Tuesday, 22 April 2025
อาร์เจนตินา

‘จาเวียร์ มิเลย์’ ผู้นำ ‘อาร์เจนตินา’ คนล่าสุด อาสาพาประเทศขึ้นรถไฟเหาะ ชูนโยบายสุดขั้ว!! ทิ้ง ‘เงินเปโซ’ หันมาใช้ ‘เงินดอลลาร์-บิตคอยน์’ แทน

กลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก กับผลการเลือกตั้งล่าสุดของอาร์เจนตินา ที่ได้ผู้นำคนใหม่ ‘จาเวียร์ มิเลย์’ นักเศรษฐศาสตร์สายเสรีนิยมสุดขั้ว ที่ประกาศตัวว่าเป็น ‘เจ้าป่า’ ที่ไม่ได้มาเล่นเพื่อเลี้ยงแกะ แต่มาเพื่อปลุกอาร์เจนตินาให้กลายเป็น ‘สิงห์โต’ ที่ยิ่งใหญ่แห่งอเมริกาใต้อีกครั้ง

จาเวียร์ มิเลย์ ถือเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำอาร์เจนตินา ที่โดดเด่นเป็นที่จับตาอย่างมาก ทั้งสไตล์การพูดจากที่โผงผาง ดุดัน ไม่เกรงใจใคร อีกทั้งบุคลิกหลุดโลก จนทำให้หลายคนตั้งฉายาให้เขาว่าเป็น ‘คนบ้า’ บ้าง ‘มนุษย์วิก’ บ้าง ด้วยทรงผมที่ดูคล้าย ‘วูฟว์เวอรีน’ ตัวละครซุปเปอร์ฮีโร่ชื่อดัง

แต่เขาปฏิเสธว่าตนไม่ใช่คนบ้า และไม่ใช่ฮีโร่ แต่เป็น ‘มนุษย์เลื่อยไฟฟ้า’ (Chainsaw Man) ที่มาเพื่อผ่าวิกฤติเศรษฐกิจของอาร์เจนตินาให้สิ้นซาก ที่ติดกับดักภาวะเงินเฟ้อด้วยเลข 3 หลัก (ปัจจุบันอยู่ที่ 143%) และอัตราความยากจนพุ่งขึ้นถึง 40% มาเป็นเวลานาน และได้ใช้เลื่อยไฟฟ้าเป็นสัญลักษณ์แทนตัวเขาในช่วงหาเสียง

นอกจากบุคลิกจะหลุดโลกแล้ว นโยบายที่นำเสนอก็สุดขั้วตกขอบเช่นกัน โดยตัวเขานิยามตัวเองเป็นนักเศรษฐศาสตร์แนว ‘ทุนนิยมอนาธิปไตย’ ที่สนับสนุนการยกเลิกระบบอำนาจรัฐแบบรวมศูนย์ แต่ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดเสรีอย่างเต็มที่ ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นหนทางที่จะปลดล็อกเศรษฐกิจของอาร์เจนตินาให้เติบโตอย่างเสรีได้

จาเวียร์ มิเลย์ สัญญาว่าจะผ่อนปรนกฎหมายแรงงาน เพื่อให้อิสระแก่แรงงาน และผู้ประกอบการ และตั้งเป้ายุบกระทรวงลงกว่าครึ่ง เพื่อลดบทบาทการควบคุมของรัฐบาลให้น้อยลงให้มากที่สุด ซึ่ง 2 กระทรวงหลักที่คาดว่าจะถูกยุบก็คือ ‘สาธารณสุข’ และ ‘ศึกษาธิการ’ อีกด้วย

อีกทั้งนำเสนอวิธีแก้ไขเงินเฟ้อเรื้อรังของอาร์เจนตินา ด้วยการทิ้ง ‘เงินสกุลเปโซ’ ของชาติ แล้วไปใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แทน และจะถอนตัวจากการเข้าร่วม ‘กลุ่มพันธมิตรเศรษฐกิจใหม่’ (BRICS) ที่มีแกนนำ 5 ชาติได้แก่ บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ อีกทั้งยังประกาศลดระดับด้านการค้ากับจีน โดยเขากล่าวอย่างแข็งกร้าวว่าไม่ต้องการคบค้ากับ ‘พวกนักฆ่า’ ซึ่งหมายถึง ‘ประเทศจีน’ นั่นเอง

