Tuesday, 22 April 2025
เทพไทเสนพงศ์

‘เทพไท’ ชี้ พปชร.ขับ ‘ธรรมนัส’ พ้นพรรค เหมือนปล่อยเสือจากกรง ระวังถูกแว้งกัด

วันที่ 21 ม.ค. 65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว ข้อความว่า เมื่อที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กับ ส.ส.ของพรรค มีมติขับ ส.ส.กลุ่มร้อยเอกธรรมนัส จำนวน 21 คนออกจากพรรค ตามความสมัครใจของกลุ่มร้อยเอกธรรมนัสแล้ว ทำให้มีการวิเคราะห์สถานการณ์ และมีการคาดการณ์ไปต่างๆ นานา แม้แต่แกนนำของพรรคพลังประชารัฐ อย่างนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็บอกว่า หลังจากขับกลุ่มร้อยเอกธรรมนัส ออกจากพรรคไปแล้ว จะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลแข็งแกร่งขึ้น หรือนายไพบูลย์ นิติตะวัน บอกว่า การขับ ส.ส.กลุ่มนี้ออกจากพรรค จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ มีเอกภาพ จบปัญหาความขัดแย้งภายในอย่างสิ้นเชิง รวมถึงนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล ได้แสดงความมั่นใจว่า สภายังเดินหน้าต่อ แม้เสียงปริ่มน้ำ

ซึ่งผมจะขอวิเคราะห์ และคาดการณ์ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองต่อจากนี้ไป ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ว่าจะพบกับปัญหาอะไรบ้าง

1.) เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอนอย่างแน่นอน เพราะคะแนนเดิม ที่สนับสนุนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จำนวน 267 คน ตัดออกไป 21 เสียง เพื่อไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย มีอิสระทางการเมืองมากยิ่งขึ้น

2.) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็สุ่มเสี่ยงกับสภาล่มบ่อยครั้งมากขึ้น เพราะจำนวน ส.ส. 21 คน ถ้าหากไม่เข้าร่วมประชุม ก็จะทำให้สภาล่มได้อย่างง่ายดาย เพราะโดยปกติ ส.ส. ของพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลขาดหายเป็นประจำ

3.) กฎหมายสำคัญของรัฐบาล ที่จะเข้าสู่การพิจารณา ของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถ้าหากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส. กลุ่มร้อยเอกธรรมนัส โอกาสจะไม่ผ่านมติสูงมาก เมื่อกฎหมายสำคัญของรัฐบาลถูกตีตก รัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง คือ ไม่ยุบสภา ก็ลาออก

‘เทพไท’ คาใจ ตั้งคำถาม ‘ชัชชาติ-เพื่อไทย’ ฮั้วทางการเมืองในสนามเลือกตั้ง กทม.หรือไม่

วันที่ 25 มี.ค. 65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว ข้อความว่า เมื่อตอนเย็นวันที่ 24 มีนาคม เวลา 17.30 น. ผมนั่งดูการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย จำนวน 50 คนใน 50 เขต ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ มีการเชิญว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ขึ้นปรากฏตัวบนเวที และแนะนำตัวทีละโซน เมื่อแนะนำตัวเสร็จแล้ว จะมีตัวแทนผู้สมัครส.ก.โซนละคน กล่าวคำปราศรัย โชว์วิสัยทัศน์ พูดถึงนโยบายว่าจะทำอะไรให้คนกรุงเทพบ้าง มีการประกาศนโยบายหลายอย่าง ที่คนกรุงเทพฯ ประสบอยู่ แต่พรรคเพื่อไทยส่งแคผู้สมัคร ส.ก.ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ได้ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารโดยตรง การประกาศนโยบายว่า จะทำโน้นทำนี้ออกไป จะให้ใครทำครับ

‘เทพไท’ เผย ‘ลุงตู่’ ลงจากหลังเสืออย่างสง่างาม ปิดฉากทางการเมืองไทย พร้อมขึ้นหิ้งสู่ ‘องคมนตรี’

(3 ธ.ค. 66) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ‘เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง’ ดังนี้…

