Tuesday, 22 April 2025
สังศิตพิริยะรังสรรค์

‘สังศิต’ ประกาศจุดยืนการโหวต ‘นายกฯ’ วันที่ 13 ก.ค. นี้ ชี้!! ขอยกคำกล่าว ‘สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์’ มาเป็นแนวทาง

(9 ก.ค. 66) สังศิต พิริยะรังสรรค์ วุฒิสมาชิกและประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'สังศิต พิริยะรังสรรค์' เกี่ยวกับเรื่องการโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 ระบุว่า…

สังศิต ประกาศท่าทีเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 13 กรกฎาคม ศก. นี้

จุดยืนของผมในการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ณ สัปปายะสถาน อันแปลว่า “สถานที่ประกอบกรรมดี”

ผมจะน้อมนำคำกล่าวของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) มาเป็นหลักในการลงคะแนนเสียง เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ กล่าวไว้ว่า…

“จะใช้ท่าทีวางเฉยต่อคน เพื่อรักษาธรรม
ไม่เห็นแก่คน - แต่เห็นแก่ธรรม
วางตัวเป็นกลางต่อคน
ไม่ขวนขวายช่วยคน เชียร์คน
เพื่อที่จะได้ไม่ก้าวก่ายแทรกแซงธรรม
หรือเพื่อให้เป็นไปตามธรรม”

สมเด็จพระพุทธโฆษาจาร์ย (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

สวัสดีครับ… จากผมเอง
สังศิต พิริยะรังสรรค์
วุฒิสมาชิกและประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำวุฒิสภา
9 กรกฎาคม 2566

‘สังศิต พิริยะรังสรรค์’ ฟาด!! รัฐบาล ต้องการบิดเบือน ซ่อนเร้น ผลประโยชน์ อ้าง!! ใช้พื้นที่ไม่เกิน 10% แต่ความเป็นจริง สร้างรายได้ 70% ของรายได้ทั้งหมด

(19 ม.ค. 68) นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา นักวิชาการที่ศึกษาติดตามเรื่องเศรษฐกิจนอกกฎหมาย ธุรกิจใต้ดิน มาหลายสิบปีตั้งแต่สมัยเป็นผอ.ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ และทำวิจัยเรื่องการเปิดกาสิโนในประเทศไทย โพสต์ข้อความเรื่อง ‘กาสิโนใต้เงามืด’ เนื้อหาระบุ

สรรพสิ่งทั้งหลายในโลก ทั้งคน พืช สัตว์ สิ่งของและคาสิโน ล้วนแล้วแต่มีด้านที่เป็นประโยชน์ และด้านที่เป็นโทษอยู่ในตัวทั้งสิ้น สุดแต่ว่าสิ่งนั้นจะถูกนำไปใช้เพื่ออะไร เพื่อใคร และสิ่งนั้นจะแสดงบทบาทด้านบวกหรือด้านลบออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับว่าสิ่งนั้นจะถูกนำมาใช้ภายใต้ปัจจัยและเงื่อนไขอะไร?

คาสิโนเฉกเช่นเดียวกับสรรพสิ่งในโลกนี้ ที่มีทั้งด้านที่เป็นประโยชน์และด้านที่เป็นโทษต่อสังคม ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม คาสิโนอาจช่วยเหลือเศรษฐกิจของประเทศได้ ในทางตรงกันข้าม ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม หากนำมาใช้ มันสามารถทำลายเศรษฐกิจของประเทศให้ล่มจม ได้เช่นเดียวกัน

คาสิโนจะเป็นพลังด้านบวกและเป็นประโยชน์ต่อประเทศได้ก็ต่อเมื่อมันอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ระบบการเมือง และระบบราชการดี รัฐบาลไม่มุ่งหาผลประโยชน์ส่วนตัวจากคาสิโน แต่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศมากกว่า ดังเช่นคาสิโนที่เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ เป็นต้น