และด้วยนโยบายที่สุดโต่ง และดุดัน ทำให้ จาเวียร์ มิเลย์ เป็นที่นิยมในกลุ่มหนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ชาวอาร์เจนตินา ที่เทคะแนนให้เพราะคาดหวังความเปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้ว และการทลายกำแพงของกลุ่มทุนนิยม และกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมืองแบบเก่า จน จาเวียร์ มิเลย์ สามารถคว้าชัยชนะเลือกตั้งใหญ่ในอาร์เจนตินา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2566 ได้อย่างงดงาม ด้วยคะแนน 55.69%

เมื่ออาร์เจนตินา ได้ผู้นำคนใหม่กับนโยบายที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ หลายคนจึงคาดการณ์ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอาร์เจนตินาในปีหน้า 2024 ตามนโยบายที่ จาเวียร์ มิเลย์ ได้สัญญาไว้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทิ้งเงินเปโซ มาใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินสกุลหลัก ที่ จาเวียร์ มิเลย์ มองว่าเป็นหนทางที่จะแก้ปัญหาค่าเงินเฟ้อในอาร์เจนตินาได้ และจะทำให้สำเร็จภายในปี 2025 ด้วย รวมถึงบทบาทของธนาคารกลาง ที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะต้องถูกลดบทบาท (หรืออาจจะถูกยุบด้วยซ้ำ) พร้อมการรับเงินดิจิทัล อาทิ ‘บิตคอยน์’ เข้ามาใช้ในการทำธุรกรรมอย่างเต็มรูปแบบในระบบเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา

รวมถึงนโยบายต่างประเทศที่ จาเวียร์ มิเลย์ ประกาศชัดเจนว่าจะพาประเทศไปเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา และอิสราเอล อย่างเปิดเผย ซึ่งนั่นหมายถึงการตัดสัมพันธ์ด้านการค้ากับจีน อีกทั้งการลดระดับความสัมพันธ์กับรัสเซีย เพื่อสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มตัวในสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และการประกาศศึกแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ‘บราซิล’ เพื่อชิงตำแหน่งเจ้าป่าหนึ่งเดียวในทวีปอเมริกาใต้นั่นเอง

นับเป็นความทะเยอทะยานอันร้อนแรงของผู้นำป้ายแดงแห่งอาร์เจนตินา กับนโยบายสุดขั้ว เพื่อต้องการพลิกประเทศจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่ทำให้ชาวอาร์เจนตินาในตอนนี้เหมือนกำลังขึ้นรถไฟเหาะแห่งความเปลี่ยนแปลง ที่มีทั้งอารมณ์ ‘ตื่นเต้น’ และ ‘ตื่นกลัว’ ว่าผลงานของ ผู้นำ ‘มนุษย์เลื่อยไฟฟ้า’ (Chainsaw Man) จะได้ออกมาเป็น ‘ไม้เนื้องาม’ หรือ ‘ขี้เลื่อย’

‘ทนง’ ชี้!! ‘อาร์เจนตินา’ จะเลวร้าย หากถอนตัวจากบริกส์-ใช้เงินดอลลาร์ เชื่อ ผู้นำคนใหม่จะพาประเทศถอยหลังเข้าคลองอย่างแน่นอน

(23 พ.ย. 66) นายทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ร่วมสนทนาในรายการ ‘คนเคาะข่าว’ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง ‘นิวส์วัน’ ในหัวข้อ ‘อาร์เจนตินาถอนตัว BRICS ทิ้งเงินเปโซ หันมาใช้ดอลลาร์แทน’

โดยนายทนง กล่าวในช่วงหนึ่งว่า ‘จาเวียร์ มิเลย์’ คว้าชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีอาร์เจนตินา สะท้อนถึงความสิ้นหวังของประชาชนชาวอาร์เจนตินา ว่าที่ผ่านมาต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจตลอดหลายสิบปี และไม่สามารถฟื้นออกจากวิกฤตได้ ค่าเงินเปโซตกต่ำแบบไม่เหลือค่า เงินเฟ้อราว 140 เปอร์เซ็นต์ ประชาชนจึงต้องการความเปลี่ยนแปลง