ลุงตู่ ลงจากหลังเสือ อย่างสง่างาม

หลังจากผมได้โพสต์เพลง ‘สดุดีลุงตู่’ ในสื่อโซเชียลช่องยูทูปได้ไม่นาน ปรากฏว่า มียอดผู้เข้าชม 1 แสนคนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และรวมจากสื่อทุกช่องทาง มียอดผู้เข้าชมนับล้านวิว ในเวลาเพียง 1 วันเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กระแสความนิยมในตัวลุงตู่ ยังมีอยู่ไม่น้อย ไม่ได้ลดต่ำลงไปเลย และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้นำประเทศ ซึ่งมาจากการรัฐประหาร ผ่านการเลือกตั้ง เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และสุดท้ายได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เป็น ‘องคมนตรี’ ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุด

การได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี ของพลเอกประยุทธ์ในครั้งนี้ นับว่าเป็นการวางมือทางการเมืองแบบเด็ดขาด ถือได้ว่าได้ก้าวลงจากตำแหน่งแบบสง่างามหรือสมูทที่สุด

ก่อนหน้านี้ หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ผู้นำที่มาจากการรัฐประหาร เมื่อลงจากตำแหน่ง หรือที่เรียกกันว่าลงจากหลังเสือ อาจจะถูกเสือแว้งกัดได้ แต่กรณีของลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ได้ลงจากตำแหน่งอย่างมีเกียรติ และส่งไม้ต่อให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากขั้วอำนาจใหม่ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยทุกประการ นับว่าเป็นนิมิตหมายใหม่ ที่รัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่เปลี่ยนผ่านอำนาจ ส่งมอบงานกันอย่างมีไมตรีต่อกัน ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน

การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี ในครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกแล้ว ปิดฉากทางการเมืองอย่างเป็นทางการ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ‘ขึ้นอยู่บนหิ้ง’ แล้ว คงไม่ลงมาเกลือกกลั้วกับการเมืองอีกแน่นอน

ผมขอแสดงความชื่นชมยินดีกับตำแหน่งองคมนตรีของลุงตู่อีกครั้งหนึ่ง หวังว่าท่านคงได้นำความรู้ความสามารถ ความซื่อสัตย์สุจริต และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติต่อไป

‘เทพไท’ จี้ ‘แพทองธาร’ ให้ปรับปรุงตัว ชี้!! เป็นตัวตลก อยากให้มีวุฒิการเมืองมากกว่านี้

(26 พ.ค.67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง’ ระบุว่า …

อย่าอุ๊งอิ๊ง!!!

ผมเห็นข่าวพาดหัวว่า คุณอุ๊งอิ๊งยังไม่พร้อมเป็นนายกฯ หลังจากที่นักข่าวได้ถามเรื่องศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 ส.ว. เพื่อพิจารณาการพ้นตำแหน่งรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี ว่าหากผลของคำวินิจฉัยของศาลให้คุณเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป

ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งพูดกับนักข่าวเป็นความจริงหรือไม่ หรือต้องการจะเอาใจคุณเศรษฐา เพื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่ในความรู้สึกของประชาชนนั้น คุณอุ๊งอิ๊งเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แสดงว่ามีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี 100% แต่ทำไมเมื่อนักข่าวถามในตอนนี้ กลับบอกว่า ไม่พร้อมที่จะรับตำแหน่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะทางการเมืองของคุณอุ๊งอิ๊ง ที่มักจะมีปัญหาและสร้างประเด็นให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ มาโดยตลอด

ผมอยากจะยกคำพูดของคุณอุ๊งอิ๊ง บนเวทีปราศรัยหาเสียง เช่น

1.การบอกว่าให้ดูหน้าดิฉันไว้ จะไม่จับมือกับคนทำรัฐประหารจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน แต่ในวันนี้ก็ได้กระโดดข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาลกับกลุ่มคนที่ทำรัฐประหารเรียบร้อยแล้ว

2.การปราศรัยบนเวทีว่า จะปิดสวิตช์ ส.ว. ปิดสวิตช์ 3 ป. คนไทยมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกินมีใช้ ไปพร้อมๆกัน แล้วตอนนี้ผลก็คือ นายกเศรษฐากำลังจะถูก 40 ส.ว.ปิดสวิตช์ การประกาศจะปิดสวิตช์ 3 ป.ก็ไม่สามารถทำได้จริง ต้องจับมือกับ 3 ป.ตั้งรัฐบาลด้วยกัน

