Sunday, 16 June 2024
สุรเชษฐ์หักพาล

'บิ๊กโจ๊ก' ลั่น!! ดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด กรณีสาวเอ็นถูกบังคับเสพยาและข่มขืน

ไม่นานมานี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันจะดำเนินคดีให้อย่างเด็ดขาด กรณีหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งมีอาชีพเสริมรับงานเอนเตอร์เทน ถูกลูกเจ้าของรีสอร์ทแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง บังคับเสพยาและข่มขืน หลังจาก 'สายไหมต้องรอด' ได้พาเข้าพบเพื่อขอความเป็นธรรม และขอให้สาวเอนฯ รักษาสุขภาพตัวเองให้ดี 

ทั้งนี้ยังได้ฝากไปยังผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรท้องที่ด้วยว่า นี่เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ผู้เสียหาย ต้องพึ่ง เพจสายไหมฯ เพื่อร้องเรียน ทั้งที่ความจริงแล้วคดีนี้ควรจะจบตั้งแต่ในพื้นที่ไม่ใช่ให้เหยื่อนั่งรถมาถึงกรุงเทพมหานคร

สำหรับกรณีนี้ ทางหญิงสาวรายดังกล่าว เล่าว่าลูกเจ้าของรีสอร์ทแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง จ้างงานเอนเตอร์เทน โดยให้นั่งรถมาเจอกันที่รีสอร์ท เมื่อไปถึงก็ได้รับการดูแลพาเดินเที่ยวชม ก่อนที่ลูกชายเจ้าของรีสอร์ทจะไปซื้อของมานั่งกินกันในห้อง

ระหว่างนั้นลูกชายเจ้าของรีสอร์ทก็ให้หญิงสาวรายดังกล่าวดื่มเบียร์จนเริ่มเมาก่อนจะหยิบยาเม็ดสีส้มให้กินเข้าไป จนมีอาการร้อนรุ่ม ไม่นานนักก็หักยา ให้กินโดยให้อมไว้ใต้ลิ้นอีก จนอาการร้อนรุ่มรุนแรงยิ่งขึ้น ก่อนที่ลูกชายเจ้าของรีสอร์ทจะบังคับขืนใจ โดยไม่ป้องกันตัว ส่วนหญิงสาวไม่อาจปกป้องตัวเองได้เนื่องจากไร้เรี่ยวแรง

วันรุ่งขึ้นลูกชายเจ้าของรีสอร์ทก็ยังคงบังคับให้อยู่ในรีสอร์ทและมีการข่มขืนกระทำชำเราอีกหลายครั้ง กระทั่งต้องร้องขอชีวิตเนื่องจากถูกทำร้ายร่างกายและใช้เท้าเหยียบที่ใบหน้าลำคอ สุดท้ายลูกชายเจ้าของรีสอร์ทที่ก่อเรื่อง ก็เดินไปบอกแม่ และแม่ก็ให้ลูกน้องพี่รีสอร์ทขี่รถจักรยานยนต์พาสาวเอ็น ไปส่งที่ท่ารถโดยให้เงินไป 30,000 บาท ซึ่งหญิงสาวรายดังกล่าวต้องใช้เงินในการรักษาตัวไปกว่า 20,000 บาทแล้ว จึงนำเรื่องมาร้องเรียนเพื่อให้มีการดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด

‘บิ๊กเต่า’ ไม่กังวลถูก ‘บิ๊กโจ๊ก’ ฟ้องหมิ่นประมาท เปรียบ!! รบกับพญามารต้องเจอแรงกระแทกอยู่แล้ว

(15 มี.ค.67) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีให้สัมภาษณ์คดีเว็บพนันมินนี่ว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร ปล่อยไปเป็นเรื่องปกติ เพราะเชื่อมั่นในความยุติธรรม และที่ผ่านมาตนเองให้สัมภาษณ์ในฐานะโฆษกของคณะทำงาน ซึ่งสิ่งที่พูดเป็นข้อเท็จจริง ไม่ได้มีการแต่งเติมเพื่อทำร้ายใครแต่อย่างใด และเป็นไปตามพยานหลักฐานทุกอย่าง และข้อมูลที่พูดไปเป็นข้อเท็จจริงรวม ๆ ไม่ได้มีการนำพยานหลักฐานในสำนวนมาเปิดเผย ไม่เหมือนกับเจ้าหน้าที่บางคนที่ชอบเอาหลักฐานในสำนวนมาเปิดรายวัน และมองว่าหลักฐานสำคัญทางคดีเป็นหลักฐานที่ควรเปิดในชั้นศาลเท่านั้น

