Monday, 21 April 2025
อัษฎางค์_ยมนาค

'อัษฎางค์' ยกย่องคอมเมนต์ชาวเน็ต ผู้กระจ่างในประเด็น 'ท่านอ้น' เคารพในความเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข แต่ไม่เลยเถิดจนนำไปสู่ความแตกแยก

(3 พ.ค. 67) เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

“เรื่องท่านอ้น 
ขอแบบเคลียร์ ๆ ชัด ๆ ตรงประเด็นไม่ต้องอ้อมค้อม

มีคอมเมนต์ที่แสดงความคิดเห็นได้ถูกต้องตรงตามเจตนารมณ์ที่ผมเขียนโพสต์เรื่องเหล่านี้หลายท่าน หนึ่งในนั้นคือท่านนี้...

**โดยส่วนตัว ผมไม่ได้รู้สึกยินดี ยินร้าย หลงใหล ได้ปลื้มหรือเกลียดชัง ต่อตัวท่านอ้นเลยนะครับ

**แต่ที่มาออกมาเสี่ยงโพสต์บทความต่าง ๆ เพราะเห็นคนไทยกลุ่มหนึ่ง คิดและทำอะไรเกินเลย และเลยเถิดไปมาก

**คนไทยบางกลุ่มแทบจะทำตัวเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้ง หรือพูดตรง ๆ ว่าทำตัวเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียเอง โดยการแต่งตั้งคุณอ้น ให้เป็นเจ้า ให้เป็นรัชทายาทไปแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไปกดดันเบื้องสูง ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ทั้งโดยตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์

เพราะฉะนั้น ผมจึงเสี่ยงชีวิตตัวเองออกมาเตือนสังคม

**อย่าคิดว่าผมจงเกลียดจงชังท่านอ้น ผมเปล่าเลย สมัยก่อนตอนท่านทั้ง 4 ยังเป็นเด็ก ๆ ผมเคยรู้สึกสงสาร เห็นใจท่านทั้ง 4 ด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้ท่านเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว ท่านไม่ได้ต้องการความสงสารแล้ว

บางคนแทบไม่รู้จักหรือลืมประวัติศาสตร์ ความเป็นมาและเป็นไปของครอบครัวท่านด้วยซ้ำ

เช่นหนึ่งในคอมเมนต์ตัวอย่างนี้ นำท่านอ้นไปเปรียบเทียบกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง ขนาดในหลวงรัชกาลที่ 10 พระองค์ยังไม่นำพระองค์ท่านไปเทียบรัชกาลที่ 9 เลย 

อย่านำใครไปเปรียบเทียบกับในหลวง ร.9 นะครับ ไม่มีใครสร้างสมบารมีได้เทียบเท่ากับพระองค์ท่าน 

คำที่ว่า ไม่มีใครคิดว่ารัชกาลที่ 9 จะได้ครองราชย์ นั้นเพราะท่านมีพี่ชายคือรัชกาลที่ 8 

รัชกาลที่ 8 เป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 รัชกาลที่ 9 เป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 มาตั้งแต่แผ่นดินรัชกาลที่ 7 แล้วเพราะพระราชบิดาของท่านเป็นเจ้าฟ้าที่เป็นรัชทายาท และพระมารดาเป็นภรรยาเจ้าที่ไดัรับการสมรสพระราชทาน

แม่ของท่านอ้นยิ่งเทียบไม่ได้กับสมเด็จย่า

สมเด็จย่าเป็นภรรยาหลวง ส่วนอีกท่านคือ ขออนุญาตพูดภาษาชาวบ้านว่า ท่านไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นภรรยาหลวง ไม่ได้เป็นภรรยาเจ้า ซึ่งพูดกันตรง ๆ ไปเลยตามข้อเท็จจริงว่า ทั้งครอบครัวและคนไทยทั้งประเทศ ไม่ยอมรับ สุดท้ายด้วยความเป็นตัวของตัวท่านเอง ทำให้ท่านต้องเลิกลาและต้องไปอยู่ในต่างประเทศ อันนี้ไม่ได้ลบหลู่ดูหมิ่นหรือให้ร้ายนะครับ แต่เป็นข้อเท็จจริง 