3.การที่ประชาชนมีกินมีใช้ วันนี้ก็พบความจริงว่าประชาชนลำบากเหมือนเดิม เงินดิจิทัลวอลแล็ตคนละ 10,000 บาท ก็ไม่สามารถแจกให้กับประชาชนได้

4.การประกาศเติมเงินให้กับครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท ก็ยังไม่มีการเติมให้เลยแม้แต่ครอบครัวเดียว

5.การประกาศว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ราคาไฟฟ้า ราคาน้ำมันจะลดลง จะไม่แพงอีกต่อไป แต่วันนี้กลับเพิ่มราคาขึ้นเรื่อยๆ

ผมไม่อยากให้สังคมมองคุณอุ๋งอิ๋งขาดความน่าเชื่อถือในคำพูด เป็นตัวตลก ให้โลกโซเชียลนำคลิปการพูดหาเสียงของคุณอุ๊งอิ๊งมาล้อเล่น แชร์กันเป็นไวรัล จนถึงการนำชื่อคุณอุ๋งอิ๋งมาเป็นคำล้อเลียน คำสบถ เช่น อย่าอุ๊งอิ๊งอีกเลย อย่าทำตัวอุ๊งอิ๊ง หรืออุ๊งอิ๊งอีกแล้วนะ ฯลฯ ซึ่งสร้างความเสียหาย ทำลายภาพลักษณ์นักการเมืองรุ่นใหม่

จึงอยากแนะนำให้คุณอุ๊งอิ๊งปรับปรุงตัว และมีวุฒิภาวะทางการเมืองมากกว่านี้ ขอเตือนไว้ด้วยความหวังดี

‘เทพไท’ เผย ‘ชวน’ ขออยู่เฝ้าพรรค ขอเป็นหลักให้ปชป. ยัน!! ขอทำหน้าที่ ‘สส.’ อย่างเต็มที่ เพื่อพี่น้องประชาชน

(2 มิ.ย.67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.เวลา15.00 น.นายชวน หลีกภัย สส. บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แวะมาเยี่ยมตนที่บ้านพักเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เพราะท่านรู้ว่าตนไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก ยังอยู่ในระหว่างการพักโทษและติดกำไลอีเอ็มอยู่ การเดินทางออกนอกเขตควบคุม จะต้องขออนุญาตทุกครั้ง เพราะไม่ใช่นักโทษเทวดา ที่มีอภิสิทธิ์ชนเหนือนักโทษคนอื่นๆ ท่านชวนได้ให้ความเมตตาต่อตนมาก ตอนตนอยู่ในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ท่านก็กรุณาไปเยี่ยมถึง2ครั้ง เมื่อออกจากเรือนจำมาพักโทษที่บ้าน ท่านก็ยังอุตส่าห์แวะมาเยี่ยมและให้กำลังใจตนอีก ต้องกราบขอบพระคุณท่านมาก

นายเทพไท กล่าว ตนได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงสถานการณ์การเมืองในหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ ที่กระแสนิยมยังไม่กระเตื้องขึ้นเลย เมื่อดูจากผลโพลของสำนักต่างๆ ปรากฎว่าความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ ยังอยู่ในระดับ 3% ซึ่งถือว่าน้อยมาก ถ้าเปรียบเทียบกับโอกาสการเมืองในขณะนี้ในวันที่มวลชนฝ่ายอนุรักษ์นิยม ผิดหวังจากพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลเดิม และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ก็ได้วางมือทางการเมืองไปแล้ว คะแนนนิยมของมวลชนกลุ่มนี้ ก็น่าจะกลับมาพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม แต่กลับไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหมาย คนที่ผิดหวังกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม กลับไหลไปที่พรรคก้าวไกลมากกว่า 