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวถึงกรณีที่ทนายความของ พล.ต.อ สุรเชษฐ์ ออกมาเปิดเผยว่าหลังจากนี้จะมีการแฉข้อมูลเส้นทางการเงินซึ่งเชื่อมโยงไปถึงบิ๊กตำรวจใน สตช.ว่า อย่าขู่ รำคาญ ใครมีหลักฐานให้เอาออกมาเปิดเผย อย่าทำให้ตำรวจเสื่อมเสีย ใครหลักฐานชัดเจน ก็ต้องถูกดำเนินการอยู่แล้ว เพราะมีทั้งหน่วยงาน ปปป. และ ป.ป.ช. จัดการ และแม้ว่าจะเป็นตัวเอง ถ้ามีหลักฐานก็เอาออกมา หากผิดก็พร้อมติดคุก

"ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำคดีแล้ว ต้องทำให้ถึงที่สุด ไม่กังวลที่ถูกฟ้อง เพราะตอนแรกคิดว่าน่าจะโดนฟ้องเป็น 100 คดี แต่โดนแค่ 3-4 คดี ถือว่ายังน้อย ยืนยันว่าไม่ได้ท้าทาย เพราะรู้ว่าต้องรบกับใคร การรบกับพญามาร ก็ต้องเจอแรงกระแทกกลับมาเยอะเช่นกัน ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่ ยังคงเฉยๆ มองว่าเป็นเพียงเรื่องกวนใจ เหมือนแมลงหวี่แมลงวันมาตอมบ้าง ดังนั้นปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ชุดทำงานยังคงมีขวัญกำลังใจที่ดี" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้หลัง ผบ.ตร.ออกมาสั่งยุติการให้สัมภาษณ์รายวันโต้ตอบกัน ก็ทำให้ชุดทำคดีมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะเดินหน้าทำความจริงให้ปรากฏต่อสังคม เพื่อกวาดบ้านตนเองให้สะอาด เพราะถ้าตำรวจไม่กล้าทำ ก็จะสร้างความเสื่อมเสียให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้ากล้าทำความสะอาดก็ต้องเริ่มจากกล้ากวาดตัวใหญ่ๆ ก่อน แล้วตัวเล็กๆ ก็จะจัดระเบียบดีขึ้นเอง เพื่อให้รู้ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอาจริงเอาจัง

ผู้สื่อข่าวถามความคืบหน้าเรื่องคดีเว็บพนันมินนี่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ไม่ขอให้ความเห็น เนื่องจากอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. แล้ว หาก ป.ป.ช.มีข้อสงสัยก็จะประสานคณะทำงานเอง แต่หากตำรวจมีพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก็สามารถส่งหลักฐานให้คณะทำงานของ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณาเพิ่มเติมได้ ส่วนคดีเว็บพนัน BNK Master ที่อยู่ในความดูแลของ สน.เตาปูน เป็นคนละชุดทำงาน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้รับผิดชอบ ตนเองไม่ทราบรายละเอียดคดี รู้เพียงข้อมูลคร่าวๆ เท่านั้น ไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องเส้นทางการเงินของคดีนี้ว่าเชื่อมโยงกันหรือไม่ รวมถึงประเด็นซื้อขายทองคำแท่ง

