Sunday, 8 June 2025
อลงกรณ์พลบุตร

รางวัลที่ควรแก่การมอบชีวิต น้องฝ้ายช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทย

รางวัลที่ควรแก่การมอบชีวิตน้องฝ้ายช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยที่กำลังจมทุกข์กับปัญหานานัปการให้หยัดยืนสู้ปัญหาไม่ท้อแท้ท้อถอย แม้น้องฝ้ายไม่มีแขนไม่มีมือ แต่ใช้เท้าแต่งหน้า โด่งดังมากในโลกออนไลน์ แม้ร่างกายจะพิการ แต่ใฝ่เรียนจนจบปริญญาตรี 

ล่าสุด วันนี้ น้องฝ้าย เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง และยังเป็นนักพูดสร้างแรงบัลดาลใจ ผมก้มลงมอบรางวัลให้เธอเสมือนศิษย์มอบพวงมาลัยดอกไม้ให้ครูบาอาจารย์ เพราะเพียงชั่วเวลาสั้นๆ เธอได้สอนบทเรียนชีวิตบทสำคัญให้กับผม 

อลงกรณ์ พลบุตร
31 ก.ค. 2024

'อลงกรณ์' ตอบโจทย์วันนี้ประชาธิปัตย์ยังไม่มีมติร่วมรัฐบาล แจงยุทธศาสตร์ใหม่ปชป. ปลดแอกจากทุนการเมืองพร้อมเปิดพรรคกว้างสร้างพื้นที่ประชาชน

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับประเด็นปมสมาชิกบางคนวิจารณ์พรรคในทางลบว่าไม่พัฒนาและไม่เห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลซึ่งกำลังเป็นที่จับตาช่วงการฟอร์มรัฐบาลในขณะนี้ โดยมีข้อความว่า

“….ผมอ่านข่าวสมาชิกพรรคและอดีตสมาชิกพรรค 4-5 คนแสดงความเห็นไม่ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย บางท่านวิจารณ์พรรคว่าไม่ได้พัฒนาตัวเองย่ำเท้าอยู่กับที่ ซึ่งในด้านหนึ่งผมดีใจที่แต่ละท่านยังสนใจและมีความห่วงใยในพรรคประชาธิปัตย์ แต่อีกด้านก็ไม่สบายใจที่มีการใช้ถ้อยคำด้อยค่าพรรคประชาธิปัตย์ทั้งที่ไม่เคยมาช่วยพรรคทำงานในยามที่พรรคตกต่ำจึงขอทำความเข้าใจในส่วนการพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับอุดมการณ์ การพัฒนาพรรคและการร่วมรัฐบาล ดังนี้

1.พรรคประชาธิปัตย์ยังคงยึดมั่นปฐมอุดมการณ์ของพรรคและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2.พรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการปรับปรุงสำนักงานใหญ่ ระบบบริหารจัดการและสถานที่ทำงานให้ทันสมัยมากขึ้น
โดยเฉพาะการพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการบริหารพรรคและการบริการประชาชน เช่น การจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อการสื่อสาร การรับสมัครสมาชิกพรรคแบบออนไลน์ การยกระดับการสื่อสารทุกโซเชียลแพลตฟอร์ม 

3.มีการจัดทำยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์เป็นครั้งแรกโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ขณะนี้ยกร่างยุทธศาสตร์ฯ.เสร็จแล้ว
4.ลดอิทธิพลของนายทุนการเมืองและการทุจริตในระบบการเมืองฉ้อฉลโดย
หัวหน้าพรรคแต่งตั้งคณะกรรมการ001ทำหน้าที่รณรงค์ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอุดหนุนเงินภาษีให้พรรคประชาธิปัตย์เพื่อเป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง

5.เปิดพรรคกว้างสร้างพื้นที่ของประชาชนตามนโยบายโอเพ่นเฮ้าส์(Open House)โดยเปิดพรรคจัดกิจกรรม“ลานพระแม่ ฟอรั่ม”และ“เดโมแครต ฟอรั่ม”ที่พรรคประชาธิปัตย์และในภูมิภาคด้วยระบบออนไลน์และอินไซท์
6.ยกระดับความเป็นสถาบันทางการเมืองด้วยการจัดตั้ง“เดโมแครต อะคาเดมี่”(Democrat Academy)โดยเริ่มโครงการหลักสูตรผู้บริหารการเมืองเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่การเมืองที่สุจริตมีประสิทธิภาพและก้าวหน้าทันสมัยจะเริ่มต้นรุ่นแรกในเดือนตุลาคมนี้