แต่ถ้าคาสิโนเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขของระบบการเมืองและระบบราชการที่ขาดธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง นักการเมือง มุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากคาสิโนให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง คาสิโนสามารถจะแสดง บทบาทด้านลบออกมาได้เช่นเดียวกัน ดังที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศอาเซียนรอบๆ ประเทศไทย

นโยบายการสร้างคาสิโนของรัฐบาลทุกประเทศเท่าที่ผ่านมา รวมทั้งของรัฐบาลไทยในขณะนี้ มีวัตถุประสงค์เหมือนกันหมด คือต้องการเม็ดเงินลงทุนจากธุรกิจภาคเอกชน ไม่ว่าจะมาจากทุนต่างประเทศหรือในประเทศก็ตาม เพื่อให้เศรษฐกิจในประเทศมีการเจริญเติบโตมากขึ้น นี่เป็นตรรกะของเศรษฐกิจตลาดหรือเศรษฐกิจทุนนิยม ที่ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็คิดคล้ายๆ กัน

การทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีการเจริญเติบโตขึ้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้  แต่สิ่งที่ผู้นำของรัฐบาลที่มีจิตใจแบบชาตินิยมที่ต้องการเห็นประเทศของตนเองเจริญรุ่งเรืองแบบยั่งยืน จำเป็นต้องตระหนักตั้งแต่เริ่มต้นก็คือ การดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจที่ยึดถือหลักคุณธรรม และการยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งมากยิ่งกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

หากรัฐบาลยึดถือหลักคุณธรรมทางด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการแสดงออก และการกระทำว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่นั้นเป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส เชื่อถือได้ ไม่มีสิ่งใดที่รัฐบาลปิดบังซ่อนเร้นประชาชนไว้

ดังนั้น ประการแรก หากรัฐบาลต้องการทำคาสิโนหรือการพนันที่ถูกกฎหมาย รัฐบาลควรออกเป็น ‘พระราชบัญญัติคาสิโน’ ไม่ใช่ ‘พระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร’ เพราะ การกระทำดังกล่าวของรัฐบาล เป็นการบิดเบือนและซ่อนเร้น ความต้องการที่แท้จริงของรัฐบาลเอาไว้ ถึงแม้รัฐบาลจะกล่าวอ้างว่าพื้นที่ของสถานคาสิโนมีไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด แต่ความเป็นจริงแล้วคาสิโนเป็นที่มาของรายได้ราว 70% ของรายได้ทั้งหมดของสถานบันเทิงครบวงจร กิจกรรมบันเทิงอื่นๆที่เหลือทั้งหมด ที่ใช้พื้นที่ราว 95% สามารถสร้างรายได้ราว 30% เท่านั้น

ประการที่สอง การกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีนักการเมืองเป็นกรรมการอีก จำนวนหนึ่งมี “อำนาจ” การออกใบอนุญาต ใบละหนึ่งหมื่นล้านบาท จำนวนอย่างน้อย 10 แห่ง และกฎหมายยังเปิดช่องให้ ออกใบอนุญาตได้มากกว่านั้นอีกในอนาคต การให้อำนาจในการใช้ดุลยพินิจอย่างเลยเถิด โดยขาดหลักธรรมาภิบาลแก่ คณะกรรมการฯในกรณีนี้จะสร้างปัญหาความวุ่นวาย ทางการเมืองให้กับประเทศไทย เป็นอย่างมากในอนาคต

หากเราใช้ประสบการณ์ของประเทศสิงคโปร์ จะพบว่า จำนวนคาสิโนถูกกำหนดไว้ในกฎหมาย ซึ่งทำให้ไม่มีบุคคลใดสามารถใช้ดุลยพินิจอนุมัติการสร้างคาสิโนเพิ่มเติมได้อีก