ส่วนเรื่องลูก ๆ นั้น ชาวเราทั้งหลายพูดกันหนาหู โดยว่ากันว่า พ่อก็ถามแล้วว่า ลูกจะเลือกอยู่กับใคร พวกลูก ๆ ก็เลือกอยู่กับแม่ ลูกทิ้งพ่อ ไม่ใช่พ่อทิ้งลูก นะครับ (ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่มีผิดไม่มีถูกนะครับ)

ที่พูดถึงเรื่องเหล่านี้ ก็ด้วยจุดประสงค์ที่ชัดเจนในการปกป้ององค์พระมหากษัตริย์ ที่ถูกคนนินทาว่าร้าย และชอบไปคิดว่าพ่อใจร้ายทิ้งลูก ความจริงมันตรงกันข้ามนะครับ

ที่ต้องพูดกันตรง ๆ ขนาดนี้ เพราะสังคมไทยกำลังจะเลยเถิดไปกันใหญ่โตมาก

ท่านอ้น ท่านจะมาเที่ยว หรือมาอยู่เมืองไทย จะมีแฟน จะมีภรรยา มีครอบครัว จะหย่า จะเลิก จะไม่เลิก หรือไม่อย่างไร ไม่มีปัญหาใด ๆ ผมไม่ได้ยินดีหรือยินร้ายอะไร ใด ๆ ทั้งสิ้น มันเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน

แต่ที่ผมเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ เพราะมีคนไทยบางกลุ่มที่ คิดและทำอะไรเลยเถิดเกินไปมาก

หรืออาจจะพูดตรง ๆ ได้ว่า มีบางคนบางกลุ่ม กำลังใช้ท่านอ้นเป็นเครื่องมือทำมาหากินของตนเอง หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า โหนท่านอ้น โหนเจ้าหากิน

โปรดได้เข้าใจเจตนารมณ์ของผมให้ถูกต้องด้วยครับ

ถ้าเจอตัวท่านอ้น ผมก็คงเหมือนคนไทยทั่วไป คือ สามารถกราบไหว้ ท่านได้ด้วยใจเคารพในความเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข

แต่ที่ผมเคลื่อนไหว เพื่อสะกิดหรือเตือนสติพี่น้องชาวไทยด้วยกัน ว่าท่านกำลังคิดและทำบางอย่างเลยเถิดมากเกินไป การที่ท่านทั้งหลายไปพูดถึงความเป็นไปได้ที่ท่านอ้นจะเป็นรัชทายาท คือการไปกดดันในหลวงหรือไม่

การใช้คำว่า ทรงพระเจริญ หรือที่เห็นบ่อยๆ ที่คนชอบนำมาโพสต์โดยการเน้นย้ำซ้ำ ๆ อยู่เสมอ ด้วยการเขียนหรือการโพสต์ว่า ท่านอ้นเป็นพระโอรส ซึ่งนั้นคือการมีจุดประสงค์แอบแฝง ในการอ้างเบื้องสูง เพื่อใช้เกิดเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งยวด

โปรดได้เข้าใจเจตนารมณ์ของผมให้ถูกต้องด้วยครับ

อัษฎางค์ ยมนาค

‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์’ ถาม ‘ธนาธร’ ฮั้วเลือกตั้ง คือการสร้างประชาธิปไตย ? ด้าน ‘สว.สมชาย’ ตั้งข้อสังเกต อาจผิดเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญ

(6 พ.ค.67) อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ เรื่อง ฮั้วกระบวนการเลือกตั้ง คือการสร้างประชาธิปไตย จริงหรือ? ระบุว่า แกนนำคณะก้าวหน้าวิจารณ์ว่า ระบบเลือก สว. นี้ออกแบบมาเพื่อ ‘กีดกันประชาชนไม่ให้มีส่วนร่วม’ ซึ่งต่อมาธนาธรได้กล่าวว่าการทำให้ประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตย การเมืองไทยกลับสู่ภาวะปกติ ต้องเริ่มต้นที่การเลือก สว. หากมี สว. ประชาชนที่ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยเข้าไปดำรงตำแหน่งมากพอ ก็จะช่วยถอดสลักและแก้ปมที่พันกันได้

สำหรับคำจำกัดความของ ‘สว. ประชาชน’ ของคณะก้าวหน้าคือ คนธรรมดาที่ ‘ฝักใฝ่ประชาธิปไตย’ และลงสมัคร สว. โดยไม่รับเงินทองและอามิสสินจ้าง คนที่ลงสมัคร สว. มี 3 ประเภทคือ 