สุดท้ายเป็นประเด็นเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลมีการวิเคราะห์คาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน

คำตอบอยู่ที่มติของที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคและสส.พรรค จนถึงวันนี้ยังไม่มีการประชุมใด ๆ สำหรับวันข้างหน้าไม่ว่าพรรคจะมีมติอย่างไร ผมและสมาชิกพรรคถือปฏิบัติเช่นเดียวกับท่านชวนคือเคารพมติพรรคไม่ว่าจะมีความเห็นพ้องหรือเห็นต่างเมื่อมีมติพรรคก็จบ นี่คือความเป็นประชาธิปไตยในพรรคของเรา

อลงกรณ์ พลบุตร
รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์
22 สิงหาคม 2567“

'อลงกรณ์' ชี้ข่าวขับ 'ชวน' ไม่จริง ยืนยัน 'ปชป.' ไม่มีวัฒนธรรมขับสมาชิกที่เห็นต่าง

ตามที่นายชวน หลีกภัยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวกรณีไม่เห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์ จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และอาจจะถูกขับออกจากพรรคประชาธิปัตย์นั้น

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์กล่าววันนี้ว่า ข่าวพรรคประชาธิปัตย์จะขับนายชวน หลีกภัยเพราะไม่เห็นด้วยที่จะไปร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยถือเป็นเฟคนิวส์ไม่มีมูลความจริง พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีวัฒนธรรมขับสมาชิกที่เห็นต่าง 

ตนอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มากว่า30ปียังไม่เคยเห็นพรรคขับสมาชิกกรณีมีความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน

“ท่านชวนเป็นถึงอดีตหัวหน้าพรรคและเป็นสมาชิกอาวุโสคนหนึ่งของพรรคเช่นเดียวกับท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน ท่านเอนก ทับสุวรรณ ท่านเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ท่านไพฑูรย์ แก้วทอง ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ ฯลฯ.ทุกท่านยังทำงานให้พรรคและสมาชิกทุกคนให้ความความเคารพทุกท่านตลอดมา อาจมีความคิดต่างกันบ้างในบางเรื่องบางนโยบายรวมทั้งมติการร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมก็เคยมีมาหลายครั้งถือเป็นเรื่องปกติภายในพรรคประชาธิปัตย์แต่เมื่อพรรคมีมติอย่างใดทุกคนก็เคารพและไม่เคยมีการลงโทษหรือขับไล่สมาชิกที่เห็นต่างจากพรรค“

'อลงกรณ์' ชี้การเข้าร่วมรัฐบาลผสมข้ามขั้วของพรรคประชาธิปัตย์ คือการยุติ 2 ทศวรรษแห่งความขัดแย้งแตกแยกของประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศโพสต์ข้อความที่น่าสนใจเป็นมุมมองใหม่ทางการเมืองในเฟสบุ๊คส่วนตัววันนี้เกี่ยวกับประเด็นการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์มีข้อความดังต่อไปนี้

“…มติการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์คือกุญแจดอกสุดท้ายที่เปิดอนาคตใหม่ให้กับประเทศ
เพราะเป็นการยุติการต่อสู้ทางการเมืองที่ร้ายแรงที่สุดรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่กินเวลายาวนานถึง 20 ปี เป็น 2 ทศวรรษแห่งความขัดแย้งที่ต่อสู้กันทั้งในและนอกสภาฯ.แบ่งแยกประชาชนเป็นฝักฝ่ายนำไปสู่การสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐระหว่างเดือนตุลาคมปี 2551-พฤษภาคม 2553 ล้มตายกว่า 100 คนและบาดเจ็บเกือบ 3 พันคนมีการรัฐประหารสูญเสียประชาธิปไตยถึง 2 ครั้งในปี 2549 และปี 2557 

นับเป็นบาดแผลความขัดแย้งที่กว้างและลึกที่แม้แต่รัฐบาลในอดีตไม่ว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์-พล.อ.ประยุทธ์จะพยายามสร้างความสมานฉันท์ปรองดองก็ไม่ประสบความสำเร็จและไม่มีใครตอบได้ว่าความขัดแย้งแตกแยกดังกล่าวจะสิ้นสุดลงเมื่อใด