กระทั่ง นายจาเวียร์ มิเลย์ ได้นำเสนอการเปลี่ยนแปลงที่ฟังดูถูกใจประชาชน มองว่าอาจเป็นทางออกของประเทศในการยกเลิกเงินเปโซ และใช้ดอลลาร์แทน ซึ่งเท่ากับยกเลิกอธิปไตยทางด้านการเงิน ในขณะที่ธนาคารกลางอเมริกากำลังมีปัญหาในการดูแลเงินเฟ้อ ตอนนี้มีปัญหาความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์อยู่แล้ว แต่อาร์เจนตินากลับถอยหลังเข้าคลอง

นอกจากนี้ นายจาเวียร์ มิเลย์ ยังจะนำอาร์เจนตินาออกจากกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS) ทั้งที่เพิ่งได้เข้าเป็นสมาชิกในการประชุมที่ผ่านมา โดยจะมีผล 1 ม.ค. ปีหน้า แต่นี่กลับจะถอนตัวออก โดยบอกว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

นายทนง กล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าสถานการณ์อาร์เจนตินาจะเลวร้ายลง ไม่แน่ใจดอลลาร์ซัปพลายจะมาจากไหน ยกเลิกแบงก์ชาติแล้วใครจะบริหารการเงินของประเทศ พูดหาเสียงได้ แต่ใช้จริงจะใช้ได้หรือเปล่า? ก็ต้องรอดู…

อย่างไรก็ตาม คาดว่า นายจาเวียร์ มิเลย์ น่าจะมีชาติฝั่งตะวันตกอยู่เบื้องหลัง เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของบริกส์ เนื่องจากที่ผ่านมา ‘จีน’ ให้การช่วยเหลืออาร์เจนตินาอย่างมาก จู่ๆ ผู้นำเข้ามาจะตัดขาดจากบริกส์ ทั้งที่เศรษฐกิจเสียหายอย่างหนักตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ก็สืบเนื่องมาจากนโยบายของฝั่งตะวันตก

การร่วมกับบริกส์น่าจะช่วยเรื่องการค้าของอาร์เจนตินาด้วยซ้ำไป แต่อยู่ๆ มาล้มโต๊ะแบบนี้ เชื่อว่าจะเจอกับวิกฤตเศรษฐกิจหนักหน่วงและรุนแรงกว่าเดิมอย่างแน่นอน

งามนะ!! สาวใหญ่ วัย 60 ปี คว้า ‘มิสยูนิเวิร์สบัวโนสไอเรส’ เตรียมเดินหน้าชิงมงระดับชาติ หากชนะมุ่งสู่เวทีมิสยูนิเวิร์ส

(2 พ.ค. 67) เลฮานดรา มาริซา โรดริเกรซ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าตำแหน่งชนะเลิศการประกวดนางงาม ‘มิสยูนิเวิร์สบัวโนสไอเรส’ แม้จะมีอายุ 60 ปีแล้วก็ตาม ได้เป็นตัวแทนรัฐแห่งนี้เข้าชิงมงกุฎมิสยูนิเวอร์สระดับประเทศต่อไป

โดยทนายความและผู้สื่อข่าวรายนี้ทำลายธรรมเนียมปฏิบัติและหว่านเสน่ห์ครองหัวใจผู้คนชาวอาร์เจนตินา เอาชนะคู่แข่งขันสาวสวยคนอื่น ๆ ที่มีอายุอ่อนว่าเธอราว 30 ถึง 40 ปี คว้าตำแหน่งชนะเลิศมิสยูนิเวิร์สบัวโนสไอเรส ประจำปีนี้ไปครอง

สำหรับชัยชนะของโรดริเกรซ ถือเป็นตัวแทนของหมุดหมายประวัติศาสตร์ในการท้าทายธรรมเนียมปฏิบัติที่ยึดถือมาช้านานและถือเป็นการกำหนดคำนิยมใหม่ในมาตรฐานของสังคมในด้านความสวยงาม