การกำหนดให้เงินรายได้จากการขายใบอนุญาตคาสิโน ซึ่งคาดว่าจะมีอย่างน้อยที่สุด 100,000  ล้านบาท เข้าไปที่กองทุนของสถานบันเทิงครบวงจร อาจทำให้การใช้จ่ายเงินของกองทุนนี้เป็นไปโดยไม่สุจริต และถูกนำไปใช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ การเมือง กลายเป็นแหล่งเงินทุนของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ทำให้ระบบการเมือง และราชการเสื่อมทรามเลวร้ายลงมากกว่าเดิม

สิงคโปร์แก้ปัญหาภาพรวมของการพนันโดยการตั้งคณะกรรมการการพนันระดับชาติ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลปัญหาในภาพรวมของประเทศ แต่คณะกรรมการชุดนี้ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวข้องเลย ซึ่งแตกต่างจากคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงวงจรของไทย

ประการที่สาม การกำหนดให้มีสถานบันเทิงครบวงจรถึง 10 แห่งทั่วทุกภาคของประเทศ น่าจะมีจำนวนมากจนเกินไป จนเกินกว่าศักยภาพของหน่วยงานภาครัฐจะบังคับใช้กฎหมายในการตรวจสอบการฟอกเงินจากยาเสพติด การค้ามนุษย์ และการคอรัปชั่นในสถานคาสิโนได้

หากภาครัฐไม่สามารถตรวจสอบและควบคุมเงินผิดกฎหมายในคาสิโนทั้ง 10 แห่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล  คาสิโนจะเป็นตัว ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศอย่างร้ายแรงที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศจนยากที่จะแก้ไขได้

นอกจากนี้การที่รัฐบาลกำลังจะอนุญาตเปิดให้มีการเล่นการพนันทางออนไลน์ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย รัฐบาลควรตระหนักถึงเยาวชนของชาติในอนาคตที่จะถูกดึงเข้าสู่ตลาดการพนันได้ง่าย การที่ภาครัฐยังไม่มีการปฏิรูประบบการทำงาน ของหน่วยงานการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้ให้มีความโปร่งใสและสุจริต  รัฐบาลจะสามารถให้ความมั่นใจแก่สังคมได้อย่างไรว่า จะไม่ให้มีเงินสีเทาหรือเงินสีดำเข้ามาเกี่ยวข้องกับตลาดการพนันออนไลน์

ประเทศจะเจริญได้อย่างมั่นคงในระยะยาว นอกจากรัฐบาลจะต้องคำนึงถึงการสร้างเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรือง โดยมีหลักศีลธรรมกำกับเอาไว้แล้ว ที่สำคัญ อีกประการหนึ่งคือรัฐบาลต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ประเทศที่เข้มแข็ง  ต้องมีประชาชนที่มีจิตใจที่เจริญเช่นเดียวกัน ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีศีลธรรม มีการประพฤติปฏิบัติที่ดีงาม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความขยันขันแข็งในการประกอบอาชีพการงาน หากรัฐบาลสนใจแต่ส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจให้เจริญรุ่งเรือง โดยไม่ใส่ใจต่อความเจริญรุ่งเรืองทางจิตใจของประชาชนแล้ว ในท้ายที่สุดเศรษฐกิจของไทยจะกลายเป็นเศรษฐกิจของต่างชาติที่คนไทยเป็นเพียงผู้อยู่อาศัยเท่านั้นเอง

‘ดร.สังศิต’ เผย!! การพนันเสี่ยงโชค มีมานานกว่า 4,000 ปี ในประเทศจีน ชี้!! บ่อนไม่กลัว ‘นักพนันที่เก่ง’ แต่กลัว ‘นักพนันที่เลิกเล่น’ มากกว่า

(1 ก.พ. 68) รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา นักวิชาการที่ศึกษาติดตามเรื่องเศรษฐกิจนอกกฎหมาย เผยแพร่บทความเรื่อง ‘อย่าปลุกปีศาจการพนันให้ตื่น’ มีเนื้อหาดังนี้