จนกระทั่งเมื่อมีการร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (พล.อ.ประยุทธ์) และพรรคพลังประชารัฐ (พล.อ.ประวิตร) ภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 ซึ่งถือเป็นกุญแจดอกแรกที่เปิดประตูความร่วมมือข้ามขั้วระหว่าง2ฝ่ายเพื่อยุติความขัดแย้ง ก่อนที่กุญแจดอกสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลผสมข้ามขั้วเมื่อวานนี้ เป็นการสิ้นสุดอดีตที่ขมขื่นและเริ่มต้นวันใหม่ของประเทศ

ผมได้แต่หวังว่า ทุกฝ่ายจะเรียนรู้ความผิดพลาดทางการเมืองในอดีตอย่าให้ประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอยเดิม การยึดมั่นระบบรัฐสภาภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขการยึดถือหลักนิติรัฐนิติธรรมความซื่อสัตย์สุจริตและการยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งคือแนวทางที่ประเทศและการเมืองไทยจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและมีอนาคต

'อลงกรณ์' พอใจ 'เอฟเคไอไอบิสซิเนส ฟอรั่ม' ประสบความสำเร็จเชื่อมโยงธุรกิจไทย-เกาหลี บรรลุข้อตกลงจับคู่ธุรกิจการลงทุนกิจการเทคโนโลยีชีวภาพ-สุขภาพ-สิ่งแวดล้อมพร้อมขยายความร่วมมือกับโกลบอลESG

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานเอฟเคไอไอ ไทยแลนด์( FKII Thailand)เปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานเปิดงาน FKII Global Business Forum : THAI - KOREA COLLABORATION และบรรยายพิเศษเรื่อง อนาคตความร่วมมือระหว่างประเทศไทย-เกาหลี (Thailand - Korea Collaboration Outlook)ซึ่งจัดร่วมกับสถาบันทิวา โดย นายชยดิฐ หุตานุวัตรและการบรรยายพิเศษเรื่องการขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจของเกาหลีในเอเซีย (Korea-Asia Economic Cooperation)โดย อดีตรัฐมนตรี ดร.ลี นัมคี ( Dr. Lee Nam Kee ) ประธานสมาคมโคเอก้า( Korea-Asia Economic Cooperation Association : KOAECA) ณ สวนเสียงไผ่ สถาบันทิวา ทาวน์อินทาวน์

งานดังกล่าว เปิดโอกาสให้ ผู้ประกอบการเกาหลีในนามสมาชิก KOAECA ได้นำเสนอ Profile ของบริษัทและสิ่งที่ต้องการในการเชื่อมโยงธุรกิจกับไทย และแนะนำผู้ประกอบการไทยโดย คุณชนานนท์ นรภูมิพิภัชน์ CEO บริษัท ทิวา แคปิตอลคอนซัลแทนซี่ จำกัด อีกทั้งมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างเกาหลีและไทย 4 ฉบับ ได้แก่ 1) N-Biotek กับ TVA Capital Consultancy Ltd. 2) KNJ Engineering & Health กับ EnvitechLtd. 3) Mealbon Inc. กับ Neo Venture Solutions Ltd. และ 4) Global ESG Association กับ TVA Instituteโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมเช่น

ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษาเอฟเคไอไอ. ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันสร้างชาติ รศ.ดร.อาณัฐชัย รัตตกุล รองประธานเอฟเคไอไอ. นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอี) ดร.กนก อภิรดี อดีตผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย นายปรพล อดิเรกสาร อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ศจ.ดร.ฐาปนา บุญหล้า ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษเรื่อง โอกาสการลงทุนในประเทศไทย(Investment Opportunity in Thailand)โดย นางสาวฐนิตา ศิริทรัพย์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และได้รับเกียรติจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ได้ส่งคุณคิมมินเฮ (Ms. Kim Minhye) ที่ปรึกษาด้านพาณิชย์ (Commercial Attache) มาร่วมงาน