1.คนที่สมัครเพราะต้องการเป็น สว. จริง ๆ 

2.คนที่สมัครแบบเป็นก็ได้-ไม่เป็นก็ได้ 

3.คนที่สมัครเพราะต้องการเข้าไปโหวต 

ซึ่งคน 2 กลุ่มหลังอาจไม่จำเป็นต้องเข้าไปแสดงตัวในเว็บไซต์ หมายความว่า ธนาธร รณรงค์ให้ประชาชนที่สนับสนุนแนวคิดของเขาสมัครเพื่อเป็นโหวตเตอร์ ใช่หรือไม่

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เปิดแคมเปญ “สว. ประชาชน” รณรงค์ให้ประชาชนผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย ไปลงสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

สำหรับ สว. ชุดใหม่จะมาจากการ ‘เลือกกันเอง’ ในกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม และ ‘เลือกไขว้กลุ่ม’ โดยผู้สมัครต้องผ่านการเลือก 3 ระดับ จากอำเภอ ขึ้นสู่จังหวัด และประเทศ  โดยเขาเคยให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘คุยนอกจอ’ กับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ว่า ต้องการยอดผู้สมัครอย่างน้อย 1 แสนคนเป็นตัวเลขเป้าหมาย หากทำได้ก็จะได้เสียงส่วนใหญ่ของ สว.

ซึ่งนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบคณะบุคคล/ตัวแทนพรรคการเมือง ที่มีกระบวนการรณรงค์ให้ประชาชนสมัคร สว. โดยระบุว่า “เข้าข่ายฮั้วในกระบวนการเลือกกันเองของ สว.” เนื่องจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2560 และพระราชบัญญัติ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ. 2561 ต้องสมัครเพื่อเป็น สว. ไม่ใช่สมัครเพื่อเป็นโหวตเตอร์

สรุป ธนาธร คนที่ประกาศว่า “ถ้าประเทศไทยยังเดินไม่ถูกทาง ยังไม่เป็นประชาธิปไตย ยังหาผู้นำทางการเมืองที่เหมาะสมกว่าผมไม่ได้ ถ้าต้องทำ (เป็นแคนดิเดตนายกฯ) ก็ต้องทำ” อันหมายความว่า ธนาธรเท่านั้นที่จะมาเป็นผู้นำเพื่อสร้างประชาธิปไตยที่ถูกต้อง หรือไม่

แต่การรณรงค์ให้ประชาชนที่สนับสนุนแนวคิดของตน ลงสมัคร สว.โดยไม่ต้องหวังจะสมัครเพื่อเป็น สว. แต่สมัครไปเพื่อจะได้มีสิทธิ์โหวตคนที่ตนเองหรือพรรคพวกของตนเองให้ได้เป็น สว.  ซึ่งนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ตั้งข้อสังเกตว่า จะถือว่าเป็นการเข้าข่ายฮั้วในกระบวนการเลือกกันเองของ สว.ซึ่งผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ หรือไม่

คนที่มีแนวคิดแบบนี้นะหรือที่ประกาศว่าจะมาสร้างประชาธิปไตยให้กับประเทศไทย และประกาศว่าประเทศไทยต้องมีผู้นำที่ชื่อ ธนาธร เท่านั้นถึงจะเป็นประชาธิปไตย

'อัษฎางค์' มอง!! 'โพสต์พี่เล็ก' ไม่เอี่ยวการเมือง แต่เตือน 'พี่แอ๊ด' ให้หยุดพูดเรื่องการเมือง

(14 ส.ค. 67) อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า…

จากแอ๊ด เล็ก จนมาถึงเอ็ด

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่า เห็นข่าวนี้มาตั้งแต่แรก และไม่อยากมีดราม่าหรือมีส่วนร่วมในดราม่านี้เลย แต่มันเห็นข่าวหรือที่มีคนเอามาแชร์กันซ้ำ ๆ สุดท้ายก็อดใจไม่ได้ที่อยากจะพูดในมุมที่ตัวเองเห็นบ้าง

