Friday, 6 June 2025
แคนาดา

แคนาดาเอาคืน เก็บภาษีนำเข้ารถยนต์-ชิ้นส่วนจากสหรัฐฯ 25% หวังป้องแรงงาน 500,000 คน จากนโยบายการค้าที่ยากจะยอมรับ

(9 เม.ย. 68) ฟรองซัวส์-ฟิลิปป์ ชองปาญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแคนาดา แถลงยืนยันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า มาตรการตอบโต้ทางการค้าของแคนาดาจะมีผลบังคับใช้ในเวลา 00.01 น. วันที่ 9 เมษายน 2568 ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ (EDT) หรือตรงกับเวลา 11.01 น. ตามเวลาในประเทศไทย เพื่อเป็นการตอบสนองต่อการที่สหรัฐฯ เก็บ ภาษีนำเข้าเกินควรจากอุตสาหกรรมยานยนต์ของแคนาดา

ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยกระทรวงการคลัง แคนาดาระบุว่า มาตรการตอบโต้นี้จะมีลักษณะ “ตอบโต้อย่างเด็ดเดี่ยว” โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบโต้ภาษีศุลกากรที่ไม่เป็นธรรมซึ่งกระทบต่อ แรงงาน ธุรกิจ และอุตสาหกรรมหลัก ของประเทศ

“รัฐบาลแคนาดาจะไม่ยอมให้ภาษีศุลกากรที่ไม่ยุติธรรมจากประเทศใดมาทำลายเศรษฐกิจของเรา เราจะตอบโต้ด้วยมาตรการที่ชัดเจน รวดเร็ว เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของแคนาดา” ชองปาญกล่าวในแถลงการณ์

สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจแคนาดา การที่สหรัฐฯ ตัดสินใจเรียกเก็บภาษีนำเข้าในภาคส่วนนี้ จึงจุดชนวนความไม่พอใจอย่างรุนแรงจากฝั่งออตตาวา

โดยมาตรการตอบโต้ดังกล่าวได้รับการประกาศโดยนายกรัฐมนตรี มาร์ค คาร์นีย์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเป้าหมายเพื่อ “ปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ของแคนาดาอย่างถึงที่สุด” และมีเนื้อหาหลักสำคัญ 2 ประการ ได้แก่

1.การเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับรถยนต์ประกอบสำเร็จ ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ และไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี CUSMA (Canada–United States–Mexico Agreement)

2.การเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับชิ้นส่วนรถยนต์ ที่ผลิตจากประเทศที่ไม่ใช่แคนาดาหรือเม็กซิโก หากอยู่ในรถยนต์ประกอบสำเร็จที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ภายใต้ข้อตกลง CUSMA

ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลแคนาดาเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ ประกาศบังคับใช้เมื่อ 3 เมษายน 2568 ซึ่งเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ของแคนาดาในอัตรา 25% และวางแผนจะขยายไปยัง ชิ้นส่วนรถยนต์บางรายการในวันที่ 3 พฤษภาคม 2568

ทั้งนี้ ภาษีดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ แรงงานมากกว่า 500,000 คน ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของแคนาดา ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ ข้อมูลจากปี 2567 ระบุว่า แคนาดานำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3.56 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา หรือราว 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

แคนาดาย้ำว่าจะเดินหน้าตอบโต้ภาษีศุลกากรที่เกินกว่าเหตุเหล่านี้อย่างเด็ดเดี่ยว พร้อมแสดงจุดยืนว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศในทุกช่องทางที่เป็นไปได้

นายกรัฐมนตรีคนใหม่แคนาดา ยืนยันจะไม่ทนกับกำแพงภาษีทรัมป์ ประกาศตัดสัมพันธ์เศรษฐกิจ-ความมั่นคงกับสหรัฐฯ ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง

(2 พ.ค. 68) หลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา แคนาดาได้แต่งตั้ง มาร์ก คาร์นีย์ เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ โดยเข้ารับตำแหน่งต่อจาก จัสติน ทรูโดว์ ที่ลาออกชั่วคราวเมื่อเดือนมีนาคม ก่อนมีการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งพรรคเสรีนิยมยังสามารถรักษาคะแนนเสียงไว้ได้

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก คาร์นีย์ประกาศชัดว่า “ความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ ได้สิ้นสุดลงแล้ว” พร้อมเตรียมตอบโต้นโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของแคนาดา

สาเหตุหลักมาจากการที่ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนจากแคนาดา 25% อย่างถาวร พร้อมแสดงท่าทีว่าอยากให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ ซึ่งคาร์นีย์มองว่าเป็นภัยต่ออธิปไตยและทรัพยากรของประเทศ

คาร์นีย์ยืนยันว่าแคนาดาจะปรับตัว สร้างอุตสาหกรรมใหม่ และกระจายความร่วมมือทางเศรษฐกิจไปยังประเทศอื่นแทนสหรัฐ พร้อมชูนโยบายปกป้องเอกราชทางเศรษฐกิจ และวางจุดยืนชัดเจนในการต่อต้านทรัมป์อย่างเปิดเผย