หลังจากคว้าชัยชนะอย่างสุดช็อกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โรดริเกรซ เผยว่า เธอมีความรู้เป็นอย่างยิ่งที่ถูกเลือกเป็นตัวแทนแห่งยุคสมัยใหม่ของการประกวดนางงาม "ฉันตื่นเต้นที่ได้เป็นตัวแทนของกระบวนทัศน์ในการประกวดนางงาม เพราะว่าเรากำลังอ้าแขนรับขั้นใหม่ ที่ผู้หญิงไม่ใช่แค่สวยงามในด้านรูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงค่านิยมต่าง ๆ ฉันเป็นครั้งแรกของยุคนี้ที่ได้เป็นคนเริ่มมัน"

เวลานี้ โรดริเกรซ ตั้งตาคอยและกำลังวางแผนสำหรับการเข้าชิงชัยในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส อาร์เจนตินา ต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ถ้าเธอประสบความสำเร็จ เธอจะได้เป็นตัวแทนของประเทศเข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สระดับโลก ครั้งที่ 73 ที่เม็กซิโก ซิตี ในช่วงปลายปี

อย่างไรก็ตาม โรดริดเกรซ ไม่ใช่ผู้หญิงอายุเยอะเพียงคนเดียวที่เข้ามาเขย่าธรรมเนียมปฏิบัติของการประกวดนางงามในประเทศของเธอเอง โดยก่อนหน้านี้ ไฮดี ครูซ คุณแม่ลูก 2 วัย 43 ปี โค้ชด้านสุขภาพและผู้เชี่ยวชาญด้านฟิตเนส กำลังแข่งขันเพื่อเป็นตัวแทนของสาธารณรัฐโดมินิกัน เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2024

เรื่องราวนี้มีขึ้นหลังจากกองประกวดได้บังคับใช้กฎเกณฑ์ใหม่เป็นครั้งแรก หนึ่งในนั้นคือการยกเลิกจำกัดอายุผู้เข้าประกวด และตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ผู้หญิงทุกคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมชิงชัย โดยไม่สนว่าจะมีอายุเท่าใดก็ตาม หลังจากที่ผ่าน ๆ มา จนถึงปี 2023 ผู้เข้าประกวดจำเป็นต้องมีอายุระหว่าง 18 ปีถึง 28 ปี

'อาร์เจนตินา' ต่อเวลาเฉือนชนะ 'โคลอมเบีย' 1-0 คว้าแชมป์โคปา 2024 แม้ 'เมสซี่' เล่นไม่จบเกม

(15 ก.ค. 67) รายงานข่าวระบุว่า ฟุตบอลโคปา อเมริกา 2024 รอบชิงชนะเลิศ อาร์เจนตินา แชมป์เก่า จะพบกับ โคลอมเบีย ซึ่งเกมนี้เตะกันที่ สังเวียน ฮาร์ดร็อค สเตเดี้ยม รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา โดยคู่นี้เคยพบกันล่าสุดในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก และหนนี้เป็นทีม 'ฟ้าขาว' เปิดบ้านชนะ 1-0 จากประตูชัยของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ

สำหรับเกมนี้ ได้มีการเลื่อนแข่งขันออกไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากเหตุความวุ่นวายเมื่อแฟนบอลบางส่วนไม่มีตั๋วเข้าสนามไม่ได้ จนเกิดความโกลาหลฝ่าประตูกันเข้ามา จากนั้นเกมกลับมาแข่งขันตามเดิม

ฟากทัพฟ้าขาว ลิโอเนล สกาโลนี่ กุนซือแชมป์โลก 2022 ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บส่งผู้เล่นชุดเดิมลงสนาม นำทัพโดย ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีม เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ผู้รักษาประตู, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, อังเคล ดิ มาเรีย และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ 