จากที่เห็นในข่าวหรือที่คนพูดกันสนั่นโซเชียลคือ พี่เล็กโพสต์ข้อความแสดงพฤติกรรมเหมือนพี่แอ๊ดที่เชียร์ก้าวไกลว่าโดนศาลรังแกตัดสินยุบพรรค แต่เท่าที่ผมอ่านจากโพสต์ของพี่เล็ก ซึ่งเป็นต้นเรื่องดรามานี้ ผมว่าไม่น่าจะใช่

ขอเริ่มต้นแบบนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าพี่เล็กเชียร์ก้าวไกลหรือไม่ หรือพี่เล็กสนับสนุนการเมืองฝ่ายไหน เพราะยังไม่เคยเห็นพี่เล็กเชียร์ใครหรือด่าใคร แต่จากที่อ่านตามตัวหนังสือจากโพสต์ของพี่เล็ก ผมว่าประเด็นสำคัญเลยคือ “เรื่องที่พี่เล็กทั้งเตือน ทั้งห้าม ทั้งปราบให้พี่แอ๊ดหยุดพูดเรื่องการเมืองเสียที” ก็เท่านั้น

ประโยคนี้ที่พี่เล็กเล่าว่า… “เมื่อวานขณะอยู่บนเวทีพี่แอ๊ดพูดกับผู้ชมว่า "ผมแก่แล้ว ไม่อยากพูดเรื่องการเมืองแล้ว" แล้วแกก็หันมาทางผมพร้อมพูดว่า "เดี๋ยวโดนพี่เล็กว่า พี่เล็กเค้าห้ามไว้" 

ตรงนี้มันแสดงให้เห็นผ่านตัวหนังสือว่า “ไม่มีใครกล้าเตือนพี่แอ๊ด และพี่แอ๊ดไม่ฟังใคร แต่พี่แอ๊ดฟังพี่เล็ก และอาจจะมีพี่เล็กคนเดียวที่ทำได้” และทบทวนดูดี ๆ ไอ้คำพูดของพี่แอ๊ดที่ว่า "ผมแก่แล้ว ไม่อยากพูดเรื่องการเมืองแล้ว" ผมว่าเกิดการเตือนมาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งพี่แอ๊ดก็ทำซ้ำ แล้วหลังจากนั้นก็พูดซ้ำอีกว่า “ไม่เอาแล้ว ไม่พูดแล้ว” แต่เชื่อเถอะ แกไม่หยุดหรอก มันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำ ๆ ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

บรรทัดต่อมาพี่เล็กเขียนต่อว่า… “ในมุมของผม เห็นว่าพี่แอ๊ดยังทำอะไรเกี่ยวกับการเมืองและประเทศของเราได้อีกมากมาย เช่นเขียนหนังสือเป็นต้น อีกอย่าง พวกเราสว.กันแล้ว ควรปล่อยให้ลูกหลานเค้าแสดงฝีมือแสดงพลังกันบ้าง“

ตรงนี้ อ่านดูดี ๆ ว่าพี่เล็กไม่ได้พูดถึงพรรคการเมืองหรือนักการเมือง ไม่ได้พูดว่า “ปล่อยให้ก้าวไกลได้แสดงฝีมือบ้าง“

ประโยคนี้… “พวกเราสว.กันแล้ว ควรปล่อยให้ลูกหลานเค้าแสดงฝีมือแสดงพลังกันบ้าง” ผมเข้าใจว่า พี่เล็กพูดถึงพวกเราประชาชนคนอื่น ๆ พูดว่า ปล่อยให้คนอื่นเค้าพูดเรื่องการเมืองกันไป วิจารณ์การเมืองกันไป เรา พี่แอ๊ด พี่เล็ก เป็น สว. เป็นผู้สูงวัยแล้ว หยุดเถอะแล้วปล่อยให้เด็ก ๆ เขาพูดกันไป ปล่อยให้เด็ก ๆ เค้าวิจารณ์การเมืองไป แต่พี่แอ๊ดควรหยุดพูดได้แล้ว” ไม่ใช่  “ปล่อยให้เด็ก ๆ (พรรคก้าวไกล) เขาแสดงฝีมือกันไป”

