าจะอยู่บริเวณชั้นล่าง ซึ่งจากการสังเกตมีห้องพักห้องหนึ่งต้องสงสัยมีแม่กุญแจล็อกอยู่บริเวณด้านนอก แต่จากการสังเกตพบว่าด้านหน้าประตูมีรองเท้าวางอยู่หน้าห้องจำนวนหลายคู่และมีเสียงพูดคุยสำเนียงเป็นภาษาเมียนมาออกมาจากด้านใน คาดว่าน่าจะมีคนต่างด้าวถูกกักขังอยู่ด้านในห้องพักดังกล่าวฯ 

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เฝ้าสังเกตการณ์จนในเวลาต่อมาพบ นายชิ ทูย โช (Mr.Si Thu Soe) อายุ 45 ปี สัญชาติเมียนมา (ผู้ถูกจับที่ 1) และ นายขาน ไม โก โก (Mr.Chan Myae Ko Ko) อายุ 29 ปี สัญชาติ เมียนมา (ผู้ถูกจับที่ 2) (ทราบชื่อภายหลัง) ได้เดินมาที่ห้องพักและได้ใช้กุญแจไขห้องพัก เจ้าหน้าที่ ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้แสดงบัตรประจำตัวให้ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงให้เปิดประตูห้องพัก ปรากฎว่าพบคนต่างด้าว สัญชาติ เมียนมา 7 คน เป็นผู้ชาย 5 คน เป็นผู้หญิง 2 คน อยู่ภายในห้องพักดังกล่าว จากการสอบถามผ่านล่าม คนต่างด้าวชาวเมียนมาผู้เสียหายทั้ง 7 คน ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่า ถูกผู้จับที่ 1-2 เป็นผู้ร่วมกันนำคนต่างด้าวจำนวน 7 คน มาพักที่ห้องเช่าที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวทั้ง 7 คนได้ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรทางช่องทางธรรมชาติเมื่อวันที่ 7 ที่รอยต่อชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อประมาณต้นเดือน ม.ค.66 เพื่อจะมาทำงานโดยคิดค่าดำเนินการรายละ 2,500,00 จ๊าด (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 40,000 บาท) แต่ผู้เสียหายมีเงินไม่พอ ผู้ถูกจับที่ 1 และ 2 จึงกักขังผู้เสียหายไว้ เป็นเวลา 9 วัน จนกระทั่งเจ้าหน้าชุดจับกุมมาพบ

‘รมว.เฮ้ง’ เตือน!! นายหน้าเถื่อนระบาดโซเชียล หลอกใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้า UAE ทำงานผิดกฎหมาย

วันนี้ (31 ม.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน ได้รับรายงานจากฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ว่า ขณะนี้มีสาย นายหน้าเถื่อนหลอกลวงคนหางานไปทำงานพนันออนไลน์ และงานนวดสปาใน UAE โดยเน้นการชักชวนผ่านเพจ Facebook และเอเจนซี่เถื่อน หรือคนรู้จัก โดยแนะนำให้ใช้วีซ่าท่องเที่ยว หรือวีซ่าเยี่ยมเยือน (Tourist Visa or Visit Visa) เดินทางเข้าประเทศ เพื่อลักลอบทำงานเว็บพนันออนไลน์ ร้านนวดสปา ร้านอาหาร พร้อมแอบอ้างชื่อบริษัทหรือกิจการที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายมารับสมัครงาน บางแห่งเอเจนซี่ออกเงินค่าใช้จ่ายให้ก่อน

สุดท้ายเดินทางถึงประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หากเป็นงานเว็บพนันออนไลน์ จะถูกยึดหนังสือเดินทาง ให้ทำงานเกินระยะเวลาที่ตกลง เมื่อขอยกเลิกไม่ทำงานจะถูกเรียกค่ายกเลิกวีซ่าและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้านงานนวด เมื่อไปถึงพบเป็นงานนวดแฝง นำไปสู่การประเวณี บางรายให้เซ็นสัญญารับสภาพหนี้ หากทำงานไม่ได้หรือไม่มีรายได้ตามเป้าจะถูกส่งขายเป็นทอด ๆ ทำให้หนี้ยิ่งเพิ่มขึ้น

“พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานอย่างยิ่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยได้มอบหมายกรมการจัดหางานตรวจสอบคนหางานที่มีพฤติการณ์ลักลอบเดินทางไปทำงานอย่างเข้มงวด รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ทราบเพื่อป้องกันการหลอกคนไปทำงานสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และขอย้ำเตือนให้คนหางานต่างประเทศศึกษา ตรวจสอบบริษัทที่จะเดินทางไปทำงานให้รอบคอบ และศึกษาวิธีการเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งต้องเดินทางผ่านด่านตรวจคนหางาน กรมการจัดหางานเท่านั้น หากมีผู้ชักชวนไปทำงานต่างประเทศโดยไม่แจ้งการทำงาน ให้สันนิษฐานว่าอาจถูกหลอกลวง หรือตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ตำรวจเกาหลีใต้ พบศพ 'สามี-ภรรยา' ชาวไทย คาดเสียชีวิตเพราะควันจากก่อไฟคลายหนาว

(25 ก.พ.66) เพจเฟซบุ๊ก 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' โพสต์ข้อความรายงานว่า...

