‘แพทองธาร’ ลั่น ไม่ยึดติดต้องเป็นนายกฯเอง หากมีคนที่เหมาะสมกว่า รับเคยคิดการเมืองโหดร้ายกับตระกูลชินวัตร ชี้รัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นแล้ว
เราจะร่วมทำงานกับคนที่ มีหัวใจประชาธิปไตย เชื่อในประชาธิปไตย ไม่รู้ว่านายกฯ (ประยุทธ์) เชื่อแบบนั้นไหม เพราะไม่ได้มาจากประชาชน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย
ให้สัมภาษณ์รายการ “เปิดปาก กับ ภาคภูมิ”
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 65
‘แพทองธาร’ ลั่น ไม่ยึดติดต้องเป็นนายกฯเอง หากมีคนที่เหมาะสมกว่า รับเคยคิดการเมืองโหดร้ายกับตระกูลชินวัตร ชี้รัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นแล้ว
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ลูกสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เปิดปาก กับ ภาคภูมิ” ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ทางช่องไทยรัฐทีวี เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา โดยในรายการได้ถามว่าหากสมมติได้เป็นนายกรัฐมนตรี กลัวหรือไม่จะเป็นแบบพ่อ (ทักษิณ) ที่ถูกทำรัฐประหาร น.ส.แพทองธาร กล่าวยืนยันว่า รัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นแล้ว แต่ตนเองกลัวการถูกนำกฎหมายมาใช้แบบ 2 มาตรฐานมากกว่า เพราะทุกวันนี้ตนเองเคยพูดว่าโซเชียลมีเดียมันแรงขึ้น เรามีสื่อในมือ เราสามารถตอบคำถามและแก้ต่างในสิ่งที่มันไม่จริงได้ มั่นใจเลยว่าหากไทยรักไทยสมัยก่อนมีโซเชียลมีเดียในมือจะไม่เป็นแบบนี้ เพราะเรื่องหลายๆ เรื่องจะสามารถถูกชี้แจงได้ เพราะมีหลักฐานเพียงพอ แต่ในเวลานั้นมันไม่มีช่องทาง หรือสื่อที่จะแก้ต่างได้อย่างรวดเร็ว เพราะพ่อเองก็ไม่มีเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ที่จะตอบโต้ได้เลย
ส่วนประเด็นที่มีคนบอกว่ามาเล่นการเมือง เพราะต้องการให้นายทักษิณกลับบ้านใช่หรือไม่นั้น น.ส.แพทองธาร ตอบด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอ ว่า “แยกเป็น 2 เรื่องนะ อิ๊งค์เป็นลูกสาวคนเล็ก อิ๊งค์เป็น Daddy’s girl มาตั้งแต่วันที่อิ๊งค์จำความได้ อิ๊งค์อยากให้พ่อกลับบ้านทุกวันนะคะ ตั้งแต่วันที่ออก ลูกสาวคนเล็ก นี่เราไม่พูดถึงคนกลางคนโต พูดถึงแค่ตัวเรา เราอยากให้พ่อกลับบ้านทุกวัน ถ้าใครตามอินสตาแกรมมาตั้งแต่เนิ่นนาน อิ๊งค์พูดมาทุกครั้ง อิ๊งค์อวยพรพ่อทุกรอบ ปีหน้าจัดงานวันเกิดที่บ้านเรานะ พูดทุกรอบ (ตั้งแต่ปี 49 พูดอย่างนี้ทุกปี) ทุกปีค่ะ มันคือความหวัง นั่นคือสิ่งที่ทำให้เรา ครอบครัวอยู่ได้ เพราะเราก็มีความหวัง ไม่เคยพูดเลยว่าปีหน้าจะโอกาสน้อยลง พูดว่ามันมากขึ้นทุกปี อันนี้คือในเซ้นส์ของครอบครัว”
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า แต่ในเซ้นส์ของการเมือง เรื่องที่ตนเองแบกไว้ว่าอยากให้พ่อกลับบ้านทุกวัน มันคือปัญหาของครอบครัวตนเอง แต่ไม่ได้ต้องการจะผลักดันให้เป็นปัญหาของประเทศ เพราะการเมืองและประเทศตอนนี้ ปัญหาคือปากท้อง และประชาชนยากจน หนี้สินท่วมท้น นี่คือสิ่งที่ต้องแก้ ไม่เอามาปนกัน โดยยอมรับว่าพ่อมีความหวังจะได้กลับประเทศ เพราะปัจจุบันอายุ 73 ปีแล้ว ที่ทุกวันนี้ยังหัวเราะเฮฮา ออกกำลังกายทุกวัน เพราะยังอยากแข็งแรงทั้งใจและร่างกาย
