Wednesday, 23 April 2025
เครื่องบินขับไล่

'ทัพฟ้าไทย' เลือก ‘กริพเพน’ บรรจุฝูงบินรบใหม่เหนือ F-16 เผย!! ข้อเสนอผู้ผลิตจากสวีเดนตอบโจทย์ไทยมากกว่าของสหรัฐฯ

(28 ส.ค. 67) สื่อต่างประเทศรายงานข่าวกองทัพอากาศไทยตัดสินใจเลือกเครื่องบินขับไล่กริพเพน (Gripen) บรรจุเข้าฝูงบินขับไล่โจมตีฝูงใหม่ โดยมองว่าข้อเสนอซึ่งผู้ผลิตสัญชาติสวีเดนให้มานั้นตอบโจทย์ความต้องการของไทยมากกว่า F-16 จากอเมริกา

กองทัพอากาศไทยระบุในคำแถลงที่เผยแพร่วานนี้ (27ส.ค.) ว่า "คณะกรรมการพิจารณาเลือกแบบ ได้กำหนดขั้นตอนและเกณฑ์การพิจารณาที่ละเอียดรอบคอบ โดยใช้ระยะเวลากว่า 10 เดือนในการดำเนินการ จึงสามารถสรุปได้ว่าเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ JAS 39 Gripen E/F มีขีดความสามารถที่ตอบสนองความต้องการทางยุทธการตามหลักนิยมและยุทธศาสตร์ของกองทัพอากาศ ทั้งยังมีอิสระในการใช้งาน และสามารถพัฒนาต่อยอดนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติการร่วมหลายมิติ (Multi-Domain Operations) ระหว่างกองทัพอากาศร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และหน่วยงานความมั่นคงต่าง ๆ ภายใต้แนวความคิดการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลางได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต"

ทอ.ยังระบุด้วยว่า “การพิจารณาดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีในการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศไปอีกอย่างน้อย 30 ปี”

สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 รุ่นใหม่ล่าสุดจากบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน ก็ยังอยู่ในการพิจารณา โดยการตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นขึ้นอยู่กับรัฐบาลไทย

ทั้งนี้ โครงการจัดซื้อฝูงบินกริพเพนมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาทดแทนฝูงบินขับไล่ F-16 A/B ซึ่งใช้งานมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1980

กองทัพอากาศไทยยังไม่ได้เผยรายละเอียดว่าจะมีการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนทั้งหมดกี่ลำ แต่มีรายงานจากสื่อที่เชี่ยวชาญด้านการทหารออกมาให้ข้อมูลเมื่อช่วงต้นปีนี้ว่า ไทยน่าจะมีแผนจัดซื้อประมาณ 12 ลำ

ปัจจุบันไทยมีฝูงบินขับไล่กริพเพนรุ่นเก่าใช้งานอยู่ 11 ลำ และมีฝูงบิน F-16 อยู่อีกหลายสิบลำ

ด้านบริษัท ซาบ (Saab) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินกริพเพนได้ออกมาแสดงความยินดีต่อการตัดสินใจของกองทัพอากาศไทย

“เราสามารถยืนยันได้ว่า กองทัพอากาศไทยได้แถลงต่อสาธารณชนแล้วว่ามีความสนใจที่จะสั่งซื้อฝูงบินขับไล่กริพเพน ซึ่งถือเป็นข่าวดีมากสำหรับซาบและสวีเดน” แมทเทียส รัดสตรอม ผู้จัดการฝ่ายสื่อของซาบ ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

“ณ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการทำสัญญาหรือมีคำสั่งซื้อเข้ามา แต่เราก็รอคอยที่จะได้หารือเพิ่มเติมกับกองทัพอากาศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย”

อีลอน มัสก์ ชี้ F-35 แพงไปไม่คุ้มใช้งาน แนะทัพสหรัฐพัฒนาโดรนโจมตีแทน เหมือนที่จีน

(27 พ.ย.67) อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อแห่งเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ที่ได้รับการเสนอชื่อจากโดนัลด์ ทรัมป์ ให้รับผิดชอบในการตัดงบประมาณรัฐบาลกลาง ได้โพสต์ข้อความวิจารณ์ผ่านแพลตฟอร์ม X เกี่ยวกับการพัฒนาฝูงบินขับไล่รุ่นใหม่ F-35 ว่า เป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนเกินไป แพงเกินความจำเป็น และไม่คุ้มค่าต่อการใช้งาน