แต่พูดได้เพียงว่านักข่าวจะมีงานทำตลอดทั้งปี และยืนยันว่าคดีเว็บพนันมินนี่ และเว็บพนัน BNK เป็นคนละคดีกัน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ตนถูกฟ้องเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับ บช.ก. ว่า ที่ผ่านมาได้พูดคุยกันมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่ไปร่วมกับคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่ง ผบช.ก.ก็มีความเป็นห่วงและได้ย้ำว่าให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งที่ให้สัมภาษณ์มานั้น ตนเองก็ไม่ได้น้อยใจ เพราะเป็นนักรบ เมื่อไปรบในสงคราม ก็ย่อมได้รับบาดแผลบ้าง หากจะตายในสนามรบก็ยอมตาย เพราะเป็นตำรวจที่ทำไปตามหน้าที่ ส่วน ผบช.ก.ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและตนเองไม่ได้ทำอะไรให้ทุกคนหนักใจ

‘บิ๊กต่อ’ ขาดทุนยับ แต่ยูเทิร์นกลับไม่ยาก ฟาก ‘บิ๊กโจ๊ก’ โกยกำไร หลุดบ่วงผู้ต้องหา

บันทึกเอาไว้เป็นประวัติศาสตร์...วันเดียว 3 คำสั่ง...จากปลายปากกาของนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย…นายเศรษฐา ทวีสิน ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องเห็นด้วยจำนวนมาก แต่ก็มีบางส่วนตะโกนสวนว่า…ตลก ทำไปได้ไง...

เป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 มี.ค. 2567

คำสั่งแรก ที่ 106 /2567 ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ‘บิ๊กต่อ’ ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ‘บิ๊กโจ๊ก’ รองผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี

คำสั่งที่สอง ที่ 108/ 2567 ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ‘บิ๊กต่าย’ รองผบ.ตร. รักษาราชการ ผบ.ตร.

คำสั่งที่สาม ที่ 109/2567 ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ โดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดมหาดไทย เป็นประธาน

การเด้ง ผบ.ตร. เข้ากรุในอดีตมีมากมายหลายคน...แต่หนนี้เป็นประวัติศาสตร์ก็ตรงที่เป็นการ ‘เด้งคู่’ หรือ ‘แพ็คคู่’ ซึ่งเมื่ออ่านระหว่างบรรทัดของคำสั่งดูแล้ว วิญญูชนย่อมสดับตรับฟังได้ข้อสรุปเหมือนกันว่า…

‘บิ๊กต่อ’ เละเป็นโจ๊ก ขาดทุนย่อยยับ ขาเชียร์ออกอาการหงุดหงิดในลีลาภาวะผู้นำที่เนิบนาบของท่านไปตาม ๆ กัน

ส่วน ‘บิ๊กโจ๊ก’ ที่เป็นผู้ต้องหาโดยแท้โกยกำไรอื้อซ่า...จากผู้ต้องหายกชั้นเป็น ‘คู่ขัดแย้ง’ ถึงขั้นประกาศสละอดีตลืมความขัดแย้ง…เซทซีโร่...

งานนี้กรรมการนอกสนามบอกว่า...บิ๊กโจ๊กชนะ

แต่ก็นั่นแหละ ศึกครั้งนี้ต้องดูกันยาว ๆ อย่างน้อยก็อีก 3-4 เดือน ว่าใครจะเด๊ดสะมอเร่ย์…บิ๊กโจ๊กเองก็ยังถูกหมายเรียกคดีสมคบฟอกเงินไล่ล่า… วันนี้ (22 มี.ค.) เป็นหมายใบที่สอง บอกให้ไปรายงานตัววันที่ 26 มี.ค. แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าช่วงนั้นบิ๊กโจ๊กอยู่ระหว่างลาไปอังกฤษ

ส่วน ‘บิ๊กต่อ’ มองมุมไหนก็พูดได้ว่าไม่เกิน 3 เดือนได้กลับปทุมวัน ทำหน้าที่ ผบ.ตร. จนเกษียณ 30 ก.ย. 2567

แต่สายข่าวที่น่าเชื่อระบุว่า...คนที่ชนะที่แท้จริงคือคนที่ชี้แนะชี้นำนายกฯ ให้ตัดสินใจ ซึ่งสายข่าวไม่ลังเลที่จะระบุว่าเขาคือคน…จันทร์ส่องหล้า..คนนั้น ซึ่งบัดนี้น่าจะมีโผอยู่ในใจแล้วว่า ต.ค. ปีนี้จะให้ใครขึ้น ผบ.ตร.

