Sunday, 8 June 2025
เนเน่รัดเกล้า

‘รัดเกล้า’ โพสต์เฟซ!! โต้กลับ ‘แบงค์ ศุภณัฐ’ ชี้!! เป็น ‘โรคระแวง การสร้างคอนเนคชั่น’

(30 พ.ย. 67) ‘เนเน่’ หรือ นางสาวรัดเกล้า สุวรรณคีรี อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ในฐานะศิษย์เก่าของสถาบันพระปกเกล้า และสถาบัน วปอ. โดยมีใจความว่า ...

#ปปร และ #วปอบอ เป้านิ่ง อคติทางการเมือง

เอาจริงๆ โรคระแวงการสร้างคอนเนคชั่นของกลุ่มนักการเมืองในสังคมไทยนี่นับว่าอยู่ในระดับเรื้อรัง เป็นโรคที่มีมากันยาวนานแล้วนะคะ ซึ่งเอาจริงๆ ก็คงโทษประชาชนไม่ได้ที่จะมีอคติมองว่าการสร้างคอนเนคชั่นเป็นเรื่องไม่ดี มันก็คงเป็นเพราะเขาโดนมาเยอะ เจ็บมาแยะ กับการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องเพื่อประโยชน์ส่วนตนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ฉะนั้น จริงๆ แล้วเป็นโจทย์ที่นักการเมืองรุ่นใหม่ทุกคน ทุกพรรค ควรรับไว้เป็นการบ้าน คือต้องช่วยกันแก้อคติด้วยการประพฤติดี ใช้คอนเนคชั่นและเครือข่ายที่มีเพื่อส่งเสริมบรรยากาศการทำงานร่วมกัน สร้างการเมืองสร้างสรรค์ สร้างประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชน หากทุกคนร่วมกันทำเช่นนี้ ทำไปหลายๆ ปี แน่นอนว่ามันจะช่วยบรรเทาโรคระแวงของประชาชนได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม ในสภาวะที่อาการโรคระแวงนี้ยังไม่ทุเลา หลักสูตรดัง เช่น การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย (ปปร.) และ การป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) ก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็น #เป้านิ่ง ให้คนยิงเป้า จับผิด ตำหนิ ติติง ระบายความระแวงใจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้... อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่นักการเมืองรุ่นใหม่ไม่ควรทำต่อความระแวงของประชาชน คือการ #ขว้างงูไม่พ้นคอ ทำให้โรคระแวงมันแย่ลงด้วยการเอาอคติทางการเมืองของตนเองมายัดเยียด ป้ายสีใส่กลุ่มการเมืองฝั่งตรงข้าม มุ่งหวังให้ประชาชนหันไปรุมคนอื่นแทนนะคะ 

ในโพสต์นี้ เนเน่ในฐานะศิษย์เก่าของทั้งสถาบันพระปกเกล้าและสถาบัน วปอ. ขอตอบคำถามและให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับทาง ส.ส. แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ เกี่ยวกับ หลักสูตร วปอ.บอ. นะคะ ทั้งนี้เพื่อสร้างความกระจ่างในข้อมูลที่ผิดเพี้ยน ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดต่อสถาบันเหล่านี้ และมิหน่ำซ้ำ ยังอาจจะตอกย้ำโรคระแวงในใจของประชาชนให้อาการแย่ลงไปอีกค่ะ

ข้อที่ 1. ที่ถามว่า... คนที่เข้าไปเรียนใช้สิทธิอะไรในการถูกคัดเลือกเข้าไปเรียน...

