Wednesday, 23 April 2025
เคอร์ฟิว

นายกฯ เป็นประธานการประชุม ศบค. ขยายระยะเวลา พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ อีก 2 เดือน ถึง 30 พฤศจิกายนนี้ คงเคอร์ฟิวต่ออีก 15 วัน ลดเวลาเคอร์ฟิวเป็นระหว่าง 22.00 - 04.00 น.

วันนี้ (27 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ที่ประชุมมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรถึง 30 พฤศจิกายนนี้ ลดระยะเวลาห้ามออกนอกเคหสถานเป็น 22.00-04.00 น. และให้เปิดร้านเสริมสวย นวด/สปา สถานเสริมความงาม โรงภาพยนตร์ เล่นดนตรีในร้านอาหารได้ตามปกติ เริ่ม 1 ต.ค. นี้ ทั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังคงต้องไม่ประมาท ยังต้องเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ทั่วถึง ติดตามการกระจายเวชภัณฑ์ ขณะเดียวกันก็จะขยายรูปแบบ Sandbox ในส่วนกิจการ/กิจกรรมอื่น ๆ ให้มากขึ้น อาทิ ปรับกิจกรรมภายในโรงแรมเพื่อรองรับการท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวและการเปิดประเทศต่อไป นับตั้งแต่การระบาดระลอกแรก ภาคแรงงานและภาคประชาชนได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิด-19 มากขึ้น ภาคเอกชนได้เตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ขอฝากให้ สธ. ช่วยพิจารณาช่วยเหลืออุตสาหกรรมบันเทิง/ศิลปินพื้นบ้าน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังดีใจที่ไทยสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 รายวันได้เกิน 1 ล้านโดส มั่นใจไทยมีศักยภาพในการฉีดวัคซีนได้บรรลุตามเป้าหมาย โดยฝากให้ สธ. ช่วยดูแลการบริหารจัดการวัคซีนสำหรับเด็กเล็กด้วย นายกรัฐมนตรียังรับทราบแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับชาวต่างประเทศและแรงงานต่างด้าวโดยจะเริ่ม 1 ตุลาคมนี้ นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า รัฐบาลได้ดำเนินการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 อย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมแผนการช่วงเปลี่ยนผ่านของโควิด-19 จากการระบาดใหญ่ทั่วโลก หรือ Pandemic สู่โรคประจำถิ่น Endemic ซึ่งต้องขอให้แต่ละฝ่ายถอดบทเรียนการทำงานในแต่ละช่วงของการแพร่ระบาด เพื่อเป็นแนวทางในการรองรับสถานการณ์ในอนาคตด้วย

'นนทบุรี' สั่งเคอร์ฟิว!! ห้ามเด็กต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้านหลัง 4 ทุ่ม รับลูก 'ผบ.ตร.' ตามแผนล้างบางแก๊งเยาวชนป่วนเมืองใน 1 เดือน

(24 ม.ค.67) จากกรณีที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล ผบ.ตร.ได้สั่งการให้มีการระดมกวาดล้างกลุ่มแก๊งเยาวชนกวนเมืองทั่วประเทศให้ลดลงภายใน 1 เดือน โดยได้มอบหมายให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระดมกวาดล้าง จัดทำบันทึกประวัติและพฤติกรรมของกลุ่มแก๊งเยาวชนในพื้นที่ทั้งหมด และให้กวดขันกับเยาวชนอายุ 10-15 ปี ที่ออกนอกบ้านหลัง 4 ทุ่ม โดยไม่มีผู้ปกครองมาด้วย หากพบจะต้องเชิญมาทำประวัติและเชิญผู้ปกครองสอบถาม และได้ให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ ด้วย เช่น จังหวัดสระแก้ว, เชียงใหม่ นนทบุรีและสมุทรปราการ ที่มีกลุ่มกวนเมือง หรือกลุ่มแก๊งในพื้นที่ที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง เนื่องจากกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อาจไม่เพียงพอ

ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ได้ประชุมผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีทั้ง 11 สถานี พร้อมสั่งการให้ทุกสถานีกวดขันในพื้นที่ ตั้งจุดตรวจจุดสกัดในที่สุ่มเสี่ยงว่าจะมีการรวมตัวของเยาวชน นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้กวดขันกลุ่มเยาวชนที่รวมตัวกันขับขี่รถจยย.ที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญ 

สืบเนื่องจากในพื้นที่ จ.นนทบุรี เกิดเหตุเยาวชนรวมตัวกันเป็นกลุ่มแก๊ง สร้างความเดือดร้อนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เช่น กรณีเด็ก 14 ถูกแก๊งทรายทองทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ, เด็กเดินสายเคเบิลถูกแก๊งโจ๋ฟันนิ้วขาดย่านซอยประชาชื่นนนท์ 9 และกลุ่มเด็กนักเรียนไทรน้อยยกพวกบุกปาระเบิดปิงปอง ทุบหน้าต่างบ้านเรือนเสียหาย นอกจากนี้จากการสืบสวนยังพบมีกลุ่มเยาวชนรวมตัวกันในซอยสามัคคี และย่านท่าอิฐ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน 

ทั้งนี้ตามคำสั่งหากเจอเด็กและเยาวชนออกมาจากเคหะสถานหลัง 22:00 น. จะต้องทำการตรวจสอบและสอบถาม รวมถึงนำมาทำประวัติ พร้อมแจ้งพ่อแม่ ผู้ปกครองให้มารับตัว ทำทัณฑ์บน กรณีที่ส่อไปในการกระทำความผิด โดยให้ยึดตามกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก กรณีที่พบเด็กมากระทำความผิดซ้ำ จะต้องสอบสวนให้ถึง ว่าพ่อแม่ ผู้ปกครองมีส่วนยุยงส่งเสริมหรือไม่ ปล่อยปละละเลยหรือไม่ ถ้ามีก็จะดำเนินคดีพ่อแม่และผู้ปกครองเช่นกัน โดยคำสั่งดังกล่าวให้เริ่มปฏิบัติตั้งแต่เวลา 22.00 น.วันที่ 23 ม.ค.67 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งรายงานผลการปฏิบัติการให้ผู้บังคับบัญชาทราบ .012


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top