Tuesday, 22 April 2025
เกาะเมาวี

‘ฮาวาย’ เผชิญภัย ‘ไฟป่า’ สังเวย 80 ศพ-สูญหายหลายร้อยราย ครึ่งเมืองเหลือแต่เถ้าถ่าน จี้สอบทางการ ปมแผนรับมือหละหลวม

(12 ส.ค. 66) สำนักข่าวบีบีซี รายงานถึงความคืบหน้าสถานการณ์ ‘ไฟป่า’ ใน รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา หลังปะทุลุกลามเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา และไม่กี่วันไฟก็โหมลุกไหม้เผาวอดพื้นที่กว่าร้อยละ 80 ของเมืองลาไฮนา บนเกาะเมาวี ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 80 ราย อีกหลายร้อยคนยังคงสูญหาย ท่ามกลางความหวาดวิตก ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่ทางการท้องถิ่นเมืองลาไฮนา อนุญาตให้ชาวเมืองที่มีเอกสารยืนยันที่อยู่อาศัยสามารถกลับเข้ามาในเมือง เมื่อวันศุกร์ที่ 1 ส.ค.ตามเวลาท้องถิ่น

เกือบทั้งเมืองเหลือเพียงเศษซากกองเถ้าที่ถูกไฟเผาวอด และซากรถยนต์ที่โดนเพลิงเผาทำลายกลายเป็นเศษเหล็กจอดเรียงรายตามถนนหนทาง นอกจากนี้ยังประกาศมาตรการเคอร์ฟิวระหว่างเวลา 22.00-06.00 น. ในบางพื้นที่ซึ่งเสี่ยงภัยจากไฟป่าที่ยังเผาไหม้

ขณะเดียวกันสำนักงานอัยการสูงสุดรัฐฮาวายจะเปิดการสอบสวนการตอบสนองของทางการต่อเหตุไฟป่ารุนแรงในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ของรัฐฮาวาย และเลวร้ายที่สุดในรอบ 63 ปีนับตั้งแต่เหตุคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มฮาวายจนมีผู้เสียชีวิต 61 ราย เมื่อปี 2503

น.ส.แอนน์ โลเปซ จากสำนักงานอัยการสูงสุดระบุจากแถลงการณ์ว่า “สำนักงานอัยการสูงสุดจะดำเนินการทบทวนอย่างครอบคลุม เกี่ยวกับการตัดสินใจที่สำคัญและนโยบายทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดไฟป่าบนเกาะเมาวีและเกาะฮาวายในสัปดาห์นี้”

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการรับมือของทางการ โดยชาวเมืองตำหนิว่าไม่มีคำเตือนเกี่ยวกับไฟป่าที่ลุกลามตีวงล้อม และส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากติดอยู่ในเมือง

น.ส.โลเปซยังระบุอีกว่า “สำนักงานอัยการสูงสุดมีความเศร้าใจเช่นเดียวกับที่ทุกคนในฮาวายรู้สึก และขอส่งกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ สำนักงานมุ่งมั่นที่จะทำความเข้าใจกับการตัดสินใจที่เกิดขึ้นก่อน รวมถึงระหว่างไฟป่า และจะแบ่งปันผลการตรวจสอบนี้ต่อสาธารณชน”

‘ไบเดน’ ลงพื้นที่ ‘ฮาวาย’ ติดตามความเสียหายจากไฟป่า พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัย หลังถูกวิจารณ์รับมือล่าช้า

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 66 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดี ‘โจ ไบเดน’ ของสหรัฐฯ เดินทางเยือนฮาวาย เพื่อตรวจตราความเสียหายจากภัยพิบัติไฟป่าเมื่อไม่นานมานี้ ที่เผาวอดเมืองทั้งเมือง และพบปะบรรดาผู้ประสบเหตุที่รอดชีวิต

ไบเดนและภริยา พร้อม ‘จอช กรีน’ ผู้ว่าการรัฐฮาวาย เดินสำรวจความเสียหายของเมือง หลังผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ที่ไฟป่าได้เผาทำลายเมืองประวัติศาสตร์ลาไฮนา และคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 114 ราย

เปลวไฟลุกลามอย่างรวดเร็วจนชาวบ้านไม่ทันระวังตัว และต้องกระโดดลงทะเล เพื่อหลบหนีภัยพิบัติไฟป่าที่เลวร้ายที่สุดของสหรัฐอเมริกา ในรอบกว่า 100 ปี

หลังการสำรวจความเสียหายโดยรวม ไบเดนมีกำหนดจะประกาศมอบเงินทุนบรรเทาทุกข์เพิ่มเติม และแต่งตั้งผู้ประสานงานจากรัฐบาลกลางเพื่อประจำการช่วยเหลือในพื้นที่

บรรดานักวิจารณ์ รวมถึงผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติดังกล่าวในฮาวาย และฝั่งตรงข้ามอย่างพรรครีพับลิกัน ต่างระบุว่า ความช่วยเหลือในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ และยังไม่มีการกำหนดมาตรการและวิธีการช่วยเหลือฟื้นฟูที่ดีพอ

แม้กระทั่งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังกล่าวโจมตีว่า เป็นเรื่องน่าอับอายที่ประธานาธิบดีเพิ่งปรากฏตัวในพื้นที่ ทั้งๆ ที่เหตุจบไปแล้วเป็นสัปดาห์ ขณะที่ทำเนียบขาวชี้แจงว่า ไบเดนชะลอการเดินทางของเขา เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัยที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ต้องเสียสมาธิ

การเดินทางไปฮาวายครั้งนี้ ไบเดนกล่าวว่า “ผมรู้ว่าไม่มีอะไรสามารถทดแทนการสูญเสียชีวิตได้ ผมจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยให้เมาวีฟื้นตัว และถูกสร้างขึ้นใหม่จากโศกนาฏกรรมครั้งนี้” พร้อมหวังว่าการเยือนของเขาจะสร้างความมั่นใจในการฟื้นตัวให้กับฮาวาย

ชาวเมืองเมาวีกล่าวว่า กระบวนการตามหาผู้ที่ยังสูญหาย รวมทั้งการระบุตัวตนผู้เสียชีวิตนั้นดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เพราะรัฐบาลตอบสนองช้า

“แม้ว่าการค้นหาผู้สูญหายจะดำเนินการครอบคลุมพื้นที่ไปกว่า 85%แล้ว แต่อีก 15% ที่เหลืออาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ เพราะความร้อนจัดของไฟที่เผาไหม้ อาจทำให้ซากใดๆ สูญสลายไปเกินกว่าจะค้นเจอได้” จอช กรีน ผู้ว่าการรัฐฮาวาย ชี้แจงประเด็นดังกล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลกลางได้ส่งผู้เชี่ยวชาญจากเอฟบีไอ, กระทรวงกลาโหม และกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ มาเพื่อช่วยในกระบวนการระบุตัวตนที่ต้องใช้ความละเอียดอดทนสูง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top