ส่วนตรงนี้…. “พี่แอ๊ดเองก็พูดให้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ ว่า เด็ก ๆ สมัยนี้เก่ง และมีแนวคิดที่น่าสนใจ แกว่าแกยังชอบฟังพวกเค้าเวลาอภิปรายกันเลย” ตรงนี้ชัดเจนว่า พี่เล็กพูดให้เห็นภาพว่าพี่แอ๊ดเชียร์ก้าวไกล ชอบดูการอภิปรายของก้าวไกลในสภา

ส่วนตอนท้ายซึ่งเป็นเหมือนบทสรุปที่ว่า…“เมื่อเวลาพี่แอ๊ดนิ่ง ๆ และปล่อยวาง แกดูน่าเคารพมาก ๆ เลย”

ตรงนี้แปลว่า “พี่แอ๊ดอยู่นิ่ง ๆ นะดีแล้ว”

“มะม่วงไม่เด็ดก็ร่วงเองถ้ามันสุก” ผมไม่แน่ใจว่าพี่เล็กเปรียบเทียบมะม่วงกับอะไร แต่มันเป็นเรื่องจริงของมะม่วงสุก

สรุปนะ พี่เล็กสนับสนุนการเมืองขั้วไหน ผมไม่รู้ และเอาจริง ๆ ลองทบทวนกันดูได้ว่า พี่แอ๊ดพูดหรือวิจารณ์การเมืองบนเวทีคอนเสิร์ตหรือหน้าเพจโซเชียลมีเดียบ่อย ๆ แล้วเหมือนคนแก่ในครอบครัวเรา ๆ ท่าน ๆ อีกหลาย ๆ คน ที่วันนี้พูดอย่าง วันหน้าทำอีกอย่าง แล้วมักทำอะไรย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ทั้งที่คนรอบข้างทั้งห้าม ทั้งดุ ทั้งบ่น แต่ก็มีพฤติกรรมเหมือนเดิม

คราวก่อนพี่แอ๊ดด่าลุง พูดพาดพิงถึงเบื้องสูง แล้วผ่านไปอีกไม่กี่วันก็คิดได้หรือไม่ก็มีคนไปสะกิด แล้วแกก็ออกมาบริจาคเงิน 50 ล้านแก้เก้อ คืออยู่ดี ๆ ก็เสียเงินเพียงเพราะปากเสียเผลอไปพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด เหมือนคราวนี้ก็เจอกระแส แบนทุกอย่างที่มีชื่อ คาราบาว ตั้งแต่วงดนตรีคาราบาวยันเครื่องดื่มคาราบาวแดง คือ แกพูดความเห็นส่วนตัว แต่เพื่อนร่วมวง ร่วมธุรกิจ ซวยตามกันทั้งยวง

“แต่พี่เล็ก คือ คนที่ไม่วิจารณ์การเมือง ออกอากาศเลย”

พี่เล็กจะชอบขั้วการเมืองไหนผมไม่รู้ และผมว่าไม่สำคัญว่าแกจะเชียร์ใคร เราเลือกที่จะอยู่ในสังคมประชาธิปไตย เราต้องเคารพในความต่างนั้น

เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งซึ่งรักกันมากมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเป็นคนดีมากด้วย แต่เขาชอบทักษิณ พอมีธนาธร เขาก็เปลี่ยนมาชอบธนาธร แต่ถามว่าความเป็นคนมีอัธยาศัย มีมิตรไมตรี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นของเขาเปลี่ยนไปหรือไม่ คำตอบคือไม่เปลี่ยนไปเลย และผมกับเขาก็ยังรักกันฉันเพื่อนสนิทเหมือนเดิม แต่เราจะไม่คุยกันเรื่องการเมือง เพราะเราอยู่คนละขั้ว 

ถามว่า เราต้องเลิกคบกันมั้ย ผมว่า ตราบใดที่เราและเขาไม่คิดทำลาย ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันไป 

ทัศนคติทางการเมือง อาจไม่ได้เกิดจากการศึกษาหรือความฉลาดที่ต่างกันหรือใครมีมากกว่ากัน เขาไม่ฉลาดหรือโง่กว่าเรา แต่อาจเกิดจากความสามารถในการรับรู้ แยกแยะที่ต่างกัน

คนก๊วนเดียวกับพี่แอ๊ด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือน้อง ๆ ของพี่แอ๊ด ไม่ได้แปลว่า เขาคิดหรือเห็นคล้อยตามพี่แอ๊ดไปหมด