“ผมจึงถามนายชวนว่า จะทำอย่างไรต่อไปกับบทบาทของท่านในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งท่านก็ยืนยันว่า ยังทำหน้าที่ในฐานะสส. คนหนึ่ง จะตั้งกระทู้ถาม อภิปรายตรวจสอบรัฐบาล เป็นปากเสียงให้กับประชาชน ไม่ว่า สส. ส่วนใหญ่หรือกรรมการของพรรคประชาธิปัตย์ จะวางบทบาทของพรรคอย่างไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค แต่ส่วนตัวท่านก็ยังทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทยอย่างเข้มแข็งต่อไป จะไม่ลาออกจากพรรค และจะไม่ทิ้งพรรคอย่างเด็ดขาด ท่านยังแวะเยี่ยมพี่น้องประชาชนตลอดเส้นทาง ทุกครั้งที่เดินทางกลับจังหวัดตรังโดยรถยนต์ ผมได้ฝากความหวังและให้กำลังใจท่าน ขอให้ท่านได้เป็นเสาหลักของพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ไม่ว่าจะเหลือใครสักกี่คนก็ตาม ขอให้ท่านรักษาพรรคไว้ เพื่อให้คนที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ได้กลับไปฟื้นฟูพรรคอีกครั้งหนึ่ง” นายเทพไท กล่าวทิ้งท้าย

‘เทพไท’ ชี้!! ทักษิณ คือ เจ้าของรัฐบาลตัวจริง ฟาด!! ทำงาน สั่งการ ผ่านลูกสาว ที่เป็นร่างทรง

(22 ธ.ค. 67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เทพไท – คุยการเมือง’ 

ทักษิณ คือ เจ้าของรัฐบาลตัวจริง  ถ้าใครได้ติดตามความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการรับเชิญเป็นวิทยากร กล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ ‘อนาคตอีสาน โอกาสประเทศไทย’ ในงานสัมมนา ‘ISAN NEXT: พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก’ ที่หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาแล้ว จะทราบว่ามีเนื้อหาในการบรรยาย พอสรุปได้ดังนี้คือ

1.การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ หรือสินค้าโอทอปของภาคอีสาน

2.ปัญหายาเสพติด จัดทำแอปพลิเคชันที่จะรับข้อมูลจากประชาชน เพื่อให้มีการปราบปรามอย่างจริงจัง

3.เสนอให้แปลงการออกพันธบัตรรัฐบาลให้มาสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยออกพันธบัตรอายุสั้นขายคนทั่วไปในรูปของเหรียญ ซึ่งประชาชนสามารถที่จะนำไปใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ และต้องทำให้จีดีพีโตได้ 4-5% จากที่เป็นอยู่ 2%

ซึ่งเชื่อว่าวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ เกี่ยวกับการพัฒนาภาคอีสานในครั้งนี้ จะถูกรัฐบาลชุดนี้นำไปปฏิบัติอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า นายทักษิณพูดอะไร รัฐบาลชุดนี้ก็นำไปปฏิบัติทั้งหมด นับตั้งแต่การแสดงวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ บนเวทีสัมมนาของเครือเนชั่น รัฐบาลก็นำไปเป็นนโยบายของรัฐบาล และได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาไปแล้ว รวมถึงนายทักษิณได้พูดเรื่องแจกเงินให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท บนเวทีปราศรัยจังหวัดอุดรธานี นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ออกมาขานรับทันทีในวันต่อมา และนำไปปฎิบัติเป็นนโยบายของรัฐบาลแล้ว

แม้แต่การตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่นายทักษิณประกาศให้นางสาวแพทองธาร เป็นประธานนั่งหัวโต๊ะ รัฐบาลยังไม่ทันได้ตั้งกรรมการขึ้นมาเลย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ลงพื้นที่ลุยปราบปรามทันที ตามคำดำริของนายทักษิณ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคำสั่งรัฐบาลด้วยซ้ำไป

เพราะฉะนั้นสิ่งที่นายทักษิณพูดทั้งหมดคือ แนวทางการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ จึงไม่ต้องสงสัยว่า ระหว่างนายทักษิณกับนางสาวแพทองธาร ใครคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง จะบอกว่า ‘พ่อทำลูกซ่อม’ ก็ไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลชุดนี้ ‘พ่อคิด พ่อกำหนด พ่อกำกับ พ่อสั่งการ’ ผ่านร่างทรงที่เป็นลูกสาว คือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร

