Wednesday, 23 April 2025
อัครเดช_วงศ์พิทักษ์โรจน์

‘กมธ.อุตฯ’ ยื่นร่าง พ.ร.บ. เพิ่มโทษอาญาทิ้ง ‘กาก-สารพิษ’ จำคุก 5 ปี และปรับเพิ่มจาก 2 แสนบาทเป็น 1 ล้านบาท

(3 พ.ค. 67) นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ประธานกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร และ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงผลการประชุมเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า สำหรับเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นั้น กมธ.อุตสาหกรรม มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุม ประกอบด้วย กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และนายอำเภอบ้านค่าย จ.ระยอง

นายอัครเดช บอกต่อว่า เหตุเพลิงไหม้โรงงานดังกล่าวกินระยะเวลา 3-5 วัน ซึ่งสร้างมลภาวะในพื้นที่ชุมชนรอบโรงงานอย่างรุนแรง และได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยลงทะเบียน 601 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้จะสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว 100% แต่ยังมีกลุ่มควันเกิดขึ้นบางส่วนในอาคาร 4 และอาคาร 3 มี Aluminum Dose จำนวน 5 ตัน ซึ่งเป็นลาวาและพร้อมที่จะปะทุ โดยขณะนี้อยู่ในช่วงเฝ้าระวัง และดูแลเยียวยาพี่น้องประชาชน ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุ

“สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ ประชาชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่เกิดเหตุได้รับก๊าซพิษ และตรวจวัดพบว่าค่าสารหลายตัวเกินมาตรฐาน ดังนั้นสภาพอากาศรอบโรงงานช่วงนี้ยังไม่ปกติ กมธ.อุตสาหกรรม จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง และอย่าให้มีเหตุเพลิงไหม้ซ้ำอีก” นายอัครเดช กล่าว

นอกจากนี้ นายอัครเดช กล่าวต่อว่า สำหรับความเชื่อมโยงระหว่างโรงงานจังหวัดระยองกับโรงงานจังหวัดอยุธยานั้น ตอนเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ อ.ภาชี ตนและกมธ.อุตสาหกรรมยังไม่ทราบ เพราะเพลิงไหม้เกิดขึ้นในช่วงเย็น แต่ได้รับทราบว่าโรงงานทั้ง 2 แห่งมีความเชื่อมโยงกัน โดยเมื่อช่วงต้นปีได้ลงพื้นที่อำเภอภาชี เพราะได้รับการร้องเรียนจาก สส.ในพื้นที่ โดยพบว่ามีการเก็บสารอันตรายจำนวนมากไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและสิ่งแวดล้อม ซึ่งอธิบดีกรมโรงงานได้สั่งปิดโรงงาน ต่อมาก็มีเหตุเพลิงไหม้โดยมีสาเหตุคล้ายการวางเพลิง ดังนั้นในวันที่ 15 พ.ค.2567 ที่จะถึงนี้ กมธ.อุตสาหกรรม จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เนื่องจากกรณีนี้ถือว่าไม่ปกติ

“เราทราบว่า โรงงานทั้ง 2 แห่ง มีความเชื่อมโยงกัน ส่วนจะเชื่อมโยงกันลักษณะใดจะทราบในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ที่จะถึงนี้ รวมถึงจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างไรได้บ้าง เพราะเกรงว่าจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบกันอีก” นายอัครเดช กล่าว

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า กมธ.อุตสาหกรรม ได้ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขให้โรงงานอุตสาหกรรม เรื่องการทิ้งกากอุตสาหกรรม หรือสารเคมีตามกฎหมาย ซึ่งเดิมจะไม่มีโทษปรับ จึงทำให้ผู้ประกอบการไม่เกรงกลัว จึงได้เพิ่มความผิดอาญาโดยให้จำคุก 5 ปี และจากเดิมปรับ 200,000 บาท เพิ่มเป็น 1,000,000 บาท เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดความเกรงกลัวต่อการกระทำความผิดกฎหมาย

“การเกิดเพลิงไหม้นั้น เป็นการเลี่ยงกฎหมายใหม่หรือไม่ ซึ่งเป็นการตั้งข้อสังเกต เราจึงมีความเป็นห่วง และต้องให้หน่วยงานที่กำกับดูแลเข้าไปตรวจสอบโรงงานที่มีกากของเสียทุกแห่ง” นายอัครเดช ย้ำ