ในมุมวิเคราะห์...เต็งจ๋า ผบ.ตร. ตามหน้าไพ่ต้องบอกว่า…

ปีนี้ตัดบิ๊กโจ๊กออกจากคู่ชิงไปได้ เหลืออีก 3 บิ๊ก บิ๊กต่ายเต็งหาม ถ้าสองเดือนที่รักษาการโชว์ฟอร์มเข้าตากรรมการ จันทร์ส่องหล้าก็ต้องส่องต่ายให้ได้ดี

มีประเด็นที่ยังกระพริบตาไม่ได้อยู่นิดเดียวก็ตรงที่ เดือน เม.ย.นี้ สีกากีที่ชื่อ พล.ต.ท.ประจวบ วงษ์สุข ผช.ผบ.ตร. คนเมืองเหนือที่มีกระแสข่าวว่า ‘เจ๊แดง’ คนเดิมสนับสนุนอยู่นั้น จะได้ขึ้นรองผบ.ตร. หรือไม่...ถ้าได้ขึ้นก็แทบจะฟันธงได้ว่างานนี้โผพลิก…บิ๊กจวบมาแน่...

แต่ถ้า เม.ย. ไม่มีอะไร...บิ๊กต่ายก็คงเข้าป้าย แต่มีข้อแม้ว่าสองเดือนนี้ห้ามเหยียบเปลือกกล้วยลื่นล้มเด็ดขาด…!!

‘ศาลอาญา’ อนุมัติหมายจับ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ข้อหาฟอกเงิน หลังออกหมายเรียกแล้ว 3 ครั้ง แต่ไม่ไปรายงานตัว

(2 เม.ย. 67) ที่ศาลอาญารัชดา พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมายื่นคำร้อง ขอออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5,9,10 และศาลอาญาพิพากษา ให้ออกหมายจับ พร้อมกับมีผลในทันที โดยหากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็สามารถแสดงหมายจับและจับกุมตัวได้ทันที

รายงานแจ้งว่า ภายหลังมีการยื่นขอออกหมายจับในช่วงเช้าทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เรื่องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หากมีการยื่นคำร้องขอออกหมายจับ ซึ่งศาลได้รับคำร้องชี้แจงข้อเท็จจริงโดยใช้เวลาอ่านรายละเอียดนานกว่า 5 ชั่วโมง แต่ศาลพิเคราะห์เห็นแล้วว่า พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน มีเพียงพอที่จะออกหมายจับประกอบกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีท่าทีหลบเลี่ยงหมายเรียกของพนักงานสอบสวนถึง 3 ครั้ง จึงเป็นสาเหตุในการออกหมายจับครั้งนี้

'เทพโจ๊ก' หน้ามืด!! ดับเครื่องชน สู้เททุกเดิมพัน หวังแสงสุดท้าย 'จันทร์ส่องหล้า' พากลับผงาด


ทบทวนไทม์ไลน์เมื่อไม่กี่วันก่อนสักนิด...

18 เม.ย.67 นายกฯ ส่งตัว พล.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล 'บิ๊กโจ๊ก' กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร.ลงนามตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และมีคำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน

ที่นายกฯ ต้องส่งบิ๊กโจ๊กกลับ สตช.ก็เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นปฏิบัติการตามกฎหมายลงนาม

19 เม.ย.67 พนักงานสอบสวนนำสำนวนคดีเว็บพนัน BNK MASTER ที่บิ๊กโจ๊กถูกออกหมายจับข้อหาฟอกเงินไปให้ ป.ป.ช. ตามขั้นตอน-กระบวนการ

22 เม.ย.67 บิ๊กโจ๊กในฐานะอดีต ผบ.ตร.แต่งชุดพลเรือนไปแถลงข่าวและร้องเรียนแบบจัดชุดใหญ่ที่หน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ประเด็นสำคัญการร้องเรียนตามที่ 'บิ๊กโจ๊ก' แถลงคือ...