‘เทพไท’ จี้!! กกต.คุม ‘ทักษิณ’ ด่วน ชี้!! ปราศรัย ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

(12 ม.ค. 68)  นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เทพไท – คุยการเมือง’ ว่า กกต.จัดระเบียบ ‘ทักษิณ’ ด่วน

ผมได้เห็นกำหนดการเดินสายปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร ลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่ 18-20 ม.ค.68 ที่จังหวัดนครพนม บึงกาฬ หนองคาย และมหาสารคาม จากนั้นวันที่ 24-25 ม.ค.68 จะเดินทางไปจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยนั้น

ในความเป็นจริงนายทักษิณไม่ได้มีเป้าหมายหลักในการหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกอบจ. แต่ต้องการใช้เวทีหาเสียงการเมืองท้องถิ่น เพื่อขยายผลไปยังการเมืองระดับชาติ โดยนายทักษิณจะขึ้นปราศรัยในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของรัฐบาล ทั้งที่ตัวนายทักษิณไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลแต่อย่างใด กลับประกาศนโยบายและแผนงานที่จะทำของรัฐบาล จนอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของตัวผู้สมัครได้

ผมได้ติดตามการปราศรัยบนเวทีนายกอบจ.3แห่ง คือ ที่จังหวัดอุดรธานี อุบลราชธานี และเชียงราย นายทักษิณจะใช้เวลาหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกอบจ. ใช้เวลาเพียง 5 นาที นอกจากนั้นก็จะปราศรัยในประเด็นการเมืองอื่นๆ พาดพิงไปทุกภาคส่วน จนเป็นประเด็นร้อน จนสื่อต้องนำไปขยายผล และผู้ที่ถูกพาดพิงก็ใช้สิทธิ์ตอบโต้ มีการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นของคุณหาเสียงทักษิณหาเสียงอยู่หลายวัน ทำให้กระแสของนายทักษิณอยู่ในหน้าสื่อตลอดเวลา ประสบความสำเร็จตามแผนการโฆษณาทางการเมืองที่วางไว้

สิ่งที่นายทักษิณปราศรัยหมิ่นแหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในฐานะผู้ช่วยผู้หาเสียง ซึ่งเรื่องนี้นายอิทธิพล บุญประคอง ประธานคณกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาแสดงความเห็นในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่ฟันธงว่า นายทักษิณทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ อยากให้กกต.ได้เร่งสรุปการปราศรัยหาเสียงของนายทักษิณว่า ฝ่าฝืนหรือผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ เพื่อจะไม่ให้เป็นประเด็นข้อกฎหมายต่อไป เพราะการหาเสียงของนายทักษิณ ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในระหว่างผู้สมัครด้วยกัน

ถ้ากกต.ยังปล่อยให้นายทักษิณปราศรัยหมิ่นแหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายเช่นนี้ และไปสรุปหลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว ก็อาจจะช้าเกินไป จนอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และจัดเลือกตั้งใหม่ ซึ่งทำให้ผู้สมัครนายกอบจ.หลายคนเสียโอกาส และเสียงบประมาณของราชการโดยไม่จำเป็น

อยาดขอความชัดเจนจากกกต.ออกมาความระเบียบ และกำชับให้นายทักษิณปฏิบัติตามกฏหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด กล้าๆหน่อย อย่าเกรงกลัว เกรงใจคนทำผิดกฏหมายอีกเลย

‘เทพไท’ เผยจุดยืน!! ‘อภิสิทธิ์’ หลังกินข้าว สวัสดีปีใหม่ ค้าน!! ‘กาสิโน’ เสียดาย ไร้พรรคหลัก สู้กับระบอบทักษิณ

(18 ม.ค. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช หลายสมัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กเผยจุดยืนทางการเมืองของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาดังนี้  

ได้มีโอกาสนัดเพื่อนๆ รับประทานอาหารเที่ยงกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในโอกาสช่วงปีใหม่และเทศกาลตรุษจีน ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ได้นำกาแฟเทพไท ไปมอบให้ท่านเป็นของขวัญปีใหม่ด้วย

