Wednesday, 23 April 2025
สืบสวน

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดโครงการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน หวังเพิ่มประสิทธิภาพงานสืบสวน

วันนี้ (15 ส.ค. 65) ที่ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพหรือเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน รุ่นที่ 6 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 

พล.ต.ท.ประจวบฯ เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งหวังให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน มีความห่วงใยในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนเห็นความสำคัญของการพัฒนางานสืบสวนในภาพรวม ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงของอาชญากรรมในปัจจุบัน จึงได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้จัดทำโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพหรือเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ของ บช.น. และ ภ.1 - 9 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จำนวน 10 รุ่น รุ่นละ 60 นาย รวม 600 นาย ณ ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง จ.นครราชสีมา 

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า ในวันนี้ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน ให้มาเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมทั้งกำกับดูแล ให้คำแนะนำ ถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ ในโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพหรือเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน รุ่นที่ 6 ซึ่งมีผู้เข้ารับการอบรมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสืบสวนในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 ได้แก่ ภ.จว.นครปฐม กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และ บก.สส.ภ.7 รวมจำนวน 60 นาย เพื่อเพิ่มพูนทักษะและองค์ความรู้ในงานสืบสวนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน พัฒนาศักยภาพการขยายผลและเทคนิคการสืบสวนสมัยใหม่ และมุ่งหวังให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทุกพื้นที่ มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ เทคนิคการสืบสวนตลอดจนประสานความร่วมมือบูรณาการการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยและเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากขึ้น โดยในการฝึกอบรมครั้งนี้ จะมีการฝึกอบรมทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เช่น หลักการตรวจที่เกิดเหตุ การเก็บรวบรวมพยานหลักฐานและการปฏิบัติในที่เกิดเหตุของนักสืบ เทคนิคงานสืบสวนสมัยใหม่ การตรวจพิสูจน์และเครื่องมือพิเศษ การสืบสวนขยายผลและยึดทรัพย์สินเครือข่ายการค้ายาเสพติดและการดำเนินคดีฟอกเงิน ศิลปะการซักถามและการบันทึกถ้อยคำพยาน การเขียนรายงานการสืบสวน การขอหมายขังและการควบคุมตัวไว้ในที่ปลอดภัย และการทดลองปฏิบัติการสืบสวนในกรณีศึกษา (Case Study) ที่น่าสนใจ เป็นต้น

ผบ.ตร.ส่งชุดเฉพาะกิจ ศปทส.ตร. นำโดย รองต่อศักดิ์ฯ ร่วมกับ ตำรวจภาค 2 เร่งตรวจสอบคดี สารซีเซียม 137 สูญหาย ทำความจริงให้ปรากฏ ย้ำดำเนินคดีผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องทุกราย หวั่นผลกระทบต่อประชาชน

เมื่อวันที่ 21 มี.ค.66 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึง กรณี สารซีเซียม 137 สูญหายไปว่า “ คดีนี้ได้รับรายงานจากตำรวจว่า เมื่อ 7 มี.ค.66 เวลา 08.00 น. บริษัท เนชั่นแนล พาวเวอร์ แพลนท์ 5 เอ ตรวจพบว่าสารซีเซียม 137 สูญหายไปและ 10 มี.ค.66 ได้มาแจ้งความที่ สภ.ศรีมหาโพธิ ต่อมา 19 มี.ค.66 สำนักงานปรมณูเพื่อสันติ ได้ตรวจพบรังสีจากการหลอมของโรงงาน ที่ กบินทร์บุรี พื้นที่ สภ.ศรีมหาโพธิ   พงส.ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ คดีอาญาที่ 363/2566 ในความผิดฐาน “ในกรณีที่เกิดอันตรายหรือเสียหายอันเกิดจากการประกอบกิจการตามใบอนุญาต ผู้รับอนุญาตมีหน้าที่ระงับเหตุเบื้องต้นตามแผนป้องกันอันตรายจากรังสี และต้องแจ้งเหตุดังกล่าวให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบทันที รวมทั้งต้องให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือแก่พนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อแก้ไข บรรเทาหรือระงับซึ่งอันตรายหรือความเสียหายนั้น”  ตาม พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ฯ  มาตรา 100, 126 และ 143  คดีอยู่ระหว่างสอบสวนและร่วมประชุมกับคณะกรรมการจังหวัด เพื่อเรียก บริษัทฯ มาแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายต่อไป


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการเพิ่มเติม ให้สืบสวนสอบสวนทุกมิติทั้งประเด็น การสูญหายได้อย่างไร มีใครลักลอบเอาออกไป รวมทั้งแหล่งรับซื้อ การส่งผลกระทบต่อประชาชน สิ่งแวดล้อม มีใครต้องร่วมรับผิด รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 