ต่อให้เพื่อนหรือน้อง ๆ คิดเหมือนพี่แอ๊ด ชอบก้าวไกลเหมือนพี่แอ๊ด แต่ตราบใดที่เขาไม่เคยแสดงพฤติกรรมหรือมีคำพูดใด ๆ หลุดปากออกมาเหมือนพี่แอ๊ด ผมว่า ตราบนั้น เขาเหล่านั้น ย่อมไม่ควรได้รับผลกรรม ที่แปลว่า ผลจากการกระทำ เหมือนอย่างพี่แอ๊ด หรือได้รับผลกรรมตามการกระทำของพี่แอ๊ด กรรมที่ใครทำก็เป็นของคนนั้น

เพราะฉะนั้น อย่าไปเหมาว่า คนก๊วนเดียวกับพี่แอ๊ด จะปากเสียเหมือนพี่แอ๊ด (ขออนุญาตใช้คำตรง ๆ) ยี่ห้อ คาราบาว ไม่ว่าจะเป็นวงดนตรีหรือเครื่องหมายการค้าก็เช่นกัน เขาก็อาจจะไม่ได้อยากจะปากเสียจนจะพากันล่มจมตามกันไป

เพราะฉะนั้นผมว่า เราอยู่ในสังคมเสรีประชาธิปไตย เราควรเคารพต่อความต่างของกันและกัน และทุกคนก็ควรมีเสรีภาพที่ไม่ใช่การแห่ตามกัน คือ ใครอยากจะแบนพี่แอ๊ดก็แบนไป ส่วนใครโกรธจนอยากจะแบนทุกอย่างที่มีคำว่าคาราบาวก็ทำไป แต่ใครตั้งสติได้ก็แยกแยะกันหน่อยก็แล้วกัน 

สำหรับผมนะ สิ่งที่ผมเห็นจากตัวอักษรในโพสต์นี้ของพี่เล็กคือ “ไม่มีใครกล้าเตือนพี่แอ๊ด และพี่แอ๊ดไม่ฟังใคร แต่พี่แอ๊ดฟังพี่เล็ก และอาจจะมีพี่เล็กคนเดียวที่ทำได้”

และสิ่งที่พี่เล็กทำคือ เตือนพี่แอ๊ดว่า “เพื่อนรักมึงหยุดพูดเรื่องการเมืองเสียที เพราะปากของมึงจะพาเพื่อน ๆ และลูกน้องซวยกันทั้งยวง”

“ไม่ว่าเรื่องอะไรในสังคมจะผิดหรือถูก จะถูกใจหรือไม่ถูกใจ มึงแก่แล้ว มึงพูดมานานแล้ว ถึงคราวที่ต้องปล่อยให้เด็กเขาพูดแทนมึงได้แล้ว”

ผมแปลความจากตัวหนังสือและจากในใจของพี่เล็กได้แบบนี้

ผมเนี่ยคือแฟนตัวยงของคาราบาวตั้งแต่ยุคบุกเบิก ที่ไม่รู้ว่าจะพูดถึงพี่แอ๊ดยังไงดีเลย ได้แต่เหมือนเห็นภาพญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งในครอบครัวที่แก่ตัวแล้วหลุดโลกพูดให้ตายไปข้างหนึ่งก็พูดไม่รู้เรื่อง วันนี้พูด พรุ่งนี้คิดได้ รุ่งขึ้นกลับมาเหมือนเดิม ผมว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่แอ๊ด พี่เล็ก และอีกหลายพี่ที่เจอลูกบ้าเที่ยวสุดท้ายของแอ๊ดถึกควายทุยตัวจริง

สรุปสุดท้าย ผมคิดว่า พี่เล็กไม่ได้โพสต์เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการบ้านในบ้านคาราบาว และสิ่งที่พี่เล็กทำคือ เตือนพี่แอ๊ดให้หยุดพูดเรื่องการเมือง ไม่ใช่โพสต์เชียร์การเมืองขั้วใดทั้งสิ้น ในโพสต์ของพี่เล็กที่มีคนตามไปด่าพี่แอ๊ดแล้วพี่เล็กจะโดดมาปกป้องเพื่อนผมก็ว่าไม่ผิดปกติอะไร เพราะฉะนั้นหยุดดราม่ากับพี่เล็กดีมั้ย

ใครจะนิยมการเมืองขั้วไหน ยังไงก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น