เฉกเช่นที่ สส.แบงค์ ออกมาปกป้องหลักสูตร ปปร. ว่าผู้จัดหลักสูตรมีการจัดสรรโควต้าให้กับ สส. 40 คน ทาง วปอ.บอ. เองก็มีโควต้าทางการเมือง 10 คนค่ะ บ้างก็เป็น สส. บ้างก็เป็นข้าราชการการเมือง (ซึ่งก็มีเนเน่ ที่เป็นรองโฆษกรัฐบาล ในช่วงนั้น) อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครที่ผ่านเกณฑ์ทั้งสิ้นเกือบ 500 คน จำเป็นต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์โดยคณะกรรมการของหลักสูตร เพื่อกลั่นกรองหา 150 คนที่มีทัศนคติที่เหมาะสมและมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำในอนาคตได้จริงๆ เท่านั้นค่ะ (ซึ่งจริงๆคณะกรรมการหลักสูตรเคยเล่าให้เนเน่ฟังอยู่หลายครั้งนะคะว่าเขาเสียดายมากๆ ที่ไม่มีตัวแทนจากพรรคก้าวไกล (ตอนนั้นยังไม่เปลี่ยนชื่อพรรค) เข้ามาเรียน ความจริงมีคนมาสมัครนะคะ แต่อายุเกินบ้าง อายุขาดบ้าง เลยกลายเป็นว่าผู้สมัครจากพรรคก้าวไกลล้วนไม่ผ่านเกณฑ์เบื้องต้น เลยไม่มีใครได้เรียนค่ะ ...เล่าให้ฟัง จะได้ระงับดราม่าไว้ก่อนค่ะ ว่าทำไมไม่มีคนจากพรรคก้าวไกลมาเรียนเลย... อาจารย์อยากให้พวกคุณมาเรียนจริงๆ นะคะ ท่านเชื่อว่าการมามีส่วนร่วมจะช่วยให้คนในพรรคของคุณเข้าใจเรื่องของความมั่นคงมากขึ้น ขนาดตอนที่นักเรียน วปอ.บอ. รุ่น 1 เรียนจบแล้วมีนำเสนอผลงานทางวิชาการ ทางหลักสูตรยังส่งจดหมายเชิญไปที่พรรคประชาชน (ตอนนั้นเปลี่ยนชื่อแล้ว) แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีการส่งตัวแทนรับฟังค่ะ)

ทั้งนี้ในเรื่องคุณสมบัติของคนที่เข้าเรียน ที่ ส.ส.แบงค์ ทำให้หลายคนกังขาว่าคนที่มาเรียน "ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ" เกรงว่าคนจะเข้าใจผิด เหมารวม นึกว่าหมายถึงนักเรียนทั้งหมด ...ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น เนเน่ขอชี้แจงว่านักเรียนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มหัวกะทิ บ้างมีโปรไฟล์เป็นถึงนักวิชาการที่มีชื่อเสียง บ้างเคยเป็นถึงนักเรียนเกียรตินิยมจากโรงเรียนชั้นนำ บ้างเป็นผู้บริหารในองค์กรระดับประเทศ อีกทั้ง ทางฝั่งข้าราชการพลเรือน ทหาร และตำรวจ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นตัวท็อปในหน่วยงานของตัวเองกันทั้งนั้นค่ะ เนเน่ได้เรียนรู้หลายเรื่องจากเพื่อนๆ เหล่านี้ ไม่น้อยไปกว่าที่ได้เรียนจากวิทยากรเลยค่ะ เขาเก่งกันจริงๆ นะคะ วอนหยุดเอาอคติทางการเมืองที่คับแคบมาตัดสิน มาด้อยค่าเพื่อนๆ ร่วมสถาบันของเนเน่เลยค่ะ ข้อ 2. ที่ถามว่าคนที่มาเรียนนั้นได้ จ่ายเงินค่าหลักสูตรหรือไม่ เพราะที่กองทัพให้ข้อมูลมาคือค่าใช้จ่ายหลักสูตรนี้ #เรียนฟรี และได้รับการสนับสนุนจากกองบัญชาการกองทัพไทย แปลว่าใช้ #ภาษีกู แบบเต็มๆ ...

อันนี้ เกรงว่าแหล่งข่าวในกองทัพของ สส.แบงค์ คงจะพูดไม่ครบนะคะ อันนี้ ถ้าไม่ทราบจริงๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่ขอเพิ่มเติมข้อมูลเพื่อให้เข้าใจให้ตรงกันนะคะ ว่าผู้เรียนกลุ่มเอกชน และข้าราชการการเมืองต้องจ่ายเงินเอง 130,000 บาทเพื่อใช้ในการดูงานในประเทศและต่างประเทศค่ะ (ที่ว่าเรียนฟรีนี้ สำหรับบุคลากรของรัฐ เช่น ข้าราชการพลเรือน ทหาร และตำรวจ ที่ทางหน่วยงานส่งตัวแทนมาเรียนเท่านั้นค่ะ) ...ฉะนั้นขอย้ำนะคะว่า นอกเหนือจากที่เราไม่ได้เบียดเบียนภาษีประชาชนแล้ว เราได้ตัดสินใจใช้เงินส่วนตัวลงทุนเพื่อรับความรู้ผ่านหลักสูตรนี้ค่ะ

