Tuesday, 29 April 2025
สันติพิเชฐชัยกุล

‘อ.สันติ’ ประติมากรระดับโลก เผยเรื่องราวความประทับใจ หลังเดินทางข้ามโลกมาเข้าเฝ้า ‘ในหลวง ร.10-ราชินี’ ครั้งแรก

เมื่อไม่นานนี้ รายการ ‘เรื่องเล่าข่าวดีกับสายสวรรค์’ ชุดพิเศษ เรื่องเล่าข่าวดี ‘เฉลิมพระบารมี ทศมราชัน’ ตอน ‘ประติมากรไทยระดับโลก ผู้ปั้นพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ด้วยจิตวิญญาณแห่งความจงรักภักดี’ ตอนที่ 3 ออกอากาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม 2566 โดยมีแขกรับเชิญ คือ อาจารย์ ดร.สันติ พิเชฐชัยกุล ประติมากรระดับโลก ที่ได้มาแชร์เรื่องราวความทรงจำอันน่าประทับใจในการเดินทางข้ามโลก เพื่อมาเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งแรก พร้อมเผยถึงเบื้องหลังการปั้นพระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และปราสาทพระเทพบิดร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามพระบรมราชโองการและพระมหากรุณาที่ อ.ดร.สันติ พิเชฐชัยกุล ได้รับอย่างสูงสุด

โดยในช่วงหนึ่งของรายการ อ.ดร.สันติ ได้เล่าว่า “มีครั้งหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 10 นั้น มีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่คาดฝัน คือ พระองค์ทรงเสด็จลงมาที่พื้น เพื่อนั่งคุยกับผม และถามไถ่ผมว่า “อาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่อเมริกา สบายดีไหม?” 

ผมรู้สึกว่าพระองค์ท่านทรงน่ารักมาก ผมไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ที่ท่านลงที่พื้นกับผม ผมเลยกราบทูลไปว่า “ท่านครับ ท่านติดดินเหมือนพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 เลยนะครับ แต่ถ้าท่านลงมานั่งที่พื้นแบบนี้ ผมไม่ต้องมุดลงใต้เลยหรือครับ” พอผมพูดจบ ท่านก็แย้มพระสรวลและหัวเราะ จากนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ ก็ทรงประคองพระองค์ท่านขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้เหมือนเดิม”

อ.ดร.สันติ ยังได้เล่าต่ออีกว่า “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ ทรงตรัสชมว่า “อาจารย์ปั้นพระบรมรูปเก่งมากเลย” ผมก็เลยเล่าว่า “มีคนสบประมาทผมว่า คุณก็เก่งแค่ตอนนี้แหละ ในอนาคตจะมีคนเก่งกว่านี้” ผมก็โต้ตอบในใจไปว่า “ถ้าจะมีคนเก่งกว่าผม ก็ขอให้คนนั้นเป็นผมอีกสักครั้งหนึ่ง” จากนั้น พระองค์ก็ใช้พระหัตถ์ตบเบาๆ ที่หน้าขาของผม แล้วทรงตรัสว่า “อาจารย์พูดได้ดีมาก ชอบๆ” 

จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ ทรงตรัสต่ออีกว่า “นี่ไงอาจารย์ อาจารย์ก็ทำเก่งกว่าเดิมนี่ไง ท่านทรงโปรดมากเลย ต่อไปอาจารย์จะเหนื่อยกว่านี้อีกนะ” 

สักพักในหลวงท่านเสด็จลุกขึ้น และหันมาตรัสกับภรรยาของผมว่า “เราขอเบิกตัวอาจารย์สันติ ให้ไปกับเราที่ชั้นบนได้ไหม?” ภรรยาผมก็บอกว่า “ได้เพคะ” ผมก็เลยตามเสด็จขึ้นไปชั้นบน ตอนแรกผมจะคุกเข่าตามท่านไป ท่านก็ทรงตรัสว่า “ลุกเดินตามมาได้เลยอาจารย์ เชิญๆ” 

เมื่อเดินถึงชั้นลอย ท่านก็ทรงตรัสว่า “จะเอาพระบรมรูปตั้งไว้ตรงนี้ดีไหม?” สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ ท่านก็ทรงตรัสว่า “หากตั้งไว้ตรงนี้อาจจะไม่เหมาะ เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับบันได” พระองค์ท่านจึงหันกลับมาถามความคิดเห็นผมอย่างมีเมตตาว่า “อาจารย์มีความคิดเห็นว่าอย่างไร?” ผมเลยตอบท่านไปว่า “ใช่ครับ ตรงนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะครับ” สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ ทรงมีพระปรีชาสามารถสูงมาก ในการมองสิ่งต่างๆ ได้อย่างเด็ดขาดจริงๆ ครับ”