FKII Thailand (Field for Knowledge Integration and Innovation) เป็นองค์กรความร่วมมือเพื่อส่งเสริมองค์ความรู้และนวัตกรรม ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (Non- Profit Organization) ในรูปของวิสาหกิจเพื่อสังคม 100% โดยมี คุณอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเป็นประธานคณะกรรมการและมี คุณชยดิฐ หุตานุวัชร์ ผู้บริหารสถาบันทิวา เป็นผู้อำนวยการ จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการและภาคีภาคส่วนต่าง ๆ ทางด้านการพัฒนาโดยองค์ความรู้ นวัตกรรมและเชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ FKII Thailand มีพันธกิจมุ่งเน้นจะสร้างเศรษฐกิจนวัตกรรม (Innovation Economy)

ติดตาม FKII Thailand
FB: FKIIThailand https://shorturl.at/87OHy
LineOA: FKIIThailand https://lin.ee/BgPCPvd
 
FKII Thailand มุ่งมั่นสร้างสรรค์ ความร่วมมือ ร่วมทุน ร่วมค้า ระหว่างประเทศ

อดีตรัฐมนตรีไทยจวก 'บริงเคน' ผิดมารยาททางการทูตไม่ให้เกียรติประเทศไทย ย้ำไทยไม่ใช่เมืองขึ้นหรือลูกไล่ของอเมริกา

นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรี และ ส.ส.หลายสมัย เขียนข้อความใน เฟซบุ๊กวันนี้อย่างน่าสนใจมีชื่อเรื่องว่า“มีมารยาทหน่อย คุณบริงเคน !!!

ประเทศไทยไม่ใช่เมืองขึ้นหรือลูกไล่ของอเมริกา!!! ”กรณีนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐสอบถามการสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทยระหว่างการหารือทวิภาคีกับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยมีข้อความดังนี้
(เฟซบุ๊ก 'อลงกรณ์ พลบุตร')

“มีมารยาทหน่อย คุณบริงเคน !!!
ประเทศไทย
ไม่ใช่เมืองขึ้นหรือลูกไล่ของอเมริกา!!!

ติดตามข่าวที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรี ไปประชุมผู้นำกลุ่มบริกส์กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (BRICS Plus Summit) ครั้งที่ 4 ในหัวข้อ “BRICS and the Global South: Building a Better World Together” ณ เมืองคาซานของรัสเซียที่เป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 24 ต.ค.2567

ในเนื้อข่าวการประชุมบริกส์(BRICS)ที่“นสพ.กรุงเทพธุรกิจ”นำเสนอยังมีข่าวการให้
สัมภาษณ์นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เปิดเผยว่า “ระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 9-11 ต.ค.2567 ที่ประเทศลาว ได้มีการหารือทวิภาคีระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โดยสหรัฐได้สอบถามการสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทย“

สะดุดใจขัดใจตรงข่าวนายบริงเคน!!!

ในฐานะที่ผมเคยเป็นรัฐมนตรีที่กำกับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเคยร่วมประชุมพหุภาคีในเวทีเอเปค(APEC)และอาเซียน(ASEAN)และการเจรจาทวิภาคีกับหลายประเทศหลายครั้งรวมทั้งการเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐ(USTR)ที่กรุงวอชิงตันดีซี พอเข้าใจมารยาททางการฑูตและธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศจึงรู้สึกขัดใจต่อท่าทีนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐที่ตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรีของไทยเกี่ยวกับการสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทย

ผมคิดว่าเป็นคำถามที่ไม่ควรถามถือเป็นการผิดมารยาทไม่ให้เกียรติประเทศไทย
นายบริงเคนรู้อยู่แล้วถึงเหตุผลที่ประเทศไทยสมัครเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์เพราะกระทรวงการต่างประเทศของไทยเคยออกข่าวชี้แจงมาแล้วหลายครั้งตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาแต่ทำไมยังมาตั้งคำถามในระหว่างการหารือทวิภาคีอีกและเป็นคำถามแบบมีนัยยะที่ไม่สมควร
(หากผมเป็นคู่เจรจาคงได้สวนกลับทันทีแบบผู้ดีให้จำไปจนวันตาย ผู้แทนอียูเคยเจอมาแล้ว)

การตัดสินใจของประเทศไทยเรื่องบริกส์เป็นเอกสิทธิ์ของเรา ประเทศใดจะพอใจหรือไม่พอใจก็สุดแล้วแต่ แต่จะมาแสดงออกถึงความไม่พอใจด้วยการตั้งคำถามแฝงความกดดันแบบนี้ถือว่าผิดธรรมเนียมปฏิบัติทางการฑูต ไม่ให้เกียรติกัน

