Wednesday, 23 April 2025
สินค้าผิดกฎหมาย

ชลบุรี-ศุลกากรแหลมฉบัง จับกัญชา กว่า 1.4 ตัน เลี่ยงภาษีส่งออกมูลค่ากว่า 25 ล้าน

(26 ก.ย. 67) นายดิเรก คชารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการเร่งป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า ส่งออก นำผ่าน สินค้าผิดกฎหมาย เพื่อปกป้องสังคมและเพื่อภาพลักษณ์ทางการค้าในเวทีการค้าโลก ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้กรมศุลกากร เข้มงวดกวดขันเรื่องดังกล่าว โดยนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการลักลอบ - หลีกเลี่ยงศุลกากร เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในทุกช่องทาง โดยบูรณาการด้านการข่าวอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับหน่วยงานความร่วมมือระหว่างประเทศ อาทิ โครงการความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติด ในพื้นที่ท่าเรือ (SeaportInterdiction Task Force : SITF) โครงการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ (UNODC-WCO Container Control Programme: CCP) หน่วยงานกิจการพรมแดนแห่งสหราชอาณาจักร (UK Border Force) เป็นต้น

นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีฯ จึงสั่งการให้ทุกหน่วยงานในกำกับดูแล มีมาตรการในการป้องกันและปราบปรามสกัดกั้นสินค้าผิดกฎหมายในทุกรูปแบบ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบอย่างเคร่งครัด นายดิเรก คชารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เปิดเผยว่า จากการประสานงานกับโครงการความมือระหว่างประเทศและหน่วยงานในต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและตาม สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ทำการวิเคราะห์ข้อมูลใบขนสินค้าขาออก พบของต้องสงสัยสุ่มเสี่ยงที่จะส่งออกสินค้าผิดกฎหมาย ระบุปลายทางสหราชอาณาจักร จำนวน 2 ฉบับ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการแจ้งกักสินค้าเพื่อทำการเปิดตรวจสอบ ก่อนส่งออกไปนอกราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ฯ ร่วมกับตัวแทนผู้ส่งออก เปิดตรวจสอบสินค้าตามใบขนสินค้าขาออก ฉบับที่ 1 สำแดงชนิดสินค้าเป็นพื้นยางสำหรับใช้ในฟิตเนส จำนวน 3 พาเลท ตรวจสอบพบกล่องไม้ตัดแปลงภายในสินค้าทั้ง 3 พาเลท บรรจุช่อดอกกัญชา จำนวน 153.30 กิโลกรัม มูลค่า 5 ล้านบาทต่อมาวันที่ 16 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ฯ ร่วมกับตัวแทนผู้ส่งออก เปิดตรวจสอบสินค้าตามใบขนสินค้าขาออก ฉบับที่ 2 สำแดงชนิดสินค้าเป็นถุงมือผ้า จำนวน 4 ลังไม้ ตรวจสอบพบกัญชาและช่อดอกกัญชาอัดแท่ง ช่อดอกกัญชา และกัญชามวน น้ำหนัก 1.3 ตัน มูลค่า 20 ล้านบาท

กรณีนี้ เป็นการพยายามส่งของที่กำลังผ่านพิธีการศุลกากร ออกไปนอกราชอาณาจักร โดยสำแดงชนิดของ ปริมาณ น้ำหนักและประเภทพิกัดเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด อันเป็นความผิดฐานแสดงข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วนและฐานหลีกเลี่ยงข้อจำกัดตามมาตรา 202 มาตรา 244 ประกอบมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 อนึ่ง "พืชตระกูลกัญชา" จัดเป็นสมุนไพรควบคุม โดยผู้ใดประสงค์จะศึกษาวิจัย ส่งออก หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า จะต้องได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 และในกรณีนี้ สำหรับสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นประเทศปลายทาง "กัญชาจัดเป็นยาเสพติด" (Class B drups) ดังนั้น การครอบครอง จำหน่าย ผลิต นำเช้าหรือส่งออกกัญชา ถือเป็นความผิด กรณีครอบครอง มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับไม่จำกัดจำนวนวน หรือทั้งจำทั้งปรับส่วนกรณีจำหน่าย ผลิต นำเข้า หรือส่งออก มีโทษจำคุกคุกสูงสุด 14 ปี ปรับไม่จำกัดจำนวน หรือทั้งจำทั้งจำทั้งปรับ