สำหรับปัญหาดังกล่าว นายอัครเดช ย้ำว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องรับผิดชอบของกระทรวงอุตสาหกรรมเพียงแห่งเดียว โดยต้องมีความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน และหลายกระทรวงที่ต้องเข้าไปช่วยกันดูแล ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งปัญหานี้ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งตนได้เรียนท่านนายกรัฐมนตรีไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะไม่เช่นนั้นปัญหานี้ก็จะเกิดขึ้นซ้ำได้อีก

‘อัครเดช’ ชี้ โควตา รมช.คลัง เป็นเรื่อง ‘หัวหน้า-เลขา’ หารือร่วมกัน ยัน!! ไม่มีรอยร้าวในพรรค ‘สุพัฒนพงษ์’ ยังพร้อมช่วยงาน แม้ลาออกจากสมาชิก

(11 พ.ค.67) นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการสัมมนาพรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันพรุ่งนี้ (12 พฤษภาคม) ว่า กำหนดการจะเป็นนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค เปิดสัมมนา จากนั้นจะเป็นการคุยเรื่องนโยบายรื้อ ลด ปลด สร้าง พลังงานไทยซึ่งจะเป็นการทำความเข้าใจกับ สส.ของพรรค และคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) ถึงนโยบายพรรคในการดูแลพี่น้องประชาชนเรื่องพลังงานว่าจะมีมาตรการระยะสั้น ระยะยาวอย่างไรบ้าง เพื่อให้สส.ของพรรคนำไปชี้แจงให้ประชาชนและเครือข่ายได้รับทราบ

เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยถึงโควตารัฐมนตรีช่วย แทนนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ลาออกจากตำแหน่งด้วยหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ในการสัมมนาพรรควันพรุ่งนี้ เบื้องต้นจะยังไม่มีเพราะเรื่องโควตารัฐมนตรีช่วย เพราะต้องเป็นเรื่องที่นายพีระพันธุ์ และนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค จะได้ปรึกษาหารือร่วมกัน ส่วนจะมีความคืบหน้าอย่างไรจะมีแจ้งสื่อมวลชนอีกครั้ง

เมื่อถามต่อว่า ในโควตาจะยังเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า เบื้องต้นเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค รทสช. ยืนยันว่ารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยังเป็นโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่ 

เมื่อถามถึง กรณีมีกระแสข่าวว่าภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ มีรอยร้าว เพราะนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอดีตสส.บัญชีรายชื่อ ก็ได้มีหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคด้วยเช่นกัน นายอัครเดช กล่าวว่า นายสุพัฒนพงษ์ ลาออกเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนที่นายกฤษฎาจะลาออก โดยกรณีของนายสุพัฒนพงษ์ ที่ลาออกเนื่องจากต้องไปดำรงตำแหน่งในภารกิจส่วนตัวของท่าน เพราะการเป็นสมาชิกพรรคอาจจะไม่เหมาะสมในเรื่องของคุณสมบัติ แต่ท่านยังยินดีที่จะสนับสนุนกิจกรรมของพรรค และดูแลสส.อยู่ 

“ท่านยังผูกพันและไม่ได้มีปัญหากับพรรค ยังพร้อมที่จะช่วยงานพรรคอยู่ หากพรรคร้องขอไป ซึ่งหากมีกิจกรรมอะไรก็อาจจะได้เห็นท่านรองสุพัฒนพงษ์ ไปร่วมกิจกรรมด้วย และท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร” นายอัครเดช กล่าว

นายอัครเดช ยังกล่าวต่ออีกว่า ขณะที่กรณีของนายกฤษฎา ก็เป็นดุลยพินิจของท่านในการที่จะตัดสินใจ และเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของนายกฤษฎา เพราะเป็นเรื่องในกระทรวงการคลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องของพรรค ซึ่งนายกฤษฎาไม่ได้นำมาหารือในพรรคด้วย ฉะนั้น ปัญหาพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของนายกฤษฎาจึงไม่มีส่วนเชื่อมโยงกัน

เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหากันใช่หรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า “ไม่มีครับ ไม่มี”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top