มีการขุดพบลูกเต๋าซึ่งเป็นเครื่องเล่นการพนันชนิดหนึ่งที่มีอายุราว 4000 ปีในประเทศจีน นั่นแสดงว่าคนจีนน่าจะมีประสบการณ์ในการเล่นการพนันหรือมีการเสี่ยงทาย หรือเสี่ยงโชคมาเป็นเวลายาวนานแล้ว นอกจากนี้ยังพบว่าในประเทศที่มีอารยธรรมเก่าแก่เช่นอินเดียก็มีการเล่นการพนันกันมาเป็นเวลาช้านานแล้วเช่นเดียวกัน จากหลักฐานที่ปรากฏแสดงว่าการพนันไม่ได้เกิดขึ้นด้วยตัวของมันเอง แต่เกิดจากมนุษย์เป็นคนสร้างมันขึ้นมา แต่เมื่อเวลาผ่านไป การพนันกลับมีอิทธิพลอยู่เหนือมนุษย์จนอาจกล่าวได้ว่า ในปัจจุบันมนุษย์ผู้สร้างเกมส์การพนัน แต่กลับไม่มีความสามารถที่จะมีอิทธิพลเหนือเกมส์การพนันได้ ในทางตรงกันข้าม การพนันต่างหากที่กลับมีอิทธิพลเหนือชีวิตและการตัดสินใจของมนุษย์ และมันเป็นฝ่ายที่ครอบงำสังคมมนุษย์จนยากที่ มนุษย์จะหลุดพ้นออกจากการเสพติดการพนันได้

มีคำถามว่ามนุษย์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนันได้อย่างไร ? มีทฤษฎีที่อธิบาย เรื่องนี้โดยโยงใยกับเรื่องการผลิตในยุคโบราณของมนุษย์ ว่าเนื่องจากการผลิตของมนุษย์มีความไม่แน่นอน เพราะต้องพึ่งพาธรรมชาติแต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้น มนุษย์จึงได้นำเรื่องของการเสี่ยงทายผลผลิตโยงเข้ากับเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความลี้ลับเหนือธรรมชาติที่ มนุษย์มองไม่เห็นและอธิบายไม่ได้ การเสี่ยงทายที่มีความไม่แน่นอนนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ การพัฒนาจนเป็นเกมส์การพนันของมนุษย์ในเวลาต่อมา

สรุปได้ว่าการพนันไม่ได้ตกจากฟ้า ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่มนุษย์เป็นผู้สร้างการพนันขึ้นมา ด้วยเหตุผลเพื่อความสนุกสนานและการบันเทิงของชุมชนในยามว่างจากฤดูกาลผลิต

แต่ต่อมา มนุษย์ได้สร้างกฎเกณฑ์กติกาต่าง ๆ ของเกมส์การพนันขึ้น เพื่อให้ผู้เล่นทุกคนที่เข้าร่วมการเสี่ยงโชคจากการพนันยอมรับว่ากฎกติกาเหล่านั้นว่าเป็นสิ่งที่ผู้เล่นทุกคนต้องให้การยอมรับตั้งแต่เริ่มต้น

อย่างไรก็ดีเราต้องไม่ลืมว่าประการแรก ผู้ที่สร้างกฎกติกา ทั้งหมดขึ้นมาตั้งแต่แรกเริ่มเป็น ‘เอกชน’ ไม่ใช่รัฐหรือรัฐบาลที่อาจทำหน้าที่อย่างเป็นกลางได้ดีกว่าเอกชน

การพนันซึ่งแต่เดิมน่าจะเป็นเพียงการละเล่นเพื่อความสนุกสนาน และการบันเทิงเป็นหลัก ในเวลาต่อมา เมื่อเศรษฐกิจได้พัฒนาจนเกิดการใช้ ‘เงิน’ เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนแทนสิ่งของ การค้าของมนุษย์จึงเกิดการขยายตัวของการแลกเปลี่ยนมากยิ่งขึ้น และการพนันได้พัฒนาไปเป็นธุรกิจการค้าประเภทหนึ่งด้วย เมื่อการพนันได้กลายเป็นการค้าเสียแล้ว จึงไม่มีวันที่ผู้ประกอบธุรกิจการค้าคนใดจะสร้างกฎกติกาที่ให้ความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกันของสองฝ่าย คือระหว่างฝ่ายผู้เล่นกับเจ้ามือ ในเมื่อมันกลายเป็น ธุรกิจการค้า เจ้ามือจึงต้องกำหนดกติกาที่ทำให้ตัวเองมีโอกาสได้เปรียบและได้กำไรจากการทำธุรกิจการค้านั้นๆ จากบรรดานักการพนันทั่วไป เสมอ