ส่วน โคลอมเบีย ของ เนสตอร์ ลอเรนโซ่ บอสใหญ่ ไม่มี ดาเนียล มูนญอซ ที่โดนใบแดงนัดที่แล้ว จัดทัพส่ง ฮาเมส โรดริเกซ กัปตันทีมทัพ พร้อมด้วย ดาวินซอน ซานเชซ, เจฟเฟอร์สัน เลร์ม่า, หลุยส์ ดิอาซ และ จอน กอร์โดบา

เริ่มครึ่งแรก โคลอมเบีย สร้างโอกาสได้ดีกว่า แต่แนวรับของอาร์เจนตินายังคงเหนียวแน่น ส่งผลให้เกมยังคงไม่มีสกอร์จนถึงครึ่งแรก 0-0 

กลับมาครึ่งหลังนาที 58 อาร์เจนตินา มีลุ้นจาก ดิ มาเรีย ได้บอลด้านซ้ายของกรอบเขตโทษ แล้วตัดบอลเข้ามาก่อนยิงไปที่มุมไกล คามิโล วาร์กัส เซฟไว้ได้ 

นาที 64 เมสซี่ ปะทะกับนักเตะโคลอมเบีย ได้บาดเจ็บแต่กลับมาลงสนามเพื่อเล่นต่อ แต่ว่าผ่านมาแค่ 2 นาที กัปตันทีมชาวอาร์เจนตินา เล่นต่อไม่ไหวเดินกะเผลกออกจากสนามด้วยน้ำตา โดยส่ง นิโก้ กอนซาเลซ ลงมาแทน 

จากนั้นทั้งสองทีมไม่มีฝั่งไหนทำสกอร์ได้จบ 90 นาที เสมอ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษ จากนั้นนาที 112 เลาตาโร่ มาร์ติเนซ จบสกอร์อย่างเฉียบขาดที่มุมไกล กลายเป็นประตูชัยให้ อาร์เจนตินา เฉือนชนะ โคลอมเบีย 1-0 คว้าแชมป์โคปา อเมริกา 2024 มาครองได้สำเร็จ และเป็นแชมป์สมัยที่ 16

สำหรับการคว้าแชมป์ในหนนี้ของ อาร์เจนตินา ส่งผลให้ทัพฟ้าขาวสามารถ ซิวแชมป์ระดับเมเจอร์ได้ 3 รายการติดต่อกัน ได้แก่ Copa America 2021 / World Cup 2022 และ 2024 กับ Copa America

‘นักเตะฝรั่งเศส’ ปะทะเดือด ‘นักเตะอาร์เจนตินา’ หลังกรรมการ เป่านกหวีดจบเกม ปม!! เหยียดเชื้อชาติ ทำตะลุมบอนวุ่นวาย ‘อองรี’ ขอโทษที่ไม่สามารถระงับเหตุได้

(3 ส.ค.67) ภายหลังจบเกมการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ 2024 รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่สนาม สต๊าด มัตมุต-อัตลานติก บอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศส คืนวันที่ 2 ส.ค.67 ระหว่างทีมชาติ ‘ฝรั่งเศส’ พบกับทีมชาติ ‘อาร์เจนตินา’ โดยผลการแข่งขันเป็นทีมเจ้าภาพ เอาชนะ ทัพฟ้าขาวไปได้ 1-0 และหลังสิ้นเสียงนกหวีดจบเกมได้เกิดเหตุเหตุการณ์เดือดผู้เล่นทั้งสองทีมตะลุมบอนกัน

ทั้งนี้ ก่อนเกมการแข่งขัน ทั้ง 2 ทีมถูกจับตามองเป็นพิเศษอยู่แล้ว เนื่องจากมีประเด็นเหยียดเชื้อชาติกันมาตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2022

ต่อมา เอนโซ แฟร์นานเดซ มาเติมเชื้อไฟกับการร้องเพลงดูถูกผู้เล่นฝรั่งเศส หลังคว้าแชมป์โคปา อเมริกา ก่อนหน้าโอลิมปิกเกมส์ที่ปารีส จะเริ่มต้นขึ้นไม่กี่สัปดาห์

สำหรับเกมเมื่อคืนวันศุกร์ เพลงชาติอาร์เจนตินาก็ถูกโห่ขับไล่จากแฟนบอลที่บอร์กโดซ์ เช่นเดียวกับผู้เล่นอาร์เจนตินาที่ถูกโห่เป็นระยะด้วย