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

'สรรพามิต' โชว์ปราบสินค้าผิดกฎหมาย 33,359 ดคี พุ่งขึ้น 28% กว่า 2,400 ล้าน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิตเผยผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศผ่านช่องทางต่าง ๆ ปีงบ 2567 พบการกระทำผิด จำนวน 33,359 คดี สูงขึ้นกว่าปีก่อน 28.03% คิดเป็นเงินค่าปรับ 690.75 ล้านบาท และประมาณการค่าปรับ 2,465.86 ล้านบาท โดยจำแนกเป็น 

1. สุรา 15,974 คดี ค่าปรับ 150.69 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ 48.59 ล้านบาท จำนวนของกลาง แบ่งเป็นสุราในประเทศ 117,361.70 ลิตร และสุราต่างประเทศ 30,340.54 ลิตร
2. ยาสูบ 13,170 คดี ค่าปรับ 361.73 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ 2,334.40 ล้านบาท จำนวนของกลาง แบ่งเป็นยาสูบในประเทศ 301,961 ซอง และยาสูบต่างประเทศ 2,579,434 ซอง 
3. น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 1,465 คดี ค่าปรับ 76.86 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ 11.41 ล้านบาท จำนวนของกลาง 2.56 ล้านลิตร

4. รถจักรยานยนต์ 1,109 คดี ค่าปรับ 29.75 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ
6.34 ล้านบาท จำนวนของกลาง 1,493 คัน 
5. ไพ่ 575 คดี ค่าปรับ 7.07 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ 10.14 ล้านบาท จำนวน ของกลาง 79,561 สำรับ 
6. รถยนต์ 268 คดี ค่าปรับ 27.89 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ 34.16 ล้านบาท จำนวนของกลาง 269 คัน 

7. เครื่องหอมและเครื่องสำอาง 226 คดี ค่าปรับ 13.40 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ 20.32 ล้านบาท จำนวนของกลาง 244,723 ขวด 
8. เครื่องดื่ม 216 คดี ค่าปรับ 5.84 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ 3.84 แสนบาท จำนวนของกลาง 108,259.31 ลิตร
9. แบตเตอรี่ 210 คดี ค่าปรับ 13.78  ล้านบาท จำนวนของกลาง 89,059 ก้อน 
10. สินค้าอื่น ๆ 146 คดี ค่าปรับ 3.69 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ 83,240 บาท

กรมสรรพสามิตได้ยกระดับการทำงานเชิงรุกในด้านการปราบปรามและสืบค้นในทุกช่องทาง อีกทั้งยังมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อสืบค้นการกระทำผิดในช่องทางออนไลน์ ผ่านศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ ของกรมสรรพสามิต ร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก ได้แก่ กรมการปกครอง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการขนส่งทางบก กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปรษณีย์ไทย เป็นต้น ทำให้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดพร้อมของกลางได้เป็นจำนวนมากมาอย่างต่อเนื่อง กรมสรรพสามิตให้ความสำคัญกับการปราบปรามและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่ขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่เป็นสินค้าที่มิได้ เสียภาษี ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชนในการบริโภคสินค้าที่ได้มาตรฐาน และยังเป็นการสร้างความชอบธรรมต่อผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต

สามารถแจ้งเบาะแสที่กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสายด่วน 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรืออีเมลล์ [email protected] โดยกรมสรรพสามิตจะไม่เปิดเผยข้อมูลผู้แจ้งเบาะแส


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top