ประการที่สอง เพราะเหตุว่า มนุษย์เป็นผู้สร้าง หรือผู้ ประดิษฐ์คิดสร้างเกมส์การพนันขึ้นมา ดังนั้น เพื่อให้ผลลัพธ์ของเกมส์การพนันที่คิดขึ้นเกิดประโยชน์ให้แก่เจ้ามือได้มากที่สุด เกมส์การพนันจึงต้องสร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้เล่นการพนันให้ได้มากที่สุด แต่เกมส์การพนันดังกล่าวต้องใช้เวลา ในการตัดสินแพ้ชนะให้เร็วที่สุด ด้วย เพราะความเร็วในการตัดสินแพ้ชนะของเกมส์คือผล ตอบแทนหรือผลกำไรของเจ้ามือนั่นเอง

ประการที่สาม เจ้ามือหรือผู้สร้างเกมส์การพนันจำเป็นต้องค้นหาวิธีให้ผู้เล่นหลงใหลกับเกมส์การพนัน และสถานที่เล่นการพนันให้มากที่สุด ดังนั้นการจัดสถานที่เพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกผ่อนคลาย จนลืมเวล่ำเวลาของการเล่นการพนันไป ดังนั้นโดยทั่วไป หากไม่มีกฎหมายห้าม สถานคาสิโนมักอนุญาตให้ผู้เล่นสามารถสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ได้ คาสิโนบางแห่งมีการบริการอาหารชั้นเลิศจากพ่อครัวฝีมือเยี่ยม และบริการ เครื่องดื่มและแอลกอฮอล์ฟรี สำหรับแขกวีไอพีสามารถสั่งอาหารนานาชาติตามที่ตัวเองต้องการได้ด้วย

สำหรับสถานคาสิโนแล้วมีคำกล่าวว่า “ คาสิโนไม่เคยกลัวนักการพนันที่เก่งและเฮง แต่คาสิโนกลัวนักการพนันที่เฮงแล้วเลิกเล่นมากกว่า” จากสถิติของสถานคาสิโน พบว่านักการพนันที่เก่งและเฮง หากยังเล่นต่อไปเรื่อย ๆ แล้ว ในที่สุดก็จะหมดตัวเหมือนกันทุกคน

ประการที่สี่ สถานคาสิโนต้องการนักการพนันวีไอพีมากกว่านักการพนันทั่วไป เพราะนักการพนันวีไอพีเล่นได้เสียครั้งหนึ่งเป็นจำนวนเงินค่อนข้างสูง สถานคาสิโนที่เป็นสโมสรปิดที่มีผู้เล่นระหว่าง 15 - 30 คนในแต่ละคืนมียอดเงินที่เล่นได้เสียสูงกว่าคาสิโนทั่วไปที่มีคนเล่นหลายร้อยหรือหลายพันคนด้วยซ้ำไป

สรุปก็คือ สถานคาสิโนทั่วโลก ต้องการนักเล่นการพนันที่มี คุณภาพ หรือนักการพนันอาชีพที่กระเป๋าหนักมากกว่าจำนวนของนักเล่นการพนันในคาสิโน เพราะ นักการพนันอาชีพช่วยสร้างรายได้ให้แก่คาสิโนได้ดีกว่ามาก