ประเทศไทยกับสหรัฐเป็นมิตรกันมากว่า100ปีต้องเคารพและให้เกียรติกันและกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียม เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเอกราชและเกียรติภูมิ ไม่ใช่เมืองขึ้นหรือลูกไล่ของอเมริกา

หวังว่านายบริงเคนหรือรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐคนต่อไปอย่าผิดมารยาทแบบนี้กับประเทศไทยอีกโดยเด็ดขาด

อลงกรณ์ พลบุตร
25 ตุลาคม 2567

'รัฐมนตรีเฉลิมชัย' เดินหน้าป่าชุมชนยั่งยืนลดโลกร้อนมอบ 'อลงกรณ์-ปรพล' ถอดรหัส สระบุรี แซนด์บ็อกซ์ เมืองคาร์บอนต่ำสร้างโมเดลป่าชุมชน-ป่าคาร์บอนต้นแบบก่อนขยายผลทั่วประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ. ประธานมูลนิธิเวิลด์วิว ไครเมทและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติเเละสิ่งเเวดล้อม กล่าวในงานสัมมนาเวิร์คช็อป พลเมืองเคลื่อนรัฐครั้งที่ 3 หัวข้อ 'ป่าชุมชนสระบุรีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน' ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีนโยบายให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ การฟื้นฟู การใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืนเพื่อชุมชนและนโยบายลดโลกร้อนโดยเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อบรรลุเป้าหมายสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี2050และคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี2565ถือเป็นนโยบายเรือธงเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน

การประชุมผนึกความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ ภาควิชาการ ผู้นำท้องถิ่นและภาคประชาชนในจังหวัดสระบุรี ซึ่งมีเจตนารมย์ร่วมกันให้จังหวัดสระบุรีเป็นต้นแบบ 'เมืองคาร์บอนต่ำ' หรือ 'SARABURI LOW CARBON CITY' โดยเน้นใน 5 ภาคส่วน คือ ภาคอุตสาหกรรม ภาคพลังงาน ภาคการกำจัดขยะของเสีย ภาคเกษตรกรรม และภาคการเพิ่มพื้นที่สีเขียวถือเป็นตัวอย่างต้นแบบการบูรณาการทุกภาคส่วนที่น่าชื่นชมโดยเฉพาะการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาป่าชุมชนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (Forests for the Sustainable Future)จำนวน 45 แห่งในจังหวัดสระบุรี 

ภายใต้เครือข่ายคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนแห่งละ 15 คน รวมทั้งสิ้นประมาณ 675 คนและขยายความร่วมมือกับอาสาสมัครของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเช่นเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) อีกราว 2,000 คน เครือข่ายที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ และที่ปรึกษาเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จำนวน 100 คนจะเป็นการขับเคลื่อนที่มีพลังสู่ความสำเร็จด้วยการบูรณาการของภาคีภาคส่วนต่างๆรวมทั้งหน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในจังหวัดสระบุรี ได้แก่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระบุรี สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 สระบุรี  สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สระบุรี  สำนักสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 7  สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 2 สระบุรี  สำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 3 สระบุรี 

ป่าชุมชนนอกจากมีอรรถประโยชน์ใช้สอยเพื่อชุมชนแล้วยังมีความหลากหลายทางชีวภาพ(Biodiversity)เพื่อเดินหน้าสู่ไบโอเครดิต(Bio Credit)ทั้งยังเป็นแหล่งอาหารของชุมชน(Community Food Bank)และสามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง รวมทั้งสามารถดำเนินการเรื่องคาร์บอนเครดิตเพื่อเศรษฐกิจสีเขียวอีกด้วย

”จากผลการประชุมในวันนี้จะถอดรหัส สระบุรี แซนด์  บ็อกซ์(Saraburi Sandbox) เมืองคาร์บอนต่ำเพื่อสร้างโมเดลป่าชุมชน-ป่าคาร์บอนต้นแบบโดยจะนำเสนอต่อดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทส. พิจารณาขยายผลไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