ในระหว่างรับประทานอาหาร ได้มีโอกาสพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ซึ่งพอจะสรุปจุดยืนของท่านอภิสิทธิ์ได้ดังนี้

1.ไม่สนับสนุนนโยบายสร้างสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment complex)ของรัฐบาล

2.ไม่มีแนวความคิดจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ และไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แม้ว่ามีเสียงสนับสนุน และเรียกร้องให้จัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาต่อสู้ทางการเมืองจำนวนมาก

3.ไม่ขอให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในลักษณะการแถลงข่าว หรือยืนให้สัมภาษณ์ในทุกกรณี

4.ยังรับเชิญเป็นวิทยากรให้กับรายการต่างๆ เพื่อแสดงความเห็นทางการเมือง เพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง

5.ยังรับเชิญเป็นผู้บรรยายพิเศษ ให้กับ สถาบันการศึกษา หน่วยงาน องค์กร และโครงการหลักสูตรพิเศษ ฯลฯ

6.ยังรับเชิญเป็นองค์ปาฐกถา วิทยากร ในการสัมมนา เสวนาทางวิชาการ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา

7.เสียดายโอกาสของฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ ที่ยังไม่มีพรรคการเมืองหลัก ในการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเข้มแข็ง และเป็นรูปธรรม

8.ยังให้ความสนใจ และติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด

จึงขออนุญาตนำมาเล่าให้กับแฟนคลับของคุณอภิสิทธิ์ และคอการเมืองได้รับทราบถึงความเคลื่อนไหวของคุณอภิสิทธิ์บ้างไม่มากก็น้อย

‘เทพไท’ เย้ย!! 'นายกฯอิ๊งค์' เยือนจีน ได้แต่ภาพ ไม่ได้ผล ชี้!! แค่การลงนามใน ‘MOU’ แบบพื้นๆ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ

(9 ก.พ. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ‘เทพไท – คุยการเมือง’ เรื่อง อุ๊งอิ๊ง เยือนจีน ได้ภาพมากกว่าผล?

หลังจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับจากการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 5 – 8 กุมภาพันธ์ 2568 แล้ว ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านบัญชีโซเชียลมีเดียส่วนตัว ถึงความสำเร็จที่ได้เซ็นเอ็มโอยู 13 ฉบับ ซึ่งน่าจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูต ที่ผู้นำประเทศเดินทางไปเยือนกัน จะมีพิธีการลงนามในเอ็มโอยูกันเป็นปกติ

แต่อย่าลืมว่าการเดินทางไปเยือนประเทศจีนของนางสาวแพทองธารในครั้งนี้เป็นการเดินทางเยือนในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเป็นวาระสำคัญ น่าจะมีประเด็นสำคัญเป็นกรณีพิเศษมากกว่าการลงนามในเอ็มโอยูแบบพื้นๆ

ในขณะเดียวกันการเดินทางเยือนประเทศจีนครั้งนี้ ก็ไม่มีประเด็นข่าวที่สื่อมวลชนในต่างประเทศเสนอ และให้ความสำคัญเลย แม้แต่สำนักข่าวซินหัวของจีน ก็ลงข่าวแค่ภาพที่นางสาวแพทองธารจับมือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิงเท่านั้น ไม่มีเนื้อข่าวประกอบ หรือคำอธิบายเพิ่มเติมเลย

ส่วนการเสนอข่าวของสื่อไทย ก็เป็นการเสนอข่าวการสัมภาษณ์ของรัฐมนตรีที่ติดตามคณะของนางสาวแพทองธาร ทุกคนจะเน้นในประเด็นที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ชื่นชมนางสาวแพทองธารและรัฐบาลไทย ที่ได้ตัดกระแสไฟฟ้าชายแดนพม่า 5 จุด เพื่อสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ นางสาวแพทองธารเองก็รู้สึกปลื้มกับคำชมนี้มากด้วยเช่นกัน

จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมรัฐบาลจึงเร่งการตัดไฟชายแดนพม่าอย่างเร่งด่วนให้ได้ ก่อนที่นางสาวแพทองธารจะออกเดินทางไปเยือนประเทศจีน ทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เร่งตัดไฟตอนเวลา 9 โมง ก่อนที่นางสาวแพทองธารขึ้นเครื่องบินไปประเทศจีน 3 ชั่วโมง  ถ้าหากว่าไม่มีประเด็นการตัดไฟก่อนไปเยือนประเทศจีน คงไม่มีประเด็นอะไรไปอวด ให้นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ชื่นชมและขอบคุณ

สำหรับประเด็นข่าวที่เสนอกันในสื่อโซเชียลมากที่สุด ไม่ใช่ประเด็นวาระงานการเยือนประเทศจีน แต่เป็นเรื่องการแต่งตัวของนางสาวแพทองธาร ที่ถูกวิจารณ์เรื่อง หมวก เสื้อผ้า และกางเกง รวมไปถึงรองเท้าที่สวมใส่ ว่ามีความเหมาะสมกับภาวะผู้นำประเทศหรือไม่

สรุปได้ว่าการเดินทางไปเยือนประเทศจีนของนางสาวแพทองธารในครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญ ได้เพียงแค่การสร้างภาพการเดินทางไปเยือน แต่ผลสัมฤทธิ์ของเนื้องานกลับไม่มีเลย นับว่าเป็นการเสียโอกาสของประเทศชาติอีกครั้งหนึ่ง

‘เทพไท’ มองท่าที ‘ไชยชนก’ อาจนำไปสู่ การเอาคืน!! หลังฉีกหน้ารัฐบาล กลางสภาฯ ทำ ‘เพื่อไทย’ เสียรังวัด!! อาจมีการปรับครม. ตัดพรรคร่วม ยุบสภาฯ หลังสงกรานต์

(12 เม.ย. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง ‘ทักษิณเอาคืนเนวิน’ ระบุ …

การที่นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศจุดยืนไม่เอากาสิโนกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นการฉีกหน้านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แบบชัดๆ เต็มๆ ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียรังวัด และโกรธเคืองเป็นอย่างมาก

เห็นจากท่าทีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาถามว่า ระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคจะเชื่อใคร และการที่นายไชยชนกบอกว่า เป็นลูกนายเนวิน นางกรุณาต้องการสื่ออะไร นายอดิศร เพียงเกษ สส.อาวุโส ได้เขียนกลอนไล่ส่งพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าต้องรักษามารยาททางการเมืองบ้าง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจแทนนายใหญ่ ที่เก็บตัวเงียบไม่แสดงท่าทีใดๆ

แม้ว่านายอนุทินได้ออกมาขอโทษต่อนางสาวแพทองธารแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจ เป็นรอยร้าวระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย ยากที่จะประสาน เหมือนกับคำโบราณที่กล่าวว่าอันถ้วยโถโอร้าวเอากาวติด ถึงสนิทก็ยังเห็นว่าเป็นแผล เชื่อว่าหลังจากเทศกาลสงกรานต์นี้ผ่านพ้นไปแล้ว จะมีการเอาคืนจากนายทักษิณอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะมีปรากฏการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น คือ

1.นายทักษิณต้องความเข้าใจกับหัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์นิยมให้ชัดเจนว่า จะทำงานทางการเมืองร่วมกัน และประสานประโยชน์กันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากัน

2.จะมีการปรับครม. หรือ ปรับพรรคร่วมรัฐบาลออก ยึดกระทรวงหลักกลับมาเป็นโควต้าของพรรคเพื่อไทย เพื่อกระชับอำนาจ เตรียมการรับมือกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

3.ถ้าหากสถานการณ์ทางการเมืองเดินมาถึงทางตัน จำเป็นต้องยุบสภา คืนอำนาจกับประชาชน เป็นการล้มกระดาน หรือล้างไพ่ใหม่

ขอให้จับตาดูปรากฏการณ์ทางการเมืองหลังสงกรานต์นี้ให้ดีว่า จะเดินไปสู่ 3 ขั้นตอนนี้หรือไม่ และนายทักษิณจะเอาคืนพรรคภูมิใจไทยอย่างไร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top