จนกระทั่งสิ้นเสียงนกหวีดจบเกม ระหว่างที่ผู้เล่นฝรั่งเศสกำลังวิ่งลงไปในสนามเพื่อฉลองชัยชนะ พวกเขาเกิดไปปะทะกับผู้เล่นอาร์เจนตินาที่ไม่พอใจอะไรสักอย่าง จนเรื่องราวลุกลาม ผู้เล่นและทีมงานกรุเข้าหากัน ทั้งห้ามทัพและผสมโรง

ขณะที่ เอนโซ มิโลท์ ผู้เล่นฝรั่งเศสถูกใบแดงหลังจากที่เกมจบลงแล้วด้วย

โดยมีรายงานข่าวว่า ในอุโมงค์เข้าสนามก็มีเหตุการณ์วุ่นวายในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีก

เธียร์รี่ อองรี กุนซือทีมตราไก่ให้สัมภาษณ์หลังเกม ยืนกรานว่า ชัยชนะในเกมนี้ไม่ใช่การแก้แค้นอาร์เจนตินา ที่เคยชนะพวกเขาตอนฟุตบอลโลก

"เราไม่ถือว่านี่คือการแก้แค้น เพราะฟุตบอลโลกมันคืออีกทีม" อองรี กล่าว

"ผมต้องขอโทษสำหรับเหตุการณ์วุ่นวายในช่วงหลังจบเกม มันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการและผมไม่สามารถควบคุมมันได้ อันที่จริง พวกเขาได้ให้ใบแดงผู้เล่นด้วย"

'ฮังการี' จ่อถอดตัว 'อนามัยโลก' หลังสหรัฐฯ-อาร์เจนตินานำร่อง ชี้มหาอำนาจยังเมิน

(7 ก.พ.68) หลังจากสหรัฐฯ และอาร์เจนตินาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ล่าสุด ฮังการีอาจเป็นประเทศถัดไปที่พิจารณาก้าวออกจากองค์กรนี้  

เมื่อวันพฤหัสบดี สำนักงานของนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน แห่งฮังการี เปิดเผยว่ากำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการถอนตัวจาก WHO โดย เกร์เกย์ กุยยาช รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “หากประเทศที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกตัดสินใจออกจากองค์กรระหว่างประเทศ เราก็ควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าจะเดินตามแนวทางนั้นหรือไม่”  

กุยยาชระบุว่า ฮังการีอาจตัดสินใจอยู่ต่อ หรืออาจเลือกทางอื่น แต่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างจริงจัง เนื่องจาก “ประชาธิปไตยที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกตัดสินใจออกจาก WHO ด้วยความสมัครใจ”  

ในวันเดียวกัน รองประธานสภารัสเซียก็ออกมาสนับสนุนแนวคิดการถอนตัว โดย พีออตร์ ตอลสตอย สมาชิกพรรคสหรัสเซียของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เขียนบน Telegram ว่า “ถึงเวลาตรวจสอบการทำงานของ WHO ในรัสเซียอย่างละเอียด และในระหว่างกระบวนการตรวจสอบ เราควรระงับสมาชิกภาพของรัสเซีย หรือทางที่ดีกว่า เราควรอำลา WHO ไปเลย”  

ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และพันธมิตรได้วิจารณ์ WHO ว่าแทรกแซงอธิปไตยของประเทศต่างๆ ถูกจีนครอบงำ และบริหารจัดการวิกฤตโควิด-19 อย่างผิดพลาด อย่างไรก็ตาม เทดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการ WHO ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยกล่าวต่อที่ประชุมสมาชิกว่า WHO เป็นองค์กรที่เป็นกลางและทำงานเพื่อประโยชน์ของทุกประเทศทั่วโลก  

“เมื่อประเทศต่างๆ ขอให้ WHO ดำเนินการเกินขอบเขตหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเพื่อสนับสนุนสุขภาพโลก เราก็ต้องปฏิเสธอย่างสุภาพ” เทดรอสกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top