คนชั่วคือ นักการเมืองที่มันแหกตาประชาชน ส่วนประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของนักการเมืองชั่ว อาจไม่ได้ชั่วตามนักการเมืองชั่ว ๆ เหล่านั้น

อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกนี้
คนที่ร้องเพลงต่อต้านนายทุน ร่ำรวยจากบทเพลงงานจนกลายเป็นนายทุน
คนที่ร้องเพลงเพื่อแสดงจุดยืนว่าอยู่เคียงข้างประชาชน สุดท้ายกลับไปยืนเคียงข้างการเมือง
คนที่ร้องเพลงหรือแหกปากถึงประชาธิปไตย นิยมอะไรที่ตรงข้ามกับประชาธิปไตย

คาราบาวแปลว่า ควาย

แต่ใช่ว่าสมาชิกและแฟนเพลงทุกคนจะเป็นควาย 

แยกกันดี ๆ เราถึงจะเห็นว่าคนไหนคาราบาว หรือคนไหนควาย หรือคนไหนถึกควายทุย

เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค

'อัษฎางค์' ให้ข้อคิด!! คนทำชั่วได้ดีมีถมไป คือเรื่องจริง แต่ 'ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว' ก็คือเรื่องจริงไม่ต่างกัน

(10 ก.ย. 67) อัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กให้มุมมองถึงประเด็นดัง 'ชาลี-กามิน' ระบุว่า...

"ทำดีต้องไม่ได้อะไร จำไว้ไอ้น้องรัก" และต้องทำดีกันต่อไป

ผมแอบคิดตั้งแต่เริ่มต้นจีบกันแล้วว่าคู่นี้อยู่ไม่นาน เพียงแต่ไม่คิดว่าเร็วขนาดนี้

ที่ว่าแอบคิดว่าไม่รอดคือ...

เริ่มต้นผมก็เหมือนคนอื่น ๆ ที่ติดตาม คือเชียร์คู่นี้เพราะเขาน่ารักกันดี ก็อยากให้สมหวัง

แต่แอบคิดว่า 'ไม่น่ารอด' เพราะความที่เป็นรักออนไลน์ ผ่านสังคมออนไลน์ที่มีคนรับรู้ทุกแง่มุม สังเกตได้ว่ามีดรามาตลอด ทั้งจากตัวเองและแฟนคลับ ซึ่งจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาไม่ยาก

เอาชีวิตจริง ๆ ของเรา ๆ ทุกคน ลองรักใครแล้ว มีพ่อแม่พี่น้องเพื่อนพ้องมาเกี่ยวข้อง ไม่ช้าไม่นานก็พัง

เช่น พ่อแม่หรือพี่น้อง เพื่อน จะไม่พอใจว่าที่ลูกเขยลูกสะใภ้ ทำไมทำแบบนี้กับคนของเรา เราดูแลทะนุถนอม แต่แฟนลูก แฟนพี่น้อง แฟนเพื่อนเรา ทำไมไม่ทะนุถนอมเหมือนเรา เป็นต้น ซึ่งก็เห็นข่าวเสมอว่า แฟนคลับขย่มตลอด

เชียร์ แต่แอบคิดมาตั้งแต่ต้นว่าไม่น่ารอด เพียงแต่ไม่คิดว่าเร็วขนาดนี้ จบเร็วมาก ๆ

ที่สำคัญ ไม่เคยคิดว่า กามิน เป็นแบบนี้ นี่คือ จุดหักมุมที่สำคัญ

ชาลี ดวงอาภัพเรื่องคู่อย่างไม่ต้องสงสัย

………………………………………………………………………

พวกเราดูชีวิตคนอื่น ๆ ที่เขาเป็นคนดีที่ทำดีเสมอ แต่ชีวิตกลับมีอุปสรรคไม่หยุดหย่อน ควรตั้งสติแล้วคิดใหม่ โดยใช้หลักธรรมของพุทธศาสนา

ใครคิดว่า "คนดี ที่คิดว่าทำดีแล้วต้องได้ดี" ควรคิดใหม่

ชีวิตมันไม่ง่ายอย่างนั้น  โชคชะตาเล่นตลกกับเราเสมอ เพราะจะเจอบททดสอบไม่จบไม่สิ้น ทั้งที่เราคิดว่า เราทำดีแล้ว แต่ทำไมไม่ได้ดีตอบ