- ให้ประธาน ป.ป.ช.ตรวจสอบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.และออกคำสั่งมิชอบให้ตนกลับ สตช.ก่อนถูกสั่งให้ออกจากราชการ
- ขอให้ตรวจสอบการทำกระทำของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดที่ทำคดีเว็บพนันออนไลน์มีอำนาจหน้าที่โดยชอบหรือไม่

ส่วนประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งที่ 'บิ๊กโจ๊ก' ยังไม่แถลงก็คือ กรณีที่เขาทำหนังสือร้องต่อประธาน ป.ป.ช.ให้สอบสวนพฤติกรรมของกรรมการ ป.ป.ช.ชื่อ 'สุชาติ ตระกูลเกษมสุข' ที่บิ๊กโจ๊กกล่าวหาว่า ‘มิชอบ’ และเป็นคู่กัดกับตน เกรงว่าต่อไปตนจะถูกกลั่นแกล้ง...

กรณีให้สอบกรรมการ ป.ป.ช.นี่น่าสนใจ เพราะตามเอกสารที่ว่อนโซเชียลในขณะนี้นั้น 'เทพโจ๊ก' ได้อ้างพยานบุคคลที่ชื่อ 'บิ๊กป้อม' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วย ทำเอา 'ลุงป้อม' สะดุ้งโหยงปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับนายสุชาติที่เทพโจ๊กอ้างว่าได้พาไปพบลุงป้อมขอให้ช่วยดันเป็นกรรมการ ป.ป.ช.

รวมความนาทีนี้ 'บิ๊กโจ๊ก' ชกสุดหมัดลุยสุดตัวแบบเทเดิมพัน พร้อมประกาศว่าเขาจะกลับมาชิง ผบ.ตร.ได้อย่างแน่นอน...

ผู้สันทัดกรณีแทบทุกรายดูแล้ว…เห็นพ้องกันว่าปีนี้ประตูชิง ผบ.ตร.ของเทพโจ๊กปิดสนิทแล้ว เพราะอย่างไรเสียการสอบวินัยร้ายแรงจะยังไม่แล้วเสร็จ  อย่าว่าแต่ปีนี้เลย อนาคตปีต่อ ๆ ไป ก็มืดมน ...

ประเด็นสำคัญ เรื่องราวของ 'บิ๊กโจ๊ก' ใน พ.ศ.นี้ เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่ถูกเด้งดึ๋งขาดจากตำแหน่งเดิม (ผบช.สตม.) ไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษ สำนักนายกฯ  ซึ่งบิ๊กโจ๊กต่อสู้ทำหนังสือร้องเรียนในหลายกระบวนท่า จน 'บิ๊กตู่' ต้องส่งตัวกลับ สตช. ในปี 2564 และ สตช.เปิดอัตราที่ปรึกษาพิเศษเทียบเท่า ผช.ผบ.ตร.ให้นั้น...

เพราะบารมี 'บิ๊กป้อม' ที่ลุงตู่เกรงใจ...แต่วันนี้ไม่ใช่วันนั้น...

การดับเครื่องชนตั้งแต่ นายกฯ ยัน สตช. และ ป.ป.ช.หนนี้ เดิมพันอนาคตสูงยิ่ง...เสี่ยงที่จะดับวูบเอาง่าย ๆ...ไม่มีหลักประกันใด ยกเว้นกรณีเดียวคือแสงสว่างจาก 'จันทร์ส่องหล้า' ที่อาจพระพริบ ๆ ให้เทพโจ๊กกล้าลุย...

แต่ก็นั่นแหละนาทีนี้...จันทร์ส่องหล้าเองก็มีปัญหาของตัวเองให้แก้ให้ขบคิดเยอะอยู่แล้ว ไม่น่าจะลากเอาคนสีกากีที่พัวพันคดีสีเทาเว็บพนันมาทำให้ยุ่งเป็นฝอยขัดหม้ออีก..!?