ผมเคยติดตามคณะผู้เล่นวีไอพี ชาวไทยที่ไปสถานคาสิโนที่อังกฤษเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว พวกเราได้รับการต้อนรับอย่างดี ตั้งแต่ได้พักในโรงแรมอย่างดีฟรี มีรถโรลสรอยส์มารับส่งถึงที่หน้าโรงแรม เป็นประจำทุกคืน มีอาหารไทย จีนและอิตาเลียนชั้นเลิศต้อนรับ นักเล่นแต่ละคนเฉลี่ยแล้วใช้เงินในการเล่นแต่ละทริประหว่าง 30 -50 ล้านบาท

ผมยังได้รับการบอกเล่าจากเพื่อนคนไทยในคณะด้วยว่า เวลาพวกเขาไปเล่นที่ลาสเวกัส ทางคาสิโนจะส่งเฮลิคอปเตอร์มารับถึงสนามบินเลยทีเดียว

ประการที่ห้า การเกิดขึ้นของคาสิโนที่ถูกกฎหมายเป็นครั้งแรกที่ลาสเวกัสเป็นปรากฏการณ์ ช็อกความรู้สึกของคนอเมริกันทั่วประเทศ เพราะมันเป็นการ แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่อิทธิพลของทุนนิยมพร้อมแตกหักกับคำสอนของศาสนาคริสต์แล้ว มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความโลภ ความตระกะตระกราม และการแสวงหาความมั่งคั่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของนายทุนกับบรรดาพระคริสต์ที่ยึดมั่นคำสอนมาตั้งแต่โบราณว่าการพนันเป็นสิ่งต้องห้าม เป็นบาป แต่บทสวดและคำสอนของศาสนาไม่สามารถยับยั้งกระแสของอเมริกันชนที่หลั่งไหลไปเล่นการพนันในคาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมายได้เลย

คาสิโนที่ลาสเวกัสแตกต่างจากการเล่นการพนันตามประเพณีนิยมทั่วไปที่เกิดขึ้นตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพราะการเล่นพนันตามประเพณีนิยมมักมีเกมส์การแข่งขันน้อยประเภท โดยทั่วไปก็มีเพียง 1-2 ประเภท เท่านั้น แต่คาสิโนที่ลาสเวกัสนำเสนอประเภทการพนันที่มากประเภทกว่า มีจำนวนโต๊ะการพนันที่มากกว่า และสามารถรวมศูนย์ผู้เล่นการพนันจำนวนมากมาไว้ในสถานที่เดียวกันได้ มันจึงมีความสนุกสนาน และบันเทิงเริงรมย์มากยิ่งกว่าการละเล่นการพนันตามประเพณีนิยมทั่วไป

ประการที่หก คาสิโนที่ลาสเวกัส เป็นเครื่องมือของกลุ่มนายทุน ที่กระตุ้นผู้ที่ชอบเล่นการพนันที่มีอยู่ทั่วไปในสหรัฐ ผู้ที่หวังร่ำรวยทางลัด โดยไม่ต้องทำงานหนัก ผู้ที่เชื่อว่าตัวเองเป็นคนโชคดีจากการพนันมากกว่าคนอื่น พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือคาสิโนเป็นเครื่องกระตุ้น “ด้านมืดของ มนุษย์ “ ให้แสดงออกมาได้อย่างเต็มที่และอย่างถูกต้อง ตามกฎหมาย โดยไม่ต้องแอบเล่นการพนันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ตำรวจเหมือนในอดีตอีกต่อไป คนจำนวนมากในคาสิโนมีความรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับการปลดปล่อยออกจากพันธนาการของกฎหมาย หรือหลุดพ้นจากการต้องเก็บกดพฤติกรรมที่ต้องหลบซ่อนมาเป็นเวลาช้านาน เพราะพฤติกรรมการพนันในอดีตถูกประณามว่าเป็นสิ่งผิดศีลธรรม ของสังคม ดังนั้น คาสิโนจึงกลายเป็นที่รวมพลของคนที่เคยถูกประณามว่าเป็นคนชั่ว คาสิโนจึงเป็นสถานที่ให้มนุษย์ได้สามารถปลดปล่อยปีศาจที่สิงอยู่ในตัวมนุษย์ ออกมาแสดงให้เห็นได้อย่างเต็มที่เป็นครั้งแรก โดยไม่ต้องมีการปิดบังซ่อนเร้นอีกต่อไป พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือคาสิโนเป็นสถานที่ฟอกขาวให้ ” คนบาป“ กลายเป็นคนปกติ ฟอกสิ่งที่ผิดศีลธรรมให้กลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นการปล่อยผีหรือปีศาจ การพนันที่สิงอยู่ในตัวของมนุษย์ มาช้านาน หรือด้านมืดของมนุษย์ให้ออกมาอยู่ในโลกมนุษย์ได้แล้ว