"ทำดี อย่าหวังว่าจะได้ดีตอบเสมอไป"

เพราะเวรกรรมในอดีตที่เราทำไว้คืออะไรเราจำไม่ได้ เราอาจเคยทำชั่วไว้ก็ได้ เพราะฉะนั้นกรรมเวรเก่าจึงตามมาเอาคืน

"เราทำดีกับเขาแทบตาย แต่เค้าไม่เคยเห็นหรือไม่ตอบแทนคุณเราเลย หรือทำร้ายเราอีกต่างหาก" นั่นอาจเป็นเพราะเราเคยทำกรรมชั่วไว้กับเขา เขาจึงมาเอาคืน

นั้นทำให้…ชาตินี้ทำดียังไง ก็ไม่ได้ดี

………………………………………………………………………

ส่วนคำที่ชอบเอามาพูดล้อเล่นว่า "คนทำชั่วได้ดีทีถมไป" นั้นคือ 'เรื่องจริง' เพราะผลบุญเก่าที่เคยทำดีไว้มันส่งผลอยู่

แต่ที่ทำชั่วไว้ในปัจจุบันมันจะตามมาตามคิวแน่นอน

ถ้าดูชาลีเป็นตัวอย่างของคนดีแล้วไม่ได้ดี ก็ต้องดูตัวอย่างทักษิณคนทำชั่วได้ดีเอาไว้ด้วย

"ทำดีได้ดีมีที่ไหน คนทำชั่วได้ดีทีถมไป"

คือ ภาพที่เราเห็น ณ ปัจจุบัน ซึ่งผลดีที่เขาเคยทำในอดีตชาติมันส่งผลอยู่ ถึงแม้ว่าปัจจุบันเขาทำชั่ว

แต่คำว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ก็คือเรื่องจริง

แต่ที่ทำดีอยู่แต่ไม่ได้รับผลดีเสียที เพราะเราอาจเคยทำชั่วมาเยอะ หรือเรายังอยู่ในช่วงที่รับกรรมอยู่ก็ได้ เพราะเราเวียนว่ายเกิดมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว และเราก็จำไม่ได้ว่าชาติต่าง ๆ ในอดีตเคยทำดีและทำชั่วสลับกันมามากน้อยแค่ไหน

ถ้าอยากให้คำว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ปรากฏชัดและส่งผลต่อเราตลอดเวลา ก็จงมั่นทำดีเอาไว้ตลอดเวลา 

แล้วรอให้ผลจากกรรมชั่วนั้นหมดไป ผลดีจะส่งผลเอง หรือเคยทำชั่วไว้แค่ไหนก็ตาม แต่เราทำดีไว้มาก ๆ มากจนกรรมชั่วตามไม่ทัน นั้นแหละเราจะได้รับแต่ผลจากกรรมดีที่เราสร้างไว้อย่างมากมายมหาศาล

เป็นกำลังให้ชาลีและคนที่มุ่งมั่นเป็นคนดีที่ทำดี จงทำดีต่อไป

………………………………………………………………………

ท่องกันเอาไว้ว่า "ทำดี ต้องไม่ได้อะไร"
"นอกจากได้ละกิเลสออกไป"

การไปทำบุญที่วัด หรือทำบุญกับโรงพยาบาล กับผู้ด้อยโอกาส แล้วอธิษฐานขอทุกอย่างเช่น ขอให้ร่ำรวย มีสุขภาพดี ฯลฯ อย่างที่เราชอบทำกันนั้น ไม่เรียกว่า เราทำทาน

ทำทานคือ ให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทน

แล้วที่สุด ผลตอบแทนมันจะกลับมาเอง เมื่อเราไม่หวังอะไรตอบแทน

นี่คือความลับและความมหัศจรรย์ของการทำความดีหรือการทำบุญ

………………………………………………………………………

สรุป

ชาลี ทำดีต่อไป อย่าให้กรรมชั่วในอดีตมาบั่นทอนจิตใจให้หลงไปทำชั่ว เพราะคิดว่าทำดีไม่เห็นได้ดีเสียที

คนที่เหมาะสมและสร้างบุญและกรรมร่วมกันมารออยู่ และจะได้เจอในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน

พ่อหมอเอ็ดดี้ ฟันธง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top