ในการสัมมนาเวิร์คช็อปครั้งนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้วยมอบหมายนายอลงกรณ์ พลบุตร คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปรพล อดิเรกสาร ที่ปรึกษาสมาคมการท่องเที่ยวสระบุรีเเละหน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในสระบุรีเข้าประชุมงานสัมมนาเวิร์คช็อป 'พลเมืองเคลื่อนรัฐครั้งที่ 3' หัวข้อ 'ป่าชุมชนสระบุรีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน' 

จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(กพร.)และมูลนิธิคอนราด อเดนาวร์เมื่อวันที่11 พ.ย.ที่ผ่านมาที่ลีลาวดีรีสอร์ต อ.เมือง จ.สระบุรีร่วมกับนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ กพร. ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการ นายบุญมี สรรพคุณ หนึ่งในผู้ริเริ่มสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ นายเสกสรร กวยะปาณิก รักษาการผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าชุมชน กรมป่าไม้และภาคีภาคส่วนต่างๆเช่นจังหวัดสระบุรี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ. )องค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก กองทุนสิ่งแวดล้อม สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ(สพภ.BEDOThailand) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(อพท.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โรงงานและบริษัทต่างๆในพื้นที่เช่น เอสซีจี. เคมีแมน สยามฟูรูกาว่า ซีพีเมจิ ทีพีไอโพลีน เบทาโก เป็นต้นและเครือข่ายป่าชุมชนเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสระบุรีให้เป็นเมืองคาร์บอนต่ำ ( SARABURI LOW CARBON CITY )ภายใต้แนวทางOpen Gov. for SRI สระบุรี เเซนด์บ็อกซ์ (Saraburi Sandbox)ด้วยโครงการ 'ป่าชุมชนสระบุรีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน'

ข้อมูลประกอบ:
ประเทศไทยมีการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่กรมป่าไม้ 12,231 แห่ง เนื้อที่ 6,308,712 ไร่ นอกจากนั้น ยังมีป่าชุมชนในพื้นที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ชุมชนที่ดูแลรักษาป่าชุมชนจะถูกโน้มน้าวให้เข้าร่วมโครงการ โดยมีเงินทุนสนับสนุน และมีการแบ่งปันผลประโยชน์จากการค้าคาร์บอนเครดิตจำนวนหนึ่ง

ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2566 พบว่า ป่าชุมชน 211 แห่ง ในพื้นที่ 18 จังหวัด กำลังกลายเป็นป่าคาร์บอน โดยเป็นป่าชุมชน (ป่าบก) 129 แห่ง ป่าชุมชนชายเลน 82 แห่ง รวมปริมาณการดูดกลับก๊าซคาร์บอน ประมาณ 1,904,463 ตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ข้อมูลในปี 2564 ป่าธรรมชาติและป่าเศรษฐกิจในประเทศไทยมีการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกรวมกัน 100 ล้านตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ดังนั้น ยังเหลือตามเป้าหมายอีก 20 ล้านตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียวทุกประเภท ร้อยละ 55 ของพื้นที่ประเทศ รวมเนื้อที่ 177.94 ล้านไร่ ภายใน พ.ศ. 2580 เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอน และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ในขณะที่ปัจจุบันมีพื้นที่สีเขียว ร้อยละ 39.60 รวมเนื้อที่ 128.12 ล้านไร่ ดังนั้น ต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียว ประมาณ 49.82 ล้านไร่

'เฉลิมชัย-ประชาธิปัตย์' ห่วงปัญหาเหลื่อมล้ำยากจนจัดเวทีนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจเดโมแครต ฟอรั่ม 'ขจัดการผูกขาด: ลดเหลื่อมล้ำแก้จน'

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าววันนี้ว่า ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยมีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นผลมาจากการผูกขาด ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมส่งผลกระทบต่อประเทศและประชาชน ด้วยการตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวพรรคประชาธิปัตย์จึงได้จัดงานเสวนา เดโมแครต ฟอรั่ม (Democrat Forum) ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ 'ขจัดการผูกขาด: ปฏิรูปเศรษฐกิจลดเหลื่อมล้ำแก้จน' ในวันจันทร์ที่ 2 ธันวาคมนี้ เวลา 09.00 - 12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พรรคประชาธิปัตย์ 

การจัดเสวนาครั้งนี้จึงมุ่งนำเสนอแนวทางในการขจัดการผูกขาดเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ผ่านการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ และการพัฒนานโยบายที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทุกคนในสังคมสามารถเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาตนเอง และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