อ่อ... และที่ถามว่า ‘กล้าเอารูปมาโพสต์’ ไหม ... ในคอมเมนท์ เนเน่ขอเอารูปตอน วปอ.บอ. ไปทำ CSR ด้วยเงินส่วนตัวที่พวกเราระดมกัน นำไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่สุโขทัย มาให้ดูเป็นตัวอย่างให้ดูนะคะว่าเราก็รวมตัวกัน ‘ก่อการดี’ ไม่ต่างอะไรกับ คณะนักศึกษา ปปร. ของ สส.แบงค์ ค่ะ มาช่วยกันคลายโรคระแวงการสร้างคอนเนคชั่นในสังคมไทยด้วยการเมืองสร้างสรรค์กันดีกว่านะคะ

‘เนเน่ รัดเกล้า’ โพสต์เเนะ!! กรณี ‘สส.ปูอัด ไชยามพวาน’ ชี้!! ควรมีจิตสำนึก ยืดอก ลาออก เป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคม

(9 ก.พ. 68) นางสาวรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี หรือ ‘เนเน่’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ กรณี ‘สส.ปูอัด ไชยามพวาน’ โดยมีใจความว่า …

สิ่งที่ #สสปูอัด ต้องทำ และทำทันทีคือ ‘ลาออก’ ...เพราะประชาชนคนไทยสมควรที่จะมีผู้แทนที่มีคุณภาพ เป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคมและคนรุ่นหลัง ไม่มีมลทินทั้งในด้านกฏหมายและจริยธรรม

แม้ว่ากฏหมายและแนวปฏิบัติโดยปรกติ สภาจะไม่ส่งตัว สส.ที่ถูกออกหมายจับไปให้ตำรวจระหว่างสมัยประชุม เพื่อไม่ให้การทำหน้าที่สมาชิกผู้แทนราษฎูรในฝ่ายนิติบัญญัติสะดุดลง และคดีอาจจะเกิดขึ้นจากการถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง... แต่! แต่!! นายไชยามพวาน (ปูอัด) เป็นบุคคลที่มีคดีทางเพศ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 2 ปี!

แม้จะออกตนว่าโดนกลั่นแกล้ง โดนใส่ร้าย (อีกแล้ว) แต่ควรมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่อันทรงเกียรติของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร... คุณยืดอก ลาออก สู้คดี พิสูจน์ตัวเอง ในฐานะบุคคลธรรมดา เถอะค่ะ

‘เนเน่’ นำทีม วปอ.บอ. รุ่น 2 เยือน ‘Starbucks’ ใหญ่สุดในเอเชีย เรียนรู้การสร้างแบรนด์ระดับโลกกลางมหานครจีน

(15 พ.ค. 68) ‘เนเน่’ รัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘เนเน่ รัดเกล้า สุวรรณคีรี’ ระบุว่า…

#เกร็ดความรู้จากจีน ในบทบาทอาจารย์ เนเน่และคณะอาจารย์ของหลักสูตร นำนักศึกษา วปอ.บอ. รุ่นที่ 2 จากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร มาดูงานที่ประเทศจีน เมืองเซี่ยงไฮ้–หางโจว ค่ะ