พบศพ 'สามี-ภรรยา' ชาวไทยที่ไปทำงานประเทศเกาหลีใต้ เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักเขตโกชาง ซ็อลลาเหนือ โดยทั้งคู่เข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย

สำหรับ 2 คนไทยที่เสียชีวิต (ขาดอากาศหายใจในบ้านพัก) ในเขต โกชาง ซ็อลลาเหนือ พบศพชาวไทย คู่สามี ภรรยา ชายไทยวัย 55 ปี และ ภรรยาวัย 57 ปีเสียชีวิตในบ้านบ่ายพฤหัสบดี ทั้งคู่เข้าเมืองผิดกฏหมาย พบร่างทั้งคู่นอนอยู่บนพื้นห้อง และฟืนที่เหลืออยู่บางส่วน ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ติดระบบทำความร้อน

พวกเขาก่อไฟในห้องเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตด้วยพิษของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ทั้งคู่จ่ายเงิน 300,000 วอน ($230) เป็นค่าเช่ารายปี ตามที่ตำรวจระบุ

ตำรวจและเพื่อนบ้านเสริมว่าทั้งคู่มาที่เกาหลีเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนด้วยความหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่า 'ความฝันแบบเกาหลี' ทั้งคู่อยู่ในเขตชนบททำไร่ทำนาใช้ชีวิตลำบาก และมีรายงานว่าพวกเขาส่งเงินที่ได้มาให้ลูก ๆ ในประเทศไทยตลอด


ที่มา: https://www.facebook.com/WorldForumTh/posts/749508343404837

เปิดเหตุผลที่ ‘เมียนมา’ แห่ทะลักมาทำงานในไทย แม้ต้องเข้ามาแบบผิดกฎหมาย...ก็ยอม!!

ช่วงนี้เอย่าได้อ่านข่าวเรื่องการตรวจจับคนเมียนมาข้ามแดนอย่างผิดกฎหมายแทบจะเรียกได้ว่าทุกวัน

เหตุเพราะตอนนี้ คนเมียนมาส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นปัญญาชนหรือไม่ใช่ปัญญาชน ต่างก็มุ่งจะออกไปทำงานต่างประเทศ โดยไม่ได้สนใจว่าจะใช้วิธีที่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย 

ซึ่งปลายทางในการเดินทางผิดกฎหมายที่พบในข่าวฝั่งเมียนมามากที่สุดคือ ไทย รองลงมาคือ มาเลเซีย  

คำถาม คือ แล้วทำไมเป็นประเทศไทย ที่แรงงานเมียนมาอยากมามากที่สุด

วันนี้เอย่าจะนำข้อมูลที่ได้มาจากกลุ่มแรงงานที่เดินทางเข้าเมืองผิดกฎหมายในไทยมาให้ทราบกัน...

>> ประการแรกคือ ประเทศไทยนั้นมีเอเยนต์ที่คอยการข้ามแดนของพวกเขา เมื่อชาวเมียนมาเข้ามาแล้ว ก็จะไปวิ่งเต้นในการทำบัตรแรงงานต่างด้าวหรือที่เรียกกันว่าบัตรชมพูให้ด้วย 

ซึ่งนั่นจะทำให้แรงงานเมียนมาที่ข้ามมาได้แล้ว (ได้บัตรชมพู) ทุกอย่างก็จบพวกเขาสามารถทำงานได้เลยเพราะบริษัทหรือห้างร้านในไทยไม่ได้ตรวจสอบการเดินทางเข้ามาเพียงแต่ตรวจสอบเรื่องการมีบัตรชมพูหรือไม่เท่านั้นเอง

>> ประการต่อมา ในประเทศไทย ไม่ว่าคุณจะเข้าเมืองมาแบบใด ไม่ว่าจะมาแบบมีวีซ่าทำงาน หรือ ท่องเที่ยว หรือ แรงงานก็ตาม หากไปทำเรื่องที่สถานทูตเมียนมาก็สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้กับธนาคารที่มีการดีลกับสถานทูตไว้ ซึ่งนี่เป็นอภิสิทธิ์อีกอย่างหนึ่งให้แก่คนเมียนมา

กลับกันหากเป็นในประเทศอื่น การเดินทางเข้าเมืองแบบไม่ถูกต้อง หรือมาแบบท่องเที่ยว การจะเปิดบัญชีธนาคารนั้นจะยากมาก เนื่องจากตามกฎหมายในหลาย ๆ ประเทศไม่อนุญาตให้กระทำ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top