โดยมี กำหนดการ ในการจัดงาน ดังนี้
8.30 - 9.00 ลงทะเบียน
9.00 - 9.30 พิธีเปิด 

กล่าวรายงานโดย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
พิธีเปิดและปาฐกถาพิเศษโดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
9.30 - 11.15 เสวนา 'ขจัดการผูกขาดทางเศรษฐกิจ: ต้นเหตุความเหลื่อมล้ำและยากจน' โดยวิทยากร
1.ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
2.ผศ.ดร.พรเทพ เบญญาอภิกุล ผู้อำนวยการโครงการเศรษฐศาสตรบัณฑิต หลักสูตรนานาชาติ อดีตรองคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,
3.นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศคนที่ 1และ
4.รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ข้อสังเกตต่อความเห็น : เพื่อส่งต่อสังคมการเมือง ปัจจุบัน
11.00 - 11.45 เปิดเวทีแสดงความคิดเห็น
11.45 - 12.00 สรุปการเสวนา
โดยดร.เจนจิรา รัตนเพียร โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่พิธีกร

สำหรับผู้สนใจร่วมงานเดโมแครต ฟอรั่ม สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่: https://form.democrat.or.th/democrat-forum3 (50 ท่านแรกที่ลงทะเบียนจะได้รับต้นกล้าไม้คนละ 2 ต้นเพื่อช่วยกันเพิ่มพื้นที่สีเขียวลดโลกร้อน ตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
ทั้งนี้มีการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live พรรคประชาธิปัตย์ หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร: 065 714 6725

ทีมThink Tank 'รัฐมนตรีเฉลิมชัย' เผยแนวทางขับเคลื่อนโครงการโลว์คาร์บอน ไทยแลนด์เพิ่มพื้นที่สีเขียวลดโลกร้อนพร้อมเดินหน้าพัฒนาป่าชุมชนสู่ป่าคาร์บอนเพิ่มรายได้ชุมชนทุกภาค 1.1 หมื่นแห่ง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน)และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้หลังจากเป็นประธานการประชุมที่ปรึกษาของรมว.ทส. ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้แต่งตั้งที่ปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆจากทุกภาคส่วนทำหน้าที่เสมือนคลังสมอง(Think Tank)เพื่อนำเสนอวิสัยทัศน์และแนวทางนโยบายรวมทั้งโครงการต่างๆภายใต้ภารกิจของกระทรวง ทส.โดยได้มีการประชุมหารือภารกิจหลัก 6 ด้าน
1.ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้และสัตว์ป่า ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
2.ด้านทรัพยากรน้ำทั้งระบบ
3.ด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ขยะ และมลพิษ 
4. ด้านยุทธศาสตร์ แผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและเมกะโปรเจค
5.ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ
6.ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ที่ประชุมมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดและข้อเสนอใหม่ๆที่น่าสนใจหลายประเด็นเช่น
การขยายความร่วมมือกับองค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ(FAO)ภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก องค์การยูเนสโกธนาคารโลกและ องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA)ทางด้านการรับมือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(Climate Change)เช่นปัญหาความมั่นคงอาหาร ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ปัญหากรุงเทพจม ปัญหาน้ำท่วมภัยแล้ง ปัญหาความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งประเด็นBlue BondและGreen Bond นอกจากนี้ยังมีการหารือแนวทางการพัฒนาป่าชุมชน(Community Forest) สู่ป่าคาร์บอน(Carbon Forest)เพิ่มพื้นที่สีเขียวลดโลกร้อนพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนกว่า1.1หมื่นแห่งทุกภาคทั่วประเทศให้เป็นแหล่งอาหารชุมชน (Community Food Bank) แหล่งความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Bank)แหล่งคาร์บอน (Carbon Bank) แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Ecological Tourism)โดยใช้รูปแบบการบริหารจัดการใหม่เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคีในพื้นที่ด้วยโมเดล3หุ้นส่วน ( 3‘P : Public-Private-People Partnership model) ซึ่งถอดบทเรียนจากโครงการสระบุรี แซนด์บ็อก รวมทั้งข้อเสนอโครงการ โลว์คาร์บอน ไทยแลนด์ (Low Carbon  Thailand)ประกอบด้วยโครงการย่อยเชิงโครงสร้างเช่น โลว์คาร์บอน ซิตี้ โลว์คาร์บอน แคมปัส โลว์คาร์บอน อินดัสตรีฯลฯ