'บิ๊กโจ๊ก' ลั่น!!! ใครอยากเป็น ผบ.ตร.ให้มาขอกันดีๆ พร้อมพาไปกราบ 'พล.ต.อ.เผ่า' อดีตอธิบดีกรมตำรวจ

(24 เม.ย.67) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีตรอง ผบ.ตร.) หรือ ‘บิ๊กโจ๊ก’ เดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการใช้หลักฐานการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพนักงานสอบสวนเครือข่ายมินนี่ ของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน ที่ส่งให้ ปปง.ไปก่อนหน้านี้ ว่าไม่สามารถนำมาประกอบสำนวนได้ เนื่องจากเป็นการสอบสวนโดยมิชอบ โดยมี นายวิทยา นีติธรรม โฆษกสำนักงาน ปปง.เป็นตัวแทนรับหนังสือ

โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือในวันนี้ เพราะต้องการให้ ปปง.ไปตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน สอบสวนคดีความผิดที่มีมูลค่าเกินกว่า 300 ล้าน ตามหลักกฎหมายจะต้องส่งให้พนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตำรวจจะสอบสวนเองไม่ได้ เมื่อสอบสวนโดยไม่มีอำนาจ การทำรายงานข้อเท็จจริงและความผิดฟอกเงินต่าง ๆ ส่งมาให้ ปปง.นั้นก็จะมิชอบด้วย ปปง.จะไม่สามารถนำเอาไปดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินต่าง ๆ หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ดังนั้น กระบวนการทั้งหมดก็จะเป็นโมฆะทั้งหมด ต้องเริ่มกระบวนการสอบสวนใหม่อย่างเป็นธรรม คดีไหนเป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐอำนาจสอบสวนต้องเป็นของ ปปช.ก็ต้องส่ง ปปช.ภายไหน 30 วัน คดีไหนเป็นอำนาจของดีเอสไอ ก็ต้องส่งดีเอสไอ ตนเองจึงได้มายื่นหนังสือคัดค้านและชี้แจงให้ ปปง.เล็งเห็นข้อเท็จจริงในส่วนนี้

ส่วนกระบวนการต่อไปของตนเอง จะเป็นการล่ารายชื่อ 20,000 รายชื่อ เพื่อส่งข้อมูลให้ประธานสภา เพื่อให้ดำเนินการยื่นสอบจริยธรรมและถอดถอน นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ปปช.ต่อไป

ส่วนกรณีที่มีทนายคนดังออกมาแฉเส้นทางการเงินเว็บพนันออนไลน์ที่เชื่อมโยงไปถึงครอบครัวและคนใกล้ชิดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เป็นเพียงเรื่องเก่า เปิดมานานแล้ว ก็ให้ว่ากันไป ใครอยากเปิดก็เปิดไป ไม่เป็นไร เป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนทั้งหมดแล้ว ลูกน้องตนเองอยู่ในกระบวนการกระทำความผิดก็จริง แต่ตนเองไม่ได้อยู่ในกระบวนการกระทำความผิด เงินของลูกน้อง ไม่ใช่ของตนเอง เมื่อมีขบวนการพยายามโยงความผิดมาที่ตนเอง ก็ต้องต่อสู้กันไป สุดท้ายศาล หรือ ปปช.จะเป็นผู้ตัดสินเอง

ส่วนตนเองจะได้รับความชอบธรรม และกลับมาก่อนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในเดือนกันยายนนี้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า เรื่องการแต่งตั้งก็ว่ากันไป เป็นคนละส่วนกัน แต่การสืบสอบสวนเรื่องคดีย้ำว่า ทุกอย่างต้องยึดหลักกฎหมาย ไม่งั้นบ้านเมืองก็เดินต่อไปไม่ได้ ก่อนจะบอกว่า ตนเองผิดหรือถูก การสืบสวนต้องชอบด้วยกฎหมายก่อน ไม่ใช่สอบสวนแบบอาญาเถื่อน พร้อมทั้งยืนยันทิ้งท้าย หากสุดท้ายตนเองได้กลับไปเข้ารับตำแหน่งหรือได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะไม่มีการเช็กผิดใคร ไม่ใช่คนอาฆาตแค้นใคร ทำบุญหมด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) เวลา 10.00 น.จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม ยื่นผ่านสำนักงาน ก.ตร.ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ออกจากราชการ ว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และหากได้พบกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ก็ไม่มีอะไรอยากจะถาม แต่ถ้าใครอยากจะเป็น ผบ.ตร.ก็มาคุยกับตนเองได้ ตนเองยินดี ตนเองยอม เพราะยังอยู่อีกหลายปี และจะพาไปกราบรูปปั้น พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และพาไปกราบนายกรัฐมนตรี ว่าอย่าไปหลอกท่านอีก