ประการที่เจ็ด เมื่อปีศาจการพนันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา หรือ ได้รับอนุญาตให้แสดงออกได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ลาสเวกัส คนจากทุกมลรัฐทั่วสหรัฐต่างพากันหลั่งไหลเข้าสู่ลาสเวกัสเหมือนสายน้ำ เศรษฐกิจของลายเวกัสจึงเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็ว สร้างความอิจฉาตาร้อนให้แก่มลรัฐต่างๆ จนเกิดการเรียกร้องให้มีการตั้งคาสิโนในมลรัฐของตัวเองบ้าง ปัจจุบันทั่วทั้งสหรัฐมีคาสิโนเกิดขึ้นแล้วประมาณ 2000 แห่ง

เมื่อนิวซีแลนด์เปิดคาสิโนขึ้นเป็นครั้งแรก ปรากฏว่าคนจากออสเตรเลียต่างพากันหลั่งไหลไปเล่นการพนันที่นิวซีแลนด์จนแน่นขนัด เพื่อแก้ปัญหาเงินทุนไหลออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก รัฐบาลออสเตรเลียจึงต้องตัดสินใจให้มีการตั้งคาสิโนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งประเทศขึ้นเพียง 1 แห่ง แต่โชคร้ายที่เมื่อปีศาจการพนันถูก ปลดปล่อยหรือถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในที่แห่งหนึ่ง ปีศาจการพนันจากที่อื่นๆ ที่มีจำนวนมากกว่า จะพากันเรียกร้องขอรับการปลดปล่อยให้พวกตนตามไปด้วยเสมอ

ดังนั้นเมื่อรัฐต่าง ๆ ในออสเตรเลียต่างพากันเรียกร้องสิทธิขอให้รัฐบาลจัดตั้งคาสิโน ในรัฐของตนเองบ้าง ในท้ายที่สุด รัฐบาลจึงต้องกำหนดให้มี นโยบาย 1 รัฐ 1 คาสิโน ทั่วประเทศออสเตรเลีย มันเป็นประชานิยมสำหรับปีศาจการพนันอย่างทั่วถึงทั้งประเทศ

ดังนั้นเมื่อรัฐต่าง ๆ ในออสเตรเลียต่างพากันเรียกร้องสิทธิขอให้รัฐบาลจัดตั้งคาสิโน ในรัฐของตนเองบ้าง ในท้ายที่สุด รัฐบาลจึงต้องกำหนดให้มี นโยบาย 1 รัฐ 1 คาสิโน ทั่วประเทศออสเตรเลีย มันเป็นประชานิยมสำหรับปีศาจการพนันอย่างทั่วถึงทั้งประเทศ

ประสบการณ์จากต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย แสดงให้เราเห็นว่าการปลุกปีศาจคาสิโนให้ตื่นขึ้นมา รัฐบาลจะไม่มีวันควบคุมปีศาจตนนี่ให้อยู่ในพื้นที่ ที่ทางรัฐบาลกำหนดไว้แต่แรกได้เลย ไม่ช้าปีศาจการพนันจากทั่วทุกหัวระแหงในประเทศจะลุกขึ้นตามมาสมทบ จนกระทั่งรัฐบาลหมดหนทางแก้ไขปัญหาได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top