เดินทางมาถึงเซี่ยงไฮ้ จุดแรกที่เราแวะคือ Starbucks Reserve® Shanghai Roastery ที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก (เคยเป็นอันดับ 1 ของโลก จนเมื่อปี 2019 ที่ Starbucks Reserve Roastery ที่ชิคาโก้เปิดขึ้น ด้วยพื้นที่ประมาณ 3,250 ตารางเมตร ครอบคลุมอาคาร 5 ชั้น) ร้านนี้มีพื้นที่กว่า 30,000 ตารางฟุต ใหญ่กว่าสาขาปกติถึง 300 เท่า จุดเด่นที่เตะตาคือ ถังคั่วกาแฟทองเหลืองสูงเท่าตึก 2 ชั้น (น้ำหนัก 40 ตัน) และ บาร์กาแฟยาวถึง 88 ฟุต... เป็นร้านกาแฟที่เป็นมากกว่าร้านกาแฟ ภายในมีโรงคั่วกาแฟให้เราสามารถชมการคั่วกาแฟแบบสด ๆ พร้อมโซนเบเกอรี่แบบเปิด รวมทั้งบาร์ชา กาแฟ และมีค็อกเทลด้วย

#ทำไมต้องอลังการขนาดนี้...

อย่างที่เรา ๆ ทราบกันว่าคนจีนมีวัฒนธรรมในการดื่มชา การที่ Starbucks จะวางแผนมาตีตลาดจีนไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องปรับตัว วางแผนหลายขั้น ...เอาเป็นว่า ถึงกับยอมเปลี่ยนสูตรกาแฟให้มีความเข้มน้อยลงเลยทีเดียว เพื่อให้รสชาติถูกปากผู้บริโภคที่คุ้นชินกับการดื่มชา

ดังนั้น ที่มาของ Starbucks Reserve® Shanghai Roastery จึงมีวัตถุประสงค์หลายประการ ทั้งในเชิงกลยุทธ์และประสบการณ์ลูกค้า ดังนี้:

1 #Flagshipแห่งแรกในเอเชีย - เซี่ยงไฮ้เป็นตลาดหลักในเอเชียที่เติบโตเร็วมาก และ Starbucks ต้องการเปิดตัว Roastery ที่นี่ให้เป็นเรือธงของภูมิภาค เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพในการลงทุนในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของแบรนด์ รองจากสหรัฐฯ

2 #สร้างประสบการณ์เหนือระดับ หรือที่เรียกว่า #ImmersiveExperience - อย่างที่บอก Roastery นี้ ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟธรรมดา แต่เป็นประสบการณ์แบบ immersive ที่ลูกค้าจะได้ชมการคั่วเมล็ดกาแฟแบบสด ๆ ลองกาแฟจากหลายภูมิภาค ดื่มด่ำกับศิลปะการชง รวมถึงมีบาร์ชาที่ยิ่งใหญ่ (Teavana Bar), ร้านเบเกอรี่ Princi ที่อบขนมสดในร้าน และใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ให้ลูกค้าเรียนรู้ผ่านมือถือได้ด้วย

3 #Showroom #แหล่งทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ - Roastery ทำหน้าที่เป็น 'ห้องทดลอง' สำหรับกาแฟและผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น เครื่องดื่มสูตรพิเศษ ขนมอบใหม่ ๆ หรือเมนูที่ยังไม่เปิดตัวในตลาดทั่วไป

4 #สร้างการรับรู้แบรนด์ระดับพรีเมียม - การมีร้านใหญ่ สวยงาม และแปลกใหม่ในโลเคชันเด่น (ย่าน West Nanjing Road ที่หรูหรา) ทำให้ Starbucks สร้างภาพลักษณ์ของความหรูหราและน่าค้นหา ตอกย้ำว่า Reserve Roastery เป็นมากกว่าร้านกาแฟ — แต่คือ “ประสบการณ์ศิลปะและวัฒนธรรมกาแฟ”

5 #รองรับจำนวนลูกค้าที่สูงมาก - ตลาดจีนมีความหนาแน่นของผู้บริโภคสูง ร้านขนาดใหญ่จึงช่วยรองรับลูกค้าจำนวนมากในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ที่มีทั้งนักท่องเที่ยวและลูกค้าท้องถิ่นจำนวนมาก

ไม่ใช่ธรรมดาเลยใช่ไหมคะ กว่าจะออกมาเป็น Starbucks Reserve® Shanghai Roastery ได้... สินค้าไทยและผู้ประกอบการไทยรายใดที่อยากจะตีตลาดจีนบ้าง คงต้องคิดให้ 'ใหญ่' และวางกลยุทธ์ให้ชัดเจน เหมือนอย่างที่ Starbucks ทำไว้เป็นตัวอย่างเลยทีเดียวค่ะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top