‘บิ๊กโจ๊ก’ ขอเดินหน้าทำเพื่อประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน ยัน!! ไม่สมัคร ‘สว.’ เพราะตนเองยังถือว่าเป็น ‘ข้าราชการตำรวจ’ อยู่

(18 พ.ค. 67) ที่จังหวัดสงขลา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เปิดเผยถึง กรณีเปิดรับสมัครสมาชิกวุฒิสภา ว่าส่วนตัวแล้วยืนยันได้เลยว่า ตนไม่ขอลงสมัคร สว. แต่จะเดินหน้าทำเพื่อประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ประกาศชัดมีโอกาส จะดูแลประชาชนในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านกฎหมาย สำหรับการจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อกล่าวหาถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. ที่ต้องสงสัย ทุจริตต่อหน้าที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ภายใต้หัวข้อ ปฏิบัติการกวาดบ้าน ให้ ป.ป.ช. พื้นที่แรกที่อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือถึงประธานรัฐสภา โดยมีประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก โดยต่างนำบัตรประชาชน มาแสดงเจตจำนง เพื่อขอร่วมลงชื่อตามสิทธิ์รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 236 เพื่อขอกล่าวหาตรวจสอบกรรมการ ป.ป.ช.

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าตั้งแต่หลังยื่นหนังสือจนถึงวันนี้ผ่านไปไม่ถึง 48 ชั่วโมงมีประชาชนมาร่วมลงชื่อแล้วกว่า 6,000 ราย ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกหลังมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการล่าลายรายชื่อเพื่อกล่าวหาตรวจสอบ กรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบข้าราชการของรัฐ และจากนี้ไปจะไปต่อในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดพัทลุง และ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนที่จะไปต่อในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดชลบุรี ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ หลังจากนั้นในช่วงสัปดาห์ต่อไป พื้นที่จังหวัดขอนแก่นและอุดรธานี และปิดท้ายในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ 

ยืนยันว่าปฏิบัติการครั้งนี้ จะใช้เวลาอย่างน้อยสองสัปดาห์ ก็จะได้รายชื่อกว่า 20,000 รายชื่อตามเงื่อนไข โดยจะรวบรวมรายชื่อทั้งหมด เพื่อยื่นให้กับประธานรัฐสภา ตามหลักเกณฑ์และหากไต่สวนแล้ว มีเหตุให้เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามที่มีการกล่าวหาประธานรัฐสภาก็จะส่งเรื่องไปให้ประธานศาลฎีกา เพื่อพิจารณาถอดถอน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันว่า ยังไม่มีแนวคิดที่จะลงสมัคร สว. เนื่องจากคุณสมบัติยังไม่ครบ เพราะจนถึงวันนี้ยังคงทำหน้าที่เป็นตำรวจ ถือเป็นข้าราชการของรัฐ ดังนั้นการออกมารณรงค์ครั้งนี้ก็เป็นเพราะ ประชาชนเรียกร้องให้ออกมาในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และผมถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของประชาชนทุกคน 

ที่สำคัญไปกว่านั้นจะเห็นได้ว่าทันทีที่เปิดโครงการปฏิบัติการกวาดบ้านให้  ป.ป.ช. แทบไม่มีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. หรือฝ่ายบริหารของ ป.ป.ช. ออกมาร้องคัดค้านหรือเรียกร้องให้เรายุติ แต่กลับส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง กับการทำหน้าที่ที่ต้องสงสัยว่า ทุจริตต่อหน้าที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ของกรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าวมาเพิ่มเติมให้อย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนไม่ว่าท่านจะอยู่ภูมิภาคใดของประเทศ  ท่านก็มีสิทธิ์ที่จะใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ในการช่วยกันปกป้อง ไม่ให้เกิดการกระทำผิด ทุจริตคอรัปชัน ในทุกองค์กรของรัฐ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top