อ.ดร.สันติ เล่าต่ออีกว่า “หลังจากนั้น พระองค์ท่านก็ทรงเชิญผมขึ้นไปที่ชั้นบนอีกชั้นหนึ่ง โดยท่านเดินนำหน้าผมขึ้นไป เมื่อถึงหน้าห้องแล้ว ท่านทรงใช้พระหัตถ์ขวาเปิดประตู และใช้พระหัตถ์ซ้ายผายออกเพื่อเชิญผมเข้าไปในห้อง จริงๆ แล้วลูกน้องของพระองค์ท่านพยายามจะวิ่งมาเปิดประตูแทน แต่ไม่ทัน ผมก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ก็รีบขอบคุณท่าน เมื่อเข้าห้องไป ท่านก็ตรัสถามว่า “เอาพระบรมรูปตั้งไว้ตรงนี้ดีไหม?” ผมก็ตอบว่า “หากไว้ตรงมุมอับอาจจะไม่เหมาะนะครับ จะไม่มีคนเห็นครับ” ท่านก็ตรัสถามอีกครั้งว่า “แล้วถ้าเป็นตรงนั้นล่ะ?” ผมก็ตอบว่า “ตรงนั้นได้ครับ แต่ต้องเอาโซฟาออกนะครับ” ท่านจึงสั่งให้คนของท่านช่วยกันย้ายโซฟาออก ณ ตอนนั้นเลย และสั่งให้นายทหารไปยกพระบรมรูปจากชั้น 1 เพื่อยกขึ้นมาตั้งไว้ที่ชั้น 3 ผมก็กราบทูลกับท่านว่า “ต้องทำพื้นหินอ่อนเป็นฐานใหม่ เพื่อให้สามารถตั้งได้พอดีกันนะครับ และติดไฟใหม่ด้วยครับ”

“หลังจากนั้น เมื่อกลับลงมาที่ชั้นล่าง ท่านทรงตรัสถามไถ่กับลูกชายผม ว่า “How old are you? อายุเท่าไรแล้ว” ตอนนั้นลูกชายคนเล็กของผม ชื่อ ‘น้องโทนี่’ ก็ตอบท่านกลับไปว่า “Five” 5 ขวบแล้ว จังหวะนั้นเอง ผมก็กราบทูลขอท่านไปว่า “ท่านครับ ทรงช่วยจับ ‘น้องไดญามิ’ ลูกสาวคนโตของผมหน่อยได้ไหมครับ” ท่านก็ทรงเมตตา เอาพระหัตถ์ข้ามภรรยาของผม (เอริก้า) ไปจับน้องไดญามิ จังหวะนั้นเอง ผมเลยกราบทูลขอท่านไปว่า “ท่านครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ช่วยจับภรรยาผมด้วยได้ไหมครับ” ท่านก็เลยจับ เอริก้าก็หันมาบอกผมว่า “ฉันยังไม่ได้สระผมเลย” จากนั้นผมจึงกราบทูลขอให้ท่านจับผมด้วยอีกคน ท่านก็ทรงเมตตา จับผมอย่างเป็นกันเองด้วย”

“หลังจากนั้น ก่อนท่านจะขอตัวไปพักผ่อน ผมก็รวบรวมความกล้า กราบทูลขอพระองค์ท่านว่า “ขอพระบรมราชานุญาตฉายพระรูปร่วมกับหม่อมฉันและครอบครัวได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ซึ่งท่านก็ทรงมีความเมตตากรุณากับผมและครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง ทรงให้คนไปตามภรรยาและลูกๆ ของผมมาฉายพระรูปร่วมกับพระองค์ท่านอย่างเป็นกันเอง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว เป็นเวลาตี 1 เนื่องจากผมเข้าเฝ้าพระองค์ท่านตั้งแต่เวลา 4 ทุ่มของคืนวันที่ 12 เมษายน จนล่วงเลยเข้าคืนวันที่ 13 เมษายน 2562 แล้ว ซึ่งตรงกับวันขึ้นปีไทยพอดี 

“นับเป็นสิริมงคลกับผมและครอบครัวอย่างมาก ถือเป็นที่สุดของชีวิตผมเลย” อ.ดร.สันติ กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top