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่าท่าทีแข็งกร้าวของคาร์นีย์มีผลต่อชัยชนะของพรรคเสรีนิยม และอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนจาก “มิตรใกล้ชิด” ไปสู่ “คู่ขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการทูต” อย่างเต็มรูปแบบ

‘แคนาดา’ เดินหน้าริบเครื่องบิน ‘Antonov An-124’ ของรัสเซีย และเตรียมส่งมอบให้ ‘ยูเครน’ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูหลังสงคราม

(8 พ.ค. 68) รัฐบาลแคนาดาได้ดำเนินการทางกฎหมายเพื่อทำการยึดเครื่องบินขนส่งสินค้า Antonov An-124 ของรัสเซียซึ่งติดอยู่ที่สนามบินนานาชาติโตรอนโตเพียร์สัน (YYZ) มาครอบครอง 

เครื่องบินซึ่งให้บริการโดยสายการบิน Volga-Dnepr ติดอยู่ที่แคนาดาเพียงไม่กี่วันหลังจากรัสเซียเปิดฉากการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 โดยขณะนั้นกำลังขนส่งชุดตรวจ COVID-19 จากจีนมายังแคนาดา

โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของแคนาดากล่าวกับสำนักข่าวท้องถิ่น INsauga ว่า เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2025 อัยการสูงสุดของแคนาดาได้เริ่มกระบวนการทางกฎหมายเพื่อริบทรัพย์สินต่อศาลสูงของออนแทรีโอ พร้อมย้ำว่า “บุคคลหรือองค์กรที่อ้างว่ามีสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึด สามารถยื่นหลักฐานและเข้าร่วมในกระบวนการพิจารณาทางกฎหมายได้”

เครื่องบินดังกล่าวจดทะเบียนในรหัส RA-82078 เป็น Antonov An-124-100 Ruslan หนึ่งในเครื่องบินขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ใหญ่เท่าตึก 7 ชั้น) มีขีดความสามารถในการบรรทุกได้ถึง 150 ตัน และถือเป็นทรัพย์สินเชิงยุทธศาสตร์ทั้งในด้านพาณิชย์และการทหาร มีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นของ Volga-Dnepr Airlines ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Volga-Dnepr Group ที่มีฐานอยู่ในรัสเซีย

ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 แคนาดาได้สั่งยึดเครื่องบินดังกล่าวอย่างเป็นทางการ และต่อมาในปี 2025 โดยมีเป้าหมายในการป้องกันไม่ให้สินทรัพย์เหล่านี้กลับคืนสู่การควบคุมของรัสเซีย พร้อมทั้งประกาศแผนส่งมอบเครื่องบินให้กับรัฐบาลยูเครน เพื่อใช้ในการฟื้นฟูหลังสงครามและชดเชยเหยื่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน

อย่างไรก็ตาม สายการบิน Volga-Dnepr Airlines ที่ตั้งอยู่ในเมืองอุลยานอฟสค์ ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องบินดังกล่าวได้ยื่นฟ้องคัดค้านในศาล โดยอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ พร้อมได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงต่างประเทศรัสเซียที่ประณามการยึดเครื่องบินว่าเป็น 'การโจรกรรม'

‘ทรัมป์’ ยื่นข้อเสนอใหม่ให้ ‘แคนาดา’ เลือกจ่าย 61 พันล้านดอลลาร์ หรือเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ

(28 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยื่นข้อเสนอใหม่ต่อแคนาดา โดยระบุว่าแคนาดาเลือกได้เลยจะจ่าย 61 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.23 ล้านล้านบาท) เพื่อเข้าร่วมระบบป้องกันขีปนาวุธ 'Golden Dome' หรือกลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ เพื่อได้รับสิทธิเข้าร่วมฟรี โดยทรัมป์ประกาศผ่าน Truth Social ว่า “แคนาดาจะไม่ต้องจ่ายแม้แต่ดอลลาร์เดียว หากกลายเป็นรัฐที่รักยิ่งของเรา”

ข้อเสนอของทรัมป์มีขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา มาร์ก คาร์นีย์ ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง ด้วยนโยบายปกป้องอธิปไตยของประเทศ และปฏิเสธแนวคิดของทรัมป์อย่างชัดเจน โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยล้อเลียนอดีตนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ว่าเป็นเพียง 'ผู้ว่าการทรูโด'

ในขณะเดียวกัน โครงการ Golden Dome ของสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมกว่า 175 พันล้านดอลลาร์ และอาจสูงถึง 542 พันล้านดอลลาร์ในระยะยาว โดยเป็นโครงการป้องกันขีปนาวุธที่รวมถึงการวางอาวุธในอวกาศ ซึ่งทรัมป์คาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในปี 2029

การยื่นข้อเสนอของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากพระเจ้าชาร์ลส์แห่งอังกฤษเสด็จแคนาดาและกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภา ย้ำอธิปไตยและเสรีภาพของแคนาดา ขณะที่นายกฯ คาร์นีย์ได้ย้ำจุดยืนว่า “แคนาดาไม่ใช่ของซื้อขายได้” ส่วนทรัมป์ตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวก็รู้เอง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top