โดยมอบหมายให้ชุดเฉพาะกิจ ตร. มี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศปทส.ตร. รับผิดชอบทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. ตรวจสอบร่วมกับ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พิสูจน์หลักฐาน และ กรมควบคุมมลพิษ  ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน ดำเนินการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีเอาผิด กับบุคคลที่กระทำผิดในกรณีนี้ ให้ครบทุกมิติ


โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า “ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยประเด็นสารซีเซียม 137 สูญหาย ที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ บูรณาการแก้ปัญหา
   

ผบ.ตร.รับนโยบาย จึงได้ส่งชุดเฉพาะกิจร่วมกับตำรวจพื้นที่ และหน่วยงานเกี่ยวข้องไขข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ขอเวลาตำรวจทำงาน ยืนยันจะเร่งทำความจริงให้ปรากฎ พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป”

ตำรวจ ปส. รวบคาด่าน เครือข่ายยาเสพติดหัวใส หลังลอบขนยาบ้า 12 ล้านเม็ด ซุกในกล่องเลี้ยงผึ้ง

สืบเนื่องจากการสืบสวนของตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 เกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายของ นายชาญณรงค์ พบว่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าวจะมีการเคลื่อนไหวในช่วงวันที่ 12-13 มิ.ย.67 โดยการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ อ.ปาย จว.เชียงใหม่ เขามายังพื้นที่ กทม. ด้วยการใช้เส้นทางระหว่างหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้าน เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของตำรวจ จนเวลา 01.58 น. ของวันที่ 13 มิ.ย.67 ตำรวจพบรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ยจ 5143 เชียงใหม่ ซึ่งเป็นรถที่นายชาญณรงค์ ขับผ่านเส้นทางที่กำลังซุ่มอยู่ จึงติดตาม และพบว่ามีการขับรถยนต์ที่แปลกไปจากปกติ คือการจอดหยุดพักหลายครั้ง ลักษณะเหมือนขับรอใคร  จากนั้นตำรวจพบรถอีกคันคือ หมายเลขทะเบียน ผต 2508 นครปฐม ในเส้นทางเดียวกับรถของนายชาญณรงค์ จึงแบ่งกำลังติดตาม ต่อมา เวลาประมาณ 07.00 น. พบว่ารถทะเบียนนครปฐม ขับแซงขึ้นไปอยู่ด้านหน้า ส่วนรถของนายชาญณรงค์ ก็มีการลดความเร็วลงเพื่อจะตรวจสอบว่ามีรถตำรวจติดตามมาหรือไม่  กระทั่งใกล้ถึง ด่านตรวจวังดิน หมู่ 3 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จว.ลำพูน รถยนต์ที่นายชาญณรงค์ เป็นผู้ขับขี่มาได้ทำการเร่งความเร็ว ก่อนจะแซงหน้ารถยนต์  ผต 2508 นครปฐม เพื่อจะนำทางเข้าด้านตรวจ ระหว่างนั้นตำรวจ ปส. ได้ประสานงานกับตำรวจด่านตรวจวังดิน เพื่อทำการหยุดรถยนต์ทั้ง 2 คัน จากการสกัดจับกุมรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ผต 2508 นครปฐม โดยมีนายศราวุธ เป็นผู้ขับขี่ ตรวจค้นรถพบยาบ้า จำนวน 12,000,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนมากับกล่องเลี้ยงผึ้งสีขาว ซึ่งถูกดัดแปลงเพื่อบรรจุยาเสพติดจำนวนมาก ส่วนรถหมายเลขทะเบียน ยจ 5143 เชียงใหม่ ที่มีนายชาญณรงค์ เป็นผู้ขับขี่ทำหน้าที่ขับนำทาง เพื่อตรวจสอบด่านตรวจ และคอยเฝ้าระวังการติดตามจากตำรวจ เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชนอันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” วันที่13มิ.ย.67 เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวชัย ผบช.ปส. ได้เดินทางไปร่วมตรวจดูของกลางและซักถามผู้ต้องหาด้วยตนเอง เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นการขยายจากกลุ่มเครือข่ายผู้ค้าในจังหวัดสิงห์บุรี ที่ว่าจ้างกลุ่มนักบินมาลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่อ.ปาย จ.เชียงใหม่ เพื่อนำลงไปส่งกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่กรุงเทพฯและภาคกลาง ขณะนี้ผู้ตัวผู้สั่งการแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดจับกุมจะได้ขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top