“การผลิตเครื่องบินที่ยังต้องอาศัยนักบินขับ อย่าง F-35 เป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดและล้าสมัยในยุคนี้ เพราะเรามีโดรนที่สามารถทำงานนี้ได้โดยไม่ต้องเสี่ยงชีวิตนักบิน”

มัสก์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การออกแบบ F-35 ล้มเหลว เพราะมันเหมือนกับ 'Rube Goldberg machine' (อุปกรณ์ที่ทำงานง่าย ๆ แต่กลับมีกลไกซับซ้อนเกินไปหรือกระบวนการที่ยืดยาวเกินความจำเป็น) เนื่องจากมันถูกออกแบบให้ทำหลายหน้าที่เกินไป และยังมีราคาสูงเกินไปโดยไม่มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่ง

พ.อ. คาเรน ควีตคอฟสกี้ อดีตเจ้าหน้าที่เพนตากอน และนายทหารประจำกองทัพอากาศสหรัฐ เผยต่อสปุตนิกว่า สิ่งที่อีลอน มัสก์ กล่าว มีความถูกต้องเพราะ F-35 แทบจะเป็นเครื่องจักร Rube Goldberg สมัยใหม่

ตามข้อมูลของกลาโหมสหรัฐฯพบว่า โครงการพัฒนา F-35 มีมูลค่ามากถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นโครงการที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดโครงการหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

ควีตคอฟสกี้ ยังกล่าวว่า F-35 ได้รับการออกแบบบนพื้นฐานที่เน้นไปการบริโภคอย่างสูญเปล่าและฟุ่มเฟือย ในขณะที่ผู้นำกองทัพสหรัฐชุดปัจจุบันยังคงติดหล่ม ไม่สามารถแก้ปัญหาการด้านงบประมาณได้ 

คำกล่าวของควีตคอฟสกี้ ยังสอดคล้องกับมาริโอ นาฟัล ผู้ทรงอิทธิพลในแพลตฟอร์ม X ที่แสดงความเห็นด้วยกับมัสก์ โดยว่า จีนกำลังสร้างโดรนจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน คนโง่บางคนก็ยังคงสร้างเครื่องบินขับไล่ที่มีคนขับ เช่น F-35

ขณะที่ แมตต์ เกตซ์ อดีตสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐฯ และผู้ได้รับเลือกจากทรัมป์ให้เป็นอัยการสูงสุด เรียก F-35 ว่า "ที่ทับกระดาษมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์"

ทีมบินผาดโผน ‘ปาอี้’ เตรียมแสดงโชว์ในไทย ขนเครื่องบินขับไล่ J-10 จำนวน 7 ลำ เยือนไทยในรอบ 10 ปี

(4 มี.ค. 68) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ทีมบินผาดโผน ‘ปาอี้’ (Bayi Aerobatic Team) ของกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA Air Force) ได้เดินทางถึงประเทศไทยแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อทำการแสดงโชว์ในงานครบรอบ 50 ปี สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย

การแสดงโชว์ครั้งนี้ประกอบด้วย ภารกิจบินแสดงโชว์เครื่องบินขับไล่ J-10 จำนวน 7 ลำ ซึ่งนับเป็นการกลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งในรอบ 10 ปี และเป็นการแสดงบินในต่างประเทศครั้งที่ 12 ของทีมปาอี้ ซึ่งก่อตั้งมายาวนานกว่า 60 ปี

ฝูงบินดังกล่าวสามารถเดินทางจากจีนสู่กรุงเทพฯ ได้โดยไม่หยุดพัก เป็นระยะทางกว่า 3,600 กิโลเมตร เนื่องจากได้รับการสนับสนุนการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศจากเครื่องบินเติมน้ำมันรุ่น YU-20 ที่จีนพัฒนาขึ้นเอง

ทั้งนี้ หนึ่งในสมาชิกของทีมบินผาดโผนปาอี้ เปิดเผยว่า พวกเขาได้ทำการสำรวจสนามบินในไทยล่วงหน้า ปรับแผนการบินให้เหมาะสมกับพื้นที่ และฝึกซ้อมตามสภาพแวดล้อมจริง เพื่อให้การแสดงออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top