“ที่ประชุมยังหารือแนวทางนโยบายการแก้ปัญหากรุงเทพจม ปัญหาPM2.5 ปัญหาขยะ การพัฒนาระบบน้ำในระดับประเทศระดับภาคและEEC การพัฒนาระบบน้ำใต้ดินการลดคาร์บอนด้วยพลังงานทดแทนเช่นโซล่าเซลล์และพลังงานลม  การแก้ปัญหาที่ดินทำกินของราษฎร การสร้างระบบเตือนภัยความร้อน (Heat Sensor) และการพัฒนาระบบความเย็นในเมืองหลวงและเมืองใหญ่ การสร้างเมืองน่าอยู่ (Liveable City) และแนวทางในการส่งเสริมสนับสนุนสถานภาพและการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครในสังกัดกระทรวง ทส.ที่มีอยู่เกือบ3แสนคนเป็นต้น โดยจะนำเสนอต่อรัฐมนตรี ทส.เพื่อพิจารณาต่อไป“ นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

สำหรับการประชุมครั้งนี้มีที่ปรึกษาที่เข้าร่วมประชุมแบบอินไซท์และออนไลน์ได้แก่ ศจ.ดร.ดุสิต เครืองาม ,รศ.ดร. ไพบูลย์ กวินเลิศวัฒนา ,ดร.ประกอบ รัตนพันธ์ ,พล.ร.อ.ดร.สมัย ใจอินทร์ ดร.มณทิพย์ ศรีรัตนา,นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท,นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์,พล.อ.ประชาพัฒน์ วัจนะรัตน์,ร.ต.ปรพล อดีเรกสาร,พล.อ.รักเกียรติ พันธุ์ชาติ,ดร.วสุเชษฐ์ โสภณเสถียร,นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร,นายภานุ สุขวัลลิ ฯลฯ

‘อลงกรณ์’ เป็นกำลังใจให้!! ‘พีระพันธุ์’ ขจัดผูกขาดพลังงาน ขอให้มันจบในรุ่นเรา ชี้!! “คุณไม่ได้เดินเดียวดายคนเดียว” มีคนอีกไม่น้อย ที่พร้อมสนับสนุน ทำดีไม่มีพัง

(5 ม.ค. 68) หลังจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานโพสต์ข้อความว่า มีขบวนการปั้นข่าวรุมถล่ม โดยระบุกลุ่มทุนพลังงานไม่พอใจการทำงานของนายพีระพันธุ์ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 68)

ปรากฎว่า วันนี้ (5 ม.ค. 68)นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรีและสส.พรรคประชาธิปัตย์ ปัจจุบันเป็นประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์(FKII Thailand)
และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ได้โพสต์ในเฟสบุ๊กส่วนตัวถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคโดยมีข้อความดังต่อไปนี้

ถึง คุณพีระพันธุ์

“You will never walk alone”

ขอให้รู้ว่า คุณไม่ได้เดินเดียวดายคนเดียว

แต่มีผมและพวกเราอีกไม่น้อยที่พร้อมสนับสนุนและเป็นกำลังใจ ไม่ใช่เพียงเพราะความเป็นเพื่อนหรือคนที่เคยทำงานใต้ชายคาเดียวกันคือ ‘พรรคประชาธิปัตย์’ มาเกือบ 30 ปี แต่เพราะตรงกันในจุดยืนขจัดการผูกขาด(Anti-Monopoly)โดยเฉพาะการผูกขาดด้านพลังงาน

ประเทศของเรายังมีการผูกขาดทางเศรษฐกิจที่ต้องช่วยกันทลายให้หมดไปเพราะเป็นสาเหตุของปัญหาความเหลื่อมล้ำและการคอรัปชั่นที่ทำให้ประเทศล้าหลังและประชาชนยากจนมาอย่างยาวนาน

ขอให้การผูกขาดจบในรุ่นของเราด้วยเจตจำนงทางการเมือง(Political will)ร่วมกันที่แน่วแน่เพื่อส่งต่อประเทศไทยที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของเรา

ทำดีไม่มีพังครับ

อลงกรณ์ พลบุตร

5 มกราคม 2568


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top